เข้าสู่ระบบ
สวัสดีค่ะ นิยายเรื่อง ‘เพียงรักฝังใจ’ เป็นเรื่องราวความรักของเด็กหนุ่มจ้าวเฟิงฉี เป็นเล่มพิเศษภาคต่อจากนิยายเรื่อง ‘ยามรักปักใจ’ ซึ่งเป็นรุ่นลูกของจ้าวเฟิ่งกับเพ่ยหนิงนั่นเองค่ะ แต่สามารถแยกอ่านได้นะคะ เพราะเนื้อหาแยกกันเป็นเอกเทศ
เค้าโครงเรื่องคือแนวนิยม ตายแล้วเกิดใหม่ย้อนเวลากลับมาแก้ไขในร่างเดิม
เพียงแต่นิยายเรื่องนี้ไม่มีแก้แค้นสาสมสะใจอะไรนะคะ
แนวของเนื้อหาไม่หนักไม่ดราม่า ไม่มีปมซับซ้อนซ่อนเงื่อนชวนเครียดค่ะ มีเพียงเรื่องรักใคร่เบาๆ เท่านั้น เป็นเรื่องราวของการแอบรักในขณะที่อีกคนมีคู่หมั้นคู่หมาย รักที่มีจำต้องฝังไว้ในใจ มิอาจเปิดเผยโดยง่าย หากแย่งชิงได้ก็พร้อมจะทำอย่างชั่วร้าย
หากนิยายเรื่องนี้ผิดพลาดประการใด นักเขียนก็ขอน้อมรับเอาไว้เพื่อนำไปแก้ไขและปรับปรุงในเรื่องต่อๆ ไปค่ะ
ด้วยรัก
จากใจ หลี่หง
คำเตือน
นิยายเรื่องนี้ไม่อ้างอิงประวัติศาสตร์ชาติใด
ทุกตัวละครไม่มีอยู่จริง
ทุกตัวอักษรเกิดจากจินตนาการทั้งหมด
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
ขอให้ทุกท่านมีความสุขและสนุกกับจินตนาการ
ด้วยรัก
“
เมื่อรักคือการครอบครอง ไม่ยอมเป็นสองรองหัวใจใคร
การได้มาซึ่งที่หนึ่ง ย่อมต้องแย่งชิงอย่างถึงใจ
“
‘เพียงเพราะรักที่ฝังใจ ฝังลึกจนเกินไป จึงไม่รู้ตัว...’
...
เขา บุรุษผู้หนึ่งซึ่งอยู่อย่างมั่นคงกับการเกลียดชังอย่างลืมไม่ลง
ส่วนเขามาพร้อมกับรักที่ฝังตรึงในใจและความรู้สึกผิดสำนึกเสียใจ ต้องการแก้ไขใหม่เพื่อนาง มิให้ตนเองเผลอไผลจนพลาดพลั้งทำสตรีอันเป็นที่รักต้องช้ำใจอีก
แล้วนางจะเลือกใคร!
**********************************
ปฐมบท 1 รักฝังใจ
มีนิทานประโลมโลกอยู่เรื่องหนึ่ง
ตัวเอกผู้หญิงแอบมีรักปักใจกับตัวเอกผู้ชายมานานหลายปี นางที่อายุเพียงสิบสามแต่กลับมีความพยายามเข้าหาเขาทุกทาง พยายามสร้างเหตุการณ์ที่จะได้เดินเคียงไหล่เขามาโดยตลอด นางไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรคนานัปการ นับเป็นตัวเอกที่น่าสงสาร
ในขณะที่ตัวเอกฝ่ายชายนั้น เขาค่อยๆ เห็นถึงความจริงใจในตัวสตรีนางน้อยที่คอยแสดงออกถึงความพยายามอย่างไม่ย่อท้อความรักของทั้งสองรอวันผลิบานผ่านระยะทางคือความต่างวัย เพราะฝ่ายชายอายุยี่สิบสามปีมีหน้าที่มากมายที่ต้องรับผิดชอบ หนึ่งในนั้นคือแต่งภรรยาตามคำสั่งบุพการี...สตรีผู้ที่เปรียบเสมือนอุปสรรคขวากหนาม คล้ายนางมารซึ่งกางกั้นมิให้ตัวเอกได้รักกัน
นิทานเรื่องนั้น กำลังเกิดขึ้นจริงในชีวิตของพวกเขา
“เรื่องของพวกเราเป็นไปไม่ได้ เจ้าก็รู้” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างสำรวมถือตัว ทว่าในน้ำเสียงกลับแฝงความอ่อนอกอ่อนใจเอาไว้ แววตาคมที่สุขุมเยือกเย็นเพียรซ่อนแวววูบไหวมิให้นางเห็น
สาวน้อยเม้มปากพยักหน้าเบาๆ พยายามกลั้นน้ำตามิให้ไหลออกจากดวงตาคู่งาม “ข้าย่อมทราบ เพียงแต่ครั้งยังเยาว์ก็มีแค่ท่านที่ข้าผูกพันธ์จนฝังใจ จะให้ทำอย่างไร?”
หนึ่งฉุดรั้งหนึ่งผลักไส หลังจากรุกไล่กันมาโดยตลอด ฝืนเนิ่นนานกับการทนทุกข์ ฝ่ายหญิงก็เริ่มเหนื่อยใจ
แม้นางจะมาก่อนแล้วอย่างไร รักตั้งแต่เด็กแล้วอย่างไร
นางตามติดเขามานานจนเกินไป...
สาวน้อยเริ่มไม่ไหวจึงปรารถนาถอดใจจากชายอันเป็นที่รัก นางค่อยๆ ถอยห่าง หันหลังร้างลา
ในขณะที่ฝ่ายชายกลับรู้สึกว่าชีวิตคล้ายขาดสิ่งสำคัญไป เขาเริ่มมองหานางตามเส้นทางที่เคยพบเจอ
ครั้นพบพาน สาวน้อยที่เคยยิ้มหวาน เข้าหาเขาอย่างซุกซนเอาแต่ใจ กลับเมินเฉยเย็นชา สาดวาจาคล้ายกริชน้ำแข็งเข้าใส่
“ข้ากับท่าน เราสองอย่าเจอกันอีก นั่นจึงนับว่าดีที่สุด”
นางพูดจบก็ผินหน้าเดินหนี กล่าวเสียงสั่นเทาอันแผ่วเบาอีกว่า “เรื่องของเราควรจบเสียที”
กิริยาหนีห่างเช่นนี้ มีหรือเคยทำ แต่เมื่อถึงวันที่นางตัดใจ กลับเป็นเขาที่ฉุดรั้งอย่างที่ไม่เคยต้องทำกับใคร
“เจ้า...ช้าก่อน” ใบหน้าสุภาพหล่อเหลาที่เคยราบเรียบบัดนี้เผยความสับสนและสั่นคลอน
สาวน้อยหลับตา ปล่อยน้ำสีใสรินไหลอย่างช้าๆ
“ข้าพอแล้วกับความปวดใจที่ต้องเผชิญ การรักท่านแต่ต้องฝังความรู้สึกลึกล้ำไว้เพียงแค่ในใจ ข้าเหนื่อยเหลือเกิน”
แววตาบุรุษวูบไหวยากระงับจนเผยออกมาซึ่งความนัยอย่างที่ไม่เคยเป็น
ความนัยนั้น ตลอดเวลา นางเห็นและสัมผัสได้ทุกอย่าง รับรู้ทุกสิ่งว่าแท้จริงเขาคิดเช่นไรกับนาง
เพียงแต่ด้วยหน้าที่ของบุตรชายที่ดี เขากลับ...
สาวน้อยส่ายหน้าระอา “ท่านเป็นบุรุษปากไม่ตรงกับใจ”
นางต่อว่าอย่างตรงไปตรงมา ก่อนสะบัดมือออกจากการเกาะกุมของเขา เริ่มโวยวายน้ำตานองหน้า
“ความรักที่ต้องฝังให้ลึกสุดใจ เปิดเผยมิได้แม้แต่ตอนอยู่ด้วยกันในห้องหับลับตาคน ข้าเกินทนแล้วรู้หรือไม่? ปล่อยข้า!”
“ไม่!” บุรุษที่เย็นชาผลักไสนางอย่างไม่ไยดีมาโดยตลอด บัดนี้กลับจับมือนางไว้อย่างหวงแหน “เจ้าได้โปรด อย่าไป!”
“ปล่อยข้านะ”
“ไม่!”
ทั้งสองยื้อยุดฉุดกระชาก สาวน้อยดิ้นรนหมายให้หลุดพ้นเพื่อตัดขาดนิรันดร์
เขามีดวงหน้าหล่อเหลากับแววตาสุขุมลุ่มลึกเปี่ยมเสน่ห์เฉพาะบุรุษ แม้ในเวลาหลับยังแฝงความงดงามให้คนประทับใจ เพียงแต่ดวงหน้าราวรูปสลักของเขายามนี้ ถูกภาพจำในชาติที่แล้วกดทับความวิจิตรไปเสียสิ้นเสื้อตัวยาวสีขาวสะอาดตาเพียงทำให้เขาดูสง่าและภูมิฐานเช่นบุรุษคนหนึ่งเท่านั้นไหนเลยจะยังคงมีความน่าเคารพชวนนับถือเหลืออยู่อีกหลินซูซินหยุดความคิด “พี่เกาหมิง” นางแย้มยิ้มทักทายตามมารยาท“เจ้ามาคนเดียวกระมัง ให้ข้าพาเดินนะ จะได้ช่วยถือของ” เกาหมิงเอ่ยพร้อมรอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้างามสง่าตลอดเวลานางเอียงหน้ากะพริบตาช้าๆ เพียรกักแววตากังขายามลอบพิจารณาอย่างมิให้เขาสงสัยภายใต้ความกระจ่างใสในรอยยิ้มอ่อนหวานหลินซูซินเพียรแฝงไว้ด้วยความอ่อนโยนและรักษาระยะห่างไว้พอดี มิได้แสดงความสนิทสนมมากเกินไปหรือห่างเหินจนดูไม่งาม“เป็นการรบกวนท่านหรือไม่?”“เจ้าอย่าได้เกรงใจ”หลังจากทักทายนางหลายประโยคสายตาของเขาก็บังเอิญเห็นจางจิ่วเม่ยยืนอยู่อีกฝั่ง จึงเอ่ยปากทักทายกันตามมารยาท“อ่า...นั่นน้องจิ่วเม่ยมิใช่หรือ?”แววตาสีหน้าอันอ่อนโยนนั้นคือเพิ่งบังเอิญเจอจริงๆจางจิ่วเม่ยเองก็แนบเนียนยิ่ง “ช่างเหมาะเจาะเสียจริง
หลังจากผ่านพ้นภาวะฝันร้ายเสมือนจริงอันยาวนานหลินซูซินก็ตื่นขึ้นมาอย่างตะลึงลาน นางอึ้งงันอยู่เป็นนานครั้นได้สติก็รีบลุกขึ้นล้างหน้าแต่งตัวออกจากห้องส่วนตัวในเรือนหลัก เดินลงบันไดตรงไปในเรือนของโรงครัวทันทีเมื่อมาถึงจึงเห็นมารดากำลังนั่งรับลมตรงหน้าเรือนเล็กและคัดเลือดยอดใบชา เป็นภาพอันเรียบง่ายที่ฉายความสุขสงบฉับพลันนั้นภาพหนึ่งพลันปรากฏในห้วงคะนึงของหลินซูซิน เป็นภาพยามที่มารดานั่งซบหน้าร้องไห้ในพิธีศพของนางทั้งบิดามารดาร้องไห้ปานขาดใจจนน้ำตาแทบกลายเป็นสายเลือด กระทั่งล้มป่วยนอนซม สภาพไม่ต่างจากตายทั้งเป็นพวกท่านไม่อาจยืนหยัดลุกขึ้นมาทำอาหารจัดขนมในแบบที่ตนรักเท่าชีวิตได้อีกเลยจวนสกุลหลินคล้ายตกอยู่ในขุมนรกทั้งที่ไร้ความผิด บิดามารดาที่ทำดีมาตลอดทั้งชีวิตกลับตกอยู่ในสภาพน่าอดสูหลินซูซินนิ่งขึง ปล่อยความคิดชั่วแล่นนั้นลามไปทั่วสรรพางค์กาย กระแทกไปทั้งหัวใจหญิงสาวไม่ทันคิดอันใดก็พลันวิ่งเข้าไปหามารดาทันทีหลินซูซินสวมกอดมารดาแน่นทั้งรักทั้งหวงแหนแสนห่วงใย นางเพิ่งผ่านฝันร้ายอันยาวนานมา ในฝัน บิดามารดาที่เพิ่งพบหน้าต้องจากกันไกลแสนไกลชั่วนิรันดร์อย่างไม่น่าให้อภั
แน่นอนว่างานเยี่ยงนี้เสี่ยวเหยาถนัดยิ่ง นางเหยียดยิ้ม “เจ้าค่ะนายน้อย”เงาร่างอ้อนแอ้นหายไป เงาร่างสูงเพรียวคนใหม่ก้าวเข้ามาเขาคือ อี้หาน เป็นชาวยุทธ์ที่ทำงานให้ราชสำนักมาช้านานจ้าวเฟิ่งฉีสั่งการโดยไม่หันมองอีกครา “รอเวลาที่เหมาะสม ค่อยจัดการค้นจวนยึดทรัพย์ลากคนเข้าคุกรับโทษทัณฑ์”“ขอรับนายน้อย...”สกุลเกาที่สงบสุขราบรื่นเพราะลืมเลือนสตรีผู้หนึ่งไปสิ้นค่อยๆ เกิดพายุร้ายโหมกระพือภายในเรือน เปลวเพลิงแห่งชีวิตค่อยๆ แผ่ลามไปทั่วทั้งจวนภายในเวลาเพียงไม่นานเรียกว่ากรรมตามทันได้อย่างรวดเร็วไม่ต้องรอถึงชาติหน้าเดิมทีเกาหมิงที่รักหลินซูซินจากใจจริงแต่กลับนอกใจ ล้วนเป็นเพราะจางจิ่วเม่ยน่ารักซุกซน เป็นสตรีสดใสแปลกใหม่แบบที่ตนไม่ค่อยได้สัมผัสความร่าเริงของสาวน้อยซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับสตรีเรียบร้อยอ่อนหวานอยู่ในกรอบจารีตที่เจออยู่ทุกวันเช่นหลินซูซิน ย่อมทำให้บุรุษโลเลผู้หนึ่งหวั่นไหวสั่นคลอนครั้งนี้ก็เช่นกัน เมื่อเกาหมิงได้เจอเสี่ยวเหยา หญิงสาวที่เอาศาสตร์สตรีอันล้ำเลิศทุกแขนงมาไว้กับตัวดุจธรรมชาติสรรสร้างความสะสวยไม่ต้องพูดถึง ความหยาดเยิ้มยิ่งไม่ต้องกล่าวอ้างสตรีสะคราญโฉม
ส่วนคนที่ยังอยู่จะอย่างไรก็ไม่อาจเปิดเผยสัมพันธ์ลับให้เสื่อมเสียต่อวงศ์ตระกูลสกุลบ้านเดิม นางจึงยกขบวนสินสอดเดินทางไปสู่ขอจางจิ่วเม่ยอย่างชอบธรรมทันที ด้วยเหตุผลที่ว่า หลังเรือนมิอาจว่างเปล่า แต่จนใจที่บุตรชายเป็นม่ายภรรยาตาย สกุลเกาจะหาสะใภ้จากที่ใดได้ คงต้องร้องขอให้สกุลจางเห็นใจแล้วในวันที่ขบวนสู่ขอเดินทางมาถึง ในเรือนของจางจิ่วเม่ย เกาหมิงยืนอยู่ตรงหน้านางนิ่งๆ ขณะที่สาวน้อยผินดวงหน้าผุดผาดคลี่ยิ้มสดใสแฝงความงดงามหยาดเยิ้มถามเสียงอ่อนหวานว่า “ในที่สุด ข้ากับท่านจะได้รักกันแล้วใช่ไหม?”เกาหมิงพยักหน้า คลี่ยิ้มบาง เขาเอ่ยเสียงอ่อน “ข้าขอโทษที่ทำให้เจ้าต้องหลบซ่อนมาโดยตลอด”“ไม่โทษท่าน แค่วันนี้ได้รักท่าน ข้าไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น”ชายหนุ่มโอบกอดนางไว้แนบอกอย่างซาบซึ้ง ทว่าก้นบึ้งของแววตากลับรู้สึกผิดอย่างท่วมท้นต่อสตรีอีกคนขณะที่สาวน้อยซึ่งบัดนี้เติบโตเพื่อเขามีทั้งรอยยิ้มและน้ำตา ยามแนบใบหน้ากับแผงอกอบอุ่นที่ถวิลหานางช่างสุขใจหาใดเทียมและแล้วเราสองก็ได้แต่งงานกัน นางได้เป็นภรรยาของเขาอย่างถูกต้องเหมาะสมรัก...ที่แค่ฝังใจ จึงถึงคราวเปิดเผยสู่ธารกำนัลอย่างสง่างามพ
ชายหนุ่มไม่เอ่ยปากทักทายแขกเหรื่อหรือญาติสนิทคนใด เพียงคุกเข่าสงบนิ่ง จับจองความเงียบงันอยู่คนเดียวจางจิ่วเม่ยที่มีดวงตาแดงก่ำสีหน้าเสียใจลึกล้ำเดินเข้ามา คุกเข่าลงนั่งเคียงข้างกับเขา วันนี้นางมาในฐานะญาติฝั่งมารดาของเกาหมิง ส่วนอีกฐานะ มีเพียงฮูหยินผู้เฒ่าเท่านั้นที่รู้ ผู้อื่นหาได้เคลือบแคลงหรือสงสัยแม้แต่น้อยไม่“พี่หมิง” เสียงของนางแหบพร่าปนสะอื้น เมื่อครู่หญิงสาวร่ำไห้มาพักใหญ่ก่อนเดินเข้ามา “ท่านคุกเข่าอยู่ตรงนี้มาหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้วนะเจ้าคะ หากทำเช่นนี้ต่อไปจะเสียสุขภาพเอาได้”เกาหมิงเอียงหน้ามองสตรีข้างกาย “เม่ยเอ๋อร์ นางตั้งครรภ์ ข้ารอมาตั้งสามปีในที่สุดภรรยาก็ตั้งครรภ์ แล้วเหตุใดนางต้องตาย”จางจิ่วเม่ยได้ฟังพลันมีสีหน้าดำคล้ำ แววตาทะมึนลง นางเองก็ตั้งครรภ์ได้ ขอเพียงได้แต่งกับเขาอย่างถูกต้องเสียทีนางพอแล้ว ความทุกข์ตรมที่ต้องข่มกลั้นซี่งได้รับนานนับปีจากการแอบรักฝังใจกับบุรุษที่มีสตรีอื่นข้างกาย พอที!ในขณะที่จางจิ่วเม่ยคิดการณ์อันชั่วช้าเช่นนั้น เกาหมิงกลับยิ่งรู้สึกย่ำแย่ไปทั้งใจ ยิ่งมองจางจิ่วเม่ย เกาหมิงก็ยิ่งรู้สึกผิดทบทวี เดิมทีเขาปฏิเสธจางจิ่วเม่ยแล้ว ทว
ด้วยฐานะมิได้ร่ำรวยมั่งคั่ง บ่าวไพร่ในเรือนจึงค่อนข้างน้อย หน้าประตูจวนมีเพียงยามเฝ้าหนึ่งคน ตลอดทางเดินเข้าเรือนชั้นใน หลินซูซินจึงไม่พบบ่าวไพร่เดินขวักไขว่สักคนหญิงสาวเดินมาเรื่อยๆ อย่างระมัดระวังจนถึงเรือนหลัก คิดในใจว่าพักให้หายเหนื่อยสักหน่อย ค่อยทำอาหารรสเลิศรอสามีกลับมาจากทำงาน แล้วบอกข่าวดีให้เขารับรู้ท่ามกลางอาหารโอชาทว่าเหมือนฟ้าผ่าแสกหน้า เมื่อหลินซูซินเปิดประตูเข้าห้อง เดินเข้ามาเพียงหนึ่งก้าว ภาพที่เห็นทำให้นางแทบล้มทั้งยืน สามีของนางกำลังกอดกระหวัดรัดรึงอยู่กับสตรีผู้หนึ่งบนเตียงนอน กลิ่นอายวสันต์อันกรุ่นร้อนแผ่ซ่านกำจายไปทั่วห้องนอนของเราภายใต้ผ้าโปร่งพลิ้วไหว เสื้อผ้าชายหญิงกระจัดกระจาย ผ้าห่มยับย้วย ไม่บอกก็รู้ว่าพวกเขาเคี่ยวกรำอย่างร้อนแรงปานใด“กรี๊ด...”ไม่ใช่เสียงกรีดร้องของหลินซูซิน แต่เป็นของหญิงแพศยาในอ้อมกอดสามีนาง“ซูซิน” เกาหมิงมองหลินซูซินอย่างตื่นตกใจด้วยมิคาดว่าภรรยาจะกลับมากะทันหันหลินซูซินยืนชะงักค้างนิ่งงัน นางพูดไม่ออกสักคำขณะมองชายโฉดหญิงชั่วเร่งรีบลุกขึ้นจากเตียงมาสวมเสื้อผ้าอย่างทุลักทุเลแล้วเดินมาทางนางอย่างขอลุแก่โทษสีหน้าท่าทางของพวก




![จะไม่ทนกับบทบาทนางร้าย [รีไรท์ตอนจบ]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)


