[8]
จัดให้กลางสวนตอนฝนพรำ
_____________________
ในช่วงเวลาที่ต้องอยู่แต่บ้าน ลดละการเดินทาง หลานสาวคนรองของย่าพร้อมกลับมิได้คิดเช่นนั้น อรุณฉายหว่านล้อมบิดามารดาไปหลายความ จนในที่สุดก็ได้มาหาคนเป็นย่า ถามว่าคิดถึงย่ามากหรือ ก็ไม่ใช่เสียทีเดียว เธอแค่อยากมาสืบๆ ดูว่าพี่สาวพี่เขยเป็นอย่างไรบ้าง อีกอย่าง การอยู่ไกลหูไกลตามารดาก็ทำให้เธอมีอิสระมากขึ้น เธอรู้ว่าถ้ามาสวนกล้วยของย่าจะเจอเข้ากับอะไร แต่เธอแข็งแรงมากพอที่จะรองรับทุกอย่างที่คนเป็นย่าบัญชานั่นแหละ
ฉับ!!
เสียงตะขอในมือสับลงบนก้านกล้วยที่หักค้างอยู่กลางลำต้น อรุณฉายปาดเหงื่อด้วยหลังมือน้อยๆ มองกลุ่มคนงานที่เดินล่วงหน้าไปก่อนแล้วหายใจหอบแรง มาสวนทีไรถูกย่าบังคับและขืนใจให้ช่วยทำงานทุกที ถ้าไม่ทำ ย่าชอบขู่ว่าจะไม่ยกสมบัติให้ เธอยอมไม่ได้หรอก เพราะถ้าย่าไม่ยกสมบัติให้เธอก็ต้องยกให้คุณพี่สาวที่แสนดีน่ะสิ
“ขันแข็งหน่อยสิคะหนูออม คนอื่นเขาล่วงหน้าไปตั้งนานแล้วค่า”
เสียงพุดตานที่อรุณฉายตั้งฉายาว่า ผู้คุม ดังตามหลั
[12]อารดาผู้เปลี่ยนไป__________________คำถามนั้นยังดังก้องอยู่ในหูของเด็กน้อยอารดา กระทั่งสองเดือนถัดมา ความสูญเสียก็เกิดขึ้นกับครอบครัว แม่ของเด็กน้อยประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนเสียชีวิต และน่าตกใจที่หล่อนมิได้จากไปเพียงลำพัง ลุงของอารดาก็อยู่บนรถคันนั้นด้วย เธอไม่รู้รายละเอียดมากนัก รู้แค่ว่าความมืดมิดได้คลี่คลุมหัวใจของเธอจนเต็มพื้นที่หลังจากวันนั้นที่หลังห้องครัว หลายต่อหลายครั้งที่เธอเห็นลุงลวนลามแม่ ครั้งแรกๆ มันเกิดขึ้นเพราะแม่อยากให้ลุงช่วยเรื่องบริษัท แต่ครั้งหลังๆ เธอรู้เลยว่าลุงบังคับแม่ หากแม่ไม่ยอมไปตามนัด ลุงก็ขู่ว่าจะเอาเรื่องนี้ไปฟ้องพ่อ เธอเห็นน้ำตาแม่นับครั้งไม่ถ้วน เธอเสียใจที่แม่จากไป แต่ว่า...นี่อาจเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับแม่แล้วก็ได้“แกมันเด็กเปรต! มีแม่ร่านๆ เที่ยวเอากับผัวคนอื่นไปทั่ว”เสียงของป้าเธอเอง มันดังอยู่ใกล้หูเพราะป้ากำลังกระซิบ มือแข็งๆ ของป้ายังหนีบเข้าที่ต้นแขนของเธอ เธอชินเสียแล้วกับการลงโทษที่ป้าทำ การโดนตีโด
“อุ่น...น้องออมเป็นยังไงบ้าง”“สบายดีค่ะ ทำไมน้าไม่เรียกกลับมาละคะ ย่าใช้งานยัยออมไม่ต่างจากคนงานทีเดียว”“โธ่...น้องออมลูกแม่”“แหม...น้าโฉม ยัยออมถึกจะตาย ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ น้องยังเด็ก คงจะสนุกตามประสามากกว่า” รสิกาเอ่ยแทรก“ขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะ น้ารู้ว่าน้องออมอดทนเก่ง ถ้าแกไม่ไหวก็คงกลับมาเอง โธ่เอ๋ย...แม่คุณของแม่ คงจะคิดถึงคุณย่าจนทนไม่ไหว เอาเลยลูก เอาใจคุณย่าเข้าไว้ คุณย่าจะได้ยกมรดกให้เยอะๆ นะลูกนะ”โฉมชบาทำหน้าเคลิ้มฝัน รสิกาเบ้ปากใส่ ในขณะที่อารดาถอนหายใจเฮือกๆ ถ้าน้าโฉมรู้ว่าอรุณฉายไปทำอะไรที่โน่น ยังจะทำหน้าเคลิ้มฝันได้อยู่หรือเปล่านะหญิงสาวได้แค่ถามตัวเองในใจ ก่อนจะลุกจากโต๊ะเพื่อตรงไปที่ห้องหนังสือ เธอแค่อยากรู้ว่าป้าอรจะคุยอะไรกับท่านเท่านั้น แล้วเสียงทุ่มเถียงกันก็แว่วดังออกมาให้เธอได้ยิน“ทำไมแกไม่บอกฉันว่าบริษัทกำลังแย่ ถ้าแกไม่เก่งพอก็น่าจะบอกฉันสิ ฉันจะได้หาคนอื่นมาทำแทน ไม่ใช่ปล่อยให้มันหนักขนาดนี้!”อรดีตวาดใส่น้องชาย ตัวเองนั้นไม
ช่วงค่ำวันเดียวกันความอึดอัดในบ้านหลังน้อยยังแผ่กำจายไม่จบไม่สิ้น ยิ่งในตอนที่อารดาได้รับโทรศัพท์จากบิดา อารมณ์ของเธอก็ยิ่งขุ่นมัวมากขึ้นไปอีก เธอคิดว่าอาจจะอยู่ที่นี่ได้แค่วันนี้เท่านั้น เธอต้องคุยกับบิดากับป้าอร เธอเบื่อเรื่องนี้เต็มทนแล้ว“เป็นอะไรอีก ไม่สบายเหรอ” ศรัณถามภรรยาที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด แต่อารดาไม่ยอมพูด เอาแต่ปิดปากเงียบเสีย “คุณอุ่นครับ” เร่งเร้าด้วยเสียงอันนุ่มอ่อน หวังว่าหล่อนจะยอมคายเรื่องราวที่อยู่ในใจออกมา“พ่อเร่งเรื่องเงินน่ะ รัฐบาลคงจะประกาศล็อกดาวน์เร็วๆ นี้เพราะโรคระบาด พ่ออยากจัดการให้มันเรียบร้อย อย่างน้อยก็ต้องจ่ายเงินที่ค้างไว้ให้พนักงาน ก่อนที่อะไรๆ จะเลวร้ายกว่านี้”“คุณอุ่นต้องตัดสินใจว่าจะเอายังไง คุณอยากเก็บบริษัทไว้จริงๆ เหรอ”เธอส่ายหน้าทันใด เธอไม่ได้อยากเก็บมันไว้สักนิด“ฉันอยากขายมันทิ้งเพราะมันทำให้พ่อต้องเหนื่อยเหลือเกิน”“ผมช่วยคุณได้นะ เอาเงินผมไปสิ เคลียร์เรื่องหนี้สินที่มี เคลียร์เรื่องเงินชดเชยของพนักงานด้วย”
อรุณรุ่งวันใหม่เสียงเหมือนคนเถียงกันดังอยู่ที่หน้าชาน อารดาก้าวขาออกมาจากห้องช้าๆ เมื่อคืนเธอคุยกับเขาเรื่องเพียงฟ้า และสรุปได้ว่า อย่างไรเสียเธอก็อยากให้เพียงฟ้าจากไป ศรัณไม่ได้รับปากว่าจะจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้นวันไหน แต่เธอรู้ดี เขาต้องจัดการมันสักวันแน่ๆ เธอครุ่นคิดเรื่องนี้ทั้งคืน เธอนอนไม่ค่อยหลับหรอก และมันทำให้เธอตื่นสายอย่างนี้ดูเหมือนว่าศรัณยังไม่ได้เข้าสวน น้ามาลาเองก็ไม่ได้ขลุกอยู่ในครัวด้วย พวกเขากำลังคุยบางเรื่องอยู่ ท่าทางเคร่งเครียด ห่างออกไปนั้น เพียงฟ้านั่งอยู่บนเสื่อผืนเล็กอย่างเจียมตัวเจียมตน มีกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กวางอยู่ ลูกชายของหล่อนนั่งอยู่ด้วย เขากอดกระเป๋าใบนั้นไว้ มีน้ำตานองหน้าและเสียงสะอื้นเบาๆ ท่าทีของฟีฟ่าทำให้เธอพอจะรู้ละว่าเกิดอะไรขึ้น“น้าครับ ขอร้องเถอะ”ศรัณเอ่ยกับมาลาอีกคราหนึ่ง หลังจากพูดประโยคนี้มาหลายรอบแล้ว“น้าต่างหากที่ต้องขอร้อง น้าพูดไปแล้วว่าทำไมเพียงฟ้าถึงต้องอยู่ที่นี่ รัณไม่สงสารลูกบ้างเหรอ ฟีฟ่าเพิ่งได้เจอแม่นะ” ถามคนที่รักเหมือนลูกแล้วชี้ไปยังหลานชาย ฟีฟ่
[11]อุปสรรคหัวใจ_____________ลมเย็นๆ พัดผ่านชานเรือน อารดารับรู้ถึงความหนาวเย็นที่กำลังแทรกซึมจากผิวเนื้อลงสู่ขั้วใจ ความทรมานได้ผุดพรายอีกคราแล้ว หนักกว่าตอนที่รู้ว่าพี่ธี อดีตคนรัก แอบไปคบกับลูกพี่ลูกน้องของเธอเสียอีกเธอไม่อยากยอมรับความจริง ไม่! ไม่จริงหรอก เธอจะรักศรัณได้อย่างไร ถึงจะเกินเลยเป็นผัวเมียกันอย่างสมบูรณ์ แต่มันเร็วไปไหมหากจะเรียกความทรมานนี้ว่าความรัก เธออาจจะแค่หวงของ ใช่...ถ้าเขาเป็นของเธอ เธอก็หวงเขาได้มิใช่หรือ ถึงพวกเขาจะเคยรักกัน ถึงจะมีความรักความหลังฝังใจแต่ผู้หญิงคนนั้นมีสิทธิ์อะไรมากอดเขาล่ะ เธอต้องเดินหนีอย่างร้าวรานใจแล้วกลับไปนอนร้องไห้บนฟูกนั่นหรือ ไม่...เธอไม่ทำอย่างนั้นหรอกนะ เธอไม่ได้ทำอะไรผิดนี่นา ไม่ได้ทำเลย!กำปั้นน้อยทุบหน้าอกอยู่ปึกๆ มันปวดหนึบในนั้นจนไม่รู้จะบรรเทาด้วยอะไรดีแอ๊ด...อารดาดึงประตูให้เปิดอ้ามากกว่าเดิม เพื่อส่งสัญญาณให้พวกเขารู้ตัว ศรัณสะบัดร่างออกจากอ้อมแขนเพียงฟ้า และหันมามองเธอด้วยดวงตาอันตื่นตกใ
กลางดึกคืนเดียวกันศรัณสะดุ้งตื่นกลางดึกเพราะฝันร้าย เขาฝันไม่ดีเลย ฝันว่าเพียงฟ้าจะมาพาฟีฟ่าไปจากเขา ความรู้สึกมันทรมานยิ่งกว่าโดนแทงซ้ำๆ เขาลุกออกจากฟูกนอน ไม่ลืมหันไปดูอารดา เขารังแกหล่อนตั้งแต่จบมื้อค่ำจนเกือบเที่ยงคืน หล่อนคงเพลียมาก หลับสนิทเลย“ฝันดีนะคุณอุ่น” บอกเมียแล้วดึงผ้ามาห่มให้ ก่อนจะฉวยเอาโทรศัพท์มือถือก้าวออกจากห้องไป เวลาค่อนคืนที่บ้านสวนเงียบสงัด มีเสียงแมลงกลางคืนร้องระงม แสงจันทร์จางๆ ที่โผล่พ้นแนวหมู่เมฆ ยังส่องลงมากระจ่างที่กลางชานศรัณดึงมือถือมาเปิดดู เข้าอีเมลเพื่อส่งข้อความถึงใครบางคน‘หัวใจที่เคยเจ็บปวด กำลังเจ็บขึ้นมาอีกครั้งแล้ว เจ็บคราวนี้เจ็บยิ่งกว่าเดิมอีก เพราะคนที่คิดว่าทำให้มันเจ็บ แท้จริงแล้วไม่ได้ตั้งใจ ผมควรทำยังไงดี ทิ้งมันไว้ข้างหลังเป็นเพียงอดีต หรือโอบอุ้มมันมาใส่ใจ แต่ว่า...ถ้าทำอย่างนั้น ภรรยาของผมล่ะ ผมควรต้องทำยังไงกับเธอ ผม...เลิกกับเธอไม่ได้หรอกนะ ผมรักเธอมากจริงๆ’ระบายความใจแล้วกดส่งเมลออกไป อีกเป็นอาทิตย์กระมังกว่าคุณกระต่ายป่าจะตอบกลับมา ระยะเวลานานขนาดนั้น บางทีเขาคงหาทาง