ร่างสูงสง่าตามแบบฉบับชายหนุ่มลูกครึ่งยืนกอดอกทอดมองออกไปยังสวนร่มรื่น ที่มีต้นไม้นานาพันธุ์ทั้งน้อยใหญ่ปลูกอยู่ทั่วอาณาบริเวณคฤหาสน์หรู ห้องทำงานส่วนตัวเงียบสงบ ไม่มีเสียงใดรบกวนนอกจากเสียงเครื่องปรับอากาศที่ดังขึ้นริบหรี่บ่งบอกให้รู้ว่ากำลังถูกเปิดใช้งานอยู่ ใบหน้าหล่อรูปหัวใจนิ่งเรียบตามสไตล์ นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มดุจพญาเหยี่ยวแลดูน่าเกรงขาม รับกับจมูกโด่งที่บ่งบอกถึงความเป็นฝรั่ง ปากหยักเรียวสีชมพูราวกับผู้หญิง โดยรวมแล้วราฟาเอล บารานอฟ หล่อแบบดิบๆ ออกแนวดุดัน รอยยิ้มของเขาไม่เคยจะมีใครได้เห็นง่ายๆ นอกเสียจากเป็นรอยยิ้มเย้ยหยันที่มักจะได้เห็นอยู่เสมอ
หลังจากที่บิดามารดาได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตก ชีวิตวัยหนุ่มของเขาก็ได้จบลงด้วย ในตอนนั้นเขามีอายุเพียงแค่ยี่สิบปี อยู่กับความเศร้าโศกได้ไม่นานก็ต้องรับช่วงต่อกิจการทั้งหมดของครอบครัว ที่มีทั้งอสังหาริมทรัพย์ตามหัวเมืองใหญ่ๆ ของประเทศต่างๆ เป็นรายใหญ่ในการนำเข้าส่งออกสินค้าจากประเทศนั้นไปประเทศนี้ รวมถึงยิบย่อยอีกหลายอย่าง ด้วยความที่เป็นลูกชายคนเดียว ทำให้เขาต้องทำงานอย่างหนักพร้อมกับเรียนหนังสือไปด้วย เทียวไปเทียวมาระหว่างมหาวิทยาลัยในกรุงลอนดอนกับอีกหลายประเทศ จนกระทั่งอายุยี่สิบเอ็ดเขาก็สามารถคว้าใบปริญญาทางด้านบริหารธุรกิจมาได้ และได้กลับมาปักหลักอยู่ที่ประเทศไทย ประเทศที่พ่อและแม่ของเขารักที่สุด
การบริหารงานของเขาส่วนใหญ่จะอยู่ที่เมืองไทย สาขาต่างประเทศก็สั่งงานผ่านระบบวิดีโอคอนฟอเรนซ์ หากมีปัญหาที่ใหญ่เกินกว่าจะคุยผ่านวิดีโอเขาถึงจะบินไปแก้ไขด้วยตนเอง การทำงานของเขาเด็ดขาด ตัดสินใจอะไรลงไปแล้วไม่มีเปลี่ยนแปลง ทำให้ลูกน้องต่างเคารพยำเกรง และเมื่อถึงคราวที่ต้องบริจาคเงินทำบุญให้กับสถานสงเคราะห์ต่างๆ เขาก็ทุ่มไม่งั้นเหมือนครั้งที่พ่อกับแม่เคยทำเอาไว้ในแต่ละปี
ปีแรกของการมาบริหารงาน เขาเลือกทำบุญกับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งหนึ่ง โดยได้เดินทางไปมอบด้วยตนเอง วันนั้นเขาได้พบกับเด็กผู้หญิงวัยสิบขวบที่ แอบนั่งร้องไห้อยู่ทางด้านหลังของบ้านเด็กกำพร้า ด้วยความที่สงสารทำให้เขาได้เข้าไปคุย และจับจูงให้เดินกลับเข้าบ้าน ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ใช่คนรักเด็ก สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับความเป็นมาของแม่หนูน้อยจากคนดูแล บวกกับที่เขาถูกชะตาและรู้สึกเอ็นดู ทำให้เขาตัดสินใจรับเด็กคนนี้มาอุปการะ โดยที่ไม่ได้คิดอะไรทั้งสิ้น เด็กหญิงผมเปียหน้าตาบ๊องแบ๋วในวันนั้นทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปจากเดิม เขาใช้เวลาสองปีในการส่งให้น้องสาวบุญธรรมเรียนภาษา หลังจากนั้นเขาก็ส่งสาวน้อยให้ไปเรียนโรงเรียนประจำที่ประเทศอังกฤษเขายังจำถึงเหตุการณ์ในวันนั้นได้เป็นอย่างดี
‘พี่ราล์ฟขาแพรวอยากอยู่กับพี่ราล์ฟ พี่ราล์ฟอย่าทิ้งแพรวไว้คนเดียวสิคะ ฮึก แพรวไม่อยากอยู่ที่นี่’
‘พี่อยากให้น้องแพรวได้รับสิ่งดีๆ อยู่ที่นี่น้องแพรวต้องเป็นเด็กดีนะครับ แล้วพี่จะมาหาบ่อยๆ พี่ไม่ได้ทิ้งน้องแพรวไปไหน’
‘แต่แพรวอยากกลับบ้านกับพี่ราล์ฟ’
‘เลิกร้องนะคนดี พี่รักน้องแพรวนะ’
แม้แพรวพิชชาจะส่งเสียงร่ำไห้เพียงใด เขาก็ไม่หันกลับไปมอง เพราะกลัวว่าตัวเองจะใจอ่อนพาน้องกลับบ้าน จากวันนั้นถึงวันนี้กสิบสองปีแล้ว จากเด็กวัยสิบขวบกลายเป็นสาววัยยี่สิบสองปี และวันนี้เองสิ่งที่เขารอคอยมานานหลายปีกำลังจะสิ้นสุดลง ความอดทนอดกลั้นก็จะไม่มีอีกต่อไป เมื่อของรักกำลังจะกลับเข้าสู่อ้อมอกในอีกไม่ช้า
ร่างบางในชุดทะมัดทะแมงก้าวขาออกมาจากอาคารผู้โดยสารขาออกด้วยท่าทางมั่นใจ สายตากลมโตกวาดมองผู้คนที่เดินกันไปมา พลางชะเง้อมองหาคนที่มารับเธอกลับบ้าน แล้วรอยยิ้มแฉ่งอย่างดีใจก็ปรากฎเมื่อเห็นป้ายขนาดใหญ่ที่ชูขึ้นโดยผู้ชายร่างโต
‘ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับคุณหนู’
แม้จะแอบน้อยใจนิดๆ ที่ไม่เห็นผู้เป็นพี่ชายมารับด้วยตัวเองอย่างที่คาดการณ์เอาไว้ แต่รอยยิ้มสดใสก็ไม่ได้จางหายไปจากใบหน้าแต่อย่างใด
“พี่แบรทคิดถึงจังค่ะ ไม่เจอกันตั้งนาน ดูหล่อขึ้นนะเนี่ย” ร่างเล็กกระโดดกอดชายหนุ่มร่างโตที่ยืนยิ้มแฉ่งให้เธอ แต่พอโดนกอดก็รีบกระโดดออกราวกับติดสปริง ใบหน้าที่ขาวอยู่แล้วถึงกลับซีดลงไปอีกราวกับไก่ต้ม ถ้าทางลนลานของแบรททำให้คนชอบแกล้งอมยิ้มอย่างถูกใจ
“ผมก็คิดถึงคุณหนู แต่คุณหนูอย่ากอดผมแบบนี้สิครับ ถ้าคุณราล์ฟรู้เข้ามีหวังผมโดนยิงทิ้งแน่” แบรททำหน้าแหย ใครๆ ก็รู้ดีว่าคุณราล์ฟของเขาหวงคุณหนูแพรวพิชชาขนาดไหน ยิ่งถ้ารู้ว่าคุณหนูกอดเขาแบบนี้ไม่ตายดีแน่ แค่คิดก็กลัวจะแย่อยู่แล้ว
“พี่ราล์ฟจะรู้ได้ยังไงถ้าเราสองคนไม่พูด พี่แบรทกับพี่โรมนี่กลัวพี่ชายแพรวเกินไปแล้วนะคะ” แพรวพิชชากลั้วหัวเราะ ลูกน้องคนสนิทของพี่ชายเธอกลัวเจ้านายยังไงก็อย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลง
“ไม่กลัวได้ยังไงล่ะครับ คุณหนูก็รู้ว่ารายนั้นดุอย่างกับอะไรดี ทำอะไรไม่ถูกใจนิดเดียวก็โดนเตะแล้วครับ เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะครับคุณหนู ผมว่าเราไปคุยต่อกันในรถดีกว่าครับจะได้กลับบ้านกัน เดี๋ยวคุณราล์ฟรอนานแล้วพาลโมโหผมอีก ท่านยิ่งกำชับว่าให้รีบกลับทันทีไม่ต้องโอ้เอ้ที่ไหนตามใจคุณหนู” แบรทถ่ายทอดคำสั่งของเจ้านาย พร้อมกับแย่งรถเข็นสัมภาระของคุณหนูคนสวยมาเข็นเอง
“แพรวไม่ได้จะโอ้เอ้สักหน่อย พี่ราล์ฟชอบเห็นแพรวเป็นเด็กอยู่เรื่อยเลย พี่แบรทเดินนำไปที่รถเลยค่ะ เดี๋ยวเจ้านายรูปหล่อของพี่จะของขึ้น” แพรวพิชชาหน้าง้ำ แล้วผายมือให้แบรทเดินนำหน้า
เสียงฝีเท้าแผ่วเบาเดินเข้ามาด้วยความระมัดระวัง หวังจะไม่ให้คนที่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่รู้ตัว แต่คนที่มีเส้นประสาทในการฟังดีเยี่ยมก็รับรู้ได้ ทว่าแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน ร่างบางที่เดินเข้ามาประชิดติดด้านหลังกว้าง โผเข้ากอดเอวสอบอย่างแนบแน่น ใบหน้าน่ารักแนบลงกับแผ่นหลังอบอุ่น มีเสียงหัวเราะคิกคักดังเล็ดลอดออกมาจากเรียวปากสวย ไม่สนใจว่าคนที่กอดอยู่จะคุยอยู่กับใคร ราฟาเอลที่คุยธุระเสร็จแล้วหันกลับมามองอ้อมแขนเล็กที่กอดรัดเอวเอาไว้ด้วยสีหน้าท่าทางไม่ยินดียินร้ายอะไร
“คิดถึงจังค่ะพี่ราล์ฟ ไม่เจอกันตั้งนานขอกอดให้หายคิดถึงนานๆ หน่อยนะคะ” เสียงอู้อี้ดังอยู่ที่แผ่นหลังแกร่งอย่างออดอ้อน
มือใหญ่ดึงแขนเรียวออกห่าง ทำให้เห็นหน้าคนช่างอ้อนชัดๆ นัยน์ตาคมสำรวจคนตรงหน้าอย่างพินิจ ใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้ม สวยใสไร้ที่ติ คิ้วเรียวงาม ดวงตาเป็นประกายสดใส จมูกโด่งเล็กน่ารัก เรียวปากเป็นกระจับสวย ทุกอย่างที่เห็นมันน่ารักไปเสียหมด
“ตัดผมสั้นทำไมน้องแพรว” ราฟาเอลถามเอ่ยถามอย่างไม่พอใจ น้ำเสียงแลหงุดหงิด สายตาคมจับจ้องอยู่ที่ผมสั้นสีน้ำตาลสวยอย่างไม่วางตา แพรวพิชชาถึงกับถอนหายใจอย่างเซ็งๆ แทนที่พี่ชายของเธอจะบอกว่าคิดถึงอะไรแบบนี้ กลับพูดถึงเรื่องผมเป็นอันดับแรก เธอละเชื่อเขาเลยจริงๆ
“แทนที่พี่ราล์ฟจะบอกว่าคิดถึงแพรว แต่กลับพูดเรื่องผมเป็นอันดับแรก แบบนี้มันน่าน้อยใจนะคะ” เจ้สของใบหน้างอเอ่ยอย่างงอนๆ ยกแขนขึ้นมากอดอกตัวเองเอาไว้แน่นอย่างต้องการจะประท้วง คนอะไรนอกจากจะชอบทำหน้าตายแล้วยังใจดำอีก
“จะน้อยใจพี่ด้วยเรื่องอะไร ในเมื่อน้องแพรวก็รู้อยู่แล้วว่าพี่คิดถึงเรามากแค่ไหน พี่แค่อยากจะรู้ว่าทำไมน้องแพรวของพี่จะต้องตัดผมสั้นด้วย เพราะพี่ชอบให้ไว้ผมยาวมากกว่า” ราฟาเอลพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ใบหน้าคมก็ยังคงไม่คลายความขุ่นเคืองลง
“แพรวไม่อยากพูดกับพี่ราล์ฟแล้ว ขอตัวขึ้นไปพักผ่อนก่อนนะคะ เดินทางมาเหนื่อย ไว้เจอกันค่ะ” แพรวพิชชาแก้มป่องหมุนตัวหันหลังเตรียมจะเดินออกไป
“ขี้งอนไม่เคยเปลี่ยนจริงๆ น้องแพรว” ราฟาเอลพึมพำกับตัวเอง แล้วส่ายหน้าน้อยๆ
“ว้าย!”
“ว่างกันมากใช่ไหม ถึงมีเวลามานั่งโพสต์อะไรบ้าๆ ลงอินเทอร์เน็ตช่อผกา คุณป้าขจี” เสียงเข้มห้วนถามผู้หญิงสองคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า อย่างมีอารมณ์กรุ่นโกรธ“พี่ราล์ฟอย่ามาใส่ร้ายผกากับคุณแม่นะคะ ของแบบนี้ใครจะโพสต์ใครจะพิมพ์ก็ได้ คนร้อยพ่อพันแม่มีสิทธิ์เป็นไปได้ทั้งนั้นแหละค่ะ อยู่ๆก็มากล่าวหากันลอยๆ ไม่คิดว่าเกินไปหน่อยเหรอคะ” ช่อผกายกแขนขึ้นกอดอก แล้วเบ้ปาก“ไหนล่ะหลักฐานที่ว่าป้ากับผกาเป็นคนทำ มีหรือแค่ปรักปรำตาราล์ฟ และที่ให้คนไปพาตัวป้ากับน้องมาจากเชียงใหม่กระทันหัน เราสองคนยังไม่ว่าอะไรเธอเลย ฉันก็นึกว่าจะมาขอโทษขอโพย เรื่องบาดหมางก่อนหน้านี้ แต่ที่ไหนได้ให้มาเพราะคิดว่าเราสองคนแม่ลูกเป็นคนใส่ร้ายป้ายสีเมียตัวเอง เสียแรงที่รักเหมือนลูกในไส้” คุณขจีพูดจบก็เชิดหน้าบึ้งๆ ของตัวเองขึ้น“แบรท โรม เอาหลักฐานให้เขาดูสิ จะได้เลิกพูดว่าฉันกล่าวหาเสียที” ราฟาเอลสั่งเสียงดัง“นี่ครับคุณผู้หญิง สมัยนี้เขาตรวจสอบคนโพสต์สิ่งต่างๆ ในอินเทอร์เน็ตได้ครับ มันไม่ได้เป็นความลับอะไรหากจะดูชื่อคนโพสต์หมิ่นประมาท หรือใส่ร้ายเรื่องที่ไม่จริง” โรมวางเอกสารพร้อมกับชี้แจงเสียงดังฟังชัด“ไม่จริง! แกสองคนมันมั่วไอ
ราฟาเอลเดินมาหยุดยืนข้างเตียงนอน สายตาอ่อนโยนจับจ้องอยู่ที่ร่างของเมียขี้เซา ก่อนจะหย่อนก้นลงนั่งตรงขอบเตียง จากนั้นก็เริ่มลากฝ่ามือลูบไล้กายเปลือยเปล่าที่อยู่ภายใต้ผ้านวมผืนหนา เขาต้องการจะปลุกมากกว่าการลวนลามจริงๆ จังๆ ตอนนี้เขาอยู่ในชุดเตรียมพร้อมจะออกไปทำงานแล้ว หากแกล้งมากเกินไปอาจจะต้องถอดเสื้อผ้าออก แล้วลงไปคลุกเคล้าคนหลับแน่ๆ ฝ่ายแพรวพิชชาแม้จะโดนลูบหนักมือก็ยังไม่ยอมตื่นจากนิทรา เรื่องนี้จะโทษใครไม่ได้นอกจากตัวต้นเหตุ เพราะกว่าจะยอมให้เมียพักผ่อนได้ก็ดึกโข กว่าจะนอนก็เข้าวันใหม่แทบทุกวัน“น้องแพรวจ๋า” เสียงทุ้มกระซิบเรียกชิดใบหูขาว พลางสูดดมความหอมของกลุ่มผมนุ่มเป้าปอด“ขา” แพรวพิชชาตอบรับเสียงแผ่ว งัวเงียเต็มที่ แล้วพลิกตัวนอนตะแคงข้างหนีการรุกราน“ตื่นมาส่งพี่ไปทำงานก่อนเร็วคนดี พี่ไม่อยากออกไปทั้งที่น้องแพรวหลับ” ราฟาเอลช้อนร่างอ่อนเปลี้ยขึ้นจากที่นอนให้มานั่งบนตักตนเอง แพรวพิชชานั้นก็ไม่ยอมตื่นง่ายๆ นั่งพิงแผงอกกว้าง แล้วหลับตานิ่งอยู่อย่างนั้น“พี่ราล์ฟจะไปทำงานแล้วเหรอคะ ทำไมรีบไปจังเลย” คนขี้เซาเบียดกายเข้าหา กอดรัดลำตัวหนาเอาไว้แน่น แล้วค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองใบหน้าหล่อเ
“แกว่าฉันพิมพ์แบบนี้มันดูดียังวะ ต้องเพิ่มเติมอะไรอีกรึเปล่า” โรมถามเพื่อนที่กำลังยุ่งกับการทำคอม“ไหนเอามาอ่าน” แบรทกระดิกนิ้วขอดู สายตาก็ไม่ได้ละออกจากโน้ตบุ๊คส่วนตัวแม้แต่น้อย“อ่ะ แกช่วยดูหน่อย” โรมส่งโทรศัพท์ให้กับแบรทได้ช่วยวิเคราะห์ในสิ่งที่ตัวเองพิมพ์ลงไป“ยินดีกับเจ้านายสุดที่รักด้วยครับ ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง ข่าวเม้าท์ใส่สีตีไข่ด้วยความอิจฉาของสาวนางหนึ่งไม่เป็นความจริงสักนิด ตื่นเถอะครับตื่น เห็นชัดไหมใบทะเบียนสมรส หลักฐานชิ้นนี้ยืนยันว่าคุณหนูของเราไม่ได้เป็นเมียเก็บเจ้านายแต่อย่างใด ทั้งสองคนรักกันมากจนคนรอบข้างแทบจะสำลักความหวานตาย ที่ว่าเมียเก็บน่ะ ถ้าจะเก็บเพราะความหวงเมียอันนี้เรื่องจริงไม่อิงนิยาย มีเมียสวยก็ต้องหวงอยากเก็บไว้ดูคนเดียว รักมากหวงมากเข้าใจป่ะครับ อ๊ะๆ แถมให้อีกนิด เพราะกลัวจะมีคนบอกว่าจดทะเบียนแล้วทำไมไม่แต่งงาน รอฤกษ์งามยามดีสิครับคุณไม่น่าถาม”“โอเคแล้ว จะว่าไปแกมั่นใจเรื่องเพศของตัวเองนะ ไม่สับสนอะไรใช่ไหม” แบรทส่งโทรศัพท์คืนแล้วถามโรมอย่างจริงจัง“แกหมายความว่าไงวะถึงถามฉันแบบนั้น อธิบายให้กระจ่างหน่อยไม่เข้าใจ”“ก็คำพูดคำจาที่แกใช้พิมพ์เหมือนกับผู
“พี่ราล์ฟขาเราควรจะอยู่เฉยจริงๆ เหรอคะ ใครก็ไม่รู้เอาเรื่องของแพรวไปโพสต์ในทางเสียๆ หายๆ ถึงแพรวจะไม่ได้เป็นคนดังเหมือนพวกดารา แต่เรื่องแบบนี้คนมักจะชอบนำไปแชร์ต่อ และวิจารณ์กันในทางเสียหายโดยที่เขาไม่ทราบความจริงนะคะ พี่ราล์ฟอย่าเอาแต่ยิ้มได้ไหมคะ แพรวจริงจังนะเนี่ย” ใบหน้าจิ้มลิ้มยุ่งลงเมื่อพูดและคิดถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น หากช้องนางไม่โทรมาเล่าให้ฟังเธอก็คงจะยังไม่รู้ว่ามีผู้ไม่หวังดีโจมตี จากที่ว่าจะไม่ติดใจอะไร แต่ตอนนี้เธอขอกลับคำพูดละกัน“แล้วน้องแพรวอยากจะให้พี่ทำอะไรกับเขาคนนั้นล่ะ คิดไว้ในใจหรือยัง” ราฟาเอลถามอย่างใจเย็น“เท่าที่คิดไว้ก็แค่อยากจะโชว์ทะเบียนสมรสกับถ่ายรูปหวานๆ ของเรา ประกาศให้รู้ว่าเรารักกันมากแค่ไหน ไม่ได้เป็นเมียเก็บอะไรสักหน่อย พี่ราล์ฟอาจจะคิดว่าความคิดของแพรวเด็กๆ ซึ่งแพรวก็ไม่เถียงหรอกค่ะ เพราะตอนนี้คิดได้แค่นี้”“พี่ไม่เห็นว่าความคิดของเมียพี่จะเด็กเลย พี่พร้อมจะถ่ายรูปแล้ว น้องแพรวอยากได้หวานมากแค่ไหนบัญชามาได้เลย จะกอดจะจูบจะหอมได้หมด” ราฟาเอลยันตัวลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง ผมยุ่งนิดๆ อย่างเป็นธรรมชาติเพราะไม่ได้จัดทรง“พี่ราล์ฟหล่อจัง แพรวชักไม่อยากให้
แพรวพิชชาก้มลงมองแผ่นกระดาษในมือนิ่ง รอยยิ้มหวานแต่งแต้มอยู่ที่มุมปาก ความตื่นเต้นยังไม่จางหายไปไหน ก่อนหน้านั้นเธอยังเป็นนางสาวแพรวพิชชาอยู่เลย เพียงแค่ไม่กี่นาทีคำนำหน้าชื่อก็กลายเป็นนาง เสี้ยววินาทีที่จรดปลายปากกามันทั้งตื่นเต้นและอิ่มเอมใจไปพร้อมๆ กัน แม้จะรู้ตัวว่าต้องมีวันนี้เพราะคนข้างตัวคงไม่มีทางยอมให้เธอผลัดไปได้นาน แต่ก็ไม่คาดคิดว่าเมื่อเช้าที่พี่ราล์ฟปลุกให้เธอตื่น อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เขาก็รีบพาออกจากบ้านโดยไม่ได้บอกว่าจะไปที่ใด จนกระทั่งมาถึงเธอจึงได้รับคำตอบ“เลิกมองได้แล้วมั้งนางแพรวพิชชา บารานอฟ จ้องไปก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรอกจ้ะ น้องแพรวต้องใช้นามสกุลนี้ทั้งชีวิต ใช้แล้วใช้เลยไม่มีสิทธิ์เปลี่ยนเข้าใจไหมครับ” ราฟาเอลพูดอย่างอารมณ์ดี เพราะเมียที่ถูกต้องตามกฎหมายหมาดๆ ไม่ยอมละสายตาจากใบทะเบียนสมรสเลย“เข้าใจค่ะ แพรวมองเพื่อย้ำกับตัวเองว่ามันคือเรื่องจริงไม่ใช่ความฝันค่ะ พี่ราล์ฟเล่นพามาไม่บอกไม่กล่าวก่อนเลย พอมาถึงก็บอกเราถึงเวลาที่จะจดทะเบียนกันได้แล้ว ถามจริงคิดมาก่อนไหมคะเรื่องในวันนี้น่ะ” แพรวพิชชาเอาใบสำคัญใส่ซองเอกสาร เสียบไว้ในกระเป๋าถือที่วางไว้ข้างตัว แล้วเอียงต
“คุณราล์ฟนี่ตามใจเมียจังเลยนะคะ น่ารักจัง” แต่คนถูกชมก็ไม่ได้ยิ้มดีใจ ทำหน้านิ่งเหมือนไม่รับรู้“ไปชมมันทำไมดา ไอ้นี่มันโหดจะตาย ดีแค่ไหนแล้วที่มันเกรงใจเมีย แต่กับคนอื่นมันไม่สนใครหรอกนะจะบอกให้ มันไม่น่ารักเท่าผมหรอก” ไรอันขยิบตาใส่สาว“อยากมีคนดูแลเอาใจใส่แบบนี้บ้างจัง มิกิไม่เห็นห่วงผมแบบนี้เลย” ไรอันอ้อนสาวข้างตัว“คุณไม่ต้องเลิกขาดหรอกค่ะไรอัน ชีวิตคนเราต้องมีสีสันสิคะ คุณมีสังคม เรื่องดื่มมันปกติค่ะ” มิกิลูบแก้มไรอัน“จริงของคุณ ผมคงทำตามไอ้ราล์ฟมันไม่ได้” ตอเรสเงยหน้าขึ้นแล้วยักไหล่ แต่ในอนาคตก็ไม่แน่หากมีครอบครัวหรือเจอคนที่พร้อมจะหยุดทุกอย่าง เขาก็อาจจะเพลาๆ ของพวกนี้ลงได้“คุณแพรวไม่คิดว่าตัวเองทำเกินไปเหรอคะ” มิกิปรายตามองหน้าแพรวพิชชานิดๆ ตอนถาม“ทำเกินไปไหม แพรวคิดว่าไม่นะคะคุณมิกิ เพราะถ้าเรารักใคร เราย่อมห่วงใยเขาในทุกๆ เรื่อง เราทำเรื่องดีทำไมจะต้องคิดอะไรให้มากมายด้วย ถ้าคุณมิกิรักใครจริงๆ ก็คงจะเข้าใจ แต่ถ้ายังไม่เคยรักใครจริงๆ จังๆ ก็จะไม่มีวันรู้หรอกค่ะ ถึงได้บอกให้เขาใช้ชีวิตแบบเดิมต่อไป” แพรวพิชชาตอบนิ่มๆ หน้าตายิ้มแย้ม มือก็ลูบศีรษะสามีเล่น ทำเอาคนถามถึงกับสะอึ
แพรวพิชชาสะดุ้งตื่นขึ้นมา เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักดังแว่วเข้ามาภายในห้องนอน ความเหนื่อย เมื่อยล้า ที่เกิดจากกิจกรรมฉันท์สามีภรรยาก่อนหน้าเริ่มหายไป หลังจากได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอหลายชั่วโมง ก้มลงมองที่หน้าอกก็เห็นว่าราฟาเอลยังคงหลับสนิทอยู่ คิ้วเรียวขมวดพันกันจนยุ่ง ปกติพี่ราล์ฟของเธอเป็นคนมีประสาทการได้ยินดีจะตาย เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่ได้ยิน คิดดังนั้นก็ใช้มือดันศีรษะที่ซุกซบกับอกของเธอออก เพื่อจะได้เดินไปดูว่าใครกันที่มาเล่นสนุก แต่ก็ไปไม่ได้เพราะสามีสุดที่รักไม่ยอม กอดก่ายเอาไว้ทั้งตัว แถมยังฝังใบหน้าลงมากลางอกแน่นอีก“พี่ราล์ฟ ปล่อยแพรวก่อนค่ะ อย่ารัดแน่นสิคะ แพรวจะลุกจากเตียง อื้อ” ฝ่ามือนุ่มฟาดที่ท่อนแขนกำยำ เมื่อไม่มีทีท่าว่าจะได้ลุกขึ้นตามที่ต้องการ“จะลุกไปไหน พี่ยังไม่อยากตื่นเลย นอนกอดกันต่อเถอะ” น้ำเสียงของราฟาเอลงัวเงีย เปลือกตายังคงปิดสนิท งึมงำกับอกอวบที่ใช้หนุนนอนแทนหมอน“ยังไม่อยากตื่นก็นอนต่อสิคะ แพรวแค่จะเดินไปดูตรงหน้าต่าง ไม่ได้จะไปไหนไกลสักหน่อย”“ไม่ต้องสนใจหรอกคงเป็นเสียงสาวๆ ของไอ้พวกนั้น มันคงพามาเล่นน้ำตรงลำธาร”“รู้ดีจัง พี่ราล์ฟล่ะคะ เคยพาใครมา
“แพรวรักพี่ราล์ฟนะคะ” เสียงหวานติดจะเขินอายพูดเบาๆ“รักแบบที่พี่ราล์ฟรักแพรว” แพรวพิชชากระซิบ ช้อนสายตามองคนตรงหน้าแล้วยิ้มกว้าง“ในที่สุดพี่ก็ได้ฟังคำบอกรักที่ไม่ใช่ในฐานะพี่ชายเสียที หลังจากรอมานาน”ราฟาเอลยิ้มเต็มใบหน้า ปากร้อนก็จูบไปทั่วดวงหน้าสวยแทบทุกตารางนิ้ว อกหนั่นแน่นสั่นกระเพื่อมเพราะเขาหัวเราะไปด้วย รอยยิ้มและเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของเขา ทำให้แพรวพิชชาเคลิ้มไปด้วย เพราะไม่บ่อยนักที่พี่ราล์ฟของเธอจะเป็นแบบนี้“พี่ราล์ฟยิ้มและหัวเราะแบบนี้บ่อยๆ นะคะ แพรวชอบรอยยิ้มกับเสียงหัวเราะของพี่ราล์ฟ”“พี่จะทำตามคำขอนั้นนะ แต่ต้องหลังจากที่เราช่วยกันทำลูก” การบอกรักผ่านทางร่างกายในวันนี้ ได้รับความร่วมมือจากแพรวพิชชาเป็นอย่างดี มีทั้งอ่อนหวาน นุ่มนวล ไปจนถึงร้อนแรงจนร่างกายแทบมอดไหม้ราฟาเอลขับเคลื่อนสะโพกเข้าใส่ร่างกายของเมียไม่ยั้ง แม้พื้นที่จะคับแคบไปสักหน่อย แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งความต้องการที่โหมกระพือขึ้นเรื่อยๆ ได้ แพรวพิชชาก็ตอบสนองความต้องการของสามีได้เป็นอย่างดี เขาชักจูงให้ไปทางไหน ก็พร้อมใจที่จะทำตามอย่างไม่เกี่ยงงอน เร่าร้อนพอๆกัน“อื้ม ดีจังค่ะ” แพรวพิชชาในตอนนี้อยู่ใน
เมื่อตัวขัดขวางไม่มีแล้ว ราฟาเอลก็รีบอุ้มเมียเข้าไปในบ้านทันที ปิดประตูลงกลอนไม่ต้อนรับใคร เสื้อผ้าเสื้อผ่อนหลุดลุ่ยออกจากร่างกาย ไม่รอให้เสียเวลาแม้แต่นิดเดียว“ว้าย! พี่ราล์ฟอย่าใจร้อนสิคะ ทำอย่างกับไม่เคยไปได้” แพรวพิชชาหวีดร้องเมื่อเสื้อชั้นในถูกกระชากออก เหลือเพียงกางเกงขาสั้นสีขาวที่ยังคงติดกายอยู่“น้องแพรวให้พี่อดกลั้นมาหลายวันแล้วนะ ถึงเวลาที่พี่จะทำตามใจตัวเองบ้างแล้ว” ราฟเอลแตะริมฝีปากที่ไหล่เปล่าเปลือย พลางดันหลังบางให้เดินไปที่หน้าโซฟากลางบ้านกายบางถูกจับหมุนให้หันมาเผชิญหน้ากับราฟาเอล เพื่อรับจุมพิตอันดูดดื่ม ท่อนแขนเรียวยกขึ้นเกาะกอดเอวสอบโดยอัตโนมัติ ส่งเสียงครางอืออาอยู่ในลำคอ ต้อนรับความอุ่นซ่านของเรียวลิ้นหนาด้วยความเต็มใจ“อือ” ใบหน้างามนิ่วลง เมื่อถูกบีบบี้ยอดอก ปลายเล็บจิกลงบนสะโพกหนาอย่างลืมตัวปลายนิ้วโป้งและนิ้วชี้ทั้งสองข้างทำหน้าที่ให้ความสุข ดึงเคล้นกับยอดทรวงสีสวย ไหล่บางห่อลงเรื่อยๆเมื่อโดนจู่โจมหนักมือขึ้น หว่างคิ้วก็ย่นเข้าหากัน ปากก็แลกจูบกันไม่มีถอย นานเข้าราฟาเอลก็ไล่ปากลงมาตามแนวคาง ลำคอระหงหอมกรุ่น ไหปลาร้านูน กลางอกอวบ จากนั้นก็งับเข้าที่ยอดสั่นร