“เปล่าค่ะ ม่านแค่ถามเฉย ๆ”
“หนูม่านก็น่าจะรู้ว่าความต้องการของอามากขนาดไหน อาแค่ซื้อกิน ไม่ได้มีเป็นตัวเป็นตน ตอนนี้อามีแค่
หนูม่านคนเดียว” ม่านมุกไม่แสดงอาการว่าหึงว่าหวงเขา เด็กสาวคงถามเพราะอยากรู้แบบทั่วไปอย่างน้อยตอนนี้ธรรศก็มั่นใจว่าถ้ามีม่านมุกอยู่ด้วย เขาคงไม่มีทางได้กลับไปใช้บริการสาว ๆพวกนั้นอีกแล้วและอีกอย่าง ถุงยางอนามัยก็อาจจะไม่จำเป็นกับเขาอีกต่อไป
“แต่อีกหน่อยอาคงไม่จำเป็นต้องพกมันติดตัวแล้ว”
ยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่ในหน้า พลางสุมเท้าเข้าหาอีกฝ่ายที่มองมาคล้ายรู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น
ธรรศวาดแขนโอบที่เอวคอด จับมือขาวเล็กทาบลงบนเป้ากางเกงยีน ให้อีกฝ่ายสัมผัสตัวตนที่กำลังแข็งจัดที่ดุนดันกางเกงยีนจนนูนขึ้นชัด
“หนูม่านทำให้อาอยากตลอด”
เชยคางมนขึ้นแล้วแนบปากจูบด้วยความเรียกร้องให้เด็กสาวเปิดปากรับลิ้นสาก
ฝ่ามือซุกซนลากไล้ไปตามทรวดทรงองค์เอวแล้วไปหยุดอยู่ที่หน้าอกเต่งตูม ธรรศบีบเบา ๆเพื่อกระตุ้นความกระสันซ่านให้อีกฝ่าย
ม่านมุกวาดแขนกอดที่ลำคอหนา รั้งให้ใบหน้าคมโน้มต่ำ จากนั้นก็จูบตอบอย่างเงอะงะเพราะยังไม่สันทัด แต่ก็เรียกความร้อนรุ่มจากเรือนกายกำยำได้อย่างดี
ความรัญจวนซาบซ่านถาโถม เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องบนโซฟาตัวเก่า ก่อนที่เจ้าของบ้านจะหลับใหลเพราะเหนื่อยสะสมมาหลายวัน
ธรรศอุ้มม่านมุกเข้าไปนอนในห้อง นิ่งมองใบหน้างดงามเด็กสาวอยู่นานหลายนาที ทอดถอนหายใจลากยาว
ก้าวลงจากเตียงหลังเล็กแล้วเปิดประตูออกไปจากห้องนอน ล้วงซองบุหรี่ออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีน นัยน์ตาสีดำขลับกวาดตามองรอบ ๆบ้าน
ทำไมถึงได้ปล่อยให้ตัวเองลำบากเช่นนี้
ทำไมถึงไม่ยอมมาขอความช่วยเหลือจากเขาตั้งแต่เนิ่น ๆ หลายปีมานี้ ม่านมุกกับแม่คงใช้ชีวิตอด ๆอยาก ๆ บ้านหลังนี้คงมีไว้เป็นแค่ที่ซุกหัวนอนจริง ๆ ควันบุหรี่สีเทาดำถูกพ่นออกมาจากริมฝีปากหยัก
นับแต่นี้ไป...
เด็กน้อยของเขา ชีวิตจะไม่มีวันได้พบกับความยากลำบากอีกแล้ว
“อาจะซื้อบ้านของหนูม่านเอง”
ออกมาจากห้องน้ำ ม่านมุกก็ต้องมองหน้าธรรศด้วยความฉงนใจ เมื่อคืนหลังจากธรรศตักตวงความสุขจากเธอแล้ว ม่านมุกหลับไปทันที พอตื่นก็ไม่เห็นธรรศอยู่บนเตียง
คิดว่าเขาคงนอนไม่หลับเพราะอากาศค่อนข้างร้อน แต่เธอน่ะชินแล้ว เปิดพัดลมนอนมาหลายปี คืนไหนอากาศร้อนมากก็แค่ลุกมาอาบน้ำ
“หนูม่านขายเท่าไหร่ ?”
“ทำไมอาธรรศถึงอยากซื้อ” บ้านของเธอมีอายุมากกว่ายี่สิบปี ทั้งเก่าและทรุดโทรม ที่ประกาศขายก็ขายตามสภาพ คนซื้อก็ต้องเอาไปปรับปรุงอีกหลายอย่าง จะอยู่สภาพเดิม ๆแบบนี้ก็คงยาก
“อาจะซื้อให้หนูม่าน หนูม่านรักบ้านหลังนี้ไม่ใช่เหรอ ?” ขยับเข้าไปใกล้คนที่นุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียว ดวงหน้างดงามยังมีหยดน้ำเกาะอยู่ทั่ว
ธรรศใช้หลังมือเช็ดคราบน้ำออกแล้วพิศมองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวงแหน
“ม่านรักบ้านหลังนี้ค่ะ แต่ม่านก็ต้องขายเพื่อรักษาชีวิตแม่ก่อน” บ้านหลังแรกของครอบครัวและเป็นบ้านหลังที่เธออยู่มาตั้งแต่เกิด
กว่าจะตัดใจประกาศขาย ม่านมุกก็เลือกให้เป็นสิ่งสุดท้ายที่จะขายเพื่อเอาเงินมารักษาแม่
“ไม่ต้องซื้อหรอกค่ะ อาธรรศให้ม่านมามากแล้ว”
“อาบอกแล้วนี่ อาให้ได้ทุกอย่างตามที่หนูม่านต้องการ” ไล้หลังมือกับข้างแก้มของอีกฝ่ายแล้วเอียงใบหน้าโน้มเข้าหาแล้วจูบเบา ๆที่ริมฝีปากเล็ก
“ไปแต่งตัวเถอะ นุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวแบบนี้ เดี๋ยวจะไม่ได้ออกจากบ้าน” หลุบตามองเนินอกขาวผ่องที่ยังมีร่องรอยความหื่นกระหายของตัวเอง ระดับลมหายใจเริ่มเร็วขึ้น เมื่อความต้องการก่อตัวขึ้นอีกครั้ง
ธรรศผละออกห่างจากเด็กสาวแล้วเดินออกไปจากห้องนอนทันที ม่านมุกอมยิ้ม เธอรู้ว่าธรรศกำลังอยาก อยากทำแบบนั้นกับเธอทั้งที่เมื่อคืนก็ทำมาทั้งคืนแล้วแท้ ๆ
“ช่วงที่หนูม่านไปอยู่กับอาที่ไร่ อาจะให้ช่างเข้ามารีโนเวทบ้านนะ” ต้องปรับปรุงอีกหลายอย่าง บางทีอาจจะต้องรีโครงสร้างใหม่ทั้งหมด ทุบส่วนที่แตกร้าวออก เผลอ ๆอาจจะต้องทุบทิ้งแล้วสร้างใหม่แทนที่
“ต้องใช้เงินเยอะไหมคะ ?”
“ก็เยอะ” บอกแบบไม่สะทกสะท้าน จะหมดกี่ล้านก็ช่าง ถ้าทำเพื่อม่านมุก เขายอมเสีย
“ไม่มีคนอยู่ ไม่ต้องทำก็ได้มั้งคะ” แม่ก็นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลโดยที่จ้างพยาบาลส่วนตัวมาคอยดูแล อีกอย่างเธอก็ต้องไปอยู่กับธรรศที่ไร่ จะมากรุงเทพ ฯ มาดูแลแม่แค่อาทิตย์ละวัน นอนค้างแค่คืนเดียว ไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้ว
“ต้องทำ อีกหน่อยแม่หนูม่านหาย แม่ก็ต้องออกมาอยู่บ้าน ทำไว้น่ะดีแล้ว” จากที่ฟังม่านมุกเล่า ธรรศค่อนข้างมั่นใจว่าแม่ของม่านมุกคงรักษาไม่หายขาดแน่ มะเร็งระยะที่สามอีกทั้งไม่ตอบสนองยาที่ใช้รักษาเลย คงเป็นการยากที่จะรักษาชีวิตไว้ได้
และเชื่อว่าม่านมุกก็คงทำใจไว้แล้ว
“แม่คงไม่หายหรอกค่ะ” ม่านมุกเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบาหวิว เธอแค่ใช้เงินจากธรรศเพื่อยื้อเวลาให้แม่แค่นั้น คงไม่นาน แม่ก็รู้ตัวเองดี “เพราะม่านรู้ว่าแม่ไม่ไหว ม่านถึงขอเวลาอาธรรศหนึ่งเดือนเพื่ออยู่กับแม่”
ธรรศทาบมือลงบนมือขาวเล็กที่วางอยู่หน้าตักของอีกฝ่าย เด็กดีของเขาเป็นเด็กแกร่งและเข้มแข็ง
ภายในเจ็บปวดแต่ก็ยังไม่แสดงความอ่อนแอ สู้ทุกอย่างเพื่อแม่ แม้จะรู้ว่าเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้ทำหน้าที่ลูกก็ตาม
“ม่านโอเคค่ะ อาธรรศไม่ต้องห่วง”
“หนูม่านอ่อนแอบ้างก็ได้นะ อาจะได้ปกป้อง
หนูม่านบ้าง” หยอกเย้าเพื่อให้อีกฝ่ายมีรอยยิ้มม่านมุกอาจจะคิดว่าเขาก็เป็นผู้ชายทั่วไป ยื่นข้อเสนอเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ
เด็กสาวจะคิดอย่างไรก็ช่าง มีแค่เขาคนเดียวที่รู้ว่าทุกอย่างที่ทำไปทั้งหมด เขาทำไปเพราะอะไร
“ขอบคุณอาธรรศนะคะ แต่ม่านชินกับการสู้ด้วยตัวเองแล้วค่ะ” ตั้งแต่ที่เสียพ่อไป ม่านมุกก็ดิ้นรนสู้ชีวิตอยู่กับแม่แค่สองคน เธอมีเวลาให้ตัวเองอ่อนแอไม่มาก ถ้าไม่ลุกขึ้นสู้กับชีวิตที่ผาดโผนยิ่งกว่าเครื่องเล่นในสวนสนุก ก็ไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างไรถ้าไม่มีเงินที่จะซื้อข้าวกินได้
เอาจริง ๆแล้ว ม่านมุกสามารถใช้รูปร่างหน้าตาของตัวเองหาเงินได้สบาย แต่ก็ยังหวงแหน ความสะอาด ความบริสุทธิ์ จนสุดท้ายเมื่อเดินมาถึงทางตัน
คนแรกที่นึกถึงก็คือธรรศ
แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่พ้นต้องเอาตัวเข้าแลก
การลงสังเวียนหนนี้ เธอไม่มีวันเอาใจเข้าไปเล่น ทุกอย่างมันคือธุรกิจ ต่างฝ่ายต่างมีข้อแลกเปลี่ยน แต่ถ้าตราบใดที่ธรรศยังต้องการเธอ ม่านมุกก็จะใช้มารยาหญิงหลอกล่อให้เขาติดกับและถอนตัวออกห่างไม่ได้อีก ถ้าสุดท้ายเขาได้ทุกอย่างจนหนำใจ
เธอก็ต้องได้ทุกอย่างมาจากเขาเหมือนกัน
“ผมเตรียมโต๊ะให้แล้วครับนาย” ลุงสุขเดินเข้ามาหาธรรศ ดวงตาฝ้าฟางของชายสูงวัยเลื่อนมองไปยังหญิงสาวเจ้าของใบหน้าสวยสะอาดสะอ้านโตเป็นสาวเต็มตัวแล้ว สวยเสียด้วย“ขอบคุณครับลุง”ม่านมุกยิ้มน้อย ๆให้ชายชราผู้ซึ่งที่กำลังมองมาด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน เหมือนจะเคยเจอ แต่คิดว่าคงไม่ใช่เพราะเพิ่งเคยมาไร่องุ่นของธรรศ ไม่น่าจะเคยเห็นหรือเคยรู้จักคุณลุงคนนี้“ไปตักข้าวกัน” ธรรศแตะที่หลังศอกของม่านมุก บอกให้อีกฝ่ายเดินไปยังเคาน์เตอร์ที่มีถาดอาหารวางเรียงรายอยู่หลายถาด“นายรับอะไรดีคะ”“หนูม่านเลือกก่อนเลย” เหลียวหน้าบอกคนที่ยืนอยู่ข้างกาย ม่านมุกมองถาดอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วจึงบอกแม่ครัวที่รอตักอาหารให้อยู่“เอาผัดผักคะน้ากับไข่เจียวค่ะ เอาข้าวนิดเดียวนะคะ” ไม่ได้รู้สึกหิวมาก แต่กินเพราะเกรงใจธรรศ“เอาแบบนี้อีกจาน แต่เอาข้าวเยอะกว่านี้”ธรรศสั่งเหมือนม่านมุก ยืนรอแค่เดี๋ยวเดียวก็ถือจานข้าวกลับมาที่โต๊ะที่ลุงสุขเตรียมทไว้ให้ ยังไม่ทันได้ลุกไปเอาน้ำดื่ม วิมาลาก็เดินเอาแก้วน้ำมาเสิร์ฟให้แล้ว“แว๋วไม่รู้ว่าคุณธรรศจะมากินข้าวกลางวันด้วย ไม่งั้นก็คงให้แม่ครัวเตรียมอาหารดี ๆให้แล้วค่ะ”วางแก้วน้ำดื่มลงบนโต๊ะให
“ห้องทำงานอา”แม้แต่ห้องทำงานก็ยังเงียบง่าย มีโต๊ะทำงาน มีชั้นวางเอกสาร เรียบง่ายเหมือนห้องนอนที่บ้านม่านมุกกวาดตามองสำรวจ สะดุดตาเข้ากับบานประตูบานใหญ่ที่อยู่ติดผนังด้านหลังโต๊ะทำงานของธรรศ คงเป็นห้องน้ำละมั้ง“ห้องนอน อาทำไว้เผื่ออยากนอนพัก เข้าไปดูกันไหม อาให้คนมาทำความสะอาดแล้ว” เพราะเห็นว่าเด็กดีมองไปยังห้องนอนห้องเล็กที่ทำไว้เผื่อขี้เกียจกลับไปนอนที่บ้าน เขาก็จะนอนที่ห้องนี้แทน แต่ก็นาน ๆทีถึงจะนอนจูงมือม่านมุกเดินไปหลังโต๊ะทำงาน เปิดประตูแล้วให้เด็กสาวเดินเข้าไปก่อน ธรรศเปิดไฟจนสว่างทั่วห้อง เป็นห้องที่ไม่กว้างมาก มีเตียงขนาดสามฟุตและมีห้องน้ำเล็ก ๆอยู่ข้างในด้วยเล็กแต่ก็ไม่ได้ชวนให้อึดอัด“ให้หนูม่านมานอนรอตอนอาทำงาน”“ม่านอยากช่วยงานอาธรรศค่ะ” คิดไว้แล้วว่าจะของานธรรศทำ งานอะไรก็ได้ ขอแค่ได้แบ่งเบาภาระของอีกฝ่ายบ้างก็ยังดี “ม่านไม่เอาเงินเดือนค่ะ ม่านแค่อยากช่วยงานอาธรรศบ้าง”“เป็นเมียเจ้าของไร่ ใครให้ทำงานกันเล่า”“อาธรรศ ม่านจริงจังนะคะ”พอเห็นธรรศยิ้มเหมือนไม่จริงจังกับสิ่งที่เธอบอก ม่านมุกก็ทำหน้าตึงมองเขาแบบเคือง ๆ“อาก็จริงจังกับหนูม่าน จริงจังมาก ๆด้วย”“อาธรรศ” น้ำ
“ม่านไม่เหงาหรอกค่ะ”“อารู้ว่าหนูม่านเก่ง เก่งมาก ๆด้วย” ยกมือลูบศีรษะของม่านมุก ต้องเหงาอยู่แล้ว ทำไมเขาจะไม่รู้ ม่านมุกแค่พูดเพื่อให้เขาสบายใจจะได้ไม่ต้องเป็นกังวลม่านมุกยิ้มอ่อน รู้สึกสบายใจทุกครั้งเวลาที่ธรรศลูบศีรษะ เขาดูอ่อนโยน แววตามีแต่ความอบอุ่นถ้าไม่ติดว่าเขายื่นข้อเสนอให้เธอเอาตัวเข้าแลกกับเงิน ไม่แน่ เธออาจจะลองเปิดใจให้ธรรศก็ได้เลือกเดินซื้อของที่จะเอาไปทำกินมื้อกลางวันกับมื้อเย็นได้จนครบ ธรรศเป็นฝ่ายหิ้วของเต็มไม้เต็มมือทั้งสองข้าง โดยที่ม่านมุกเสนอตัวจะช่วยหิ้ว เขาก็ไม่ยอม“อาธรรศแบ่งให้ม่านหิ้วบ้างสิคะ มืออาธรรศแดงหมดแล้ว” เห็นนิ้วมือทั้งสิบนิ้วของธรรศที่ถูกหูหิ้วรัดแน่นจนเนื้อเปลี่ยนเป็นสีแดง ม่านมุกก็เป็นห่วง เอ่ยขอจะช่วยหิ้วของตั้งหลายที อีกฝ่ายก็ตีมึน ทำไม่สนใจ หิ้วของเดินหนีอยู่นั่นแหละ“จะถึงรถแล้ว หนูม่านช่วยล้วงกุญแจรถในกระเป๋ากางเกงให้อาหน่อยสิ”“ได้ค่ะ”“ล้วงดี ๆนะ เดี๋ยวจับโดนอย่างอื่น”กำลังจะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของธรรศ ทว่าสิ่งที่เขาพูดตามมาเล่นเอาม่านมุกชะงักพร้อมช้อนตาขึ้นสบด้วยความตื่นตระหนกเล็กน้อยม่านมุกระบายลมหายใจเนิบช้า ค่อย ๆล้วงมือเข้
“หนูม่านทำอะไร”ม่านมุกที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาพับเสื้อผ้าของธรรศเก็บเข้าตู้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยสะดุ้งนิดเมื่อได้ยินเสียงของธรรศพูดขึ้น“ม่านเก็บเสื้อผ้าให้อาธรรศค่ะ”ด้วยความที่ถูกแม่สอนตั้งแต่เด็กว่าให้จัดเก็บเสื้อผ้าที่อยู่ในตู้เสื้อผ้าให้เป็นระเบียบเรียบร้อย แยกเสื้อกับกางเกงไว้คนละส่วน เวลาที่จะหยิบออกมาใส่จะได้ง่ายและสะดวก“เละเทะมากใช่ไหม”ธรรศถามยิ้ม ๆ เขาเป็นผู้ชาย เสื้อผ้าตัวไหนอยู่ใกล้มือก็หยิบมาใส่ไว้ก่อน ไม่ได้เลือกมาก เน้นที่เร็วและง่ายที่สุดเป็นหลักเด็กดีของเขาเห็นแล้วคงขัดใจหรือไม่ก็รำคาญตากับความไม่เป็นระเบียบ ถึงได้เก็บเสื้อผ้าเข้าตู้ แยกสี แยกกางเกงกับเสื้ออย่างเรียบร้อยแบบนี้“ผู้ชายก็แบบนี้แหละค่ะ” ดันประตูตู้เสื้อผ้าปิดก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ธรรศเดินเข้ามาใกล้ “ธุระของอาธรรศเสร็จแล้วเหรอคะ”“เสร็จแล้ว หนูม่านหิวรึยัง”“ในตู้เย็นไม่มีอะไรเลยค่ะ” หลังจากที่ธรรศออกไปจากบ้าน ม่านมุกก็นอนเกลือกกลิ้งไปมาอยู่แป๊บหนึ่ง ตั้งใจว่าจะลุกมาทำข้าวเช้าไว้รอเขา แม้ธรรศจะบอกว่าอาจจะกลับมาสาย แต่พอไปเปิดตู้เย็นดู ไม่มีอะไรนอกจากน้ำเปล่ากับเบียร์“อาทำกับข้าวไม่เป็น อยากมีคนทำใ
หลังจากที่สั่งการลูกน้อง ธรรศก็ยืนนิ่งมองบ้านพักคนงานที่ถูกไฟไหม้ไปหลายหลัง โชคดีที่คนงานช่วยกันดับไฟทันและไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ“ไอ้หมึกมันติดยากับนาย”ยาเสพติดอีกแล้วสินะเขาเคยสั่งนักสั่งหนา สั่งห้ามลูกน้องยุ่งเกี่ยวกับมัน ถ้าใครฝืนคำสั่งแอบเล่นยา ถ้าเขารู้ เขาไม่ปล่อยให้อยู่ที่ไร่เพื่อจะกลายเป็นปัญหาสำหรับคนอื่น“มันคงตั้งใจเผาห้องพักมันแล้วอาศัยจังหวะที่คนงานออกมาช่วยกันดับไฟเข้าไปขโมยเงิน”“ใครที่โดนขโมยเงินให้ไปแจ้งกับคุณแว๋ว เดี๋ยวผมจะจัดการให้เอง” สร้างเรื่องได้ถูกจังหวะ คนงานเพิ่งได้รับเงินเดือนจากฝ่ายบัญชีเมื่อสองวันก่อนคงมีบางคนที่ยังไม่ทันได้เอาเงินไปฝากธนาคารไอ้สารเลวมันเลยได้โอกาสขโมย“ครับนาย”“เด็กคนนั้น ลูกสาวพี่เปี่ยม...อยู่ที่นี่”“นายไปรับมาแล้วเหรอครับ” ชายชราเอ่ยถามผู้เป็นนายด้วยสีหน้าและแววตานอบน้อมธรรศพยักหน้า สองตายังจับอยู่ที่กลุ่มควันที่ลอยขึ้นมาจากกองเถ้าถ่านที่ไฟมอดแล้วสิบกว่าปี ที่รู้จักกับเปี่ยมตอนนั้น เขาเพิ่งอายุได้ยี่สิบต้น ๆ รู้จักกับอีกฝ่ายด้วยเหตุบังเอิญล้วน ๆ“ช่วงนี้หลานสาวของลุงปิดเทอมใช่ไหม”“ครับ นายจะใช้อะไรมันรึเปล่าครับ”“ให้มาอยู่เป็
“พรุ่งนี้อาจะพาหนูม่านไปทำงานด้วย”อาบน้ำเสร็จ ธรรศก็เดินมายืนอยู่ด้านหน้าของ ม่านมุกในขณะที่เด็กสาวกำลังนั่งหวีผมอยู่ที่ปลายเตียง ดวงตาคมกริบจับไปยังดวงตากลมโตที่ยังคงปรากฏความเศร้าสะท้อนออกมาให้เห็นปลายนิ้วสากเชยคางมนให้เงยขึ้น ใช้เวลาอยู่ด้วยกันแค่ไม่กี่วัน ผ่านความวาบหวามมาก็หลายครั้งเขาเองก็ดูออกว่าเด็กดีของเขาพยายามที่จะเป็นคนเข้มแข็งทั้งที่ใจกำลังเปราะบาง“อยากร้องไห้ไหม หนูม่านร้องออกมาได้เลยนะ ร้องออกมาดัง ๆ”มือขาวเล็กที่จับหวี กำแน่นเข้าจนสั่น ริมฝีปากเล็กบางขยับนิด ต่อจากนั้นเสียงสะอื้นแผ่วเบาถูกปล่อยออกมาพร้อมด้วยหยาดน้ำตาที่ค่อยเอ่อล้นอยู่ที่เบ้าตาก่อนที่จะกลิ้งผ่านขนตาไหลลงมาตามแก้มขาวนวล กายเล็กค่อย ๆไหวเอน หยดน้ำตาไหลรินหยดแล้วหยดเล่า เธอคิดถึงแม่“ม่านคิดถึงแม่”ธรรศทิ้งตัวนั่งชิดกับเด็กสาว สวมกอดแล้วโน้มใบหน้าจูบที่ขมับของอีกฝ่าย ฟังเสียงร่ำไห้จากคนที่พยายามฝืนเป็นคนแข็งแกร่งมาได้ตั้งหลายวัน“แต่งงานกับอานะ อาจะดูแลหนูม่านเอง”“แต่ม่านไม่ได้รักอาธรรศ” รอจนตัวเองสงบแล้ว ม่านมุกก็บอกธรรศไปตรง ๆ บอกธรรศไปแล้วและก็ยินดีจะย้ำให้เขาฟังอีกครั้งโดยที่ไม่มีความลังเลเธอไม