[13]
ดึกดื่นที่กระท่อมท้ายสวน
_______________
อารดากลับกรุงเทพฯ ได้หนึ่งอาทิตย์แล้ว อรุณฉายพยายามใช้โอกาสนี้ หาทางเข้าใกล้พี่เขย แต่จนแล้วจนรอด เธอก็ติดต่อเขาไม่ได้ เธอโทรหาเขา แต่เขาไม่ยอมรับสายเลย ดีที่เวลาส่งไลน์ไปเขาพอจะอ่านบ้าง เขาไม่ค่อยตอบกลับหรอก จะตอบกลับแต่ละทีก็มีแต่คำด่ามาก่อนเลย แต่ไม่เป็นไร เธอไม่แคร์ เธอแค่อยากพิสูจน์ต่ออีกสักนิดว่าเขาจะมั่นคงต่ออารดามากแค่ไหน และสามสี่วันที่ผ่านมา เธอก็ค่อนข้างมั่นใจว่าพี่เขยของเธอนั่น คงจะภักดีกับพี่สาวของเธอจริงๆ เขาไม่เคยพิมพ์แชตกลับมาในทำนองโอ้โลม ไม่เคยเปิดโอกาสให้เธอคิดเข้าข้างตัวเองด้วยซ้ำ และนั่นทำให้เธอเสียความรู้สึกนิดหน่อยเพราะเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าตัวเองจะสวยและน่าดึงดูดใจผู้ชายอีกต่อไป
“หรือว่าต้องอ่อยขั้นสุด ใช่...ดูซิว่าจะติดกับหรือเปล่า หึๆๆ” เอ่ยกับตัวเองแล้วยิ้มร้าย ลองดูว่าเขาจะคล้อยตามหรือเปล่า แน่นอนว่าถ้าเธอทำตามแผนแล้วเขาเล่นด้วย เธอ...ค่อยพิจารณาที่หน้างานแล้วกัน ว่าจะเอาอย่างไรต่อไป ใช่แล้ว เธอเริ่มจะไม่มั่นใจในการกระ
[18]ตำแหน่งที่มอบให้_________________กลางดึกของคืนที่ยังมีความแคลงใจ อารดานอนอยู่ข้างสามีแต่ไม่ได้หลับ เธอหลับไม่ลง เรื่องราวหลายอย่างสุมอยู่ในใจจนยุ่งเหยิงไปหมด ศรัณเองก็เพิ่งขึ้นมาจากข้างล่าง เขานอนอยู่ตรงนี้แต่ยังไม่หลับเช่นกัน พวกเธอนอนฟังเสียงลมหายใจกันสักพัก ก่อนที่หน้าจอโทรศัพท์ของสามีจะสว่างวาบขึ้น มีเสียงข้อความจากแชตไลน์ เธอชะเง้อคอมอง แต่สักพักก็วางศีรษะลงกับหมอนเช่นเดิมศรัณลุกนั่ง เอามือถือมาดูแล้วเหลือบมองอารดา ก่อนจะยื่นมือถือไปตรงหน้าเมียรัก “เจ้าฟีฟ่าน่ะ นอนดึก แล้วชอบเล่นมือถือ พอเริ่มเขียนหนังสือคำง่ายๆ ได้ ก็ชอบส่งมา ดูสิ”เขาคะยั้นคะยอให้อารดาดู ไม่อยากให้หล่อนเข้าใจผิดคิดว่าคนอื่นส่งข้อความมา ฟีฟ่าชอบส่งข้อความหาเขาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เจ้าเด็กนั่นนิสัยไม่ดี ติดมือถือ แต่ว่า...จะให้ทำอย่างไรได้ล่ะ แต่ไหนแต่ไรมาผู้ใหญ่ทุกคนในบ้านนี้ก็มีหน้าที่นี่นา เวลาเอามือถือให้ เจ้าเด็กนั่นก็เงียบ ไม่ร้องโยเย เลยกลายเป็นติดมือถือไป ไม่ดีหรอก เขารู้นั่นแหละ“ไม่เอา ไม่ดูห
ชนนท์พยักหน้าหงึกๆ รับปิ่นโตมาถือไว้“เคยไปหนหนึ่ง ตอนไปดูราที่กอกล้วยให้ย่าน่ะ แล้วยังไง เอาให้ใคร”“เอ่อ...น้องสาวพี่เอง”“หา!?” หัวใจของชนนท์เต้นถี่ระรัว เพียงเพราะได้ยินว่าใครที่กำลังรอปิ่นโตนี้อยู่“เหมือนจะเคยเจอกันแล้วนี่ ใช่ไหม”“จริงหรือตานนท์ เคยเจอแม่หนูนั่นด้วยเหรอ”“ครับ เอ่อ...เธอเคยมาบ้านเราตอนที่พี่รัณกับพี่อุ่นยังกักตัวอยู่ท้ายสวนน่ะ แล้วตอนที่ผมไปอยู่บ้านย่า เธอก็มาอยู่กับย่าช่วงหนึ่ง”“อ้อ...อย่างนี้นี่เอง” มาลาพยักหน้าเออออ “งั้นก็ไป เอาปิ่นโตไปส่งให้หน่อย แล้วจะไปกินเบียร์ที่ไหนก็เรื่องของแก”“ฝากด้วยนะนนท์ มีผัวเมียคู่หนึ่งเฝ้าสวนให้ย่าน่ะ ถ้าไม่เห็นออมก็ฝากปิ่นโตไว้กับพวกเขานะ”“ครับพี่”ชนนท์รับคำแล้วทำเป็นเดินเอื่อยๆ ไปขึ้นรถ ราวกับมิได้รีบร้อน ทว่าพอสตาร์ตรถได้ก็พามันแล่นเข้าสวนให้ไว ขับรถไม่กี่นาทีก็ถึงทางเข้าสวนย่า เขาเปิดประตูรั้วไม้เตี้ยๆ ที่กั้นไว้แล้วเดินไปตามทางเด
‘ไม่ร้องนะลูก เข้มแข็งนะ น้องกับย่ายังต้องพึ่งลูกนะ ลูกต้องเข้มแข็งรู้ไหม อยากได้อะไร หรืออยากให้พ่อทำอะไร บอกมาเลยลูก พ่อจะทำเพื่อลูกทุกอย่างเลย’“หนูรักพ่อที่สุด...ฮึกๆ ขอบคุณนะคะพ่อ ขอบคุณมากๆ เลย...”‘ชู่ว์...พอแล้วลูก พอแล้ว เอาละนะ พ่อจะวางสายแล้วไปดูโฉนดบ้านสักหน่อย ลูกทำใจดีๆ แล้วไปหาข้าวหาปลากินซะ จะได้มีแรงนะลูกนะ’“ค่ะ...ขอบคุณนะคะพ่อ...”อารดาเอ่ยขอบคุณบิดาไม่หยุดปาก การขอให้บิดาขายบ้านเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดเท่าที่เธอเคยวอนขอ เธอขอบคุณที่ท่านยอมทำตามที่เธอบอก และไม่ถามด้วยซ้ำว่าเพราะอะไรหญิงสาวปาดน้ำตาให้แห้งหาย แล้วค่อยเข้าครัวไปช่วยน้ามาลา กลิ่นแกงเขียวหวานลอยมากระทบปลายจมูก มันฉุนเสียเธอต้องนิ่วหน้า“เป็นยังไงหนู คุยกันดีแล้วใช่ไหม” ถามสาวเจ้าในทันทีที่พบหน้า การอยู่ร่วมกับคู่ผัวเมียที่ทะเลาะกัน บรรยากาศมันไม่น่าอยู่เอาเสียเลย“ค่ะ ดีขึ้นแล้วค่ะ ขอโทษนะคะถ้าหนูพูดไม่ดีกับน้า”“ไม่มีอะไรนี่จ๊ะ ฉันเข้าใจว่าหนูรู้สึกยังไง ถ้าเป็นฉันก็คงอาละ
“ถ้าไม่พูดให้ฉันคิด ฉันก็คงไม่คิดหรอก ถ้าจะผิด เราก็ผิดทั้งสองคน”“ครับ ผมขอโทษที่พูดแบบนั้น ขอโทษที่พูดไม่คิดให้คุณต้องเจ็บ”พอได้ยินคำขอโทษ หัวใจในอกก็เหมือนได้รับยารักษาแผล เธอเงียบไปหลายนาที ก่อนเอ่ยอีก“ฉันรู้ว่ารัณต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูให้เพียงฟ้า มันเป็นสิ่งที่ถูกต้องนั่นแหละ แต่รู้ไหม ถึงจะรู้อย่างนั้นแต่ฉันก็เจ็บอยู่ดี เมื่อไหร่...ผู้หญิงคนนั้นจะไปจากที่นี่ ไปไกลๆ จากรัณ ฉันคิดอยู่แค่นี้จริงๆ”“เธอเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่เพิ่งหายป่วย และลูกของเธอก็อยู่นี่ เธอคงไม่ไปไหนอีกแล้วคุณอุ่น”“เหมือนรัณกำลังแก้ต่างให้เธอนะ”ศรัณยกมือยอมแพ้ เขาไม่อยากคุยกับอารดาแล้ว หล่อนคอยแต่จะหาเรื่องเขาตลอดเลยอารดาทิ้งร่างลงฟูกนอนเมื่อเห็นท่าทีของสามี วันนี้เธอทำตัวแย่เสียจริง เขาคงรำคาญกระมัง เธอหยุดตัวเองไม่ได้ ทำไมเป็นคนแบบนี้นะอารดา“ขอโทษที อารมณ์ฉันไม่ปกติน่ะ รัณไปอาบน้ำเถอะ จะได้ลงไปกินข้าวกัน”เธอแนะเพียงเท่านั้นแล้วหลับตาลงเสีย พยายามสงบจิตใจ ทั้งเรื่องเพ
[17]ระแวงแคลงใจ______________ช่วงค่ำของวันที่แสนจะอึดอัดใจ อารดากลับมาจากบ้านย่า เธอเดินขึ้นเรือนด้วยหัวใจที่ไม่ค่อยสดใสนัก ซ้ำร้ายสองหูยังแว่วได้ยินเสียงคนคุยกันอยู่บนเรือน เรื่องที่ได้ยินนั้นพลอยทำให้ใจของเธอขุ่นมัวมากขึ้นไปอีก“ให้เงินเธอสักหน่อยเถอะรัณ ให้เธอไปสักก้อน อย่าให้ต้องมาทำอะไรแบบนี้เลย” มาลาบอกคนที่รักเหมือนลูกชาย เพียงฟ้าทำงานหนักจนไม่ได้พัก ล้มป่วยจนต้องนอนโรง’บาล“น้าครับ บ้านผมก็เช่าให้ เงินค่าใช้จ่ายผมก็ให้ไม่ขาด น้ายังจะให้ผมให้เธออีกเหรอ”“น้าหมายถึงให้ไปเลย ให้ขาด เป็นก้อนไป เหมือนอย่างที่ผู้ชายเขาต้องเสียค่าเลี้ยงดูตอนหย่า มันไม่ต่างกันหรอกนะ และเพราะรัณกับเธอไม่ได้จดทะเบียน รัณเลยไม่ต้องจ่ายในส่วนนั้นตั้งแต่แรก”“นั่นเพราะเธอทิ้งผมไปพร้อมกับเงินสิบล้านที่ขโมยไปจากเซฟของผม”“เธอป่วยรัณ เธอป่วย...”ศรัณถอนหายใจรอบที่ร้อย ยืนเท้าสะเอวอยู่ริมระเบียง บรรยา
“พอเถอะ พี่กลับไปได้แล้ว ฉันต้องไปอาบน้ำ ฉันเหนื่อย”“เหนื่อยเหรอ นี่ทำงานในสวนจริงๆ ใช่ไหม”อรุณฉายสูดน้ำมูกฟืดๆ ลุกจากแคร่แล้วผายมือให้พี่สาวดูสภาพตัวเอง“ฉันทำทุกอย่างเพื่อหาเงินเลี้ยงตัวเอง”“ถ้าไม่อยากใช้เงินพ่อแม่ เธอก็น่าจะบอกพี่สิ”น้ำตาของอรุณฉายร่วงเผาะ เธอจะเอาเงินจากพี่สาวได้อย่างไร“ฉันนัดผัวพี่มาที่กระท่อม ฉันอ่อยเขา ฉันทำทุกอย่างเพื่อทรยศพี่ แต่สวรรค์ไม่เป็นใจ คนที่มาคืนนั้นไม่ใช่เขา และฉัน...ท้องกับผู้ชายคนนั้น! สวรรค์ลงโทษฉันเพราะฉันเลว พี่รู้อย่างนี้แล้วก็ไปซะ! อย่ามาที่นี่ อย่ามาสงสารฉัน ยิ่งพี่มาพูดดี มาทำดีกับฉัน ฉันยิ่งทรมาน ยิ่งตอกย้ำว่าฉันเลวแค่ไหน ได้โปรด...ไปเถอะพี่อุ่น อย่ามายุ่งกับฉันเลย ไปซะ!”อารดาอยากจะทรุดลงทั้งที่นั่งอยู่ อรุณฉายพูดอะไรออกมารู้ตัวบ้างไหม มันจุก มันอึ้ง มันเจ็บ แต่มันยังทนได้ เพราะความจริงเสียยิ่งกว่าจริงคอยย้ำเตือนเอาไว้ ว่าคนที่มาหาอรุณฉายไม่ใช่ศรัณ ไม่ใช่สามีของเธอพี่สาวคนดียังมิได้กลับไป ยามที่น้องสาวหนีเข้าห้องน้ำ