เขารู้จักพลอยพัดชาดี เธอเป็นคนที่ไม่ยอมลงให้คนอื่น ยิ่งกับคู่อริด้วยแล้วยิ่งไม่มีทาง ดังนั้นถ้าเธอเห็นว่ากนกลดาไปกินข้าวด้วยกัน เขายังคิดว่าพลอยพัดชาจะต้องตามไปด้วยเพื่อต้องการขัดแข้งขัดขาอีกฝ่ายเป็นแน่ แต่แล้วเขาก็ต้องผิดหวัง
ธามผงกศีรษะให้กนกลดาเป็นเชิงบอกว่าออกจากร้านกันได้แล้ว ครั้นพอเดินออกมาไม่เท่าไร เขายังอดหันกลับไปมองด้านหลังไม่ได้เพราะคิดว่าอีกเดี๋ยวพลอยพัดชาจะต้องตามมาแน่ แต่เธอก็ไม่มา สุดท้ายจึงได้แต่ถอดใจแล้วเดินตรงไปข้างหน้าอย่างไม่ช้าไม่เร็ว
ขณะเดียวกัน พลอยพัดชาก็นั่งเท้าคางพลางเหยียดยิ้มมุมปากเมื่อคิดถึงเรื่องสนุกที่ตนกำลังจะลงมือทำ ป่านนี้สองคนนั้นคงเดินไปได้ไม่ไกลเท่าไร คิดได้ดังนั้นจึงลุกขึ้นแล้วเดินออกจากร้านตามไปทันที
ธามกับกนกลดาเดินนำอยู่ข้างหน้าประมาณสิบเมตรได้ เธอเห็นธามเดินเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้างซึ่งนั่นเป็นอาการเวลาที่เขาไม่ต้องการใกล้ชิดกับอีกฝ่ายมากเกินไป ขณะที่กนกลดานั้นพยายามเดินเอาแขนของตนไปชนแขนของชายหนุ่มอยู่บ่อยครั้ง
พลอยพัดชาเร่งฝีเท้าก้าวให้ทันคนทั้งคู่ จากนั้นก็จงใจแทรกตรงกลางระหว่างคนทั้งสองโดยจงใจใช้ลำตัวและแขนข้างหนึ่งดันกนกลดาไปด้านข้างอย่างไม่ทันให้ตั้งตัวจนอีกฝ่ายเซไปหลายก้าว ส่วนแขนอีกข้างก็คล้องแขนของธามไว้อย่างถือวิสาสะ จากนั้นก็หันไปยิ้มหวานกับเขา
“พลอยเปลี่ยนใจแล้วค่ะพี่ธาม นาน ๆ พี่ธามจะเลี้ยงข้าวทั้งที พลอยจะไม่กินได้ยังไงละ” จากนั้นก็ทำทีเป็นหันไปมองกนกลดาแล้วทำหน้าเหลอหลาถามว่า
“อ้าว เป็นอะไรของเธอน่ะดูทำหน้าเข้า รองเท้ากัดหรือไง เฮ้อ...เสียเวลาจริง” เธอไม่รอให้อีกฝ่ายได้พูดอะไรก็หันไปพูดกับธามพร้อมกับรั้งให้ชายหนุ่มเดินต่อ
“ไปกันเถอะค่ะพี่ธาม พลอยหิวแล้วเนี่ย” พลอยพัดชาไม่อยากสนใจกนกลดาอีก จึงเกาะแขนธามไว้ทั้งสองมือแล้วรั้งให้เขาเดินเร็วขึ้น
เธอรู้ดีว่ากนกลดาไม่มีทางกล้าเดินมาแทรกตรงกลางอย่างที่ตนทำเมื่อครู่แน่นอน หนึ่งเพราะอีกฝ่ายยังไม่สนิทสนมกับธามมากนัก และสองคือกนกลดาต้องรักษาภาพลักษณ์ของการเป็นคนเรียบร้อยอ่อนหวาน และไม่ถือสาหาความกับคนร้ายกาจอย่างเธอ เพราะอยากให้ธามเห็นว่าตนเองนั้นใจกว้างดั่งสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา ที่ไม่ว่าจะเครื่องบินหรือเรือต่างก็พากันตกลงไปหายสาบสูญอยู่ในนั้น
เมื่อเดินมาถึงอเวนิวพลาซ่า พลอยพัดชาก็บอกความต้องการของตัวเองทันทีโดยไม่ต้องให้ธามเป็นฝ่ายถามว่าจะกินอะไร เพราะเธอบอกแล้วว่าเธอมาเพื่อป่วนสองคนนี้!
“พลอยอยากกินร้านนั้น”
หญิงสาวชี้ไปที่ร้านอาหารญี่ปุ่นร้านหนึ่ง จากนั้นก็ไม่รอให้เจ้ามืออย่างธามตอบรับหรือปฏิเสธ พลอยพัดชาก็เกาะแขนเขาลากไปร้านที่ว่าทันทีโดยมีกนกลดาเดินตามด้วยความไม่พอใจอยู่ด้านหลัง
ครั้นพอเดินเข้ามาในร้าน พนักงานก็พาทั้งสามคนไปยังโต๊ะตัวที่ว่าง พลอยพัดชาคอยมองว่ากนกลดาจะนั่งตรงไหน ซึ่งแน่นอนว่าธามจะต้องเป็นฝ่ายให้หญิงสาวอย่างพวกเธอนั่งก่อนแล้วเขาค่อยนั่งลงตามทีหลัง
เมื่อพลอยพัดชาเห็นว่ากนกลดานั่งลงแล้วและเขยิบเข้าไปด้านในเพื่อเว้นที่ให้เธอนั่งข้าง ๆ พลอยพัดชาจึงทำทีจะไปนั่งตรงนั้น แต่พอเห็นว่าธามเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามแล้ว หญิงสาวจึงรีบแทรกตัวเข้าไปนั่งข้างเขาทันที
“พี่ธามขยับไปข้างในหน่อยสิคะ จะมาเบียดพลอยทำไมเนี่ย”
ทั้งที่เห็นอยู่ว่าเป็นเธอเองแท้ ๆ ที่เป็นฝ่ายไปเบียดเขา แต่เธอจะหาเรื่องเขานี่ ใครจะทำไม!
“พลอยมานั่งกับเราก็ได้ พี่ธามตัวใหญ่ เธอไปนั่งเบียดเขาแบบนั้น...” กนกลดาพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกันเองเต็มที่ แต่พลอยพัดชาไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายพูดจบ
“ฉันพูดกับพี่ธาม ไม่ได้พูดกับเธอ และฉันจะนั่งตรงนี้ ใครจะทำไม”
พูดจบเธอก็ยักคิ้วพร้อมกับแค่นยิ้มมุมปากให้อีกฝ่ายอย่างจงใจหาเรื่องเต็มที่
เอาซี้...อยากเห็นเธอร้าย อยากเห็นเธอเหวี่ยงวีนนักไม่ใช่หรือ ได้เลย เธอจัดให้!
กนกลดามองพลอยพัดชาด้วยสีหน้าและแววตาไม่พอใจนัก ดูก็รู้ว่าโกรธไม่น้อยแต่ก็ต้องฝืนข่มความรู้สึกเหล่านั้นเอาไว้ ทำให้พลอยพัดชาได้แต่สะใจอยู่ลึก ๆ
ถ้าการเสแสร้งเพื่อให้ดูเป็นนางเอกที่แสนอ่อนโยนนุ่มนวลแล้วต้องถูกโจมตีไม่หยุดละก็ เธอขอเป็นนางร้ายที่ด่าเป็นด่า ตบเป็นตบดีกว่า อย่างน้อยก็ไม่ต้องทนอึดอัด และไม่ถูกคนอื่นกดหัวข่มด้วย
หลังจากสั่งอาหารกับพนักงานเรียบร้อยแล้ว บริกรก็นำถั่วแระญี่ปุ่นต้มมาวางไว้บนโต๊ะเพื่อเป็นออร์เดิร์ฟรองท้อง ธามกับกนกลดาหยิบกินไปคนละนิดละหน่อย แต่พลอยพัดชานั้นไม่แม้แต่จะเหลือบตามอง อีกทั้งกนกลดาไม่เห็นชายหนุ่มจะหยิบถั่วแระไปวางไว้ในจานของพลอยพัดชา แต่กลับวางในจานของเธออย่างเอาใจใส่ ซึ่งพอเห็นแบบนี้ กนกลดาก็คิดแล้วว่าธามคงไม่พอใจอีกฝ่ายแน่นอนที่ทำตัวราวกับเด็กเอาแต่ใจ ดังนั้นเธอจึงทำทีเป็นชวนอีกฝ่ายอย่างเสียไม่ได้
“พลอยไม่กินถั่วแระญี่ปุ่นหรือ อร่อยดีนะ” เธอผลักจานถั่วแระไปใกล้ ๆ พลอยพัดชา แต่กลับถูกธามดันกลับมาไว้ที่เดิมแล้วพูดว่า
“พลอยเขาไม่ชอบกินครับ คุณดากินเถอะ”
พลอยพัดชาเหลือบมองหน้าธามด้วยหางตา พลางทำเสียง “ชิ!” เบา ๆ ส่วนคนที่ถูกแค่นเสียงใส่นั้นทำเพียงแค่ยิ้มบาง ๆ โดยไม่พูดอะไร หากแต่สายตากลับมองคนข้างตัวเป็นระยะ และเขาเองก็ไม่ได้ขยับเข้าไปด้านในสุดของเก้าอี้ด้วย จึงทำให้ตอนนี้ธามกับพลอยพัดชาแทบจะนั่งตัวติดกัน
กนกลดามองภาพตรงหน้าอย่างไม่ชอบใจเท่าไรนัก แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรมากเพราะอย่างไรเสียเธอก็ยังไม่สนิทกับธามถึงขั้นพูดจาแนะนำอะไรอีกฝ่ายได้
“เธอนี่ไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนเลยนะพลอย ยังใจร้อนเหมือนเดิม คงจริงอย่างที่พี่ธามพูดไว้ตอนนั้นละมั้งคะว่ายายพลอยเนี่ยเหมือนเด็กไม่โต”
กนกลดาพูดเสียงอ่อนเหมือนผู้ใหญ่พูดกับเด็ก โดยประโยคสุดท้ายหันไปพูดกับชายหนุ่มพร้อมกับยิ้มหวาน
“แหม ๆ เธอก็เหมือนกันนั่นแหละจ้ะยายสนิมสร้อย เอ๊ย ยายสร้อยขึ้นสนิม” พลอยพัดชาโต้กลับด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเช่นกัน ขณะที่ชายหนุ่มคนเดียวในโต๊ะนั้นขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความสงสัยจึงเอ่ยปากถาม
“อะไรคือสร้อยขึ้นสนิม”
“ก็ของปลอมไงคะ มันถึงได้ขึ้นสนิม ทองแท้ที่ไหนมันจะขึ้นสนิมล่ะจริงไหม” พลอยพัดชาลอยหน้าลอยตาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยโดยเน้นคำว่าปลอมเป็นพิเศษ หากแต่สายตานั้นจ้องกนกลดาตาแทบไม่กะพริบ
กนกลดาสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อระงับอารมณ์กรุ่นโกรธของตัวเอง เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าตนจะทนได้อีกนานแค่ไหนเพราะการถูกคู่อริโจมตีไม่หยุดเช่นนี้ ฝ่ายที่เสียเปรียบอาจเป็นเธอเองก็ได้ เพราะดูแล้วธามแทบไม่ถือสาหาความ หรือเอ่ยปากห้ามพลอยพัดชาเพื่อเห็นแก่หน้าเธอเลยแม้แต่น้อย
ขณะที่สองสาวแทบจะตีกันตายทางสายตา อาหารที่สั่งไว้ก็มาเสิร์ฟพอดี ทำเอาชายหนุ่มได้แต่ลอบผ่อนลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“พลอย” เขาเรียกเธอเสียงพร่า หญิงสาวจึงแกล้งละเลงลิ้นลงบนกล้วยอีกครั้งพลางตอบรับเบา ๆ“ขา พี่อยากทำงานก็ทำไปสิคะ พลอยก็แค่...หิว”พูดจบเธอก็ส่งกล้วยเข้าปากไปอีกครั้ง และเช่นเคยที่เธอไม่ยอมกัดกินมัน แต่กลับเอาออกมาแล้วส่งเข้าไปใหม่อีกสองสามครั้ง จนในที่สุดธามก็พับหน้าจอคอมพิวเตอร์ลงเพื่อปิดเครื่อง ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง“อุ๊ย!” สายตาของพลอยพัดชาหยุดอยู่ที่เป้ากางเกงเขาทันที เพราะตอนนี้มันเป็นรูปเป็นร่างจนเห็นเด่นชัด“ตื่นแล้วอะ ทำยังไงดีน้า” หญิงสาวใช้นิ้วชี้ลากเบา ๆ ไปตามรอยที่นูนขึ้นมาอย่างยั่วเย้า“ยั่วเก่งดีนักนะ แล้วอย่ามาบ่นละกันว่าปวดขาปวดเอว”เขาพูดจบก็คว้าสูทมาพาดไว้ที่แขนเพื่อเป็นการบังเป้ากางเกงไปด้วย มืออีกข้างก็โอบเอวภรรยาจอมยั่วพลางกระซิบว่า“กล้วยนี้มันไม่อร่อยหรอก ขึ้นไปกินกล้วยกับพี่บนห้องดีกว่า อร่อยกว่าเยอะแถมกินได้ไม่อั้น”พลอยพัดชายิ้มกริ่มพลางทิ้งกล้วยหอมนั้นลงถังขยะทันที จากนั้นก็เดินตามสามีออกจากห้องทำงานแล้วขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นบนสุ
สองปีต่อมาพลอยพัดชามองเงาตัวเองในกระจกแล้วอดยิ้มไม่ได้ ตอนนี้พุงของเธอป่องมากราวกับลูกโป่งใบใหญ่ เธอตั้งครรภ์ได้แปดเดือนแล้ว อีกไม่นานก็จะได้เจอหน้าสาวน้อยที่อยู่ในพุง หญิงสาวรู้สึกตื่นเต้นเสียจนแทบนับวันถอยหลังรอแต่คนที่ตื่นเต้นที่สุดเห็นจะเป็นคนที่กำลังจะได้เป็นพ่อ เพราะตั้งแต่รู้ว่าเด็กในครรภ์เป็นลูกสาว ธามก็ลงทุนจัดห้องไว้รอรับด้วยตัวเอง ตั้งแต่ทาสีผนังเป็นสีชมพูอ่อน ซื้อเตียงและเปลเจ้าหญิงเอาไว้รอ รวมถึงเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ก็ล้วนเป็นสีชมพูและไม่ใช่แค่ธามเท่านั้นที่เตรียมห้องไว้รอบุตรสาวคนแรก จินตวาตีก็เช่นกันที่จัดเตรียมห้องไว้รอต้อนรับหลานสาวคนแรกที่จะได้เรียกตนว่าคุณยายหญิงสาวหยิบโลชั่นสำหรับกันรอยแตกลายมาทาเบา ๆ ที่หน้าท้อง เพราะแม้จะใกล้ได้เป็นคุณแม่แล้ว แต่ร่างกายส่วนอื่นของพลอยพัดชาก็ยังคงสภาพเดิม มีเพียงหน้าอกเท่านั้นที่ขยายใหญ่ขึ้นมาอีกเล็กน้อยเพื่อเป็นแหล่งอาหารของเจ้าตัวเล็กในครรภ์ทว่าตอนนี้คนที่ดูจะคลั่งไคล้กับหน้าอกที่ขยายใหญ่ขึ้นของเธอเป็นพิเศษ เห็นจะเป็นสามีของเธออ้อมกอดอบอุ่นจากด้านหล
พลอยพัดชากับนลินทรายืนมองผืนน้ำสีเขียวมรกตด้วยแววตาระยิบระยับ นานมากแล้วที่ไม่ได้มาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ เพราะฉะนั้นมาทะเลครั้งนี้พวกเธอจะต้องเก็บเกี่ยวความสุขเอาไว้เติมพลังชีวิตให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้“พี่ธามไปไหนน่ะ” นลินทราถามถึงแฟนหนุ่มของเพื่อน“ไม่รู้สิ เห็นมีโทรศัพท์มาเมื่อกี้แล้วก็เดินไปคุยที่อื่นน่ะ” พลอยพัดชาตอบก่อนจะหันไปโบกมือให้จินตวาตีที่กำลังนั่งทาครีมกันแดดอยู่ในที่ร่ม“น้าจินนี่เอาชุดว่ายน้ำกับพร็อพมาเพียบเลยแก ทั้งหมวกเอย ผ้าคลุมเอย คือนางไม่ได้จะมาเล่นน้ำหรอก แต่จะมาเพื่อถ่ายรูปโดยเฉพาะ เห็นบอกว่าจะเก็บไว้ดูตอนแก่” พลอยพัดชาได้ที จึงแอบเม้าท์ผู้เป็นน้า“ว่าแต่น้าจินนี่ ตัวเองก็เหมือนกันนั่นแหละ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะยะ มาเที่ยวแค่สี่วันแต่กระเป๋าเดินทางตั้งสองใบ อีบ้า ทำอย่างกับจะมาอยู่เป็นเดือน” นลินทราค้อนให้เพื่อน พลอยพัดชาจึงได้แต่หัวเราะคิกคักทั้งสองสาวเห็นว่าเริ่มมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติออกมาที่ชายหาดกันบ้างแล้วจึงหันไปมองหน้ากัน“ฉันว่าเราไป
“เจ้าค่า...คราวนี้ก็ออกกันยกแผงเลยสิคะ”“ใช่ ตอนนี้ให้ฝ่ายบุคคลของส่วนกลางประกาศรับพนักงานใหม่แล้ว ส่วนคนที่จะไปแทนตำแหน่งของพิษณุกับโชคชัยนั้น พี่ว่าจะลองคุยกับคุณพ่อดูว่าจะคัดเลือกคนเก่ง ๆ ของที่นี่ไปประจำอยู่สาขานั้นดีไหม ถือเป็นการเลื่อนตำแหน่งไปในตัว แล้วพลอยล่ะเป็นไงมั่ง”“ตอนนี้ที่ร้านได้พนักงานใหม่มาเพิ่มแล้วค่ะ หน่วยก้านดีใช้ได้ ไลฟ์สดเก่งด้วยเพราะเขาเคยไลฟ์ขายเสื้อผ้ามาก่อนก็เลยคล่องมากตอนอยู่หน้าจอ ส่วนน้าจินนี่อาการดีขึ้นมากแล้ว เริ่มให้พวกพี่เลี้ยงที่ดูแลศิลปินเข้าไปคุยเรื่องงานโดยตรงในห้องพักได้แล้วค่ะ เพราะจะได้ช่วยฟื้นความจำด้วย”“พูดถึงเรื่องนี้ก็นึกถึงไอ้ก้าว ตอนนี้ฝากขังไว้ที่เรือนจำแล้วละ รอศาลตัดสินโทษ แต่คิดว่าคงติดคุกไม่นานหรอก ไม่กี่ปี แต่เรื่องของเพื่อนพลอยนี่สิ กว่าคดีจะเสร็จสิ้นคงอีกนานเลย น่าจะเป็นปี”พลอยพัดชาได้ยินอย่างนั้นก็รู้ทันทีว่าเขาหมายถึงกนกลดา“ว้าย อย่ามาพูดอย่างนี้นะ นางไม่ใช่เพื่อนพลอยสักหน่อย แค่คนรู้จักยังไม่อยากจะเป็นเลย เท่ากับว่าตอนนี้นางกับพ่อก็ยัง
พลอยพัดชาตื่นขึ้นมาช่วงสายเพียงลำพังบนเตียงนอนหลังใหญ่ ไม่รู้ธามไปไหน แต่เดาว่าเขาคงลงไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสของโรงแรมตามเคยหญิงสาวพาร่างที่เมื่อยขบของตนไปเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำชำระร่างกาย ครึ่งชั่วโมงถัดมาเธอก็เดินออกจากห้องน้ำด้วยความสดชื่น แต่แล้วสายตาของเธอก็หยุดอยู่ที่กล่องกำมะหยี่สีแดงกล่องใหญ่บนเตียง ดูแล้วเหมือนกล่องใส่เครื่องประดับที่สามารถใส่ได้หลายชิ้นทั้งแหวน สร้อยคอ สร้อยข้อมือ กำไล และต่างหู“หรือว่าจะเป็นกล่องใส่นาฬิกาของพี่ธาม” เธอรู้ว่าธามเป็นคนที่ชอบสะสมนาฬิกา ก็เลยคิดว่าเขาคงหยิบมาเลือกใส่จึงไม่ได้สนใจมันอีก จากนั้นก็เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบชุดของตนออกมาสวม“จะไม่เปิดดูหน่อยหรือ” เสียงทุ้มดังขึ้นจากหน้าประตูห้องนอน หญิงสาวจึงหันไปมองตามเสียง ธามยืนเปลือยท่อนบน ใส่เพียงกางเกงลำลองอยู่บ้านสบาย ๆ กำลังยืนกอดอกและส่งยิ้มมาให้“กล่องนาฬิกาของพี่ธามรึเปล่าล่ะคะ”“ไม่ใช่ กล่องนั้นของพลอยทั้งกล่องเลย”พลอยพัดชาเบิกตากว้าง “ถามจริง”เธอแขวนชุดไว
“เม็ดสีเหลืองคือพลอยปลอม วิธีสังเกตอย่างง่ายเลยก็คือให้ดูประกายของมันเวลาส่องกับแสง ถ้ามีประกายรุ้งคือปลอมชัวร์ เป็นพลอยที่สังเคราะห์ขึ้นมา และอีกวิธีที่สังเกตด้วยตาเปล่าได้ก็คือให้ดูที่เส้นของพลอย พลอยบางเม็ดมันจะมีเส้นตรงเรียง ๆ กันเป็นแถบให้เห็นกันเลย แต่บางเม็ดเราก็อาจจะต้องใช้ลูปหรือกล้องส่องพระขยายดูข้างในว่ามันมีเส้น ๆ พวกนี้ไหม จำไว้ว่าต้องเป็นเส้นตรงเท่านั้น ถ้ามีเส้นโค้งให้เห็นนั่นคือปลอม และถ้าใช้ลูปส่องดูแล้วมีฟองอากาศหรือรูปร่างกลม ๆ เหมือนโดนัทกระจายอยู่ นั่นก็ปลอมเหมือนกัน” พลอยพัดชาลองให้วนิตาใช้ลูปส่องพลอยดูด้วยตัวเอง“เส้นหรือแถบสีในเนื้อพลอยมันก็เหมือนลายนิ้วมือของคนเรานั่นแหละ แต่ละเม็ดก็จะแตกต่างกันไป ไม่มีเม็ดไหนที่เหมือนกันหรอก”พลอยพัดชาอธิบายพลางเดินไปหยิบถ้วยสีขาวในตู้มารองน้ำแล้วกลับมานั่งที่เดิม“และอีกวิธีที่ง่ายในการดูด้วยตาเปล่าก็คือการจุ่มน้ำ” เธอหยิบพลอยเม็ดสีเขียวมาจุ่มลงไปในน้ำแล้วถามว่า“นิตาเห็นอะไรไหม”“เห็นค่ะ มันเป็นแถบสีเป็นเส้น ๆ” วนิตาตอบ&