LOGINเฉินเจียวเหมยจึงเริ่มขมวดคิ้วอย่างขัดใจ และเริ่มอธิบาย
“สมุนไพรนั่น มันเป็นสมุนไพรช่วยให้เราสองคนได้อบอุ่นนะ น้ำเย็นปานนี้ เนื้อตัวเปียกชื้นอย่างนี้ ไอเย็นจะแทรกเข้าได้ เข้าใจหรือไม่ ท่านนี่ ดื้อด้าน!” ปิดท้ายด้วยการดุใส่หน้าอย่างสวยงาม
“หากเจ้าต้องการความอบอุ่น ข้าทำให้เจ้าก็ได้” จ้าวจิ่น หลงเอ่ยออกมาอย่างเหนือชั้น เขาย่อมตามใจนางในเรื่องนี้
“หยุดเลย” เฉินเจียวเหมยถึงกับสะดุ้งอย่างรู้ความนัยจึงเริ่มเสียงดัง “แค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว”
“ครั้งเดียวที่ไหน หลายครั้งอยู่” จ้าวจิ่นหลงยังคงไม่ยินยอม คืนนั้นนางดูดความอบอุ่นจากเขาไปหลายครั้งจริงดังกล่าว
“ท่านนี่!” เฉินเจียวเหมยหลับตาตะคอกหน้าแดงหูแดง อย่าย้ำได้หรือไม่! อย่าย้ำได้หรือไม่! นางทำได้แค่นั้น
“ทำไม” ครานี้เป็นจ้าวจิ่นหลงบ้างที่ยืนกอดอกหรี่ตามองเฉินเจียวเหมยอย่างผู้ชนะ
“หึ!” เฉินเจียวเหมยยังคงทำได้แค่ส่งเสียงในลำคออย่างขัดเคืองใจกับบุรุษแปลกหน้าคนนี้ยิ่งนัก นางทำได้เพียงยืนเท้าสะเอวเชิดหน้าอย่างถือดี โดยไม่มีอันใดจะกล่าว
นางเถียงเขาไม่ได้ในเรื่องนี้
จ้าวจิ่นหลงเพียงยืนกอดอกก้มมองสตรีตรงหน้าอย่างไม่ยินยอมเช่นเดียวกัน
และแล้วความเงียบงันก็เริ่มโรยตัวครอบคลุมบุคคลทั้งสองอีกครั้ง มันมักจะเป็นอยู่อย่างนั้น ทั้งถกเถียงทั้งเงียบงัน แต่ก็หาได้หนีห่างจากกันไปหลังจากที่ได้เจอะเจอ การห่างกายกลับไม่เคยเกิดขึ้น
ในยามนี้ โดยรอบเรือนกายของพวกเขานั้น ยังคงมีเสียงน้ำที่ไหลอย่างเชี่ยวกราก มีเสียงของสายลมที่ยังคงดังอย่างอื้ออึง มีเสียงนกและเสียงของสัตว์น้อยใหญ่ดังอยู่ประปราย แต่ก็หาได้เข้ามาดังอยู่ในโสตประสาทของบุคคลทั้งสองไม่
พวกเขายังคงยืนส่งสายตาฟาดฟันกันและกันในระยะประชิด ลมหายใจอบอุ่นเป่ารดใบหน้าของกันและกันอยู่อย่างนั้น
เพียงอึดใจต่อมา เฉินเจียวเหมยจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เบามากกว่าเดิม
“ข้าอยากได้จริงๆ นะ” นางเริ่มรู้สึกเย็นในกายยิ่งนัก เนื้อตัวเปียกชื้นอย่างนี้ ไอความเย็นจากน้ำที่สาดกระเซ็นกระทบเรือนกายของนางอย่างนี้ หากเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมามันอาจจะแย่เอาได้ ประเดี๋ยวไม่มีแรงหนีจะแย่
“พูดดีๆ ก็เป็นรึ” จ้าวจิ่นหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เบาลงมากกว่าเดิมเช่นเดียวกัน
“เป็น...” จบคำก็ส่งยิ้มหวานประจบหวังหลอกใช้ให้เก็บสมุนไพร สำหรับเฉินเจียวเหมยแล้วสมุนไพรพวกนี้นั้นมันมีค่ามากมายหากเทียบกับความหยิ่งยโสของนาง
จ้าวจิ่นหลงก้มมองใบหน้าของเฉินเจียวเหมยในยามนี้ยิ่งเพิ่มระดับความเข่นเขี้ยวเหลือเกิน สตรีนางนี้นี่ จริงๆเลย
“ข้ามีข้อตกลง” เขาเอ่ยขึ้นอย่างรู้เท่าทันสตรีตรงหน้า
เฉินเจียวเหมยถึงกับหุบยิ้มก่อนเอ่ยเสียงขุ่น “ว่ามา”
“อย่าแม้แต่จะคิดหนีไปจากข้า”
“...”
“จงจำให้ดีว่าเจ้าทำอันใดกับข้าเอาไว้เมื่อคืนนั้น” จ้าวจิ่นหลงกล่าวออกมาอย่างถือไพ่เหนือกว่า
เฉินเจียวเหมยที่รู้ความผิดของตนจึงทำได้แค่เพียงเม้มริมฝีปากเอาไว้อย่างไม่อาจจะเถียงสิ่งใดออกมาได้แต่อย่างใด
“ลืมไปไม่ได้หรือไรเล่า” นางถามเสียงอ่อน
“ไม่ลืม” เขาตอบเสียงเข้ม
“เรื่องนี้มันน่าอายยิ่งนัก” นางเอ่ยออกมาตามตรง ความผิดพลาดของนางคือการเป็นเจ้าของกำยานสูตรพิเศษที่บังเอิญออกฤทธิ์กับเขาในคืนนั้น นางเป็นฝ่ายกระโดดเข้าใส่เขาก่อนด้วย
“ข้าจะไม่บอกใคร หากเจ้าตามใจข้า...เรื่องนี้ข้าจะไม่บอกกล่าวแก่ใคร ดีหรือไม่” จบคำก็ยกคิ้วคมเข้มขึ้นอย่างท้าทายพร้อมรอยยิ้มเปี่ยมเสน่ห์เจ้าเล่ห์เหลือร้าย
เฉินเจียวเหมยได้แต่เม้มริมฝีปากลงอย่างเดิมก่อนจะถูกจ้าวจิ่นหลงจับอุ้มให้ขี่คอของเขาเพื่อที่นางจะได้มีความสูงมากพอที่จะเอื้อมมือขึ้นเก็บสมุนไพรมากคุณค่าลงมาได้
และแล้วสมุนไพรตรงหน้าของเฉินเจียวเหมยก็ทำให้นางอารมณ์ดียิ่งนัก นางเอื้อมมือเก็บสมุนไพรอย่างเอาเป็นเอาตาย มันเป็นอะไรที่ทำให้นางมีความสุขเหลือเกิน สมุนไพรพวกนี้ไม่สามารถหาพบได้ง่ายๆ นะ หากเจอแล้วต้องรีบคว้าเอาไว้
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ จ้าวจิ่นหลงแบกเฉินเจียวเหมยเอาไว้ทั้งตัวด้วยไหล่และต้นคอของเขาจนช่วงไหล่ของเขาระบมไปหมด หากมีผู้ใดล่วงรู้ว่าเขาที่เป็นถึงองค์ชายผู้สูงศักดิ์แห่งแคว้นจ้าวได้ยินยอมให้สตรีขี่คออย่างนี้ เขาคงถูกหัวเราะเยาะอย่างไม่น่าให้อภัย แต่เมื่อมองไปที่ใครบางคนที่ทำหน้าตามีความสุขบนความทุกข์ของเขาอย่างนั้น เขาก็ได้แต่ปลงตกอยู่ภายในใจ เพียงนางคนเดียว เพียงนางนี้เท่านั้น มีเพียงนางที่ทำกับเขาอย่างนี้ได้ น่าเจ็บใจยิ่ง!
เฉินเจียวเหมยจึงเริ่มขมวดคิ้วอย่างขัดใจ และเริ่มอธิบาย“สมุนไพรนั่น มันเป็นสมุนไพรช่วยให้เราสองคนได้อบอุ่นนะ น้ำเย็นปานนี้ เนื้อตัวเปียกชื้นอย่างนี้ ไอเย็นจะแทรกเข้าได้ เข้าใจหรือไม่ ท่านนี่ ดื้อด้าน!” ปิดท้ายด้วยการดุใส่หน้าอย่างสวยงาม“หากเจ้าต้องการความอบอุ่น ข้าทำให้เจ้าก็ได้” จ้าวจิ่น หลงเอ่ยออกมาอย่างเหนือชั้น เขาย่อมตามใจนางในเรื่องนี้“หยุดเลย” เฉินเจียวเหมยถึงกับสะดุ้งอย่างรู้ความนัยจึงเริ่มเสียงดัง “แค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว”“ครั้งเดียวที่ไหน หลายครั้งอยู่” จ้าวจิ่นหลงยังคงไม่ยินยอม คืนนั้นนางดูดความอบอุ่นจากเขาไปหลายครั้งจริงดังกล่าว“ท่านนี่!” เฉินเจียวเหมยหลับตาตะคอกหน้าแดงหูแดง อย่าย้ำได้หรือไม่! อย่าย้ำได้หรือไม่! นางทำได้แค่นั้น“ทำไม” ครานี้เป็นจ้าวจิ่นหลงบ้างที่ยืนกอดอกหรี่ตามองเฉินเจียวเหมยอย่างผู้ชนะ“หึ!” เฉินเจียวเหมยยังคงทำได้แค่ส่งเสียงในลำคออย่างขัดเคืองใจกับบุรุษแปลกหน้าคนนี้ยิ่งนัก นางทำได้เพียงยืนเท้าสะเอวเชิดหน้าอย่างถือดี โดยไม่มีอันใดจะกล่าวนางเถียงเขาไม่ได้ในเรื่องนี้จ้าวจิ่นหลงเพียงยืนกอดอกก้มมองสตรีตรงหน้าอย่างไม่ยินยอมเช่นเดียวกันและแล้วความเงียบ
“แค่ก แค่ก”เฉินเจียวเหมยสำลักน้ำจนตัวโยนในขณะที่จ้าวจิ่นหลงรีบเอื้อมมือขึ้นปัดปอยผมออกจากวงหน้าของนางพัลวัน เขารีบกอดประคองนางให้ลอยคออยู่ในน้ำทั้งอย่างนั้น พลางเมียงมองหาฝั่งที่ใกล้ที่สุดอย่างเร็วเมื่อเห็นว่านางสำลักน้ำจนหน้าแดง จมูกและริมฝีปากแดงไปหมดอย่างน่าสงสารจับใจ“ม้าเล่า” เฉินเจียวเหมยถามหาม้าในทันทีที่หายดีจากอาการสำลักน้ำ“มันว่ายน้ำไปทางนั้น” จ้าวจิ่นหลงตอบคำพลางโอบกระชับเฉินเจียวเหมยให้แนบแน่นมากยิ่งขึ้นเพื่อจะพานางขึ้นฝั่งทางด้านหนึ่งที่ประเมินดูแล้วใกล้กับพวกเขามากที่สุดในยามนี้“มันไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่” เฉินเจียวเหมยยังคงเอ่ยถึงม้าอย่างนึกห่วงใย“เจ้าห่วงตัวเองก่อนดีหรือไม่” จ้าวจิ่นหลงบ่นออกมาเฉินเจียวเหมยถึงกับหรี่ตามองใครบางคนที่นางกอดต้นคอของเขาอยู่พลันนึกขัดใจขึ้นมาก่อนเอ่ยเสียงแหลม “ม้าตัวนั้นมันช่วยท่านเอาไว้นะ”จ้าวจิ่นหลงถึงกับชะงักไปอึดใจก่อนหันหน้ามามองสตรีในอ้อมแขนด้วยสายตาบางอย่างแต่ทว่า...เขาเพียงเอ่ยเสียงต่ำออกมาด้วยอารมณ์ขัดเคืองไม่ต่างกัน “แล้วมันต้องตกหน้าผาลงมาในน้ำเพราะใคร”“...”เฉินเจียวเหมยถึงกับนิ่งอึ้งไป เพียงอึดใจจึงส่งยิ้มแห้งๆใส่หน้าจ้
เขาเป็นองค์ชายที่มีตำแหน่งพ่วงท้ายเป็นรัชทายาทแน่นอนว่าย่อมมีเรื่องเช่นนี้ เขาไม่แปลกใจ“อาเหมย...” จ้าวจิ่นหลงตัดสินใจปลุกสตรีในอ้อมกอดให้ตื่นขึ้นมาหลังจากที่นางกำลังเคลิบเคลิ้มอยู่ภายในอ้อมอกของเขา“หืม...” เฉินเจียวเหมยจึงงัวเงียตื่นขึ้นมาจากนิทรารมย์ฝันหวานที่นางไม่รู้เลยว่ามันมิใช่แค่เพียงความฝัน“ตื่นขึ้นมาก่อน ยามนี้อันตราย” จ้าวจิ่นหลงยังเอ่ยคำไม่ทันจบ รอบด้านของเขาพลันปรากฏเงาร่างของชายชุดดำหลายคนกำลังคืบคลานพรางตัววูบไหวใกล้เข้ามา“อันใด” เฉินเจียวเหมยพลันได้สติตื่นเต็มตาด้วยสัญชาตญาณจ้าวจิ่นหลงไม่เสียเวลาอธิบาย เขารีบจับยกร่างของเฉินเจียวเหมยขึ้นอุ้มแล้วนำนางไปวางเอาไว้บนหลังม้าในทันที“เจ้าขี่ม้าเป็นหรือไม่ ขี่ม้าหนีไป ข้าจะอยู่ทางนี้เอง” ชายหนุ่มรีบเอ่ย“ท่านขึ้นมา” เฉินเจียวเหมยตอบแค่นั้นพลางจับสาบเสื้อช่วงไหล่ของจ้าวจิ่นหลงแล้วย้ำ “ขึ้นมา!”จ้าวจิ่นหลงจึงรีบขึ้นหลังม้าซ้อนกับร่างของเฉินเจียวเหมยในทันทีก่อนจะเอื้อมมือไปจับดาบที่อยู่ตรงข้างลำตัวของม้าแล้วดึงออกจากฝักอย่างไม่เสียเวลาคิดอันใดเนื่องจากชายชุดดำได้เข้ามาจนถึงตัวของพวกเขาแล้วในยามนี้“ไป!” เสียงคำรามของจ้าวจิ่
ภายใต้ร่มไม้ร่มรื่นของป่าใหญ่หนาทึบ จ้าวจิ่นหลงเพียงบังคับม้าให้เดินเท้าอยู่เพียงเบาๆ มิได้เร่งรีบเหมือนดั่งเช่นในคราแรกเนื่องจากว่าในยามนี้ มีสตรีผู้หนึ่งผู้ซึ่งนั่งอยู่ภายในอ้อมแขนของเขาบนหลังม้าตัวเดียวกันนี้ นางกำลังนั่งสัปหงกคอพับคออ่อนอยู่ตรงแผงอกของเขานางคงใช้เรี่ยวแรงในการวิ่งหนีเขาเมื่อก่อนหน้านี้มากจนเกินไป หนีแล้วหนีอีกอยู่นั่น วิ่งไปทั่วหมู่บ้านอยู่อย่างนั้น มิรู้ได้ว่าจะหนีทำไมกันนักกันหนา หนีอยู่ได้ น่าขย้ำนัก!จ้าวจิ่นหลงนึกเข่นเขี้ยวอยู่อย่างนั้น ชายหนุ่มเพียงก้มหน้ามองเฉินเจียวเหมยที่กำลังนั่งหลับอยู่ตรงด้านหน้าของเขาในยามนี้ เขาจึงเอื้อมมือที่จับกุมเอวของนางขึ้นมาแล้วจับเอาศีรษะของนางกดเอาไว้ให้แนบกับแผงอกของเขา ให้นางได้หลับสบายอยู่ตรงแผงอกของเขา เขาเกรงว่านางจะสัปหงกจนตกม้าไป แล้วคอหักตายไปเสียก่อนที่จะได้เข้าพิธีแต่งงานกับเขามีสตรีมากมายที่ต้องการจะแต่งงานเป็นชายาของเขาแต่ละนางหาเรื่องเข้ามาหาเขาในวังไม่เว้นในแต่ละวัน จนเขานึกรำคาญก็เลยแอบปลอมตัวออกท่องเที่ยวไปถ้วนทั่วแผ่นดินจนมาถึงแคว้นเฉินแห่งนี้ แต่นาง...นางหนีเขา…นางทำการอุกอาจเพื่อที่จะ
เฉินเจียวเหมยเงียบงันพลันครุ่นคิดหาทางหนีทีไล่อยู่ภายในใจ เอาอย่างไรดี?“หยุดคิดที่จะหนีข้าได้แล้ว” จ้าวจิ่นหลงคำรามเสียงดังอย่างรู้เท่าทันสตรีตรงหน้าเฉินเจียวเหมยถึงกับสะดุ้งตกใจ“พูดดีๆ ก็ได้” หญิงสาวตะคอกกลับเสียงดัง“เจ้าคุยไม่รู้เรื่อง”“ท่านนั่นล่ะคุยไม่รู้เรื่อง”“เจ้านั่นล่ะ”“ท่านนั่นล่ะ”“ฮึ!”“หึ!”ทั้งสองสะบัดหน้าหนีออกจากกันคนละทิศละทางแม้ว่ากายงามจะยังคงแนบชิดพวกเขายังคงนั่งซ้อนกันอยู่บนหลังม้าอึดใจต่อมา จ้าวจิ่นหลงจึงทำท่าจะควบตะบึงม้าให้ออกตัวเดินทางอีกครา โดยที่มือข้างหนึ่งของเขายังคงรัดรึงโอบกอดร่างของเฉินเจียวเหมยที่นั่งอยู่ด้านหน้าของเขา ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็คุมบังเหียนม้าเพื่อบังคับให้ไปตามทางเฉินเจียวเหมยเห็นดังนั้นจึงรีบเอื้อมมือของตนขึ้นจับมือของจ้าวจิ่นหลงที่กำลังจับบังเหียนม้าอยู่อย่างรวดเร็วเมื่อมือเล็กจับกุมมือใหญ่ ชายหนุ่มจึงชะงักไป“หยุดเลย!” เฉินเจียวเหมยยังคงเสียงดัง“อันใด!”“ท่านจะพาข้าไปที่ใด”“พาเจ้ากลับแคว้นจ้าว”“ข้าไม่ไป”“ทำไม”“ไม่ไปก็คือไม่ไป ท่านนี่ พูดไม่รู้เรื่อง” เฉินเจียวเหมยเริ่มหงุดหงิดเหลือประมาณ“...”จ้าวจิ่นหลงถึงกับเงียบงัน เข
เฉินเจียวเหมยเพียงใช้หางตาแอบมองใครบางคนที่นั่งอยู่ข้างๆ กันอย่างระแวงอยู่ตลอดเวลา เขากำลังนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยมาดของบุรุษที่มีเสน่ห์น่าแทรกกายเข้าหานางติดใจเขาเสียแล้ว นางเป็นสตรีอย่างนี้ได้อย่างไร อา...นางต้องอยู่ให้ไกลจากเรือนร่างอันยั่วยวนของเขา นางต้องหนีเขาไปให้ไกล ก่อนที่นางจะรู้สึกคลั่งเขาไปมากกว่านี้เรื่องอย่างนี้จะให้ใครล่วงรู้ไม่ได้ โดยเฉพาะกับบุรุษน่าตายผู้นี้ นางจะต้องเก็บข่มมันเอาไว้ให้ลึกที่สุด ไม่ได้ ไม่ได้นางจะเสียชื่อหมอหญิงผู้เก่งกาจทุกสถานการณ์อย่างนี้...ไม่ได้! จะเสียท่าให้กับยาปลุกกำหนัดของตัวเองอย่างนี้...ไม่ได้! จะตกอยู่ในสภาพที่เป็นอยู่อย่างนี้...ไม่ได้! จะ....หือ!และแล้วความคิดที่ต้องการจะหนีใครบางคนด้วยเหตุผลทั้งหลายทั้งปวงของเฉินเจียวเหมยพลันตกไป ด้วยเพราะว่าใครบางคนนั้นพลันอุ้มนางลงจากรถม้าแล้วพานางมาขึ้นนั่งบนหลังม้าก่อนจะควบตะบึงม้าพานางออกมาอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าฟาดและเพียงอึดใจ เสียงควบตะบึงม้าพลันดังขึ้นมาในโสตประสาทของเฉินเจียวเหมยและทำให้นางได้เข้าใจไม่...เฉินเจียวเหมยได้แต่ร่ำร้องอยู่ในใจเวลาผ่านไปครู่ใหญ่แล้วเฉินเจียวเหมยยังคงถูกบุรุษแป







