“พี่หมิงคะ ลูกร้อง” กฤติกาตะโกนบอกสามี เด็กชายกรกันต์หรือน้องแมทวัยแปดเดือน กำลังแผดเสียงร้องจ้าเมื่อตื่นมาไม่พบใครในห้อง
“จ้า พี่ไปเดี๋ยวนี้ละ” สมิติรีบวิ่งออกจากห้องน้ำไปดูลูกชาย ส่วนกฤติกากำลังเคี่ยวข้าวผักห้าสีให้ลูกในครัว
“โอ๋.. ไม่ร้องนะครับ พ่อเปลี่ยนเพิสให้นะลูก” ชายหนุ่มเปลี่ยนผ้าอ้อมสำเร็จให้ลูกชายอย่างคล่องแคล่วเพราะทำมาตั้งแต่น้องแมทเกิด
พ่อลูกอ่อนอุ้มลูกชายมาไว้ในคอก ตอนนี้น้องแมทคลานได้คล่องแล้ว บางครั้งไปไวมากจนพ่อแม่จับไม่ทัน
“มาแล้ว” กฤติกายกถ้วยข้าวบดมาให้ลูก เธอคนๆ วางทิ้งไว้สักครู่เพื่อให้คลายความร้อนลง
“มาค่ะน้องแมท” เธออุ้มเด็กชายขึ้นจากคอกมานั่งที่เก้าหัดกินข้าวของเด็ก หญิงสาวหัดให้ลูกชายนั่งได้เองเพื่อที่ว่าเวลาไปไหนจะได้ไม่ต้องคอยอุ้มตลอดเวลา
“พี่หมิงหิวหรือยังคะ” เธอหันไปถามสามี
“หิวจ้ะ แต่ไม่รู้อยากกินอะไร” สมิติทำท่าเพลีย
“นอนน้อยรึเปล่าคะ มีไข้ไหม” หญิงสาวลุกมาหาเขาเธอใช้มืออังหน้าผากพบว่าเขาตัวเย็น
“พี่ไม่เป็นอะไรหรอก” สมิติจับมือเธอไว้
“คืนนี้ไม่ต้องลุกมาดูแมทนะคะ ไก่จัดการเอง” เธอเริ่มฝึกให้ลูกเลิกมื้อดึกและนอนยาวแล้วตามที่คุยกับคุณหมอประจำตัวลูกมาหลายวันแล้ว เด็กชายร้องเยอะในคืนแรกๆ จนสมิติแทบจะถอดใจเพราะความสงสาร แต่กฤติกาใจแข็งกว่ามาก
“พี่สงสารลูก จะไม่ให้กินมื้อดึกจริงๆ เหรอ” สมิติไม่เห็นด้วยเท่าไรเรื่องนี้
“ถ้าไม่หัดตอนนี้จะหัดยากแล้วนะคะพี่หมิง ถ้าพี่ไม่กล้าขัดใจลูกไก่ทำเองค่ะ” เธอตบหลังมือของเขาจากนั้นหันไปหาลูกชาย น้องแมทเริ่มส่งเสียงร้องประท้วงพ่อแม่
“จ้ะลูก มาหม่ำๆ กัน” หญิงสาวป้อนข้าวให้เด็กน้อยที่อ้าปากรับ ช่วงนี้ลูกทานได้เยอะขึ้นเหมือนจะรู้ว่าตอนกลางคืนไม่ได้ทานแล้ว
“ไก่ พี่พีทเขาเชิญไปงานแต่งแน่ะ” สมิติเงยหน้าจากโทรศัพท์บอกภรรยาเรื่องเพื่อนของเขา พีรพัทย์คนที่แนะนำให้เขาได้พบกฤติกาเมื่อสิบสองปีก่อนจะแต่งงาน
เธอทำสีหน้าประหลาดใจ “คุณพีทจะแต่งงานกับใครคะ” เมื่อพูดถึงพีรพัทย์เธออดนึกถึงนาเดียไม่ได้ ตอนนี้เพื่อนสาวเธอเปลี่ยนแปลงตัวเองไปไกลมาก นาเดียกลายเป็นบิวตี้บล็อกเกอร์ชื่อดัง มีคนติดตามหลายล้านคนในเพจโซเชียลมีชื่อเสียงมากกว่าเธอที่ทำชาแนลยูทูปด้านการท่องเที่ยวเสียอีก และมีธุรกิจร้านเสริมสวยชั้นนำอีกหลายสาขา
“จะใคร ก็เพื่อนไก่น่ะล่ะ นาเดียพักนี้เจอกันไหม”
“ไม่เลยค่ะ เคยเจอที่ห้างครั้งนึงเห็นว่าเดียเปิดร้านเสริมสวย ไม่นึกว่าจะยังคบกับคุณพีทอยู่เลยไม่ได้ถามอะไร” กฤติกาตอบตามตรง
“เขาก็คล้ายๆ เรา แต่อาจจะแย่กว่า” สมิติพูดทำให้เธอจ้องหน้าเขา
“ยังไงคะ”
“ก็... มีช่วงนึงที่พี่พีทแกไปแต่งงานแล้วไม่บอกเดีย แกคงรักมากเลยปิดไว้แต่เดียมารู้ตอนที่เมียแต่งมาอาละวาดที่คอนโด แล้วก็นั่นล่ะพัง” สมิติพูดตามที่เขารู้มา ตอนนั้นนาเดียขอเลิกเธอขนของออกจากคอนโดที่อยู่กันมาหลายปีจนพีรพัทย์เป็นบ้าเป็นหลัง เมาหัวราน้ำไม่สนใจเมียแต่งจนผู้หญิงคนนั้นทนไม่ไหวขอเลิกพร้อมกับเรียกร้องค่าเลี้ยงดูก้อนใหญ่
“ดีๆ กันทั้งนั้นกลุ่มพวกพี่” เธอค้อนขวับแล้วเดินหนีอุ้มลูกไปอาบน้ำ เรียกหาพี่เลี้ยงเตรียมน้ำให้เด็กชายกรกันต์
“อ้าว แล้วไก่โกรธพี่ทำไม มันไม่เกี่ยวกับเราเลยนะ” สมิติเกาศีรษะอย่างไม่เข้าใจ
คืนนั้นหญิงสาวอุ้มลูกเดินไปมา ปลอบเด็กชายที่ร้องลั่นเพราะแม่ไม่ให้กินนมมื้อดึก แต่วันนี้ร้องไม่มากเพียงสิบนาทีน้องแมทเริ่มหลับไปอีกครั้ง เธอจึงวางลูกชายลงในเบาะนอน ดูจนแน่ใจว่าหลับสนิทดีแล้วจึงล้มตัวลงนอนข้างสมิติ
“ลูกหลับแล้วเหรอ” เขาหันมากอดเธอ มือเริ่มลูบไปตามชุดนอนผ้าซาตินเนียนลื่นมือ
“ค่ะ พี่หมิงยังไม่หลับรึคะ” เธอกอดตอบ ยกมือข้างหนึ่งอังหน้าผากเขา
“กล่อมลูกนอนแล้วก็กล่อมพี่บ้าง”
เธอหัวเราะคิก “ทำไมพ่ออ้อนเก่งกว่าลูกล่ะ”
กฤติกาสอดมือเข้าไปในเสื้อนอนของสามี ลูบไล้อกกว้างปลายนิ้วเธอปัดผ่านตุ่มเล็กๆ ที่หน้าอกจนรู้สึกว่าเขาสะท้านรับสัมผัสจากเธอ เธอเลื่อนมือไปกอดที่แผ่นหลังเงยหน้าขึ้นจุ๊บปลายคางเขาเร็วๆ
“ฝันดีนะคะ”
“หื้มมม...อะไรนะ” เขาทำเสียงขัดใจ พลิกร่างเธอให้นอนหงาย กฤติกาหัวเราะเสียงใส
“ความจริงลูกนอนยาวช่วงกลางคืนก็ดีนะ ไก่จะได้มีเวลากล่อมพี่เยอะขึ้น” เขากระซิบที่ริมหูจูบแผ่วเบาไปตามซอกคอและลาดไหล่
“ลามก” เธอตอบแต่อำนวยความสะดวกให้เขาเต็มที่ด้วยการชูสองแขนให้เขาถอดเสื้อนอนเธอโยนลงไปข้างเตียงตามด้วยเสื้อผ้าชิ้นอื่นๆ ในเวลาต่อมา
#################
กฤติกาแต่งตัวสวยเดินควงแขนสามีเข้าไปในงานแต่งงานที่จัดใหญ่ที่สุดงานหนึ่งของปีในโรงแรมหรู สองสามีภรรยาพาลูกไปฝากแม่ย่าเลี้ยงชั่วคราวเพราะคาดว่าน่าจะกลับดึกมาก
“เดีย ดีใจด้วยนะ” กฤติกากอดเจ้าสาวแน่น เธอดีใจกับเพื่อนจริงๆ นาเดียเป็นคนมีน้ำใจและอาจจะสู้ชีวิตมากยิ่งกว่าเธอ
“ขอบใจมากลูกไก่ ดีใจจังที่มาแล้วหลานฉันล่ะ” นาเดียถามถึงลูกชายของเพื่อนสนิท
“ฝากคุณแม่พี่หมิงดูน่ะ กลัวว่าจะดึก”
“งั้นอยู่อาฟเตอร์ปาร์ตี้ด้วยนะ นานๆ เจอกันที” เจ้าสาวชวน
“ได้ จะได้คุยกันยาวๆ” หญิงสาวรับปาก เธอกับสามีถ่ายรูปคู่กับบ่าวสาวสองสามภาพจากนั้นจึงเดินเข้างานไป
ในงานคืนนั้นมีเพื่อนของสมิติหลายคน หญิงสาวนั่งคุยกับญานินที่มากับชานนท์ ส่วนสมิติแยกตัวไปคุยกับเพื่อนผู้ชายของเขา ระหว่างที่คุยกันออกรสชาติเธอพบเด็กหญิงคนหนึ่งอายุราวห้าขวบเธอมองอย่างประหลาดใจ
“หน้าคุ้นๆ จัง”
“ลูกสาวของเจ้าบ่าวเจ้าสาวน่ะค่ะ มาเป็นพยานรักให้พ่อแม่” เสียงสตรีคนหนึ่งดังขึ้นมากฤติกามองอย่างแปลกใจ เธอไม่เคยรู้เลยว่าเพื่อนสาวมีลูกตั้งแต่ตอนไหน
ความสงสัยของเธอได้รับการไขข้อข้องใจในงานอาฟเตอร์ปาร์ตี้คืนนั้น นาเดียพาเด็กหญิงนิชารินมาแนะนำให้เธอรู้จัก
“ทำไมปิดเงียบเลย” เธอมองเพื่อน และหันไปกอดเด็กหญิงอย่างเอ็นดู
“ขอโทษนะ ตอนนั้นฉันไม่อยากให้ใครรู้ว่าฉันมีของขวัญ” นาเดียพูด เธอให้พี่เลี้ยงพาลูกขึ้นข้างบนหลังจากที่เด็กหญิงมีอาการง่วงนอน
กฤติกาถอนใจ
“เรื่องมันเป็นยังไงเดีย ใจคอแกจะไม่เล่าอะไรเลยเหรอ” แววตาของเจ้าสาวที่เธอเห็นไม่ใช่ดวงตาของคนที่กำลังมีความสุข กฤติกานึกหนักใจแทนเพื่อน
“ก็ไม่มีอะไร ต่างคนต่างทำหน้าพ่อแม่” นาเดียตอบ สองสาวคุยกันต่อครู่หนึ่งก่อนที่เจ้าสาวจะขอตัวขึ้นไปพัก เนื่องจากในงานนี้แทบไม่มีเพื่อนของเธอเลย
กฤติกาขึ้นไปส่งเพื่อนที่ห้องพัก ร่ำลากันแล้วเธอเปิดประตูออกมาพบสมิติและพีรพัทย์ที่หน้าห้อง
“พี่ขอคุยกับลูกไก่สักสองนาทีได้ไหมครับ” เจ้าบ่าวถาม
กฤติกาหันไปมองบานประตู “ได้ค่ะคุณพีท”
#############
“พี่เขาคุยอะไรกับไก่บ้าง” สมิติอดทนต่อความอยากรู้ไม่ไหวจนต้องถามเธอในระหว่างที่ทั้งสองเดินทางกลับ
“ก็ไม่มีอะไรค่ะ คุณพีทถามแค่ว่าผู้หญิงสามารถแต่งงานกับคนที่เธอไม่รักได้ไหม” เธอตอบ
“แล้วไก่ว่าไง”
“ไก่ก็บอกว่าไม่รู้สิคะ บริบทของคนแต่ละคนต่างกัน พี่เขาเองก็เคยแต่งงานมาแล้วครั้งนึง ตอนนั้นไก่ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้าสาวรักเขาไหม” เธอหันมามองหน้าสามีและถามต่อ
“ทำไมไก่ไม่เคยได้ยินเลยค่ะว่าคุณพีทแต่งงาน”
“เอาจริงๆ ก็แทบไม่มีใครรู้ พี่เขาไม่ได้จัดงานแบบที่แต่งกับเดียตอนนี้ กว่าจะรู้ก็คือเขาแต่งงานแล้วและเดียไปแล้ว” สมิติตอบตามที่เขารู้
“วันนี้ไก่เจอของขวัญด้วยค่ะ ลูกสาวเขาสองคนน่ารักมาก” เธอเล่าต่อ ชายหนุ่มพยักหน้า
“ใช่ ของขวัญน่ารักมากเดียเองก็คงรักลูกมาก พี่ว่าเราคงไม่ต้องกังวลเรื่องของเขาหรอก พี่เชื่อว่าเขารักกัน” สมิติสรุป
“ค่ะไก่ก็คิดแบบนั้น” ในความรักของคนสองคนย่อมมีทางที่ต้องฝ่าฟันเสมอ หากรักกันจริงคนทั้งคู่ต้องจับมือผ่านมันไปได้ เธอเชื่อเช่นนั้น
วันรุ่งขึ้นเธอเห็นสมิติเจริญอาหารเป็นพิเศษ“เมื่อวานพี่เห็นไก่ซื้อขนมมาใช่ไหม ยังมีอยู่รึเปล่า” “ขนมเหรอคะ ขนมไทยนะคะพี่จะทานเหรอ” กฤติกาไม่เคยเห็นเขาชอบของหวานเลยสักครั้ง“อืม อยากกินน่ะยังมีอยู่รึเปล่า” สมิติตอบหญิงสาวจึงเปิดตู้เย็นดูขนมที่ว่า“มีค่ะเป็นทองหยิบกับฝอยทองนะคะ” เธอซื้อมาจัดชุดถวายข้าวพระพุทธ จึงมีเหลือในกล่องไม่มากเธอนำมันมาจัดจานไปใส่คนที่นั่งรอ“อร่อย” สมิติจิ้มทองหยิบใส่ปากสีหน้าดูชื่นอกชื่นใจ ส่วนกฤติกาทำหน้าแหยง“มันหวานมากเลยนะคะ พี่หมิงว่าพอดีเหรอ” สมิติหันมาพยักหน้า ทำสีหน้าจริงจัง“พอดี ไม่เห็นหวานไปเลยจ้ะ เอาอีกนะอันนี้ไก่ซื้อร้านไหนมา”“ร้านหน้าคอนโดนี่เองค่ะ พี่หมิงไม่สบายรึเปล่าคะ” เธอมองเขาอย่างกังวล พักนี้รู้สึกว่าเขาไม่ปกติหลายๆ อย่าง เหมือนผีเด็กเข้าสิงแต่เธอแน่ใจว่าแถวนี้ไม่มีใครเลี้ยงกุมาร“ไม่นี่ พี่ปกติ” สมิติตอบ เขาไม่รู้สึกว่าเขาเป็นอะไรภรรยาคิดมากไปเองหญิงสาวป้อนโจ๊กให้น้องแมทจนหมดถ้วย 'กินเก่งทั้งพ่อทั้งลูก' เธอคิดในใจ กฤติกาลุกขึ้นจะเข้าไปในครัวแต่ก็ต้องเซเมื่อเธอรู้สึกเหมือนจะเป็นลม“ไก่..” สมิติเรียกเสียงดัง เขารีบมาป
“พี่หมิงคะ ลูกร้อง” กฤติกาตะโกนบอกสามี เด็กชายกรกันต์หรือน้องแมทวัยแปดเดือน กำลังแผดเสียงร้องจ้าเมื่อตื่นมาไม่พบใครในห้อง“จ้า พี่ไปเดี๋ยวนี้ละ” สมิติรีบวิ่งออกจากห้องน้ำไปดูลูกชาย ส่วนกฤติกากำลังเคี่ยวข้าวผักห้าสีให้ลูกในครัว“โอ๋.. ไม่ร้องนะครับ พ่อเปลี่ยนเพิสให้นะลูก” ชายหนุ่มเปลี่ยนผ้าอ้อมสำเร็จให้ลูกชายอย่างคล่องแคล่วเพราะทำมาตั้งแต่น้องแมทเกิด พ่อลูกอ่อนอุ้มลูกชายมาไว้ในคอก ตอนนี้น้องแมทคลานได้คล่องแล้ว บางครั้งไปไวมากจนพ่อแม่จับไม่ทัน“มาแล้ว” กฤติกายกถ้วยข้าวบดมาให้ลูก เธอคนๆ วางทิ้งไว้สักครู่เพื่อให้คลายความร้อนลง“มาค่ะน้องแมท” เธออุ้มเด็กชายขึ้นจากคอกมานั่งที่เก้าหัดกินข้าวของเด็ก หญิงสาวหัดให้ลูกชายนั่งได้เองเพื่อที่ว่าเวลาไปไหนจะได้ไม่ต้องคอยอุ้มตลอดเวลา“พี่หมิงหิวหรือยังคะ” เธอหันไปถามสามี “หิวจ้ะ แต่ไม่รู้อยากกินอะไร” สมิติทำท่าเพลีย “นอนน้อยรึเปล่าคะ มีไข้ไหม” หญิงสาวลุกมาหาเขาเธอใช้มืออังหน้าผากพบว่าเขาตัวเย็น “พี่ไม่เป็นอะไรหรอก” สมิติจับมือเธอไว้ “คืนนี้ไม่ต้องลุกมาดูแมทนะคะ ไก่จัดการเอง” เธอเริ่มฝึกให้ลูกเลิกมื้อดึกและนอนยาวแล้วตามที่คุยกับค
สมิติไม่ทำอะไรเธอตามที่เขาพูดจริง แต่ชายหนุ่มถือโอกาสช่วงที่รอแผลเธอหายช้ำสร้างความคุ้นเคยให้เธอด้วยการสัมผัสแตะต้อง โอบบ้าง กอดบ้างจนกฤติกาเริ่มชินเช้าวันอาทิตย์เขาออกไปข้างนอกและกลับมาทานข้าวเย็นกับเธอ พบว่ากฤติกาไม่ได้ออกไปไหนเลย“ออกไปเดินเล่นบ้างก็ได้นะไก่” “ไม่เป็นไรค่ะ ไก่อยากพักพรุ่งนี้ต้องไปมหาวิทยาลัย” สมิติพยักหน้าเข้าใจ เขาขยับตัวลุกขึ้นเตรียมตัวจะกลับที่พัก “งั้นไก่พักพี่จะกลับก่อน เช้าวันอังคารเจอกันพี่จะมารับไปลำปาง” “ค่ะ” ###############สมิติพาเธอไปจัดการธุระเรื่องบ้านที่ลำปางในเช้าวันอังคาร โดยที่เขาไปคุยกับเจ้าหนี้ให้เองและนำโฉนดบ้านกลับคืนมา จากนั้นเขาปล่อยให้กฤติกาเข้าบ้านไปหาน้องๆ หญิงสาวซื้อของจำเป็นเข้าบ้านจำนวนหนึ่งพอใช้ไปนาน และซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ไว้ให้น้อง ๆ โทรหาตนเอง ไม่ต้องยืมโทรศัพท์เพื่อนบ้านใช้อีกทั้งคู่กลับมาถึงกรุงเทพฯ ในตอนเที่ยงคืน สมิติขึ้นมาบนห้องด้วยเขาวางของลงบนโต๊ะ ขณะที่บอกเธอให้ไปอาบน้ำกฤติกาออกมาจากห้องน้ำ ไฟในห้องนอนถูกปิดแล้วเหลือไฟเล็กหัวเตียงเท่านั้น สมิตินอนบนเตียงอยู่ในชุดนอนเขาคงไปใช้ห้องน้ำด้านนอก“พี่จะ
“พี่ว่าอะไรนะ” สมิติทวนคำหลังจากที่พีรพัทย์โทรหาเขา “ก็อย่างที่บอกไป เดียโทรมาปรึกษากูว่าเพื่อนเขาจำเป็นต้องใช้เงินแสนสองภายในสามวัน กูพอจะมีเพื่อนดีๆ ที่สนใจน้องเขาไหม น้องเขายอมทุกอย่างแต่ขอให้ชัวร์เพราะเขาเดือดร้อนมาก” พีรพัทย์ทวนอีกครั้ง“แล้วถ้าผมบอกว่าไม่สนล่ะ” สมิติหยั่งเชิง“กูก็อาจจะหาคนอื่นให้น้องเขา หรือไม่กูก็อาจจะบริจาคให้น้องเขาเอง เงินแค่นี้มึงก็รู้ว่ากูไม่มีปัญหา” พีรพัทย์แกล้งพูด“พี่ว่าไงนะ พี่มีเดียอยู่แล้วไง” สมิติแย้ง“แล้วไงลูกไก่ก็เพื่อนเดีย เพื่อนสนิทกันมาก สองสาวจะได้มีเพื่อนเวลาปรนนิบัติกูไง เดียเขาอาจจะวางใจก็ได้ที่คนนั้นเป็นกู” “หยุด พี่บ้าไปแล้วไหนว่าจริงจังกับเด็กมันจะไปทำให้เดียเสียใจทำไม เอางี้ผมรับเองแต่ผมขอคุยกับลูกไก่ก่อน” สมิติรีบห้ามก่อนที่เพื่อนรุ่นพี่จะจินตนาการบรรเจิดไปมากกว่านั้น ได้ยินเสียงอีกฝ่ายหัวเราะจึงรู้ว่าฝ่ายนั้นล้อเล่น“ก็มาสิ คืนนี้ลูกไก่ต้องมาทำงานที่ร้านอยู่แล้ว” “ไม่ต้องเลย บอกเด็กพี่นะว่าให้บอกลูกไก่เลิกทำงานที่ร้าน เดี๋ยวผมจะออกไปรับตอนนี้เขาอยู่ที่คอนโดของเดียใช่ไหม” สมิติลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน วันนี้งานเขาไม
สมิติกลับมาขึ้นรถ เขาหันมามองกฤติกาที่ยังหน้าซีดเผือดจากเหตุการณ์เมื่อครู่“เจ็บตรงไหนบ้าง เดี๋ยวพี่จะพาไปตรวจที่โรงพยาบาล” เธอส่ายหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ จุกเดี๋ยวก็คงหายถ้าจะกรุณา ไปส่งที่ห้องเดียได้ไหมคะ” “ห้องเดียนั่นมันเป็นของเฮียพีท เขาซื้อให้เดียอยู่” สมิติเปรยขึ้นมา กฤติกาเม้มปากแน่น“งั้นไปหอของไก่ก็ได้ค่ะ แต่ถ้ามันไกลไปเกรงใจเดี๋ยวไปแท็กซี่เองค่ะ” “ยังไม่เข็ดเหรอ” สมิติถามเสียงเรียบ เขาออกรถพาเธอออกจากตรงนั้น ถนนที่ค่อนข้างมืดในตอนหนึ่งนาฬิกาทำให้กฤติกามองทางไม่ชัดเจน ประกอบกับเธอยังจำทางได้ไม่แม่นทำให้เธอไม่รู้ว่าเขาจะพาไปไหน“พี่หมิงจะไปไหนคะ” หญิงสาวนิ่วหน้าเมื่อเริ่มรู้สึกว่าเส้นทางไปไกลกว่าขามา “หอที่ไก่อยู่เป็นหอพักนักศึกษาหรืออพาร์ตเมนท์” เขาย้อนถาม“เอ่อ หอพักนักศึกษาค่ะ อยู่หน้า...” เธอบอกชื่อสถาบันทำให้สมิติเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจเมื่อรู้ว่าเธอเรียนที่ไหน “พี่ก็เคยเรียนที่นี่ เราเรียนคณะไหน” “สถาปัตยฯ ค่ะ” “อืมม” เขาทำเสียงในลำคอแบบที่เธอไม่เข้าใจ “เป็นรุ่นน้องพี่ คณะเดียวกันถ้าหมายถึงหอหญิงหน้าสถาบันตอนนี้ประตูคงปิดแล้ว เข้าไม่ได้หรอก” ฟังแล้ว
“ชื่ออะไรครับน้อง อายุครบสิบแปดแล้วใช่ไหม” สุธนผจก.ร้านสัมภาษณ์กฤติกา หลังจากที่นาเดียสาวตัวท็อปของร้านพาเพื่อนมาสมัครงาน“ชื่อกฤติกาค่ะ สิบแปดแล้ว” เธอส่งบัตรประชาชนให้ผจก.ร้านดู“โอเค เด็กใหม่งั้นพี่จะให้เราชงเหล้า เสริฟที่โซนวีไอพีนะฝากน้องเดียเป็นพี่เลี้ยงให้แล้วกัน มีชื่อสั้นๆ ไหมครับน้อง” สุธนส่งบัตรประชาชนคืนและยื่นใบสมัครให้กฤติกาเขียน เธอรับมากรอกรายละเอียดทันที“ลูกไก่ค่ะพี่” นาเดียตอบแทน สุธนพยักหน้าพอใจ“ปกติเด็กเราหน้าที่ชงเหล้า เสริฟก็คือทำตามนั้น เรื่องงานพิเศษร้านปล่อยฟรีสไตล์แล้วแต่ความสมัครใจ แต่ต้องไม่ใช่ทำในร้านนะครับ แล้วถ้าน้องไม่อยากไปต่อกับใครแต่มีแขกเซ้าซี้แจ้งพี่หรือการ์ดร้านได้เลย” สุธนบอกทำให้เธอสบายใจขึ้นเมื่อเสร็จธุระเรื่องเอกสารและสุธนแจ้งค่าตอบแทนแล้ว นาเดียจึงพากฤติกาไปที่ห้องพักของพนักงาน เป็นห้องรวมสำหรับเตรียมตัว แต่งหน้าหรือทำผมมีห้องน้ำสองห้อง นาเดียพาเพื่อนสาวไปที่มุมประจำของเธอ“ทำงานที่นี่ยิ้มไว้เยอะๆ กับแขก ส่วนเพื่อนร่วมงานด้วยกันคบได้พอผ่านๆ อย่าสนิทมากไม่มีใครอยากให้เราได้ดีเกินหน้าหรอกไก่” เธอกระซิบสอน พร้อมกับพาไปเบิกชุดสำ