“ก็ไม่แน่ว่ะ ถึงขั้นตามไปหาที่ร้านนี่ก็ไม่ใช่เล่น ๆ แล้วมั้ง แกไม่ลองพิจารณาเขาบ้างหรือ” นลินทราพูดเสียงเบาราวกับกลัวคนอื่นได้ยิน จึงทำให้พลอยพัดชารู้ว่าบริเวณที่เพื่อนนั่งอยู่นั้นมีคนอื่นเดินผ่านพอดี
“คงไม่ละ เป็นเพื่อนกันไปนั่นแหละดีแล้ว ฉันไม่ชอบมีแฟนเป็นดารา ขอผู้ชายธรรมดาดีกว่า”
“ผู้ชายธรรมดาที่แกว่าน่ะ หมายถึงพี่ธามหรือพี่พัฒน์ล่ะยายบ้า สองคนนี้เรียกผู้ชายธรรมดาที่ไหนกัน คนหนึ่งเป็นเจ้าของโรงแรม อีกคนเป็นเจ้าของบริษัทน้ำอัดลม หูย...อีสวยเลือกได้ ฉันละอยากรู้จริงเชียวว่าถ้าพี่ธามเห็นภาพข่าวพวกนี้แล้วเขาจะเป็นยังไง”
พลอยพัดชาเบ้ปาก “จะเป็นยังไงล่ะ ก็คงดีใจจนเนื้อเต้นละมั้งที่ฉันมีคนมาจีบสักที จะได้ไม่ต้องไปวุ่นวายกับเขาอีก แต่แกเชื่อเถอะว่าเขาไม่รู้เรื่องพวกนี้หรอก เพราะพี่ธามเขาสนใจข่าวซุบซิบดาราพวกนี้ที่ไหน วัน ๆ ดูแต่ข่าวเศรษฐกิจกับการเมือง ดีไม่ดี ดาราผู้หญิงคนเดียวที่เขารู้จักก็คงมีแต่แกนั่นแหละนังนิ้ง”
หญิงสาวพูดจบก็ต้องเบิกตากว้าง เพราะตอนนี้หน้าร้านมีใครบางคนกำลังแหงนหน้ามองป้ายชื่อร้านราวกับดูให้แน่ใจว่าใช่ร้านพัดชา เจมส์หรือไม่ เธอจึงพูดกับคนปลายสายว่า
“เฮ้ยนังนิ้ง เจ้ากรรมนายเวรฉันมาว่ะ”
“ใครวะ พี่ธามหรือ” นลินทราถาม
“นังสนิม!” พลอยพัดชาพูดจบ กนกลดาก็เปิดประตูเข้ามาในร้านพอดี หญิงสาวจึงบอกเพื่อนว่า
“แค่นี้ก่อนนะนิ้ง เดี๋ยวจะโทร. ไปเม้าท์ใหม่”
พลอยพัดชาวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะทำงานแล้วนั่งกอดอกพิงพนักเก้าอี้มองผู้ที่เดินเข้ามาด้วยสายตาเรียบเฉย ไม่มีการเอ่ยทักทายหรือต้อนรับในฐานะที่เป็นเจ้าของร้านแต่อย่างใด มีเพียงพนักงานในร้านเท่านั้นที่เดินเข้าไปต้อนรับกนกลดาอย่างสุภาพ หากแต่กนกลดาไม่ยิ้ม และไม่ได้ขานตอบ เจ้าตัวทำเพียงยืนกอดอกมองเครื่องประดับในตู้พลางแค่นยิ้มบาง ๆ
“สนใจดูพลอยชนิดไหนเป็นพิเศษ สอบถามได้นะคะ” พนักงานคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างนอบน้อม พอดีกับที่กนกลดาหยุดยืนอยู่หน้ากลุ่มเครื่องประดับที่ทำจากนิล
“สีดำนี่คืออะไรคะ” กนกลดาถาม
“นิลค่ะ เป็นนิลจากเมืองกาญจน์ ตามความเชื่อของคนโบราณเนี่ย เขาว่ากันว่านิลจะช่วยปกป้องคุ้มครองผู้ใส่ให้ปลอดภัยจากอันตรายต่าง ๆ และขับไล่สิ่งชั่วร้ายได้” พนักงานคนเดิมอธิบายให้ฟัง แต่ยังไม่ทันพูดต่อ เจ้าของร้านอย่างพลอยพัดชาก็พูดแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย
“เฮ้อ...หน่อยเอ๊ย ลูกค้าคนนี้คงใส่นิลไม่ได้หรอก อย่าว่าแต่ใส่เลย แค่แตะโดนมันก็คงแตกโพละแล้วละมั้ง ก็อย่างว่าแหละนะ มันไม่ค่อยถูกกับสิ่งชั่วร้าย” สามคำหลัง พลอยพัดชาเน้นเสียงเป็นพิเศษ
กนกลดาหันไปมองพลอยพัดชาด้วยสายตาไม่พอใจทันที “นี่แก!”
“ทำไม! ฉันก็แค่พูดไปตามเนื้อผ้า หรือแกจะลองซื้อไปใส่ก็ได้นะ มันจะได้ช่วยดูดซับความชั่วร้ายออกจากตัวแกบ้างไง ดีออก จะได้เป็นผู้เป็นคนกับเขาบ้าง” คำว่าดีออก พลอยพัดชาเน้นเป็นพิเศษอีกเช่นกัน
“นังพลอย!” กนกลดาแว้ดเสียงแหลม ยิ่งเห็นพลอยพัดชาทำมือโบกไล่ให้ตนรีบออกไปจากร้านพร้อมกับชักสีหน้าเบ้ปากใส่ราวกับรังเกียจเดียดฉันท์เสียเต็มประดา ก็ยิ่งโกรธจนกำหมัดแน่น แต่เมื่อนึกถึงเรื่องสำคัญที่ตนต้องทำในวันนี้ เลยต้องพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ให้ได้ มิเช่นนั้นแผนจะเสียหมด
เมื่อตอนที่ยังเป็นนักศึกษา กนกลดาจงใจแย่งรพีพัฒน์ซึ่งขณะนั้นกำลังคบหาอยู่กับพลอยพัดชามาเป็นแฟนของตน ด้วยภาพลักษณ์ที่เรียบร้อยอ่อนหวาน และดูสุขุมเยือกเย็นจึงทำให้กนกลดาเข้าหารพีพัฒน์ได้ไม่ยาก แต่เขาก็ให้ความสนิทสนมในฐานะรุ่นพี่รุ่นน้องเท่านั้น ซึ่งเธอไม่ต้องการ ดังนั้นจึงต้องวางแผนล่อ
เนื่องจากพลอยพัดชาเป็นคนใจร้อน ขี้เหวี่ยงขี้วีน และไม่ค่อยเก็บอารมณ์ จึงยิ่งเข้าทางกนกลดา นั่นคือพยายามยั่วยุให้อีกฝ่ายโมโหด้วยการหาเรื่องไปเจอกับรพีพัฒน์บ่อย ๆ และแอบถ่ายรูปโดยอาศัยมุมกล้องเหมือนว่าใกล้ชิดกันมาก และบางรูปก็ดูหมิ่นเหม่เหมือนว่ากำลังพลอดรักกันส่งไปให้พลอยพัดชาดู ผลคืออีกฝ่ายตามมาอาละวาดถึงที่ หนำซ้ำยังคว้าแก้วกาแฟมาปาใส่ตน แต่รพีพัฒน์ช่วยเอาตัวบังไว้ให้ เขาจึงถูกกาแฟราดรดเลอะเทอะไปทั้งตัว
และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา พลอยพัดชาก็เลิกรากับรพีพัฒน์สมใจเธอในที่สุด
“วันนี้ฉันไม่ได้มาฟาดปากกับแกหรอกนะ เพราะฉันคงปากตลาดสู้แกไม่ได้ ฉันแค่จะ...” กนกลดายังพูดไม่จบ พลอยพัดชาก็โพล่งขัดขึ้น
“ไม่ได้มาฟาดก็เชิญไปที่ชอบ ๆ เถอะค่ะ ฉันก็ปากตลาดแบบนี้แหละ ก็ฉันเป็นแม่ค้านี่นา”
เห็นพลอยพัดชายอมรับอย่างหน้าชื่นตาบานว่าปากตลาด กนกลดาที่คิดว่าด่ากระทบอีกฝ่ายแล้วจะเจ็บใจบ้าง กลับกลายเป็นว่าตนต้องหัวร้อนเสียเอง แต่ก็ต้องข่มใจไว้
“ฉันแค่จะมาบอกว่า เดี๋ยวฉันจะไปกินข้าวกับพี่ธามที่อเวนิว พี่เขาให้ลงมาชวนแกด้วยน่ะในฐานะที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นกัน แต่แกคงไม่ไปหรอกใช่ไหม”
กนกลดาเริ่มเข้าแผนของตน เพราะมั่นใจว่าพลอยพัดชาจะต้องตามไปด้วยแน่นอน และเมื่อนั้นอีกฝ่ายก็จะตกหลุมพรางในการยั่วยุปั่นหัวของเธออีกครั้ง ธามจะได้เห็นเสียทีว่าผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจมากแค่ไหน จะได้เลิกสนใจสักที
เวลานี้เธอต้องคว้าหัวใจของธามเอาไว้ให้ได้ เพื่อผลประโยชน์มหาศาลทางธุรกิจที่กำลังจะเกิดขึ้น
ขณะที่พลอยพัดชาเบ้ปากใส่คนพูดและทำทีเป็นมองเล็บที่เพนต์ไว้อย่างสวยงามของตนอยู่นั้น ประตูร้านก็ถูกเปิดออก ตามมาด้วยร่างสูงโปร่งของธามเดินเข้ามาด้านใน สายตาของชายหนุ่มหยุดอยู่ที่ใบหน้าของคนที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานทันที เป็นเวลาเดียวกับที่พลอยพัดชาเองก็ช้อนตาขึ้นมองเขาเช่นกัน
“พี่ธามคะ ดาคิดว่าพลอยคงไม่ไปหรอกค่ะ เราคงต้องไปกินกันสองคนแล้วละ” กนกลดาหันไปพูดเสียงหวานกับชายหนุ่ม ธามจึงเอ่ยปากถามพลอยพัดชาด้วยตัวเอง
“ไม่ไปกินข้าวกันหน่อยหรือพลอย แค่ตรงนี้เอง” เขาชี้ไปที่อเวนิวซึ่งอยู่ถัดไปจากร้านพัดชา เจมส์ไม่กี่คูหา
“ไม่ไป! ขี้เกียจเดิน รู้สึกพะอืดพะอมกินอะไรไม่ลง สงสัยอากาศในร้านจะมีมลพิษเยอะ”
พลอยพัดชาตอบโดยไม่มองหน้าเขา เอาแต่หลุบตามองดูเล็บของตัวเองพลางยืดหดแขนเพื่อดูความสวยงามโดยรวมของมัน หากเป็นคนอื่นอาจมองแล้วรู้สึกว่าเธอช่างน่าหมั่นไส้ แต่เขามองแล้วรู้สึกมันเขี้ยวจนอยากเดินเข้าไปกัดแก้มแรง ๆ สักที
ธามอมยิ้มอย่างอ่อนใจ “ถ้าอย่างนั้นพลอยอยากฝากซื้ออะไรมากินในร้านไหมล่ะ”
พลอยพัดชาช้อนตามองเขาพลางเลิกคิ้วขึ้นราวกับไม่เชื่อว่าประโยคเมื่อครู่ออกมาจากปากเขา
“แหม...ใครจะกล้าฝากท่านจีเอ็มซื้อข้าวมาให้ละคะ ข้าน้อยมิบังอาจหรอกค่ะ”
ชายหนุ่มถอนหายใจแผ่วด้วยความเสียดาย ดูแล้วพลอยพัดชาไม่มีทางไปกินข้าวกับเขาแน่นอน ใจจริงเขาก็แค่อยากกินข้าวและหาเรื่องคุยเล่นกับเธอเท่านั้น แต่ถ้าจะบังคับให้ไปกินด้วยกันก็กระไรอยู่ วันนี้ประจวบเหมาะกับที่กนกลดาแวะมาคุยธุระเรื่องงานพอดี เขาจึงออกอุบายให้อีกฝ่ายชวนพลอยพัดชาไปกินด้วยกัน เนื่องจากเห็นว่าหญิงสาวสองคนนี้ศรศิลป์ไม่กินกันเท่าไร
“พลอย” เขาเรียกเธอเสียงพร่า หญิงสาวจึงแกล้งละเลงลิ้นลงบนกล้วยอีกครั้งพลางตอบรับเบา ๆ“ขา พี่อยากทำงานก็ทำไปสิคะ พลอยก็แค่...หิว”พูดจบเธอก็ส่งกล้วยเข้าปากไปอีกครั้ง และเช่นเคยที่เธอไม่ยอมกัดกินมัน แต่กลับเอาออกมาแล้วส่งเข้าไปใหม่อีกสองสามครั้ง จนในที่สุดธามก็พับหน้าจอคอมพิวเตอร์ลงเพื่อปิดเครื่อง ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง“อุ๊ย!” สายตาของพลอยพัดชาหยุดอยู่ที่เป้ากางเกงเขาทันที เพราะตอนนี้มันเป็นรูปเป็นร่างจนเห็นเด่นชัด“ตื่นแล้วอะ ทำยังไงดีน้า” หญิงสาวใช้นิ้วชี้ลากเบา ๆ ไปตามรอยที่นูนขึ้นมาอย่างยั่วเย้า“ยั่วเก่งดีนักนะ แล้วอย่ามาบ่นละกันว่าปวดขาปวดเอว”เขาพูดจบก็คว้าสูทมาพาดไว้ที่แขนเพื่อเป็นการบังเป้ากางเกงไปด้วย มืออีกข้างก็โอบเอวภรรยาจอมยั่วพลางกระซิบว่า“กล้วยนี้มันไม่อร่อยหรอก ขึ้นไปกินกล้วยกับพี่บนห้องดีกว่า อร่อยกว่าเยอะแถมกินได้ไม่อั้น”พลอยพัดชายิ้มกริ่มพลางทิ้งกล้วยหอมนั้นลงถังขยะทันที จากนั้นก็เดินตามสามีออกจากห้องทำงานแล้วขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นบนสุ
สองปีต่อมาพลอยพัดชามองเงาตัวเองในกระจกแล้วอดยิ้มไม่ได้ ตอนนี้พุงของเธอป่องมากราวกับลูกโป่งใบใหญ่ เธอตั้งครรภ์ได้แปดเดือนแล้ว อีกไม่นานก็จะได้เจอหน้าสาวน้อยที่อยู่ในพุง หญิงสาวรู้สึกตื่นเต้นเสียจนแทบนับวันถอยหลังรอแต่คนที่ตื่นเต้นที่สุดเห็นจะเป็นคนที่กำลังจะได้เป็นพ่อ เพราะตั้งแต่รู้ว่าเด็กในครรภ์เป็นลูกสาว ธามก็ลงทุนจัดห้องไว้รอรับด้วยตัวเอง ตั้งแต่ทาสีผนังเป็นสีชมพูอ่อน ซื้อเตียงและเปลเจ้าหญิงเอาไว้รอ รวมถึงเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ก็ล้วนเป็นสีชมพูและไม่ใช่แค่ธามเท่านั้นที่เตรียมห้องไว้รอบุตรสาวคนแรก จินตวาตีก็เช่นกันที่จัดเตรียมห้องไว้รอต้อนรับหลานสาวคนแรกที่จะได้เรียกตนว่าคุณยายหญิงสาวหยิบโลชั่นสำหรับกันรอยแตกลายมาทาเบา ๆ ที่หน้าท้อง เพราะแม้จะใกล้ได้เป็นคุณแม่แล้ว แต่ร่างกายส่วนอื่นของพลอยพัดชาก็ยังคงสภาพเดิม มีเพียงหน้าอกเท่านั้นที่ขยายใหญ่ขึ้นมาอีกเล็กน้อยเพื่อเป็นแหล่งอาหารของเจ้าตัวเล็กในครรภ์ทว่าตอนนี้คนที่ดูจะคลั่งไคล้กับหน้าอกที่ขยายใหญ่ขึ้นของเธอเป็นพิเศษ เห็นจะเป็นสามีของเธออ้อมกอดอบอุ่นจากด้านหล
พลอยพัดชากับนลินทรายืนมองผืนน้ำสีเขียวมรกตด้วยแววตาระยิบระยับ นานมากแล้วที่ไม่ได้มาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ เพราะฉะนั้นมาทะเลครั้งนี้พวกเธอจะต้องเก็บเกี่ยวความสุขเอาไว้เติมพลังชีวิตให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้“พี่ธามไปไหนน่ะ” นลินทราถามถึงแฟนหนุ่มของเพื่อน“ไม่รู้สิ เห็นมีโทรศัพท์มาเมื่อกี้แล้วก็เดินไปคุยที่อื่นน่ะ” พลอยพัดชาตอบก่อนจะหันไปโบกมือให้จินตวาตีที่กำลังนั่งทาครีมกันแดดอยู่ในที่ร่ม“น้าจินนี่เอาชุดว่ายน้ำกับพร็อพมาเพียบเลยแก ทั้งหมวกเอย ผ้าคลุมเอย คือนางไม่ได้จะมาเล่นน้ำหรอก แต่จะมาเพื่อถ่ายรูปโดยเฉพาะ เห็นบอกว่าจะเก็บไว้ดูตอนแก่” พลอยพัดชาได้ที จึงแอบเม้าท์ผู้เป็นน้า“ว่าแต่น้าจินนี่ ตัวเองก็เหมือนกันนั่นแหละ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะยะ มาเที่ยวแค่สี่วันแต่กระเป๋าเดินทางตั้งสองใบ อีบ้า ทำอย่างกับจะมาอยู่เป็นเดือน” นลินทราค้อนให้เพื่อน พลอยพัดชาจึงได้แต่หัวเราะคิกคักทั้งสองสาวเห็นว่าเริ่มมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติออกมาที่ชายหาดกันบ้างแล้วจึงหันไปมองหน้ากัน“ฉันว่าเราไป
“เจ้าค่า...คราวนี้ก็ออกกันยกแผงเลยสิคะ”“ใช่ ตอนนี้ให้ฝ่ายบุคคลของส่วนกลางประกาศรับพนักงานใหม่แล้ว ส่วนคนที่จะไปแทนตำแหน่งของพิษณุกับโชคชัยนั้น พี่ว่าจะลองคุยกับคุณพ่อดูว่าจะคัดเลือกคนเก่ง ๆ ของที่นี่ไปประจำอยู่สาขานั้นดีไหม ถือเป็นการเลื่อนตำแหน่งไปในตัว แล้วพลอยล่ะเป็นไงมั่ง”“ตอนนี้ที่ร้านได้พนักงานใหม่มาเพิ่มแล้วค่ะ หน่วยก้านดีใช้ได้ ไลฟ์สดเก่งด้วยเพราะเขาเคยไลฟ์ขายเสื้อผ้ามาก่อนก็เลยคล่องมากตอนอยู่หน้าจอ ส่วนน้าจินนี่อาการดีขึ้นมากแล้ว เริ่มให้พวกพี่เลี้ยงที่ดูแลศิลปินเข้าไปคุยเรื่องงานโดยตรงในห้องพักได้แล้วค่ะ เพราะจะได้ช่วยฟื้นความจำด้วย”“พูดถึงเรื่องนี้ก็นึกถึงไอ้ก้าว ตอนนี้ฝากขังไว้ที่เรือนจำแล้วละ รอศาลตัดสินโทษ แต่คิดว่าคงติดคุกไม่นานหรอก ไม่กี่ปี แต่เรื่องของเพื่อนพลอยนี่สิ กว่าคดีจะเสร็จสิ้นคงอีกนานเลย น่าจะเป็นปี”พลอยพัดชาได้ยินอย่างนั้นก็รู้ทันทีว่าเขาหมายถึงกนกลดา“ว้าย อย่ามาพูดอย่างนี้นะ นางไม่ใช่เพื่อนพลอยสักหน่อย แค่คนรู้จักยังไม่อยากจะเป็นเลย เท่ากับว่าตอนนี้นางกับพ่อก็ยัง
พลอยพัดชาตื่นขึ้นมาช่วงสายเพียงลำพังบนเตียงนอนหลังใหญ่ ไม่รู้ธามไปไหน แต่เดาว่าเขาคงลงไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสของโรงแรมตามเคยหญิงสาวพาร่างที่เมื่อยขบของตนไปเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำชำระร่างกาย ครึ่งชั่วโมงถัดมาเธอก็เดินออกจากห้องน้ำด้วยความสดชื่น แต่แล้วสายตาของเธอก็หยุดอยู่ที่กล่องกำมะหยี่สีแดงกล่องใหญ่บนเตียง ดูแล้วเหมือนกล่องใส่เครื่องประดับที่สามารถใส่ได้หลายชิ้นทั้งแหวน สร้อยคอ สร้อยข้อมือ กำไล และต่างหู“หรือว่าจะเป็นกล่องใส่นาฬิกาของพี่ธาม” เธอรู้ว่าธามเป็นคนที่ชอบสะสมนาฬิกา ก็เลยคิดว่าเขาคงหยิบมาเลือกใส่จึงไม่ได้สนใจมันอีก จากนั้นก็เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบชุดของตนออกมาสวม“จะไม่เปิดดูหน่อยหรือ” เสียงทุ้มดังขึ้นจากหน้าประตูห้องนอน หญิงสาวจึงหันไปมองตามเสียง ธามยืนเปลือยท่อนบน ใส่เพียงกางเกงลำลองอยู่บ้านสบาย ๆ กำลังยืนกอดอกและส่งยิ้มมาให้“กล่องนาฬิกาของพี่ธามรึเปล่าล่ะคะ”“ไม่ใช่ กล่องนั้นของพลอยทั้งกล่องเลย”พลอยพัดชาเบิกตากว้าง “ถามจริง”เธอแขวนชุดไว
“เม็ดสีเหลืองคือพลอยปลอม วิธีสังเกตอย่างง่ายเลยก็คือให้ดูประกายของมันเวลาส่องกับแสง ถ้ามีประกายรุ้งคือปลอมชัวร์ เป็นพลอยที่สังเคราะห์ขึ้นมา และอีกวิธีที่สังเกตด้วยตาเปล่าได้ก็คือให้ดูที่เส้นของพลอย พลอยบางเม็ดมันจะมีเส้นตรงเรียง ๆ กันเป็นแถบให้เห็นกันเลย แต่บางเม็ดเราก็อาจจะต้องใช้ลูปหรือกล้องส่องพระขยายดูข้างในว่ามันมีเส้น ๆ พวกนี้ไหม จำไว้ว่าต้องเป็นเส้นตรงเท่านั้น ถ้ามีเส้นโค้งให้เห็นนั่นคือปลอม และถ้าใช้ลูปส่องดูแล้วมีฟองอากาศหรือรูปร่างกลม ๆ เหมือนโดนัทกระจายอยู่ นั่นก็ปลอมเหมือนกัน” พลอยพัดชาลองให้วนิตาใช้ลูปส่องพลอยดูด้วยตัวเอง“เส้นหรือแถบสีในเนื้อพลอยมันก็เหมือนลายนิ้วมือของคนเรานั่นแหละ แต่ละเม็ดก็จะแตกต่างกันไป ไม่มีเม็ดไหนที่เหมือนกันหรอก”พลอยพัดชาอธิบายพลางเดินไปหยิบถ้วยสีขาวในตู้มารองน้ำแล้วกลับมานั่งที่เดิม“และอีกวิธีที่ง่ายในการดูด้วยตาเปล่าก็คือการจุ่มน้ำ” เธอหยิบพลอยเม็ดสีเขียวมาจุ่มลงไปในน้ำแล้วถามว่า“นิตาเห็นอะไรไหม”“เห็นค่ะ มันเป็นแถบสีเป็นเส้น ๆ” วนิตาตอบ&