สามีของฉันและลูกสาวตัวปลอม เป็นคู่รักที่มีใจให้กันมาตั้งแต่เด็ก ฉันและลูกสาวตัวปลอมถูกลักพาตัวไปพร้อมกัน สามีซึ่งเป็นแพทย์ตามรถพยาบาลไปยังที่เกิดเหตุลักพาตัว แต่กลับเลือกช่วยเธอก่อน ทอดทิ้งฉันที่ขาหักทั้งสองข้างให้ต้องตะเกียกตะกายอย่างสุดชีวิตในท้องทะเล ในขณะที่กำลังจะตาย ฉันร้องขอให้เขาช่วยฉันและลูกในท้องของฉัน เขากลับเหลือบมองฉัน และก่อนจะเดินจากไปก็พูดด้วยความเมตตาว่าจะช่วยโทรเรียกรถพยาบาลให้ฉัน แล้วพูดว่า “เพื่อเอาตัวรอด คุณถึงกับกุเรื่องลูกขึ้นมาเลยเหรอ น่าขยะแขยงจริงๆ” “ผมตอบแทนบุญคุณที่คุณช่วยผมไว้หมดแล้ว จะมาเซ็นใบหย่าที่โรงพยาบาลทีหลัง” หลังจากฟังจบ ฉันจึงใช้มือที่สั่นเทาถอดเครื่องช่วยฟังออกจากหูขวา
ดูเพิ่มเติม[มาหาฉันที่บ้าน] นาราหรือนาคถอนหายใจหลังจากได้ยินประโยคนั้น เธอลุกจากแปลงผัก ปาดเหงื่อบนหน้าผากออก ก่อนจะปั่นจักรยานออกมาจากแปลงดินขนาดสิบไร่
ที่นี่คือไร่ธรภูมิ ที่ดินแปลงเกษตรเกือบห้าพันไร่ เป็นของตระกูล ธรภูมิ ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแถบนี้ และ ใช่ ตอนนี้นาราเป็นลูกหนี้ของครอบครัวนี้อยู่ และใช่ อีกนั่นแหละว่าเธอเป็นลูกหนี้ขัดดอก ใช้หนี้ยังไงก็ไม่หมดสักที
ช่างเถอะ เรื่องนี้เธอจะมาเล่าให้ฟังทีหลัง เพราะตอนนี้ต้องไปหาใครคนหนึ่งก่อน
พอพาหนะคู่ใจพามาถึงบ้านเรือนไทยขนาดใหญ่ ที่รอบข้างปกคลุมไปด้วยต้นไม้ ดอกไม้ประดับ ร่มรื่นและเย็นสบาย นาราก็ขึ้นไปบนบ้าน เข้าไปในห้องริมฝั่งซ้ายสุด
“ทำไมช้า” ชายที่นั่งอยู่บนเตียงมองเธอด้วยใบหน้าเรียบตึง นาราถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
“ก็ฉันถอนหญ้าในแปลงผักอยู่ เพิ่งเห็นข้อความค่ะ” จริงๆนะ เธอไม่ได้สนใจมือถือเลย
“เหรอ” ทว่าสิงหราช หรือนายหัวสิงที่ทุกคนในไร่ต่างเกรงกลัวกลับแสยะยิ้ม ร่างดูดีสมส่วนย่างสามขุมมาหาเธอ เพียงชั่วอึดใจเขาก็อยู่ตรงหน้านาราเสียแล้ว คนตัวเล็กสั่นไปทั้งตัว
“แล้วไอ้ปลัดน่าโง่นั่นโผล่มาจากไหนกัน”
“คุณ!” นาราหน้าแดง เธอโกรธ ทำไมเขาต้องเอาแต่ว่าพี่ชายเธอแบบนั้นด้วย ถึงภูริจะเป็นพี่ชายที่มหาลัยของเธอ แต่นาราไม่ชอบอยู่ดี อีกอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องเป็นแบบนี้ทุกที
“ฉันบอกแล้วว่าพี่ภูเป็นพี่ชายของฉัน เขาแค่มาหา ทำไมต้องว่าเขาด้วย”
“แล้วใครใช้ให้มันมา นี่ไร่ของฉันไม่ใช่ของเธอ อีกอย่างลืมแล้วเหรอว่าเธอเป็นใคร” สิงหราชตะคอกนาราเจ็บแปล๊บในใจ ใช่ เธอเป็นแค่ลูกหนี้เขาเท่านั้น แล้วหนี้มหาศาลมากมายไม่รู้กี่ชาติจะใช้หมด
ครอบครัวของเธอเคยมีฐานะพอปานกลางทว่ามีปัญหาภายในครอบครัว เลยทำให้แม่ตัดสินใจเอาที่ดินมาจำนองกับเจ้าของไร่ธรภูมิคนเก่าซึ่งเป็นพ่อของสิงหราชเพื่อนำมาใช้หนี้ แต่แล้วไม่มีเงินมาไถ่คืน ด้วยความกลัวเสียที่ดินไปและไม่มีที่อยู่อาศัยทำให้ต้องใช้หนี้ทั้งหมดเพื่อความอยู่รอด
ในตอนแรกนาราก็ไม่อยากทำ แต่เมื่อเห็นแม่ของเธอร้องไห้จนสลบไปหลายวัน สุดท้ายลูกคนที่เหลืออย่างเธอนอกเหนือจากพี่ชายที่ติดทหาร ต้องมารับกรรมกันไป
ใช่ ไม่เพียงแต่ใช้แรงงานเท่านั้น หน้าที่ที่ทำอยู่ยังรวมถึงการเป็นนางบำเรอบนเตียงด้วย
“ฉันอยากอาบน้ำ มาอาบให้ด้วย” เมื่อเห็นเธอนิ่งไปเขาจึงเอ่ย รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจกับโชคชะตาของตน สิงหาราชก็ขึ้นเสียง เดินหันหลังนำเธอไปยังห้องน้ำที่อยู่ในห้อง
ร่างบางถอนหายใจ ทว่าสุดท้ายต้องยอมจำใจไปอยู่ดี
เมื่อมาถึงเห็นว่าเจ้าของไร่ธรภูมิ หรือลูกชายคนรองของที่นี่เปลื้องผ้า เดินลงไปในอ่างอาบน้ำที่มีน้ำเต็มอยู่แล้ว หญิงสาววัยยี่สิบห้าปีหลับตาลง เพราะเธอไม่อยากเห็น ทั้งๆที่เห็นมาหลายสิบครั้ง
“ยืนอยู่ทำไม ถอดเสื้อผ้าเธอซะทีหรือให้ฉันถอดให้”
“แต่แค่อาบน้ำ ทำไมคุณต้องให้นาคถอดด้วย”
สายตาเย็นชาปรายมองทางเธอ “ฉันไม่ชอบกลิ่นผู้ชายคนอื่น”
กลิ่น ผู้ชายคนอื่น? หมายถึงพี่ภูของเธอ
นาราอยากจะบ้าตาย ทำไมเขาต้องเอาแต่ใจขนาดนี้ แต่เพราะเธอไม่อยากชวนทะเลาะ หญิงสาวจึงปลดกระดุมเสื้อลายสก็อตของเธอออก รวมถึงกางเกงวอร์มขายาว
ร่างอวบอิ่มเหลือเพียงชุดชั้นในตัวจิ๋ว แวบหนึ่งที่นารารู้สึกใจเต้น เมื่อสิงหราชตวัดมองทางเธอ เขาหันไปทางอื่นเพียงเวลาอันรวดเร็ว
นาราหน้าแดง ก่อนเคลื่อนกายไปนั่งบนขอบอ่าง หญิงสาวหยิบสบู่ขึ้นมาบีบใส่มือ ก่อนค่อยๆละเลงมันลงบนตัวคนกำยำ
ภายในห้องน้ำเงียบงัน กลิ่นหอมอ่อนๆของฟองสบู่ลอยมาเตะจมูก ดวงตากลมโตไล่มองแผ่นหลังกว้างจากเบื้อง
หลัง
เขาคงเหนื่อยมาก
นาราคิดแบบนั้นเพราะในไร่นี้ สิงหราชเป็นคนคุมงานคนเดียว
สาวิตว์ มีลูกชายอยู่สี่คน ลูกสาวคนโตเป็นผู้หญิงชื่อนารี ตอนนี้เธอไปอยู่ที่ต่างประเทศนานๆกลับมาที คนรองก็คือสิงหราช ชายหนุ่มอายุ สามสิบห้าปี เป็นคนที่เอาแต่ใจและดุมากๆในสายตาเธอ ถึงเขาจะหล่อจนคนงานในไร่ต่างพากันหลงใหล แต่เชื่อเถอะ ไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าเข้าใกล้เลยสักคน นอกซะจากผู้หญิงใจกล้า ยั่วยวนเขาอย่างหน้าไม่อาย
คนที่สามคือเหนือเมฆ อายุสามสิบสองปี ชายหนุ่มเป็นผู้ควบคุมกิจการส่งออกของธรภูมิ บริษัทของครอบครัวที่ตั้งอยู่ที่ชลบุรี ซึ่งนานๆทีเขาจะกลับมา
คนที่สี่คิมหันต์ เขาเป็นฝาแฝดกับธันวา ทั้งสองอายุสามสิบเอ็ดปีมีหน้าที่ดูแลกิจการที่กรุงเทพ นานครั้งกลับมาอีกเช่นกัน
คนในครอบครัวนี้ นารามีโอกาสเห็นเพียงหนึ่งครั้งในหนึ่งปี ตอนที่เกือบทั้งหมดกลับมาวันครบรอบการตายของพ่อ และ บางคนก็ไม่เคยเห็นเลย ใช่ บิดาและมารดาของสิงหราชเสียชีวิตกันหมดแล้ว และไร่นี้เขาเป็นคนคุมหมดเลยทั้งหมด
ไม่แปลกที่จะเหนื่อย
แต่น่าแปลกที่เขาไม่แต่งงานสักที เธอทำงานอยู่ที่นี่สองปี เห็นสิงหราชควงผู้หญิงอยู่แค่สองครั้ง ส่วนรายละเอียดเธอไม่รู้ เพราะไม่อยากรู้
มือนุ่มนวดไปที่บ่ากว้าง เป็นหน้าที่ของเธอที่ต้องทำให้เขาผ่อนคลาย ทว่าต่อมากลับต้องกรีดร้องเพราะเขาดึงเธอเข้าไปในอ่างเดียวกัน
ฟองสบู่แตกกระจายเป็นวงกว้าง นารามองคนที่กำลังโอบรอบเอวบางตาโต ทุกอย่างมันเร็วไปหมด เร็วจนใจหายใจคว่ำ
“เหนื่อย” ร่างสูงเอ่ยออกมา นารามองซ้ายมองขวายิ่งเขากอดเธอแน่น ลูบไล้ไปทั่วตัวหญิงสาวยิ่งรู้สึกขนลุกขนชัน
“แต่นาคต้องทำงานตอนบ่ายนะคะ” รู้ว่าเขาหมายความว่ายังไง เพราะสิงหราชกำลังบอกเธอให้ปรนนิบัติเขาแบบที่เคยทำ
“ไปสายก็ได้ฉันไม่ว่าหรอก” มือหนานวดคลึงปลายคางเล็ก นาราใจกระตุกวูบ เธอมีเหตุผลที่ไม่อยากไปทำงานสาย เพราะคนอื่นจะมองว่าเธอได้รับสิทธิพิเศษ พร้อมกับถูกนินทาให้ได้ยิน เธอโดนว่าว่าเป็นผู้หญิงขัดดอกของสิงหราช ปล่อยร่างกายให้นายหัวของไร่เชยชม แต่ความจริงแล้วเขาเป็นคนบังคับเธอทั้งนั้น
“อื้อ” พอปฏิเสธไม่ได้นิ้วแข็งแกร่งก็ดึงใบหน้าของเธอเข้าไปใกล้ ริมฝีปากของคนใต้ร่างที่โอบรัดเธอ รุกรานริมฝีปากเล็กดูดเม้ม สอดลิ้นเข้ามาพัวพันแทบหลอมละลายเป็นหนึ่งเดียว
“อะ” ร่างน้อยกระตุกยามฝ่ามือหนาเลื่อนขึ้นมายังทรวงอกอวบอิ่ม สิงหราชบีบเคล้นมันหนักสลับเบา เกิดความเสียวซ่านแผ่ไปทั่วสรรพางค์
“ซี๊ด เธอสวยมาก” ชายหนุ่มครางออกมา น่าแปลกที่เขาบอกเธอแบบนั้นทุกครั้งในตอนที่ทำอะไรกัน ทว่าตอนอยู่ข้างนอกกลับเย็นชา ดุดัน โหดร้ายราวกับเป็นคนละคน
นารารีบเกาะไหล่หนาไม่ปล่อย เมื่อร่างกายถูกอุ้มขึ้นมาจากน้ำ สิงหราชวางเธอบนอ่างล้างหน้า ก่อนที่กายหนาจะเข้ามาชิด บดเบียดเสียดสีจนผิวเนื้อติดกัน
ร่างกายที่โดนเขาสัมผัสร้อน ใจกลางร่างของนาราปวดหนึบปะทุความต้องการออกมาอย่างเต็มเปี่ยม ไม่ต่างจากร่างสูงที่พร้อมสาดอาวุธสำคัญเต็มที
“อยู่นิ่งๆ” เขาสั่ง ริมฝีปากฝั่งลงบนซอกคอเธอ นาราได้แต่ขยุ้มผมดกดำ เงยหน้าขึ้นด้านบน ปลายเล็บจิกเกร็งบนพื้นหินอ่อนจนเจ็บ แล้วเวลานั้นเองที่มือใหญ่จับมือของเธอออกมา
“อย่าทำ เดี๋ยวเลือดออก” ความร้อนวูบแผ่ไปทั่วดวงหน้าเพราะสิงหราชจับมือเธอขึ้นไปจูบ ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลงใหลความอ่อนโยนที่เขามีให้เหลือเกิน จนบางครั้งนาราหวังสูงว่าเขาจะทำแบบเดียวกันเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น แต่เธอคงหวังมากเกินไปเพราะไม่มีวันเป็นจริง
ด้วยสถานะแบบเธอ นาราคงเป็นได้แค่นางบำเรอเท่านั้น
ทันใดนั้นวันหนึ่ง กู้เซิ่นเหยียนก็ได้สติขึ้นมา ดวงตาไม่มัวหมองอีกต่อไปเขาไปตัดผมใหม่ที่ร้านตัดผม และเปลี่ยนไปสวมสูทสีดำซื้อดอกไม้ช่อหนึ่ง แล้วขับรถไปที่หลุมศพของฉันแสงแดดแรงมากจนฉันลืมตาไม่ขึ้นเมื่อมายืนอยู่ตรงหน้าหลุมศพของฉัน เขาก็เริ่มสารภาพบาป“ถังถัง ผมเสียใจที่ไม่รู้ใจตัวเองให้เร็วกว่านี้”“แม้ว่าจะไม่ได้รักคุณ แต่ในตอนนั้นผมก็ควรช่วยเหลือคุณ”“ถ้าผมไม่ใจร้ายเกินไปและเชื่อเหลียงอี่อันมากเกินไป ตอนนี้คุณกับลูกคงจะมีสุขภาพแข็งแรงและอยู่เคียงข้างผม”“เป็นผมเอง ที่ทำลายความสุขด้วยมือของตัวเอง และยังทำร้ายคุณกับลูกอีก”ในขณะนี้ เขาที่กำลังแสดงความรักอย่างลึกซึ้ง ในสายตาของฉันกลับดูตลกขบขันฉันไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งใจเลย“ถังถัง ผมจะให้คำอธิบายแก่คุณเอง”เหลียงอี่อันตายไปแล้ว ยังจะต้องอธิบายอะไรอีก?ฉันนั่งอยู่ที่เบาะหลังของรถกู้เซิ่นเหยียนเห็นด้วยตาตัวเองว่าเขาเร่งความเร็วขึ้น และชนเข้ากับตอม่อสะพานจากนั้นวิญญาณของเขาก็ค่อยๆ ลอยออกจากกายเนื้อในขณะที่วิญญาณของฉันเริ่มเลือนรางหายไปเขาลืมตาขึ้นเห็นฉันดวงตาเปล่งประกายด้วยความยินดีเขาลอยมาหาฉันอย่างบ้าคลั่งน่าเสี
“ทำไมน่ะเหรอ? ก็เพราะเกลียดพวกคุณน่ะสิ อยากเอาคืนให้สาสม”เธอพูดพลางมองไปที่คุณพ่อคุณแม่ที่ร้องไห้จนตาบวมแดง“คนที่พวกคุณให้ฉันแต่งงานด้วย ฉันต้องทนกับความรุนแรงของเขาทุกวันเป็นเวลาหลายปีที่อยู่ในต่างประเทศ เขาไม่เคยเห็นฉันเป็นคนเลย บังคับให้ฉันไปรับลูกค้า และสุดท้ายก็ทำให้ฉันสูญเสียความสามารถในการมีลูก"“ความทุกข์ยากในชีวิตของฉันล้วนเกิดจากพวกคุณทั้งนั้น ดังนั้นฉันจึงอยากจะฆ่าลูกสาวตัวจริงของพวกคุณ ถ้าฉันมีชีวิตไม่ดี เธอก็อย่าคิดจะมีชีวิตที่ดีเลย”เธอบ้าคลั่งราวกับคนเสียสติฉันส่ายศีรษะ คุณพ่อคุณแม่ของฉันไม่ได้รู้สึกเสียใจมากนักในหัวใจของคุณพ่อคุณแม่ เหลียงอี่อันคือลูกสาวของพวกท่านพี่ชายกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ เขาชี้ไปที่เหลียงอี่อันแล้วพูดเสียงดัง "ถึงแม้จะรู้ว่าเธอไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของคุณพ่อคุณแม่ฉัน ตระกูลเหลียงของเราก็ไม่เคยเอาเปรียบเธอเลย"“การแต่งงานเป็นเรื่องที่เธอตัดสินใจเอง ก่อนจะหมั้นเราก็เคยบอกไปแล้วว่าคนคนนั้นนิสัยไม่ดี”“เธอเป็นคนบอกเองว่ายอมรับการแต่งงานกับคนที่ฐานะต่ำกว่าไม่ได้ เธอไม่สามารถแต่งงานกับผู้ชายที่ด้อยกว่ากู้เซิ่นเหยียนได้”ในโลกนี้มีเพียงพี่ชายเท่านั้
ทุกคนต่างก็งุนงงว่าทำไมตำรวจถึงมาที่ห้องโถงไว้ทุกข์ของฉัน?มีเพียงเหลียงอี่อันเท่านั้นที่ดูตื่นตระหนกอย่างมาก“ใครคือเหลียงอี่อันครับ?” ตำรวจถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง“คุณตำรวจคะ ขออนุญาตถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอคะ?”เมื่อได้ยินว่าตำรวจกำลังตามหาเหลียงอี่อัน คุณแม่ของฉันก็ถามด้วยความตื่นตระหนกคุณแม่เลี้ยงดูเหลียงอี่อันมาด้วยตัวเอง ท่านปฏิบัติต่อเหลียงอี่อันดีกว่าฉันซึ่งเป็นลูกสาวแท้ๆ ซะอีก“หลังจากการตรวจสอบข้อมูลจากหลายแหล่งแล้ว ได้รับการยืนยันแล้วว่าคนที่ลักพาตัวเหลียงอี่ถังไปคือเหลียงอี่อันครับ ดังนั้นผมจำเป็นต้องพาตัวเธอไป”เมื่อคุณแม่ได้ยิน เธอก็ขาอ่อนล้มพับลงกับพื้นทันทีกู้เซิ่นเหยียนมองตำรวจอย่างงุนงง ถอยหลังไปเรื่อยๆ พร้อมกับส่ายศีรษะ“เป็นไปไม่ได้ เหลียงอี่อันจะลักพาตัวถังถังไปได้ยังไง? ผมเป็นคนจ่ายค่าไถ่และไปช่วยเธอออกมาเอง…”เขาไม่พูดอะไรต่ออีก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเสียใจและความเจ็บปวดอย่างถึงที่สุดในขณะนั้น ดูเหมือนเขาจะคาดเดาอะไรบางอย่างได้แล้วจ้องเหลียงอี่อันด้วยดวงตาแดงก่ำราวกับต้องการฆ่าใครสักคน เมื่อเห็นเหลียงอี่อันถูกพาตัวไป คุณแม่ก็พยายามสุดชีว
ศพของฉันถูกผ่าชันสูตร และตำรวจกำลังสืบสวนหาสาเหตุการตายอย่างจริงจังผู้ที่อยู่เบื้องหลังการลักพาตัวคือเหลียงอี่อันเมื่อเหลียงอี่อันขอความช่วยเหลือจากกู้เซิ่นเหยียน ได้ร้องขอเขาอย่างหนักแน่นว่าอย่าแจ้งตำรวจกู้เซิ่นเหยียนก็ไม่ได้แจ้งตำรวจตามที่เธอขอจริงๆ และยอมนำเงินค่าไถ่ไปช่วยเหลือเธอนี่ยังช่วยให้คนร้ายลักพาตัวมีเวลามากพอที่จะหลบหนียิ่งไปกว่านั้น หลักฐานหลายอย่างก็ถูกเหลียงอี่อันทำลายไปแล้ว ทำให้การสืบหาความจริงเป็นไปได้ยากมากขึ้นกู้เซิ่นเหยียน การตัดสินใจของคุณทำให้ฉันจมดิ่งอยู่ในความทุกข์มากยิ่งขึ้นตอนนี้ผลการตรวจพิสูจน์ออกมาแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องเก็บศพของฉันไว้อีกต่อไปหลังจากคุณพ่อคุณแม่และพี่ชายได้ปรึกษากันแล้ว จึงตัดสินใจเผาศพฉันโดยไม่ได้แจ้งให้กู้เซิ่นเหยียนทราบแต่กู้เซิ่นเหยียนก็ยังคงได้รับข่าวเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาดและโกนหนวดใหม่เขายืนอยู่หน้าห้องโถงไว้ทุกข์ มองร่างไร้วิญญาณของฉันเขาพูดว่า "ถังถัง ผมชอบคุณจริงๆ ผมคิดว่าคนที่ผมรักมาโดยตลอดคือเหลียงอี่อัน แต่พอสูญเสียคุณไป ผมเลยได้รู้ว่าผมตกหลุมรักคุณมาตั้งนานแล้ว และคุณคือคนที่สำคัญที่สุดสำหรับผม"ฉันยืน
เมื่อเหลียงอี่อันไม่สามารถติดต่อกู้เซิ่นเหยียนได้ จึงมาหาเขาที่บ้านทันทีที่เปิดประตู เหลียงอี่อันก็พุ่งตัวเข้าไปในอ้อมแขนของกู้เซิ่นเหยียน“เซิ่นเหยียน สองวันที่ผ่านมาติดต่อคุณไม่ได้เลย คุณรู้ไหมว่าฉันเป็นห่วงแค่ไหน”กู้เซิ่นเหยียนไม่ได้ผลักไสเธอออกไป ปล่อยให้เธอร้องไห้ในที่สุดเมื่อเหลียงอี่อันร้องไห้มากพอแล้ว ดวงตาของเธอก็แดงก่ำ“เซิ่นเหยียน ฉันรู้ว่าการจากไปของพี่ถังถังทำให้คุณเสียใจมาก แต่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นไปแล้ว คุณอย่าคิดมากเลย”“แล้วคุณก็เคยบอกว่าจะหย่ากับพี่ถังถังไม่ใช่เหรอ?”“จากนี้ไป ให้ฉันดูแลคุณเองดีไหม?”เธอพูดพลางปลดกระดุมเสื้อของกู้เซิ่นเหยียน แต่ถูกเขารีบจับมือไว้เหลียงอี่อันมองกู้เซิ่นเหยียนด้วยความไม่เข้าใจ ใบหน้าของเธอดูไร้เดียงสาและบริสุทธิ์กู้เซิ่นเหยียนผลักเหลียงอี่อันออกจากอ้อมแขนอย่างเย็นชา“ถังถังไม่เคยทำร้ายคุณ เพื่อที่จะใส่ร้ายให้เธอมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในบ้านตระกูลเหลียง คุณถึงได้กลิ้งตกบันไดเองใช่ไหม?”เหลียงอี่อันมีสีหน้าสับสน รีบร้อนอธิบายแก้ตัว“เซิ่นเหยียน คุณรู้จักฉันดีที่สุด ทำไมฉันต้องทำร้ายตัวเองเพื่อใส่ร้ายพี่ถังถังด้วยล่ะ?”“นอกจ
กู้เซิ่นเหยียนไม่ได้ออกไปข้างนอกติดต่อกันสองวันแล้ว แม้จะมีสายเข้าเขาก็ไม่รับเขาซ่อนตัวอยู่ในห้องนอน ล็อกประตู แม้ว่าพนักงานจะมาทำความสะอาดห้อง เขาก็ไม่เปิดประตูเขาพบไดอารี่ของฉันในลิ้นชักฉันมีนิสัยชอบเขียนไดอารี่มาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมต้น ในนั้นฉันได้เขียนเรื่องราวการแอบชอบกู้เซิ่นเหยียนเอาไว้ฉันไม่อยากให้เขาเห็นอดีตอันแสนโง่เขลาของฉันคิดอยากจะหยุด แต่ทำได้เพียงมองเขาเปิดมันออกเท่านั้นฉันไม่ได้ชอบชอบกู้เซิ่นเหยียนพราะมีเรื่องราวช่วยเหลือแบบละครน้ำเน่าอะไรนั่นหรอกนะ แค่เพราะว่าเขาหล่อและเรียนเก่งต่างหากในช่วงวัยรุ่น ผู้หญิงมักจะแอบชอบผู้ชายที่เก่งกว่าตัวเอง ฉันเองก็เช่นกันภายใต้แสงไปสลัว ฉันในวัยสิบกว่าปีเขียนลงในไดอารี่ว่า‘ฉันชอบกู้เซิ่นเหยียน เขาไม่เพียงแต่หล่อและเรียนเก่งเท่านั้น แต่ยังใจดีอีกด้วย ฉันเห็นเขาบริจาคเงินให้เด็กยากจนด้วยล่ะ’‘น่าเสียดายที่ครอบครัวฉันธรรมดา เขามาจากตระกูลร่ำรวย เราคงไม่มีโอกาสได้คบกัน’ต่อมา ฉันได้กลายเป็นลูกสาวตัวจริงของตระกูลเหลียง และได้เขียนลงในไดอารี่ว่า‘ฉันรู้สึกผิดมากที่ได้แต่งงานกับกู้เซิ่นเหยียนแทนอี่อัน กู้เซิ่นเหยียนดูเหม
ความคิดเห็น