“พี่ลูกไก่ ท่านธำรงบอกว่าขอคุยกับพี่ค่ะ” เกศรารับโทรศัพท์เบอร์หลักของเพจแล้วได้รับการแจ้งว่าปลายทางคือท่านธำรง เธอปิดเสียงไว้และหันมาบอกพี่สาวเสียงกระซิบ
กฤติกาพยักหน้า ไม่มีประโยชน์ที่เธอจะเลี่ยงไปเลี่ยงมาอีก
“สวัสดีค่ะท่าน กฤติกาพูดค่ะ”
“แหม..หนูลูกไก่พูดซะเป็นทางการเลย เลขาของหนูคงบอกแล้วใช่ไหมว่าฉันเป็นใคร” ปลายเสียงตอบกลับมา ในขณะที่กฤติกาเบ้ปาก เธอจะไม่พูดเป็นทางการได้อย่างไรในเมื่ออีกฝ่ายใช้ตำแหน่งมาคุยกับเธอ
“ค่ะท่านธำรง ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ลูกไก่รับใช้คะ”
อีกฝ่ายหัวเราะร่าเมื่อเธอตอบแบบนี้
“ใครจะไปกล้าใช้หนู ฉันแค่อยากเลี้ยงข้าวหนูสักมื้อเห็นงานที่หนูทำเพื่อประโยชน์ของสังคม หนูน่าจะมีชื่อในคณะกรรมาธิการในสภาด้านการพัฒนาสังคมนะจ๊ะ”
“ขอบพระคุณมากค่ะรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยที่จะได้ร่วมโต๊ะทานข้าวกับรัฐมนตรี แต่ต้องขออภัยด้วยนะคะช่วงนี้ลูกไก่ไม่ค่อยว่างงานยุ่งมากเลยค่ะ” เธอปฏิเสธอย่างละมุนละม่อม
“ไม่เป็นไร ฉันแค่อยากบอกหนูตรงๆ ว่าอยากทานข้าวด้วยสักมื้อให้หนูเก็บไปคิดดูนะ หนูยอมไปทานข้าวกับฉันสักมื้อหนูอาจจะมีการงานที่รุ่งโรจน์ไปมากกว่านี้อีก” ธำรงทิ้งท้ายด้วยข้อเสนอที่เหมือนดูดี
กฤติกาวางโทรศัพท์ด้วยใจที่หนักอึ้ง เธอจะทำอย่างไรดี
###############
“เพชรฉันว่าฉันจะไปคุยกับแม่ ให้ไปสู่ขอแกกับพ่อแม่แกเลยดีไหม จะได้มัดมือชกเฮียไปเลยถ้าผู้ใหญ่คุยกันแล้วเฮียคงไม่กล้าทำให้แม่ขายหน้า” สมาภรณ์คุยกับเพื่อนสาว เธอนัดเจออัญมณีที่ร้านกาแฟชื่อดังในห้าง
“ฉันว่าคงไม่ดีมั้งหนูเล็ก แกพูดเหมือนไม่รู้จักเฮียหมิง แกคิดเหรอว่าเขาจะแคร์ว่าทำอะไรให้ใครอายไหม” อัญมณีปราม เธอแน่ใจว่าสมิติไม่ติดอะไรที่จะฉีกหน้าทุกคน หากใครไปล้ำเส้นเขา
“เออ ฉันได้ข่าวว่าพ่อผัวแกไปติดตามอะไรยายดาวลูกไก่นั่น จริงรึเปล่า” อัญมณีถามเรื่องที่กำลังเป็นที่ซุบซิบกัน
“ไม่รู้สิ คุณพ่ออาจจะอยากได้มันเป็นอีหนูก็ได้ คนแบบนังนั่นมันก็ต้องเป็นเมียเก็บทั้งชาติ เผลอๆ ตอนนี้มันก็อาจจะมีใครเลี้ยงอยู่ก็ได้”
สมาภรณ์พูดอย่างไม่ใส่ใจ ผู้หญิงของท่านธำรงมีทั่วเมืองตราบใดที่ท่านไม่ได้ยกย่องใครออกนอกหน้า แทนแม่สามีที่เสียไปแล้วทุกคนในบ้านก็ไม่เดือดร้อน
หญิงสาวมองไปด้านนอกร้านก่อนที่จะชี้มือไปทางอีกมุมหนึ่ง “นั่น ..แกดูสิเพชรผัวฉันใช่ไหม”
สมาภรณ์ตัวสั่นเทิ้มด้วยความโกรธ เมื่อเห็นสามีโอบไหล่เลขาหน้าห้องในที่ทำงานเดินผ่านเธอออกไปยังลานจอดรถ หญิงสาวตามออกไปโวยวายตบตีคนทั้งสองทิ้งเพื่อนไว้ในร้านกาแฟ
อัญมณีมองภาพตรงหน้าด้วยความเฉยเมย เธอไม่สนใจปัญหาของสมาภรณ์หรอกแค่มานั่งคุยด้วยก็มากไปแล้ว หญิงสาวคิดว่าเธอเสียเวลากับครอบครัวของเพื่อนสาวมาหลายปีเกินไป ตอนนี้เธอควรจะหาเป้าหมายใหม่ที่ไม่ใช่สมิติได้แล้ว
เธอลุกออกจากร้านเดินตรงไปด้านนอกก่อนที่สมาภรณ์จะกลับมาร้องไห้ฟูมฟายให้เธอต้องอยู่ฟังอีก หญิงสาวกดโทรศัพท์หาใครคนหนึ่ง จากนั้นเธอมีสีหน้าสดใสขึ้นมาทันตา
################
เช้าวันต่อมาอัญมณีลุกจากที่นอนในคอนโดดูเพล็กสุดหรูของธเนศ สามีของสมาภรณ์
“เมื่อวานพี่เนศออกมาได้ยังไงคะ หนูเล็กไม่ตามเหรอ” เธอนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานที่พอเธอเดินออกมาจากร้านกาแฟ ธเนศรับสายเธอทันทีที่โทรหา
“เพชรพี่รอที่ลานจอดรถชั้น 6A มาเร็วๆ นะ” ชั้น 6 คือที่จอดรถสำหรับผู้บริหาร ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ถือเป็นธุรกิจหนึ่งของท่านธำรง บริหารงานโดยธเนศลูกชายคนโตของเขาเอง
จากนั้นเธอรีบมาตามจุดนัดที่เขาบอก และพากันออกจากห้างมาขลุกด้วยกันที่คอนโดของเขาตั้งแต่เย็นวานถึงเช้าวันนี้
อัญมณีเดิมครอบครัวเธอทำธุรกิจจิวเวลรี่ แต่หลังจากค่าเงินผันผวนทำให้การเงินของบ้านเธอติดลบ หญิงสาวต้องพยายามอย่างหนักที่จะหาใครสักคนมาช่วยประคองธุรกิจให้ไปรอดซึ่งคือธเนศนั่นเอง เธอสนิทกับครอบครัวเขามานานเพราะมีหน้าร้านในห้างเครือของธเนศทุกสาขา แต่เพราะธเนศเป็นคู่หมั้นของสมาภรณ์มานานมากทั้งสองจึงต้องแอบคบกัน
เธอเคยถามว่าทำไมไม่ยกเลิกงานแต่งกับสมาภรณ์ แต่ชายหนุ่มบอกว่า
“ครอบครัวหนูเล็กช่วยพ่อพี่เรื่องหาเสียง เป็นนายทุนใหญ่ให้พรรคด้วยถ้าพี่ถอนหมั้นหนูเล็กทุกอย่างก็พัง เพชรอดทนรออีกนิดนะ คุณพ่อบอกว่าคงเป็นรัฐมนตรีได้อีกไม่กี่สมัยก็ต้องวางมือ ถึงตอนนั้นพี่จะหย่ากับหนูเล็ก”
เงินร้อยล้านที่สมาภรณ์วิ่งเต้นขอจากกงสีจ่ายให้พรรคของธำรงทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง ทำให้เธอยังมีสถานะเป็นลูกสะใภ้รัฐมนตรีอยู่ แต่มันไม่ได้ทำให้ธเนศรักเธอได้จริง
“พี่ตบหนูเล็กไปทีนึง คงตกใจเลยรีบกลับ” ธเนศบอกตามตรงแต่ไม่ได้รู้สึกผิดอะไร เขาทำเป็นโมโหกลบเกลื่อนที่สมาภรณ์โวยวาย หาว่าเธอไม่ไว้หน้าเขาและตบหน้าไปหนึ่งครั้ง ฝ่ายนั้นคงตกใจมาก
อัญมณีหัวเราะเมื่อได้ยินแบบนั้น
“ถึงขั้นลงไม้ลงมือเลยเหรอคะ พี่เนศไม่กลัวหนูเล็กไปฟ้องพี่ชายเหรอ” เธอสะใจลึกๆ ที่สมาภรณ์ถูกตบ คนแบบนั้นหากไม่มีเงินใครจะอยากเป็นเพื่อนด้วย จิกหัวกดทุกคนแม้แต่เธอ
“ไม่กล้าหรอก” ธเนศมั่นใจ เขามั่นใจว่าสมาภรณ์จะไม่ยอมขายหน้าด้วยการเป็นแม่ม่ายผัวหย่าแน่ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของผู้หญิงในระดับชนชั้นนี้ พวกเธอยินดีที่จะหน้าชื่นแต่ 'อกตรม'
“อย่าพูดเรื่องหนูเล็กเลย พี่เบื่อผู้หญิงคนนี้เต็มที” ธเนศเปลี่ยนเรื่อง เขาดึงร่างอัญมณีมากอดพลางชวนเธอไปเที่ยว
“เพชรไปใต้กับพี่ดีกว่า พี่มีเกาะส่วนตัว”
อัญมณียิ้ม “ไปค่ะ ไปที่ไหนก็ได้ถ้ามีแค่เราสองคน”
##############
กฤติกาเริ่มเครียดขึ้นเรื่อยๆ เมื่อวานเธอได้รับการติดต่อจากท่านธำรงอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นการส่งข้อความมายังไลน์ส่วนตัว
“ได้ข่าวว่าหนูลูกไก่รักครอบครัวมากใช่ไหม เอ..ฉันว่าหลานสาวกับน้องสาวของหนูนี่กำลังน่ารักเลยนะ"
หญิงสาวตัวสั่นด้วยความโกรธ เธอเข้าใจดีว่านี่คือการขู่แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไร ข้อความต่อมาถูกส่งมาอีก
“ฉันแค่อยากทานข้าวกับหนู ไม่ได้อยากทำอะไรเด็กน้อยสองคนนั่นเลยนะ เป็นห่วงว่าเด็กๆ ควรจะได้เติบโตเป็นอนาคตของชาติ พรุ่งนี้ฉันจะให้คนไปรับหนูมาทานข้าวด้วยกันตอนเย็น อย่าลืมแต่งตัวสวยๆ”
เธอเริ่มคิดถึงข้อเสนอของสมิติ หญิงสาวไม่กล้าหวังว่าตำรวจจะช่วยอะไรเธอได้ และตอนเช้าที่กฤติกาเข้าสำนักงานตามปกติเธอเห็นรถยุโรปติดฟิล์มดำจนทึบจอดเยื้องๆ กับตึกสำนักงาน มีชายชุดดำเดินไปมาอยู่รอบๆ หลายคน
หญิงสาวเดินเข้าสำนักงานด้วยความหวาดกลัว หากจะต้องเลือกระหว่างธำรงกับสมิติ แน่นอนว่าเธอย่อมเลือกคนหลัง กฤติกาโทรหาเขาทันทีหลังจากที่ตัดสินใจเด็ดขาด
“พี่หมิงคะไก่มีเรื่องคุยด้วยเย็นนี้ แต่ว่าหน้าออฟฟิศมีคนหน้าตาแปลกๆ หลายคนเลยค่ะ”
สมิตินิ่งไปหนึ่งอึดใจ จากนั้นเขาตอบมาว่า
“พี่จัดการได้ เย็นนี้พี่จะไปรับไก่เอง
วันรุ่งขึ้นเธอเห็นสมิติเจริญอาหารเป็นพิเศษ“เมื่อวานพี่เห็นไก่ซื้อขนมมาใช่ไหม ยังมีอยู่รึเปล่า” “ขนมเหรอคะ ขนมไทยนะคะพี่จะทานเหรอ” กฤติกาไม่เคยเห็นเขาชอบของหวานเลยสักครั้ง“อืม อยากกินน่ะยังมีอยู่รึเปล่า” สมิติตอบหญิงสาวจึงเปิดตู้เย็นดูขนมที่ว่า“มีค่ะเป็นทองหยิบกับฝอยทองนะคะ” เธอซื้อมาจัดชุดถวายข้าวพระพุทธ จึงมีเหลือในกล่องไม่มากเธอนำมันมาจัดจานไปใส่คนที่นั่งรอ“อร่อย” สมิติจิ้มทองหยิบใส่ปากสีหน้าดูชื่นอกชื่นใจ ส่วนกฤติกาทำหน้าแหยง“มันหวานมากเลยนะคะ พี่หมิงว่าพอดีเหรอ” สมิติหันมาพยักหน้า ทำสีหน้าจริงจัง“พอดี ไม่เห็นหวานไปเลยจ้ะ เอาอีกนะอันนี้ไก่ซื้อร้านไหนมา”“ร้านหน้าคอนโดนี่เองค่ะ พี่หมิงไม่สบายรึเปล่าคะ” เธอมองเขาอย่างกังวล พักนี้รู้สึกว่าเขาไม่ปกติหลายๆ อย่าง เหมือนผีเด็กเข้าสิงแต่เธอแน่ใจว่าแถวนี้ไม่มีใครเลี้ยงกุมาร“ไม่นี่ พี่ปกติ” สมิติตอบ เขาไม่รู้สึกว่าเขาเป็นอะไรภรรยาคิดมากไปเองหญิงสาวป้อนโจ๊กให้น้องแมทจนหมดถ้วย 'กินเก่งทั้งพ่อทั้งลูก' เธอคิดในใจ กฤติกาลุกขึ้นจะเข้าไปในครัวแต่ก็ต้องเซเมื่อเธอรู้สึกเหมือนจะเป็นลม“ไก่..” สมิติเรียกเสียงดัง เขารีบมาป
“พี่หมิงคะ ลูกร้อง” กฤติกาตะโกนบอกสามี เด็กชายกรกันต์หรือน้องแมทวัยแปดเดือน กำลังแผดเสียงร้องจ้าเมื่อตื่นมาไม่พบใครในห้อง“จ้า พี่ไปเดี๋ยวนี้ละ” สมิติรีบวิ่งออกจากห้องน้ำไปดูลูกชาย ส่วนกฤติกากำลังเคี่ยวข้าวผักห้าสีให้ลูกในครัว“โอ๋.. ไม่ร้องนะครับ พ่อเปลี่ยนเพิสให้นะลูก” ชายหนุ่มเปลี่ยนผ้าอ้อมสำเร็จให้ลูกชายอย่างคล่องแคล่วเพราะทำมาตั้งแต่น้องแมทเกิด พ่อลูกอ่อนอุ้มลูกชายมาไว้ในคอก ตอนนี้น้องแมทคลานได้คล่องแล้ว บางครั้งไปไวมากจนพ่อแม่จับไม่ทัน“มาแล้ว” กฤติกายกถ้วยข้าวบดมาให้ลูก เธอคนๆ วางทิ้งไว้สักครู่เพื่อให้คลายความร้อนลง“มาค่ะน้องแมท” เธออุ้มเด็กชายขึ้นจากคอกมานั่งที่เก้าหัดกินข้าวของเด็ก หญิงสาวหัดให้ลูกชายนั่งได้เองเพื่อที่ว่าเวลาไปไหนจะได้ไม่ต้องคอยอุ้มตลอดเวลา“พี่หมิงหิวหรือยังคะ” เธอหันไปถามสามี “หิวจ้ะ แต่ไม่รู้อยากกินอะไร” สมิติทำท่าเพลีย “นอนน้อยรึเปล่าคะ มีไข้ไหม” หญิงสาวลุกมาหาเขาเธอใช้มืออังหน้าผากพบว่าเขาตัวเย็น “พี่ไม่เป็นอะไรหรอก” สมิติจับมือเธอไว้ “คืนนี้ไม่ต้องลุกมาดูแมทนะคะ ไก่จัดการเอง” เธอเริ่มฝึกให้ลูกเลิกมื้อดึกและนอนยาวแล้วตามที่คุยกับค
สมิติไม่ทำอะไรเธอตามที่เขาพูดจริง แต่ชายหนุ่มถือโอกาสช่วงที่รอแผลเธอหายช้ำสร้างความคุ้นเคยให้เธอด้วยการสัมผัสแตะต้อง โอบบ้าง กอดบ้างจนกฤติกาเริ่มชินเช้าวันอาทิตย์เขาออกไปข้างนอกและกลับมาทานข้าวเย็นกับเธอ พบว่ากฤติกาไม่ได้ออกไปไหนเลย“ออกไปเดินเล่นบ้างก็ได้นะไก่” “ไม่เป็นไรค่ะ ไก่อยากพักพรุ่งนี้ต้องไปมหาวิทยาลัย” สมิติพยักหน้าเข้าใจ เขาขยับตัวลุกขึ้นเตรียมตัวจะกลับที่พัก “งั้นไก่พักพี่จะกลับก่อน เช้าวันอังคารเจอกันพี่จะมารับไปลำปาง” “ค่ะ” ###############สมิติพาเธอไปจัดการธุระเรื่องบ้านที่ลำปางในเช้าวันอังคาร โดยที่เขาไปคุยกับเจ้าหนี้ให้เองและนำโฉนดบ้านกลับคืนมา จากนั้นเขาปล่อยให้กฤติกาเข้าบ้านไปหาน้องๆ หญิงสาวซื้อของจำเป็นเข้าบ้านจำนวนหนึ่งพอใช้ไปนาน และซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ไว้ให้น้อง ๆ โทรหาตนเอง ไม่ต้องยืมโทรศัพท์เพื่อนบ้านใช้อีกทั้งคู่กลับมาถึงกรุงเทพฯ ในตอนเที่ยงคืน สมิติขึ้นมาบนห้องด้วยเขาวางของลงบนโต๊ะ ขณะที่บอกเธอให้ไปอาบน้ำกฤติกาออกมาจากห้องน้ำ ไฟในห้องนอนถูกปิดแล้วเหลือไฟเล็กหัวเตียงเท่านั้น สมิตินอนบนเตียงอยู่ในชุดนอนเขาคงไปใช้ห้องน้ำด้านนอก“พี่จะ
“พี่ว่าอะไรนะ” สมิติทวนคำหลังจากที่พีรพัทย์โทรหาเขา “ก็อย่างที่บอกไป เดียโทรมาปรึกษากูว่าเพื่อนเขาจำเป็นต้องใช้เงินแสนสองภายในสามวัน กูพอจะมีเพื่อนดีๆ ที่สนใจน้องเขาไหม น้องเขายอมทุกอย่างแต่ขอให้ชัวร์เพราะเขาเดือดร้อนมาก” พีรพัทย์ทวนอีกครั้ง“แล้วถ้าผมบอกว่าไม่สนล่ะ” สมิติหยั่งเชิง“กูก็อาจจะหาคนอื่นให้น้องเขา หรือไม่กูก็อาจจะบริจาคให้น้องเขาเอง เงินแค่นี้มึงก็รู้ว่ากูไม่มีปัญหา” พีรพัทย์แกล้งพูด“พี่ว่าไงนะ พี่มีเดียอยู่แล้วไง” สมิติแย้ง“แล้วไงลูกไก่ก็เพื่อนเดีย เพื่อนสนิทกันมาก สองสาวจะได้มีเพื่อนเวลาปรนนิบัติกูไง เดียเขาอาจจะวางใจก็ได้ที่คนนั้นเป็นกู” “หยุด พี่บ้าไปแล้วไหนว่าจริงจังกับเด็กมันจะไปทำให้เดียเสียใจทำไม เอางี้ผมรับเองแต่ผมขอคุยกับลูกไก่ก่อน” สมิติรีบห้ามก่อนที่เพื่อนรุ่นพี่จะจินตนาการบรรเจิดไปมากกว่านั้น ได้ยินเสียงอีกฝ่ายหัวเราะจึงรู้ว่าฝ่ายนั้นล้อเล่น“ก็มาสิ คืนนี้ลูกไก่ต้องมาทำงานที่ร้านอยู่แล้ว” “ไม่ต้องเลย บอกเด็กพี่นะว่าให้บอกลูกไก่เลิกทำงานที่ร้าน เดี๋ยวผมจะออกไปรับตอนนี้เขาอยู่ที่คอนโดของเดียใช่ไหม” สมิติลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน วันนี้งานเขาไม
สมิติกลับมาขึ้นรถ เขาหันมามองกฤติกาที่ยังหน้าซีดเผือดจากเหตุการณ์เมื่อครู่“เจ็บตรงไหนบ้าง เดี๋ยวพี่จะพาไปตรวจที่โรงพยาบาล” เธอส่ายหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ จุกเดี๋ยวก็คงหายถ้าจะกรุณา ไปส่งที่ห้องเดียได้ไหมคะ” “ห้องเดียนั่นมันเป็นของเฮียพีท เขาซื้อให้เดียอยู่” สมิติเปรยขึ้นมา กฤติกาเม้มปากแน่น“งั้นไปหอของไก่ก็ได้ค่ะ แต่ถ้ามันไกลไปเกรงใจเดี๋ยวไปแท็กซี่เองค่ะ” “ยังไม่เข็ดเหรอ” สมิติถามเสียงเรียบ เขาออกรถพาเธอออกจากตรงนั้น ถนนที่ค่อนข้างมืดในตอนหนึ่งนาฬิกาทำให้กฤติกามองทางไม่ชัดเจน ประกอบกับเธอยังจำทางได้ไม่แม่นทำให้เธอไม่รู้ว่าเขาจะพาไปไหน“พี่หมิงจะไปไหนคะ” หญิงสาวนิ่วหน้าเมื่อเริ่มรู้สึกว่าเส้นทางไปไกลกว่าขามา “หอที่ไก่อยู่เป็นหอพักนักศึกษาหรืออพาร์ตเมนท์” เขาย้อนถาม“เอ่อ หอพักนักศึกษาค่ะ อยู่หน้า...” เธอบอกชื่อสถาบันทำให้สมิติเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจเมื่อรู้ว่าเธอเรียนที่ไหน “พี่ก็เคยเรียนที่นี่ เราเรียนคณะไหน” “สถาปัตยฯ ค่ะ” “อืมม” เขาทำเสียงในลำคอแบบที่เธอไม่เข้าใจ “เป็นรุ่นน้องพี่ คณะเดียวกันถ้าหมายถึงหอหญิงหน้าสถาบันตอนนี้ประตูคงปิดแล้ว เข้าไม่ได้หรอก” ฟังแล้ว
“ชื่ออะไรครับน้อง อายุครบสิบแปดแล้วใช่ไหม” สุธนผจก.ร้านสัมภาษณ์กฤติกา หลังจากที่นาเดียสาวตัวท็อปของร้านพาเพื่อนมาสมัครงาน“ชื่อกฤติกาค่ะ สิบแปดแล้ว” เธอส่งบัตรประชาชนให้ผจก.ร้านดู“โอเค เด็กใหม่งั้นพี่จะให้เราชงเหล้า เสริฟที่โซนวีไอพีนะฝากน้องเดียเป็นพี่เลี้ยงให้แล้วกัน มีชื่อสั้นๆ ไหมครับน้อง” สุธนส่งบัตรประชาชนคืนและยื่นใบสมัครให้กฤติกาเขียน เธอรับมากรอกรายละเอียดทันที“ลูกไก่ค่ะพี่” นาเดียตอบแทน สุธนพยักหน้าพอใจ“ปกติเด็กเราหน้าที่ชงเหล้า เสริฟก็คือทำตามนั้น เรื่องงานพิเศษร้านปล่อยฟรีสไตล์แล้วแต่ความสมัครใจ แต่ต้องไม่ใช่ทำในร้านนะครับ แล้วถ้าน้องไม่อยากไปต่อกับใครแต่มีแขกเซ้าซี้แจ้งพี่หรือการ์ดร้านได้เลย” สุธนบอกทำให้เธอสบายใจขึ้นเมื่อเสร็จธุระเรื่องเอกสารและสุธนแจ้งค่าตอบแทนแล้ว นาเดียจึงพากฤติกาไปที่ห้องพักของพนักงาน เป็นห้องรวมสำหรับเตรียมตัว แต่งหน้าหรือทำผมมีห้องน้ำสองห้อง นาเดียพาเพื่อนสาวไปที่มุมประจำของเธอ“ทำงานที่นี่ยิ้มไว้เยอะๆ กับแขก ส่วนเพื่อนร่วมงานด้วยกันคบได้พอผ่านๆ อย่าสนิทมากไม่มีใครอยากให้เราได้ดีเกินหน้าหรอกไก่” เธอกระซิบสอน พร้อมกับพาไปเบิกชุดสำ