หลายสัปดาห์ต่อมา
หลังจากทำงานของวันนี้เสร็จเตรียมจะแยกย้าย บอลตากล้องคู่หูของไอวี่ก็โบกมือลาแยกขึ้นรถกลับบ้านไปก่อน ไอวี่จึงได้มีโอกาสพูดคุยกับฝ้ายเพื่อนนักข่าวต่างสำนักเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารอัปเดตทั่วไป
“ไง ตอนนี้มีเรื่องอะไรน่าสนใจบ้างไหม” สาวเหนือตัวเล็กอย่างฝ้ายเอ่ยถาม ขณะกอดอกเอนพิงรถยนต์ส่วนตัวยังลานจอดรถของสถานีตำรวจ หลังเพิ่งจบแถลงข่าวการจับกุมพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่
“ที่ตามอยู่ตอนนี้ก็เป็นคดีเด็กหาย แต่จากที่ดูข้อมูลก็น่าจะเป็นคนพ่อแอบพาลูกหนี ตอนนี้ตำรวจกำลังพยายามตามตัวอยู่” ไอวี่ไหวไหล่ตอบกลับท่าทางเบื่อหน่าย
ฝ้ายมองซ้ายมองขวาดูให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่บริเวณนี้ ก่อนจะกระซิบบอกข่าวน่าสนใจให้แก่เพื่อนสาว
“ฉันแอบได้ข่าวมา ว่ามีนักธุรกิจหนุ่มตระกูลดังแอบทำธุรกิจมืดด้วยแหละ”
“หื้ม ใครกัน” หญิงสาวหรี่ตา ถามกลับด้วยความสนใจ
“เห็นว่าเป็นลูกชายเจ้าของโรงแรมดังเลยแก มีสาขาทั่วประเทศ แถมพวกคอนโดฯ ใหญ่ๆ ก็เครือบริษัทนั้นเกือบทั้งหมด ช่วงนี้เริ่มมีบทบาทในแวดวงสังคมแล้วด้วย ถึงฉันจะยังไม่ชัวร์กับข่าวนี้เท่าไร แต่ก็คิดว่ามีโอกาสเป็นไปได้สูง”
“แล้วธุรกิจสีดำที่ว่านี่คืออะไรอะ”
“ไม่แน่ใจนะ อาจจะเกี่ยวกับยาเสพติด ไม่ก็พวกค้าอาวุธนี่แหละ แต่ก็คงกว้างขวางและมีเส้นสายพอสมควรเลย ขนาดตำรวจยังไม่ค่อยอยากจะยุ่ง”
“น่าสนใจอยู่นะ”
“ใช่ ตอนแรกฉันก็อยากจะลองหาข้อมูลเหมือนกัน...เพราะถ้าเรื่องนี้ถูกขุดคุ้ยจนดังขึ้นมานะ เตรียมรอรับรางวัลนักข่าวดีเด่นประจำปีเลยละ”
แม้จะเสียดาย แต่ฝ้ายก็ไม่หวงที่จะแชร์ข้อมูลกับเพื่อนสาว ทั้งคู่สนิทสนมกันตั้งแต่ช่วงเข้ามาเป็นนักข่าวน้องใหม่ เจอหน้าค่าตาบ่อยเวลาไปทำข่าว จึงได้เริ่มพูดคุยกัน และกลายมาเป็นเพื่อนซี้ในเวลาต่อมา
"รางวัลนักข่าวดีเด่นเหรอ” ไอวี่ทวนคำพูดฝ้ายด้วยความสนใจ ดีดลูกคิดในหัวว่า หากเธอติดตามข่าวนี้ และสามารถสร้างประเด็นจนดังขึ้นมา แล้วได้รับรางวัลจริง ก็มีสิทธิ์ได้เลื่อนขั้นแถมยังได้อัปเงินเดือนอีก เส้นทางนักข่าวของเธอก็คงรุ่งโรจน์แน่นอน
“ใช่สิ้นปีนี้ไง”
“แล้วทำไมแกไม่ตามข่าวต่อเองล่ะ” แม้จะสนใจเรื่องนี้ไม่น้อย แต่ก็เกรงใจเพื่อนที่บอกข้อมูลมาให้ฟรีๆ
“ก็งานที่ช่องนั่นแหละรัดตัวสุดๆ แถมเรื่องฆ่าหั่นศพก็ยังตามตัวคนร้ายไม่ได้”
“อ๋อ คดีฆ่าหั่นศพ รุ่นพี่อีกทีมทำข่าวนั้นอยู่ ช่วงนี้หัวหน้าฉันส่งงานให้แต่ละอย่างน่าเบื่อสุดๆ” สาวลูกครึ่งถอนหายใจยาว
“ก็ดีแล้วย่ะ แกจะทำแต่ข่าวเสี่ยงตายตลอดไม่ได้นะ”
“ฉันก็ไม่ได้อยากเสี่ยงตาย แค่มันไม่มีอะไรตื่นเต้นน่าสนใจเท่านั้นเอง” ไอวี่เถียงกลับด้วยใบหน้านิ่งเฉยไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งเพื่อนสาวก็หัวเราะคิกคักรู้ทัน สองสาวพูดคุยเรื่องสัพเพเหระต่ออีกสักพัก ฝ้ายก็เสนอตัวขับรถไปส่งเพื่อนสาวยังคอนโดฯ
ตลอดทางกลับคอนโดฯ ไอวี่ก็ยังสลัดข้อมูลจากฝ้ายไม่ได้สักที ดูเหมือนว่าเธอคงต้องลองตามข่าวนี้ดูซะแล้ว
คอนโดฯ ไอวี่
หลังจากส่งข้อมูลสรุปข่าวแถลงการณ์การจับกุมพ่อค้ายา และการเตรียมแผนขยายผลเพื่อจับกุมผู้ร่วมขบวนการอื่นเพิ่มเติมเสร็จแล้ว นักข่าวสาวก็นั่งเหม่อลอยมองหน้าจอโน้ตบุ๊กของตัวเอง แล้วมือก็ไวกว่าความคิด เธอลองเซิร์ชหาชื่อของหนุ่มนักธุรกิจที่ฝ้ายให้ข้อมูลมายังแป้นคีย์บอร์ดทันที
“เมธวิน กิจวณิชวงศ์ เหรอ นามสกุลดังเลยนี่นา” หญิงสาวพึมพำกับตัวเอง ขมวดคิ้วนิ่วหน้ากวาดสายตาอ่านข้อมูลรายละเอียดของเขาในอินเทอร์เน็ต ซึ่งก็แน่นอนว่าไม่มีอะไรมากไปกว่าข่าวสังคม ประเภทบริจาคเงินสร้างโรงเรียนในต่างจังหวัด ข่าวเปิดตัวโรงแรมหรูแห่งใหม่ หรือเข้าร่วมงานการกุศล และส่วนใหญ่จะเป็นชื่อของมารดาเขามากกว่า ชื่อของเมธวินเพิ่งมาปรากฏอยู่แค่เพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับข่าวซุบซิบ ภาพหลุดควงนางแบบเท่านั้น
“หน้ากะล่อน ดูเป็นพวกเหยาะแหยะไม่เอาไหนเลย คนแบบนี้จะค้ายาเหรอ เงินที่มีก็แทบจะทับตัวตาย จะหาเรื่องเสี่ยงคุกเพิ่มทำไมกัน” เธอยังคงวิเคราะห์ต่อ ยอมรับว่านายเมธวิน หรือ ลีออน หล่อเหลาดูดีมาก แต่เขาก็ดูกะล่อนเจ้าชู้ เหมาะกับการเป็นคาสโนวามากกว่ามาเป็นพ่อค้ายา แต่ก็อย่างว่า ธุรกิจเบื้องหลังนี้อาจจะเป็นที่มาของความร่ำรวยก็ได้
เธอใช้เวลาต่ออีกพักใหญ่ในการหาข้อมูลส่วนตัวของเป้าหมาย รวมถึงประวัติครอบครัว ซึ่งทราบว่าตระกูล กิจวณิชวงศ์ เป็นนามสกุลเก่าแก่มีชื่อเสียงทีเดียว ในอดีตเคยมีสมาชิกในครอบครัวรับราชการ และเคยเป็นถึงผู้ว่าราชการจังหวัด ก่อนที่รุ่นต่อๆ มาจะเปลี่ยนมาจับธุรกิจอสังหาและโรงแรมเป็นหลัก สร้างรายได้มหาศาลจนถือว่าเป็นเศรษฐีติดอันดับของเมืองไทยเลยทีเดียว
ไอวี่พยายามหาข่าวทั้งหมดตามเว็บไซต์แล้วจดบันทึกเอาไว้ในสมุดเล่มเล็ก เริ่มรู้สึกหมดความสนใจลงไปเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่าหนุ่มหล่อเพียบพร้อมขนาดนี้จะหาเรื่องเสี่ยงคุกเสี่ยงตาราง ก่อนจะวางทุกอย่างไว้หน้าโต๊ะทำงานแล้วลุกไปอาบน้ำเตรียมตัวนอน เพราะพรุ่งนี้เธอยังต้องไปทำงานต่ออีก
เช้าวันต่อมา
ไอวี่และบอลเดินทางมายังสถานีตำรวจแถวเขตชานเมืองเพื่อติดตามคดีต่อ หลังจากตำรวจสามารถจับกุมตัวคนพ่อที่แอบพาตัวลูกสาววัยห้าขวบหนีไป จนภรรยาที่หย่ากันหลายปีเข้าแจ้งความ สรุปแล้วคดีนี้ก็จบลงที่ทนายเข้ามาไกล่เกลี่ย เรื่องทั้งหมดเกิดจากฝ่ายชายไม่พอใจที่อดีตภรรยาเริ่มเปิดใจคบหากับหนุ่มคนใหม่ ทำให้ตัดสินใจลักพาตัวลูกสาวเป็นการกดดัน ไอวี่โล่งใจที่เด็กน้อยปลอดภัยแล้วกลับคืนสู่อกแม่โดยสวัสดิภาพ ก่อนจะกลับขึ้นรถของคู่หู และนั่งพิมพ์รายงานสรุปข่าวเพื่อส่งให้สถานีข่าวของเธอ
“ทำหน้าเบื่อโลกเชียวนะ” รุ่นพี่ร่างท้วมประจำตำแหน่งคนขับรถหันมาแซว
“เหรอ...นี่ก็หน้าปกติของวี่”
หญิงสาวตอบกลับเสียงเรียบโดยที่สายตาไม่ได้ละจากโน้ตบุ๊กบนตักเลย แอร์ในรถเย็นฉ่ำถูกเปิดจ่อใบหน้าสวย ช่วยให้เม็ดเหงื่อที่เกราะพราวบนหน้าผากคนทั้งสองแห้งลง หลังจากต้องตากแดดยืนเฝ้าอยู่หน้าสถานีตำรวจตั้งแต่เช้าจนเกือบเที่ยง
รถญี่ปุ่นคันเก่ายังคงจอดนิ่งสนิทในลานจอดของสถานีตำรวจ ปล่อยให้ไอวี่รัวแป้นพิมพ์เขียนสรุปข่าว ส่วนตัวบอลเองก็บิดกายไล่ความเมื่อยล้าเอ่ยชวนคุยต่อ
“คิดว่าตำรวจจะขังคนพ่อไว้นานไหม”
“ไม่นานอะ เดี๋ยวทนายก็มาประกันตัวออกแล้ว คงไกล่เกลี่ยกันเรื่องสิทธิ์การเลี้ยงดู ถ้าคนแม่ไม่ยอมก็คงไปฟ้องร้องต่อกันในศาล"
“เฮ้ออออ~ พ่อแม่ทะเลาะกัน คนที่ต้องรับกรรมกลายเป็นลูกซะงั้น”
“อืม...แต่ยังดีที่จบคดีแบบไม่มีเรื่องน่าเศร้า”
“แกนี่นะ ไร้อารมณ์จริงๆ ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรหน้าก็ไม่เปลี่ยนเลย”
บอลถอนหายใจยาวกับนิสัยเย็นชาหน้าตายของคู่หูสาว แต่คนถูกแซวก็ไม่คิดจะหันกลับไปสนใจ นิ้วเรียวยาวกดเคาะรัวแป้นพิมพ์ส่งเสียงน่ารำคาญเล็กน้อย จนเจ้าของรถเตรียมจะเอื้อมมือไปเปิดวิทยุหาเพลงฟังแก้เบื่อ
“หยุด ห้ามเปิด วี่ไม่มีสมาธิเขียน”
“นั่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ เรื่องมากจริง”
“..."
“จะกลับเข้าสถานีอีกไหมล่ะเนี่ย จะได้ออกรถเลย” บอลหันกลับมาถามหญิงสาวข้างกายที่ยังคงขมวดคิ้วเรียบเรียงคำให้สวยหรู
“ไม่อะขี้เกียจแล้ว พรุ่งนี้ค่อยไปรับงานใหม่ก็แล้วกัน ช่วงนี้ไม่มีข่าวอะไรน่าสนใจเลย”
“ก็ดีแล้วไหมวะ เราเป็นทีมข่าวสายอาชญากรรมนะ การที่ไม่มีข่าวก็ถือว่าประเทศสงบสุขเรียบร้อยดีไง”
ไอวี่กลอกสายตาเป็นเลขแปดก่อนจะเบือนหน้าหันมามองคู่หูนิ่งๆ
“ถามจริง? คิดว่าประเทศที่เราอยู่มันสวยงามขนาดนั้นเลยเหรอ มีพวกมีอิทธิพลตั้งเท่าไรที่แอบทำเรื่องทุเรศ กอบโกยเงินเข้ากระเป๋าตัวเองมหาศาล ปล่อยให้ชาวบ้านตาดำๆ ลำบาก แถมตำรวจหรือกฎหมายก็เข้าไปจัดการไม่ได้”
หญิงสาวร่ายยาวราวกับมีสิ่งที่อึดอัดคับข้องใจ จนบอลหน้าเหวอเล็กน้อยกับความจริงจังนั้น จนต้องรีบเบี่ยงประเด็นให้บรรยากาศและอารมณ์ของคู่หูสาวดีขึ้น
“ซีเรียสไปได้น่า แกก็จริงจังกับงานเกินไป ว่างๆ ก็หาเวลาพักบ้าง อย่าหมกหมุ่น เราเป็นแค่นักข่าว ไม่ใช่ผู้ผดุงความยุติธรรมนะโว้ย”
“เฮ้อออออออ~ ออกรถเลย ไปส่งวี่ที่คอนโดฯ ด้วยแล้วกัน ส่งเมลไปให้หัวหน้าแล้ว”
เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ พร้อมเอื้อมมือปิดพับโน้ตบุ๊กบนตักลงแล้วเก็บใส่กระเป๋าให้เรียบร้อย ชายหนุ่มส่ายหัวระอาเล็กน้อย เอื้อมมือไปเข้าเกียร์แล้วไปส่งคู่หูสาวตามสั่ง
คอนโดฯ ไอวี่
สาวเจ้าของห้องนอนแผ่หลามองเพดานสีขาวด้วยความเบื่อหน่าย ปกติเธอมักจะอยู่ติดตามทำข่าวจนมืดค่ำ แต่วันนี้รู้สึกไม่สดชื่นกระปรี้กระเปร่าเท่าที่ควรเลย แม้จะเลือกกลับมานอนพักในห้อง แต่มันก็ดูว่างและไม่มีอะไรทำ เรื่องของลีออนวนกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง ตอนแรกเธอคิดว่าจะเลิกสนใจข่าวนี้แล้ว เพราะอาจจะเป็นแค่ความเข้าใจผิดของแหล่งข่าว แต่ในเมื่อตอนนี้เธอไม่มีสิ่งอื่นให้หมกหมุ่น จึงคิดจะลองสืบข่าวของหนุ่มเพลย์บอยตัวร้ายดูสักหน่อย เผื่อจะได้ข้อมูลอะไรเด็ดๆ มา
คิดได้ดังนั้นหญิงสาวก็หยัดตัวขึ้นจากโซฟา เข้าไปยังอินสตราแกรมส่วนตัวของชายหนุ่ม แอบเบ้หน้าเนื่องจากอีกฝ่ายไม่ได้เปิดแอ็กเคานต์เป็นสาธารณะ แต่สกิลการซอกแซกหาข้อมูลที่โชกโชนก็ทำให้เธอสามารถค้นหาร้านประจำที่หนุ่มเป้าหมายมักจะออกไปดื่มสังสรรค์บ่อยๆ เจอ ซึ่งแน่นอนมันมาจากการเช็กอินรูปคู่ของนางแบบสาวคนหนึ่งที่เคยมีประเด็นกุ๊กกิ๊กกับลีออนนั่นเอง
“Zonic Pub งั้นเหรอ”
เธอพึมพำเบาๆ กับตัวเองหลังจากเจอสถานที่ที่คาดว่าจะเป็นร้านประจำของเขา ดูท่าวันนี้บอลคงภูมิใจไม่น้อย ที่สาวเย็นชาหน้าตายอย่างไอวี่จะลงทุนลุกขึ้นมาแต่งตัวสวยแล้วออกไปท่องราตรีเหมือนอย่างวัยรุ่นปกติ
ดวงตาคู่สวยคมกริบจ้องมองไปยังรูปภาพของหนุ่มหล่อตัวร้ายผ่านหน้าจอมือถือ พร้อมรอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏขึ้นจางๆ ยังมุมปากของเธอ ตอนนี้เธอได้เป้าหมายใหม่แล้ว หวังว่ามันจะช่วยทำให้ชีวิตนักข่าวแสนน่าเบื่อมีสีสันขึ้นบ้าง
“ถ้านายมีความลับอะไรซ่อนอยู่ ฉันคนนี้จะขุดคุ้ยมันออกมาแฉเอง”
กลางดึกไฟในห้องนอนกว้างถูกปิดสนิท มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศช่วยให้ความเย็นเท่านั้น ลีออนนอนอยู่อีกฟากของเตียงกว้างเพ่งสายตามองผ่านร่างเล็กๆ ของลูกสาวทั้งสองที่นอนคั่นกลางไปหาร่างเย้ายวนของภรรยาเปลือกตาของสาวลูกครึ่งปิดลง ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอท่อนแขนข้างหนึ่งวางพาดบนก้นเล็กๆ ของเอวาอยู่ ในขณะทั้งสามสาวกำลังจมลึกอยู่ในห้วงแห่งความฝัน ชายหนุ่มเพียงคนเดียวรู้สึกกระสับกระส่ายครั้นเนื้อครั้นตัว พยายามสะกดข่มแรงปรารถนาให้สงบ แต่ไม่ว่าพลิกกายกี่รอบก็ไม่อาจจะหลับได้สักทีสุดท้ายก็ตัดสินใจเอื้อมมือผ่านลูกทั้งสองสะกิดแขนภรรยาเบาๆ“อื้มมมม~” หัวคิ้วบางขมวดเข้าหากัน ส่งเสียงอื้ออ้ารำคาญใจในลำคอหลังจากถูกกวนตอนกำลังหลับสนิท“วี่...วี่ครับ...ที่รักจ๋า”“หื้ม?”คนตัวเล็กผงกหัวขึ้นมาพยายามเปิดปรือดวงตาง่วงงุนขึ้นมอง“มีอะไร”“ชู่~ เบาสิครับ เดี๋ยวลูกตื่น” ลีออนกระซิบบอก ซึ่งไอวี่ก็ได้แต่ยกหลังมือขยี้ตา“คะ?”“ลุกมานี่หน่อยครับวี่”ลีออนค่อยๆ ก้าวลงจากเตียงเชื่องช้าระวังไม่ให้เกิดเสียงใดๆ รบกวนการนอนของลูกๆ แม้หญิงสาวจะยังไม่เข้าใจแต่ก็ยอมหย่อนขาลงจากเตียง เดินสะลึมสะลือด้วยความง่วงต
สามปีต่อมาคฤหาสน์หลังใหม่ของลีออนคฤหาสน์สุดหรูหลังใหญ่สามชั้นมีเนื้อที่กว้างขวาง พร้อมสนามหญ้าและสระว่ายน้ำส่วนตัว ตั้งอยู่ในโครงการบ้านจัดสรรสำหรับเหล่าเศรษฐี ซึ่งทั้งโครงการมีคฤหาสน์ใหญ่เช่นนี้เพียงแค่สามหลังเท่านั้น และหนึ่งในนั้นก็เป็นของวิคเตอร์เรียบร้อย ทำให้ลีออนได้คฤหาสน์อีกหลังริมทะเลสาบเช่นกัน แม้จะไม่ได้อยู่มุมดีที่สุด แต่ก็อยู่ห่างจากบ้านเพื่อนรักเพียงนิดเดียว สามารถเดินเท้าไปหาได้ด้วยซ้ำเด็กน้อยวัยสามขวบกว่า ลูกสาวคนแรกอย่างอีฟ หัวเราะวิ่งเล่นอยู่กับบิดายังสนามโล่งกว้างร่มรื่น สายลมยามเย็นไม่อาจจะช่วยดับร้อนให้ร่างเล็กซึ่งมีพลังงานเหลือล้นได้เลย จนใบหน้ากระจ่างใสแดงระเรื่อไม่ต่างจากลูกมะเขือเทศ“จับได้แล้ว”“คิกๆๆ หนูจั๊กจี้” เธอหัวเราะเสียงใสจนตาหยีเมื่อคุณพ่อคว้าเธอเอาไว้แล้วใช้ตอหนวดสากระคายถูไถแก้มเนียนๆ เป็นการหยอกล้อ“เหนื่อยยังคนเก่ง”“ม่ายยยยย~ เล่นอีก”“ปะป๊าหมดแรงแล้วนะครับอีฟ”“นะคะ”ใบหน้าน่ารักของลูกสาวในอกกะพริบตาปริบๆ อ้อนวอน ทำใจคนพ่ออ่อนยวบเหลวเป็นน้ำ แม้ใบหน้าตนเองจะเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อและเหนื่อยกับการวิ่งไล่จับลูกสาวคนโต แต่พอเห็นท่าทา
ตั้งแต่ทราบข่าวว่าตั้งครรภ์ทั้งลีออนและแม่เขาก็สั่งให้เธอพักงานอย่างเด็ดขาด และด้วยอิทธิพลของสิรินดา พอลูกสะใภ้คนโปรดบอกว่ายังอยากทำงานเป็นนักข่าวต่อ เธอจึงได้ต่อสายตรงไปหาเจ้าของสถานี X News TV ขอลาพักร้อนให้ไอวี่เสร็จสรรพ เรียกว่าต่อให้เธอจะหยุดงานไปเป็นปี แต่ทางช่องก็ไม่กล้าไล่เธอออกเพราะนามสกุลใหม่ต่อท้ายของนักข่าวคนเก่งทั้งสามนั่งทานอาหารเช้าอยู่ในห้องอาหาร หน้าต่างบานใหญ่ถูกเปิดอ้า รับสายลมเย็นๆ จากด้านนอกพัดเข้ามาในตัวบ้านช่วยบรรยากาศยามเช้าสดชื่นปลอดโปร่ง คงมีแต่เพียงหนุ่มแสบคนเดียวที่นั่งกุมขมับด้วยใบหน้าซีดเซียว“วี่ทานเยอะๆ ลูก หมอบอกน้ำหนักน้อยไป ต้องบำรุงเพิ่มอีกรู้ไหม” สิรินดาซึ่งย้ายฝั่งมาโอ๋ลูกสะใภ้เต็มที่ช่วยตักผัดผักบุ้งให้เธอ โดยไม่คิดจะสนใจสีหน้าย่ำแย่ของลูกชายเลย“ขอบคุณค่ะคุณแม่” เธอส่งยิ้มให้แม่สามี ก่อนจะเบนสายตามาดูอาการลีออน “ไหวไหม กินข้าวไม่ลงเหรอ”“แย่ พะอืดพะอม”มือหนาดันชามข้าวต้มออกห่าง ทั้งที่อาหารส่วนใหญ่บนโต๊ะก็ไม่มีอะไรมีกลิ่นคาว แต่เขากลับเวียนตื้อรู้สึกอยากจะอาเจียนออกมาทุกเมื่อ“เมื่อวานแม่บ้านซื้อมะม่วงเปรี้ยวมาไว้ให้ วี่ไปปอก
สัปดาห์ต่อมาพิธีในช่วงเช้าจัดขึ้นยังคฤหาสน์หลังใหญ่ของครอบครัวลีออน แน่นอนว่าไอวี่ไม่เหลือญาติพี่น้องที่ไหนอีกแล้ว จึงได้เชิญครอบครัวป้าแก้วและน้าพิณพยาบาลที่คอยดูแลยายมาลีหลายปีมาร่วมเป็นสักขีพยานในวันสำคัญนี้ ส่วนเพื่อนก็มีทั้งเพื่อนสมัยมัธยมและมหาลัย รวมถึงเพื่อนร่วมงานอย่างบอล และ แมนด้วยอดีตตากล้องคู่ใจถึงกับตาโตเป็นไข่ห่าน หลังจากทราบว่าแท้จริงแล้วลีออนคือทายาทนักธุรกิจตระกูลดัง ทำหนุ่มท้วมยืนตัวเกร็งไม่กล้าหยอกล้อกับเจ้าบ่าวเหมือนแต่ก่อนส่วนญาติทางฝั่งเจ้าบ่าวต้องบอกว่าเยอะมากจนเจ้าสาวสับสน ร่างระหงในชุดพิธีแบบไทยสวยประดุจนางในวรรณคดีหลุดมาสู่โลกแห่งความจริง ใบหน้าสวยจัดมีส่วนผสมจุดเด่นของสาวไทยและเชื้อสายยุโรปไว้อย่างลงตัว มวยผมเกล้าต่ำประดับด้วยดอกไม้ส่งกลิ่นหอม ควงท่อนแขนเจ้าบ่าวในชุดไทยประยุกต์สีขาวสะอาดตา ยกมือขึ้นไหว้บรรดาญาติพี่น้องจากครอบครัวฝั่งแม่ชายหนุ่มจนเหงื่อตกขนาดว่าเป็นงานส่วนตัว แต่จำนวนแขกที่มาร่วมงานกลับมีมากเกือบร้อยคน หัวสมองคนตัวเล็กไล่ทบทวนชื่อของญาติๆ เขาทั้งพี่สาวยาย ลูกของป้า น้าเขย หลานลูกพี่ลูกน้อง ทำเธอมึนตื้อไปหมด แต่ก็ได้เจ้าบ่าวสุ
หลายสัปดาห์ต่อมางานที่ลีออนเฝ้ารอคอยมาทั้งชีวิตก็กระชั้นเข้ามาเรื่อยๆ ท่ามกลางความยินดีของกลุ่มเพื่อนและครอบครัว เว้นเพียงคนเดียวที่ยังคงแสดงอาการต่อต้านอยู่ นั่นก็คือสิรินดาวันนี้ไอวี่ไปลองชุดแต่งงานพร้อมแก๊งสาวๆ ซึ่งก็มีแพรวา คลีโอ มิลิน รวมถึงอันดามันที่ท้องใหญ่แล้ว แต่ก็ไม่วายพยุงร่างตุ้ยนุ้ยของตัวเองไปด้วยเนื่องจากเธอถือเป็นสไตล์ลิสประจำกลุ่ม วิคเตอร์จึงต้องติดตามไปดูแลภรรยาสาวตัวเองไม่ห่าง คงมีเพียงว่าที่เจ้าบ่าวที่ต้องมานั่งแกร่วเตรียมเข้าพบนักธุรกิจหนุ่มใหญ่เพื่อติดต่อขอซื้อที่ดินแปลงสวยในจังหวัดกระบี่ลีออนมุ่ยหน้าขัดใจที่ตนเองอดไปดูเจ้าสาวแสนสวยของตนเองลองชุด เหมือนว่าแม่ของเขาจะวางแผนกลั่นแกล้งหาเรื่องมากกว่าถึงได้โยนหน้าที่นี้มาให้ในช่วงเวลาใกล้งานแต่งเช่นนี้“ทำหน้าดีๆ หน่อยสิครับนาย”“กูไม่อยากมา ทำไมกูต้องมาเจรจาขอซื้อที่ด้วยตัวเองวะ”“คุณปรีชาค่อนข้างหัวแข็ง แต่ประธานอยากจะได้ที่ดินตรงนั้น เคยส่งคนมาพูดคุยแล้ว แต่ก็ถูกปฏิเสธทันที ผมคิดว่าถ้าคุณลีออนมาเองเขาน่าจะยอมตกลงด้วย”“แม่งเอ๊ย! กูอยากไปดูเมียลองชุด ไม่ใช่มาเจอหน้าลุงแก่ๆ”“
เช้าตรู่ในวันต่อมาแล้วก็เป็นไปอย่างที่ลีออนคาด เพราะทันทีที่ทั้งสองก้าวลงมาจากชั้นบนเพื่อรับประทานเช้าก็พบกับนายหญิงเจ้าของบ้านนั่งเชิดหน้าชูคอรออยู่ในห้องรับแขกซะแล้ว“ลีออน! มานี่! เราต้องคุยเรื่องนี้ให้รู้เรื่อง” น้ำเสียงทรงอำนาจตวาดลั่น ตวัดสายตาเกลียดชังไปทางหญิงสาวหน้าลูกครึ่งซึ่งตนไม่ชอบขี้หน้าเอาซะเลยการแสดงออกของผู้เป็นแม่ทำลูกชายหน้าตึง เอื้อมคว้ามือเล็กบีบแน่นแล้วจูงว่าที่ภรรยามาเผชิญหน้ากับพ่อแม่เขาเป็นครั้งแรก“สวัสดีครับ ไม่เจอกันนานเลยนะเนี่ย” ร่างสูงยิ้มกริ่มไม่ได้ยกมือไหว้ทักทายแบบไทย เพียงแค่ยืนส่งยิ้มกวนอารมณ์ให้ทั้งคู่ แม้ไอวี่จะรู้ตัวว่าสิรินดาไม่ชอบหน้าเธอ แต่เมื่อพบผู้ใหญ่เธอก็ยกมือขึ้นไหว้ทั้งสองตามมารยาท“สวัสดีค่ะ”“กองไว้ตรงนั้นแหละ ฉันไม่รับ!”“สิรินดา...”แอลวินเอ่ยปรามภรรยาเสียงเข้ม คำพูดไร้เยื่อใยของแม่ลีออนทำไอวี่หน้าเสีย กัดปากข่มความโมโหกับสายตาเหยียดหยามที่จ้องมาไม่วางตา“กรุณาให้เกียรติเมียผมด้วย ผมเตือนแม่ไปแล้ว!” ลีออนก็ออกปากช่วยปกป้อง น้ำเสียงแข็งกร้าวไม่เกรงกลัวเรียกความสนใจจากมารดาให้กลับมามองหน้าลูกชายตัวดีแทน“แกน่ะ