หน้าหลัก / วาย / เพื่อนสนิทผมคลั่งรัก / บทที่ 3 กระโดดข้ามเส้น

แชร์

บทที่ 3 กระโดดข้ามเส้น

ผู้เขียน: เธียรนรา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-09-09 11:30:00

             ตั้งแต่วันนั้นผมก็หลีกเลี่ยงที่จะได้ใกล้ชิดกับไอ้กรอีก หรือแม้แต่เวลาที่จะได้อยู่กันสองต่อสองผมก็จะเว้นระยะห่างกับมันเพราะผมรู้แล้วว่าสิ่งที่ตัวเองรู้สึกกับกรมันไม่ใช่ความรู้สึกแบบที่เพื่อนทั่วไปเขารู้สึกกัน

             “ไอ้ต้น” ร่างสูงเดินเข้ามาพร้อมกับพาดแขนลงบนลาดไหล่ของผม ผมได้แต่กัดริมฝีปากเพื่อข่มอารมณ์ของตัวเองไว้แล้วผ่อนลมหายใจเข้าออกช้า ๆ เพื่อตั้งสติไม่ให้กระเจิงไปมากกว่านี้

             “อะไรวะ” ผมขมวดคิ้วแล้วหันหน้าไปมองกรที่โอบไหล่ของผมอยู่ด้วยสีหน้าสงสัย

             “กูอ่านหนังสือที่มึงให้ยืมจบแล้วนะ เดี๋ยวกูเอามาคืน” ไม่อยากเชื่อว่ามันจะอ่านหนังสือเล่มนั้นจบ ผมเลยพยักหน้ารับก่อนจะเดินออกไป มันก็ยังคงตามติดผมด้วยการโอบไหล่แถมยังเกาะติดไม่ปล่อยอีกต่างหาก

             มันเป็นคนหรือตุ๊กแกวะเนี่ยเกาะเก่งจังฮะ

            “เซ็งว่ะ” ผมลงมานั่งบนเก้าอี้ในโรงอาหาร สิ่งแรกที่ได้ยินเห็นจะเป็นเสียงของเพื่อนสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มที่นั่ง

เท้าคางบนโต๊ะพลางบ่นออกมาด้วยสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์นัก

            “เป็นไรวะธิดาทำหน้าบูดเหมือนตูดลิงเลย” ไอ้กรเอ่ยแซวเธอจนเธอต้องช้อนสายตาขึ้นมามองค้อน

            “แม่งงอนพี่ชายกูอะดิ รุ่นน้องมาจีบมันเลยงอน” คิณว่าด้วยสีหน้าที่ระอาเต็มทน คิณเล่าว่าทั้งสองนั้นเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่มัธยมทำให้ธิดาได้สนิทชิดเชื้อกับครอบครัวของเขาแล้วก็คบกับพี่คุณพี่ชายของคิณ ตอนนี้พี่คุณเรียนอยู่ปีที่สาม แถมยังเป็นที่นิยมในหมู่รุ่นน้องมาก ๆ แต่ธิดามันก็ไม่กล้าเปิดตัวเพราะว่ากลัวว่าที่บ้านของคิณจะไม่ชอบผู้หญิงห้าว ๆ ไม่อยากได้มาเป็นลูกสะใภ้อะไรทำนองนั้น เลยต้องมานั่งงอนเอง ง้อตัวเองแบบนี้

            “โธ่เพื่อนกูทำไมมันน่าสงสารจังวะ ดื่มกันหน่อยปะ” มิลเอ่ยเชื้อเชิญเหมือนจะหวังดีแต่ที่จริงแล้วพอคบกันมาสักพักผมถึงได้รู้ว่านิสัยมันก็คือผู้ชายเจ้าชู้คนหนึ่งที่ชอบหาความสำราญไปทั่ว ผู้หญิงคนเดียวที่มันไม่โปรยเสน่ห์ใส่ก็เห็นจะมีแค่ธิดา หรือไม่มันก็ไม่มองธิดาเป็นผู้หญิงด้วยซ้ำ

            “ไม่ต้องมาทำชวนกูไปกินเหล้า มึงจะไปอ่อยสาว ๆ เองต่างหาก” ธิดาพูดอย่างรู้ทันก่อนจะหันกลับมาทำหน้าเบื่อหน่ายอีกครั้ง

            “แต่ไปแดกเหล้าก็ดีนะเว้ย จะได้พาไอ้ต้นไปเปิดหูเปิดตาไง” กรว่าก่อนจะกลับมาโอบไหล่ผมเหมือนเดิมจนผมต้องมองค้อนใส่มัน ผมไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองหรอกนะว่ามันแค่หาเรื่องอยากโอบไหล่ผมยิ่งคิดก็ยิ่งอยากสลัดหัวแรง ๆ เพื่อไล่ความคิดนั้นออกไป

             ผมหลงตัวเองขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

             “เออไปแดกเหล้าก็ดี กูเบื่อ ๆ พอดีเหมือนกัน” คิณเสนอก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดรูปบาร์แห่งหนึ่งที่บรรยากาศครึกครื้นดีแล้วให้พวกเราลงความเห็นว่าใครอยากจะไปบ้าง ทั้งมิล กร และธิดาต่างลงมติว่าจะไปทำให้ผมไม่มีทาง เลือกนอกจากติดสอยห้อยไปด้วยอีกตามเคย

             ตกลงเวลานัดแนะกันเสร็จแทนที่ผมจะได้กลับบ้านไปงีบพักแต่ไอ้กรก็ดันลากผมขึ้นรถโดยอ้างว่าพอถึงเวลาแล้วขี้เกียจขับรถไปรับผมที่บ้านโดยให้ผมไปรอที่คอนโดมิเนียมของมันก่อนยิ่งทำผมงงไปใหญ่

             พอจู่ ๆ ผมก็มานั่งจุ้มปุ๊กอยู่ที่โซฟาห้องนอนของมันพลางจ้องมองมันเปิดเสื้อผ้าเพื่อเลือกเสื้อผ้าอยู่นานสองนานจนผมต้องเอ่ยถามขึ้นเพื่อไม่ให้บรรยากาศในห้องเงียบเหงา

             “ทำไมมึงเลือกเสื้อผ้านานจังวะ” มันช้อนสายตาหันกลับมามองผมก่อนจะโยนเสื้อผ้าให้ผมชุดหนึ่งจนมันมากอง

อยู่บนหน้าผมร่นให้แว่นตาหนาเตอะไหลลงมาถึงปลายจมูก

             “เลือกให้มึงอะแหละ จะไปผับทั้งทีก็ต้องดูดีหน่อยปะ” ผมดึงเสื้อผ้าลงมาวางไว้บนหน้าตักพอเงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็เห็นว่าใบหน้าของไอ้กรมันโน้มลงมาใกล้กันอีกแล้ว คราวนี้ผมไม่ทันได้ตั้งตัวจนเผลอกลืนน้ำลายลงคอเสียงดัง “แล้วแว่นเนี่ย ไม่ใส่ได้ปะ”

             มันเอื้อมมือมาดึงแว่นผมออกจากใบหน้าทันใดนั้นใบหน้าที่อยู่ใกล้กันเพียงเอื้อมก็พลันพร่าเบลอไปหมดจนผมต้องหรี่ดวงตาเล็กลงเพื่อเพ่งมอง

             “มึงทำไรเนี่ยก็มองไม่เห็น” ผมเริ่มโวยวายก่อนจะยกมือขึ้นเพื่อจะไปคว้าหาแว่นตาของตัวเอง

             “ล้อเล่น ๆ ไม่แกล้งแล้ว” มันสวมแว่นตาคืนกลับมาให้ผมก่อนที่ทุกอย่างจะเริ่มชัดเจนขึ้นสิ่งแรกที่ผมเห็นคือดวงตาสีน้ำตาลไม้ของมันก่อนที่จะเคลื่อนสายตาลงมาเห็นว่าที่ริมฝีปากหยักฉีกยิ้มกว้าง คงจะพอใจมากสินะกับการแกล้งผมเนี่ย

             “เล่นบ้าอะไรเนี่ย” ผมบ่นพึมพำกับตัวเอง

             “ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไป เดี๋ยวกูเซตผมให้”

            “ต้องเซตด้วยเหรอ”

            “เอาน่า” มันรีบดึงให้ผมลุกขึ้นแล้วดันให้ผมเข้าไปในห้องน้ำเพื่อให้ผมได้เปลี่ยนชุด ก็แค่เสื้อกล้ามสีขาวด้านในและเสื้อเชิ้ตสีดำด้านนอก ไม่เห็นจะมีอะไรพิเศษเลย กางเกงก็เป็นกางเกงสามส่วนธรรมดา

            พอออกมามันก็จัดทรงผมให้อย่างที่มันบอกแต่ก็ไม่เห็นจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงเพราะมันบอกว่าผมทำทรงปกติก็น่ารักอยู่แล้วเลยทำให้มันดูเข้าทรงมากขึ้นก็พอ บางทีผมก็นึกนะว่าความจริงมันไม่ใช่หลานของเจ้าของแบรนด์โทรศัพท์แต่มันน่าจะเป็นหลานของเจ้าของร้านทำผมมากกว่า

           หลังจากที่ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก็รอจนถึงเวลานัดแล้วมันก็ขับรถพาผมมาส่งที่นัดหมายก่อนจะมารวมตัวกับกลุ่มเพื่อนแล้วเข้าไปในร้าน ที่จริงก็ไม่ใช่ผับอะไรหรอกแต่เป็นร้านอาหารที่บรรยากาศเหมาะกับการนั่งดื่มเท่านั้นเอง เสียงเพลงในตอนแรกที่เปิดให้เคลิบเคลิ้ม พอพระอาทิตย์ตกดินก็กลายเป็นทำนองสนุกสนานชวนให้ร่างกายขยับตาม

           ที่ผมรู้ไม่ใช่ว่าตอนนี้ผมกำลังโยกตามจังหวะดนตรีอะไรหรอกนะ แต่เพราะไอ้กรกับธิดากำลังเต้นกันอยู่สองคน ถึงแม้ผมจะมองว่าดนตรีมันไม่ได้ดึงดูดให้ผมอินตามเท่าไร รามิลเดินออกจากโต๊ะไปแล้วด้วยเหตุผลว่าสาวตรงนั้นน่ารักดี ที่โต๊ะเลยเหลือเพียงแค่ผมกับคิณที่นั่งดื่มกันอยู่เพียงสองคน

            “มึงก็คอแข็งใช้ได้นะ” คิณกล่าวอย่างชื่นชมเมื่อเห็นว่าผมนั่งจิบอยู่ตั้งนานแต่ไม่เห็นจะมีทีท่าว่าเมาเลยแม้แต่น้อย

           “เปล่าหรอก แก้วเดียวกูจิบทั้งงาน” เคล็ดลับการดื่มแล้วไม่เมาของผมก็คือเวลาใครมองก็ทำเป็นจิบไปแล้วก็อยู่ได้ด้วยแก้วเพียงแค่แก้วเดียวตลอดทั้งงานเพื่อลวงตาว่าผมดื่มแล้ว

           “ปกติมึงเคยลองไหมว่าลิมิตของตัวเองเท่าไร” ผมส่ายหน้าเป็นคำตอบ ผมเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองดื่มเท่าไรถึงจะเมา อันที่จริงไม่มีเรื่องอะไรเลยที่ผมอยากจะเมา

           “ไม่รู้ว่ะ”

           “หัดลองไว้บ้างก็ดีนะ มึงจะได้รู้ว่าตัวเองเป็นยังไงตอนเมาด้วยจะได้ระวังถูก”

           “กูว่ากูไม่เมาดีที่สุดว่ะ” ผมพูดพลางกลั้วหัวเราะในขณะ ที่คิณเองก็หัวเราะออกมาหน่อย ๆ แล้วดื่มเครื่องดื่มในมือที่จริงผมว่าผมกับคิณค่อนข้างจะเป็นคนที่มีอะไรคล้าย ๆ กัน พวกบุคลิกภายนอกเงียบ ๆ ขรึม ๆ แต่มันหุ่นล่ำกว่า ตัวสูงกว่า จนผมยังอิจฉาทำยังไงถึงจะได้แบบนี้บ้างนะ

           “ไม่ไปเต้นหน่อยวะต้น เปิดหูเปิดตาไง” กรคว้าแก้วของผมไปกระดกเข้าปากจนหมดก่อนจะก้มลงมามองแก้วเหล้าแถมขมวดคิ้วมุ่นราวกับมีเรื่องคับข้องใจ

           “น้ำแข็งละลายหมดแล้วนี่หว่า จืดฉิบหาย” มันวางแก้วลงบนโต๊ะก่อนจะเริ่มชงแก้วใหม่ก่อนกระดกดื่มอีกครั้งราวกับไม่สะทกสะท้านถึงแม้ว่าพวงแก้มของมันจะเริ่มขึ้นสีแล้วก็ตาม มันรีบลากธิดาออกไปเต้นแล้วก็กลับมาดื่มอย่างนี้อยู่สักสามสี่รอบได้ก่อนที่ธิดาจะฟุบลงไปนั่งกับโซฟาเพราะไม่ไหวแล้ว คิณก็ต้องมานั่งดูแลธิดาตามประสาก่อนที่มิลก็จะกลับมานั่งด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยลิปสติกแต่กลับสีหน้ากับดูรื่นรมย์

           “ไปธิดาไปเต้น” กรจะลากธิดาไปอีกรอบแต่หญิงสาวยกมือขึ้นโบกไปมาพูดด้วยน้ำเสียงงัวเงีย

           “กูไม่ไหวแล้ว มึงไปลากไอ้ต้นนู่น” ธิดาชี้นิ้วมาทางผมที่นั่งจิบอยู่เฉย ๆ อย่างหน้าตาเฉย แล้วพอไอ้กรมันเมาแล้วมันเอาจริง มันรีบคว้าแก้วในมือของผมไปดื่มอีกครั้ง

           “ไอ้เหี้ยพอแล้วมึงเมามากแล้วนะเว้ย” ผมว่าก่อนจะเอื้อมมือไปดึงแก้วเหล้าจากปากมันแล้ววางไว้บนโต๊ะเลยเป็นจังหวะที่มันดึงรั้งข้อมือผมให้เดินตามแล้วมาหยุดอยู่ตรงกลางร้านที่เปิดไฟต่างสีให้โลดแล่นไปมาเสียจนผมตาลาย

            “เต้นกัน” มันเริ่มโยกย้ายร่างกายก่อนที่จะจับแขนของผมให้เต้นตามมันไปด้วย บอกตามตรงว่าตอนนี้ใบหน้าของผมมันร้อนฉ่าไปหมด ไม่ใช่เพราะว่าผมกำลังเมาแต่เป็นเพราะผม

ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน

           “ไม่เอากูเต้นไม่เป็น” คนเมาเริ่มเบะปากทำท่าเหมือนจะงอแง

           “ปล่อยตัวไปกับเสียงเพลง เดี๋ยวก็มาเองอะ” มันว่าก่อนจะเริ่มโยกย้ายตัวตามจังหวะผมก็ได้แต่ขยับตัวตามมันไปอย่างนั้นก่อนคนเมาจะเริ่มโงนเงนแล้วใช้สองแขนโอบลอบลำคอของผมเอาไว้

           “มึงเหนื่อยหรือยังเรากลับโต๊ะกันเถอะ” ผมว่าก่อนที่จะออกแรงดึงตัวมันออกแต่กลายเป็นใบหน้าของเราเข้ามาใกล้กันอีกแล้ว มันโอบลอบลำคอขาวของผมไว้แน่นก่อนจะคลี่ยิ้มจน

ตาหยี

            “ไม่ปล่อย” คนเมากล่าวยียวนจนผมชักสีหน้าไม่พอใจ “ตอนใส่แว่นมันลำบากปะวะตอนชนนู่นชนนี่อะ”

            “ไม่เท่าไร” ผมตอบกลับไปอย่างไม่ได้ใส่ใจนักก่อนที่มันจะโน้มใบหน้าของมันลงมาใกล้เรื่อย ๆ จนปลายจมูกของเราทั้งสองชนกัน

            “แล้วมันจูบกันถนัดปะวะ” ผมเบิกตากว้างกับคำถามที่มันเอ่ยออกมาจากความเมา แต่ไม่กี่ชั่วอึดใจผมก็ต้องเกือบต้องหยุดกลั้นหายใจเมื่อมันเอียงใบหน้าเข้ารับกับองศาของริมฝีปากแล้วประกบจูบลงมาอย่างจังในตอนที่ผมไม่ได้ตั้งตัว

            พ่อครับแม่ครับ นี่ผมกำลังจูบเพื่อนตัวเองอยู่ไม่ใช่เหรอ!?

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เพื่อนสนิทผมคลั่งรัก   ตอนพิเศษที่ 2 แค่มีมึงทุกที่ ก็คือบ้าน

    “เป็นไงบ้าง” ไอ้กรเดินเข้ามาถามผมหลังจากที่ผมเดินออกมาจากบริษัทหนึ่งหลังจากที่เขานัดมาสัมภาษณ์งานในตำแหน่งผู้จัดการ ผมช้อนสายตามองมันก่อนจะถอนลมหายใจออกมายังไม่ทันได้พูดอะไรไอ้กรก็พูดแทรกขึ้นก่อน “ถ้าเขาไม่รับหรือพูดจาไม่ดีมึงก็ไม่ต้องทนนะคนอย่างมึงไม่จำเป็นต้องของานใครทำด้วยซ้ำขอเงินกูก็พอแต่ถ้าอยากทำงานมาทำงานกับกูก็ได้” “กร ใจเย็น” ผมรีบยกมือห้าม “กูอยากทำงานที่บริษัทนี้มากมึงก็รู้” ผมบอกกรหลายครั้งแล้วว่าผมอยากทำงานที่นี่เพราะเป็นเกี่ยวกับบริษัทวิจัยเครื่องมือทางการแพทย์ซึ่งผมก็สนใจเอามาก ๆ เพราะถือว่าเป็นงานที่มีน้อยมากและเป็นรายใหญ่ในประเทศ หลังจากที่เรียนจบมาผมเลยรีบร่อนใบสมัครมาในทันที “กูรู้ แต่ถ้าเขาไม่อยากร่วมงานกับเรา เราก็ไม่จำเป็นต้องร่วมงานกับเขา” “แล้วใครเขาไม่อยากร่วมงานกับกู” ผมเลิกคิ้วมองแฟนหนุ่มที่แสดงสีหน้ากังวลออกมา กรขมวดคิ้วแน่นด้วยความสงสัย “สรุปคือมึงได้งาน” “เออดิ” “...” มันอึ้งจนแทบพูดไม่ออกไม่แสดงสีหน้าอะไรนอกจากอ้าปากค้าง “ไม่ดีใจกับกูหน่อยเ

  • เพื่อนสนิทผมคลั่งรัก   ตอนพิเศษที่ 1 ดาวห้าแฉก รวมตัว

    “ขับรถเล่น ค่ำไหนนอนนั่นสามวันสองคืน” มิลทวนประโยคหลังจากที่ธิดามาเล่าไอเดียบรรเจิดให้พวกเราฟังว่าอยากให้พวกเราพากันขับรถเล่นไปเรื่อย ๆ เที่ยวแถวชายหาด นอนดูดาวหลังจากที่ไม่ได้เจอกันนาน “ต้อนรับต้นกลับมาไง พวกมึงไม่ดีใจกันเหรอ” ธิดาว่า “ไปกันแค่พวกเราห้าคนไง” “มึงแน่ใจนะว่าแฟนมึงจะไม่ว่า” ผมเอ่ยถามเพราะต่อให้พี่คุณแฟนธิดาจะสนิทกับพวกเรามากก็จริงแต่การที่แฟนจะไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนผู้ชายทั้งกลุ่มไม่รู้ว่าจะเหมาะสมหรือเปล่า” “สามีจ้ะ แต่งแล้วเรียกสามีได้เนอะ” เพื่อนสาวชูโชว์นิ้วนางข้างซ้ายที่มีแหวนเพชรสะท้อนแสงเข้าตาจนต้องหรี่ตามอง “พี่คุณไม่ว่าอะไรหรอกมีกูไปด้วยแถมให้เงินค่าเปิดโรงแรมมาอีก” คิณอธิบาย “ก็น่าสนใจดีเหมือนกันนะ ต้นไปอยู่ต่างประเทศนานให้มาเที่ยวเมืองไทยบ้างก็ดีเหมือน กันมึงว่าปะ” กรหันมาถามความคิดเห็นจากผม ซึ่งถ้าจะให้ผมตอบผมก็คงจะยินดีที่ได้ไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ แต่ว่าช่วงนี้ผมค่อนข้างจะสับสนกับเวลาหลังจากที่ไปอยู่คนละไทม์โซนมาทำเอาผมสามารถหลับได้ทุกที่เลย “กูเจ็ตแล็กว่ะกลัวไปเที่ยวไม่สนุกจะ

  • เพื่อนสนิทผมคลั่งรัก   บทที่ 28 จบบริบูรณ์

    หนึ่งปีต่อมา และแล้ววันที่ผมรอคอยก็มาถึง วันที่ผมจะได้กลับไทยสักทีถึงแม้จะกลับไปชั่วคราวเพราะงานรับปริญญาแต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้กลับเลยล่ะวะ ไอ้กรมันบ่นทุกวันว่าพยายามจะเคลียร์ตารางงานมาหาผมให้ได้แต่มันก็ยุ่งเสียเหลือเกิน การจะลามาต่างประเทศแค่สองสามวันมันไม่พอจริง ๆ ผมเลยบอกมันว่าไม่เป็นไรยิ่งมันได้ขึ้นมาเป็นรองประธานคณะกรรมการฝ่ายบริหารด้วยแล้วยิ่งปลีกตัวไม่ได้เข้าไปใหญ่ บทบาทหน้าที่สูงขึ้น ความรับผิดชอบก็ต้องเพิ่มขึ้นเป็นธรรมดา หลังจากที่ผมนั่งเครื่องมาเกือบครึ่งวันในที่สุดผมก็มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิเสียที ผมก้าวเดินออกมาตามทางเดินด้วยหัวใจที่ฟูฟ่องเตรียมที่จะได้พบหน้ากับคนรัก กรมันบอกว่ามันจะเป็นคนมารับผมเอง ผมเลยตั้งหน้าตั้งตารอเป็นพิเศษ “กร” ผมเรียกชื่อของอีกฝ่ายเบา ๆ จากด้านหลัง เจ้าของชื่อค่อย ๆ หันมาช้า ๆ ก่อนจะเผยรอยยิ้มกว้างเมื่อสบตาเข้ากับผม “ต้นคิด” มันเข้ามาสวมกอดผมเอาไว้อย่างแนบแน่นแต่ผมกลับไม่ได้รู้สึกอึดอัดอยากกอดมันแน่นยิ่งกว่านี้เสียอีก “กูคิดถึงมึงมากเลย” มั

  • เพื่อนสนิทผมคลั่งรัก   บทที่ 27 ถึงเวลาต้องบอกลา ก็ใจหาย Nc

    แค่ถูกมันสัมผัสผมก็อารมณ์กระฉูดจนเกินจะต้านแล้ว “มองค้างขนาดนี้ อิจฉากูหรืออยากได้กู” ผมช้อนสายตาขึ้นไปมองมันด้วยดวงตาที่ฉ่ำไปด้วยม่านน้ำตา ไม่รู้ว่ามันดูเย้ายวนหรือเปล่าแต่ความรู้สึกของผมตอนนี้ ผมเหมือนผู้ชนะที่ได้มันมาครองเลยแฮะ “มึงมากกว่ามั้งที่อยากได้กู” ผมถอดเสื้อของตัวเองออกก่อนจะโยนไปกองไว้ข้าง ๆ โซฟาจากนั้นก็รั้งท้ายทอยของมันให้ลงมาจูบกับผมอีกครั้ง รสจูบในครั้งงนี้ร้อนแรงราวกับลาดน้ำมันลงบนกองเพลิงที่โหมกระหน่ำจนไม่มีสิ่งใดมายับยั้งได้ ไอ้กรไม่รอช้าอีกต่อไปมันลูบไล้ตามลำตัวของผมอย่างหลงใหล บีบหน้าอกบ้าง บีบสะโพกบ้าง แล้วก็ใช้นิ้วเขี่ยเม็ดบัวจนผมเผลอกระตุกแล้วปล่อยเสียงครางออกมา “คืนนี้กูจะกินมึงทั้งคืนเลย เตรียมตัวไว้เถอะ” มันว่าก่อนจะรีบกระชากกางเกงขาสั้นของผมออกโดยไม่รีรออะไรอีกต่อไป ราวกับประโยคเมื่อกี้มันแค่แจ้งให้ทราบไม่ได้ให้ผมร่วมตัดสินใจด้วยเลย มันลุกขึ้นไปถอดกางเกงของมันออกเหมือนกันก่อนจะหยิบกล่องถุงยางขึ้นมาแกะ ผมเอื้อมมือไปแย่งซองถุงยางของมันมาก่อนจะดันให้มันนั่งลงบนโซฟาอย่างเคย

  • เพื่อนสนิทผมคลั่งรัก   บทที่ 26 ก่อนไป

    “น้องแพรเขาทำคลิปขอโทษแล้วนะเว้ย” ไอ้กรยื่นโทรศัพท์มือถือมาให้ผมดูคลิปแพรที่ยกมือไหว้ขอโทษแล้วก็สารภาพความผิดทุกอย่างออกมาด้วยปากของตัวเอง ถึงแม้มันจะเป็นภาพที่ผมคิดเอาไว้อยู่แล้วแต่พอได้เห็นจริง ๆ ก็รู้สึกเสียใจอยู่ไม่น้อย “มึงยังเสียใจเรื่องเด็กอยู่อีกเหรอวะ” “กูพยายามคิดในแง่ดีแล้วนะ แต่ไม่รู้ทำไมกูถึงยังรู้สึกผิดอีก” ผมว่าไปตามตรง ในเมื่อแม่เด็กไม่ต้องการอยู่แล้วมันก็คงเป็นทางที่ดีที่สุดที่เด็กจะได้ไม่ต้องเกิดมาลำบากในโลกใบนี้ แต่พอคิดว่าผมมีส่วนด้วยต่อให้จะไม่ได้ตั้งใจมันก็เหมือนตราบาปว่าครั้งหนึ่งผมทำให้เด็กคนนั้นไม่ได้มีโอกาสเกิดมา “เด็กยังตัวเท่านิ้วโป้งอยู่เลยนะเว้ย เขาไม่โกรธมึงหรอก ไม่มีใครโทษมึงเลย เพราะงั้นเลิกโทษตัวเองได้แล้ว” ผมรู้ว่ามันต้องการจะปลอบผมก็เหลือแต่ผมแล้วล่ะที่ต้องปล่อยวาง “เรามาภาวนาให้เด็กไปเกิดในครอบครัวที่ดีกว่านี้กันเถอะนะ” “อือ” ผมเงยหน้าขึ้นไปมองมันก่อนจะระบายยิ้มออกมาช้า ๆ “ขอบคุณนะที่อยู่ข้าง ๆ กูมาตลอด” “ไม่ให้อยู่ข้างแฟนแล้วจะอยู่ข้างใครเล่า” มันว่าก่อนจะเอื้อมมือมาจิ้มแก้มผมเบ

  • เพื่อนสนิทผมคลั่งรัก   บทที่ 25 ให้มันจบลงสักที

    “พี่ต้นนัดแพรมาทำไมเหรอคะ” หญิงสาวรุ่นน้องเดินเข้ามาหาผมในร้านอาหารแห่งหนึ่ง เธอดูมีท่าทีหวาดระแวงผมเล็กน้อยไม่ปากดีเหมือนตอนที่คุยโทรศัพท์กัน “พี่อยากเคลียร์เรื่องโพสต์น่ะ” ผมยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้ววางไว้บนโต๊ะ หน้าจอมีหน้าโพสต์นั้นอยู่แต่แพรกลับยกยิ้มบาง “โพสต์นี้มันไม่ได้เอ่ยชื่อใครนี่คะ ไม่ได้หมายถึงพวกเราสักหน่อยพี่ต้นจะไปกลัวอะไร พี่ก็รู้นี่ว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง เอ๊ะ หรือที่กลัวเพราะว่ามันเป็นเรื่องจริงคะ” ผมคงประเมินเธอต่ำไปหน่อย ที่แท้เพียงแค่รอจังหวะที่จะสู้กลับเหมือนกัน “อย่าลืมสิว่าพี่เรียนวิศวะคอมพิวเตอร์ เว็บบอร์ดมหา’ลัยก็ต้องลงทะเบียนก่อนจะใช้งานได้ คิดว่าข้อมูลแค่นี้พี่จะเจาะไม่ได้เชียวเหรอว่าใครเป็นคนโพสต์” แพรเริ่มหน้าเสียหลังจากที่ผมพูดจบ “แพรก็แค่อยากได้ความยุติธรรมให้ลูกในท้องแพร ยังไงเด็กในท้องแพรก็ต้องมีพ่อ” แพรเริ่มขึ้นเสียงดังจนคนในร้านเริ่มหันมามองเป็นตาเดียวกัน “พี่ต้นคืนพ่อของลูกแพรมาเถอะนะคะ เห็นแก่เด็กที่กำลังจะลืมตาขึ้นมาดูลูกนะคะพี่ต้น” ผมปรายตามองหน้าท้องแบนราบของหญิงสาวที่ยืนอย

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status