“ไม่รีบอาบน้ำเหรอคะ?”
เป็นเวลาสองทุ่มกว่าๆ ได้แล้ว เจ้าของห้องยังคงนั่งกระดกวิสกี้ขวดเดิมไม่ยอมหยุด ไม่รู้ว่าไปอดอยากปากแห้งมาจากไหน ตั้งแต่บ่ายยันค่ำ
จนหล่อนอาบน้ำแต่งตัวเสร็จและเตรียมเข้านอนเขาก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะเข้าห้องพักผ่อนเลยด้วยซ้ำ ลำบากต้องออกมาตามให้มีปากเสียงกันอีกรอบ
“คุณทิม”
“….” คนถูกเรียกเอาแต่เหม่อมองผนังห้อง ราวกับคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ไม่สนใจคนที่เป็นห่วงเสียด้วยซ้ำ
เอาเถอะ ถ้าหากพรุ่งนี้เขาตื่นไปทำงานไหว ไม่คงไม่ต้องห่วงแล้ว
“งั้นหนิงเข้านอนก่อนละกัน”
ทว่าพอกำลังจะเดินกลับเข้าไปยังห้องนอนเช่นเดิม คนที่นั่งกระดกเหล้าอยู่ถึงกับวางแก้วใส่เสียงดัง จนหล่อนสะดุ้งตัวนิ่งชั่วขณะ
เขาเป็นอะไรของเขากัน ถึงได้ทำตัวงอแงราวกับเด็ก
“ฉันยังไม่ง่วง เธอจะเข้านอนก่อนได้เหรอ?”
นี่ไม่ใช่ประโยคคำถาม ทว่ามันคือคำบัญชาการจากเขา จากที่ตั้งใจว่าจะได้นอนแต่หัวค่ำ คงต้องผลัดไปก่อน เพราะคนเอาแต่ใจแถวนี้คงไม่ยอมแล้ว
เรียวขายาวเดินจำใจเดินหันกลับไปหาคนเอาแต่ใจที่นั่งรอที่โซฟาตัวใหญ่ หล่อนจะทำอะไรได้นอกจากตามใจเขาไปก่อน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากัน คิดจะต่อต้านธาฎาอย่างไรเสียหล่อนก็ไม่ชนะ
“เฮ้อ... คุณเป็นอะไรทั้งวัน ตั้งแต่กลับมา” ลมหายใจดังแผ่วเป็นสัญญาณบ่งบอกได้ดีว่าหล่อนเองก็เริ่มเหนื่อยกับสงครามประสาทที่เขาสร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงบ่ายของวัน
“ฉันแค่เซ็งๆ และเธอเองก็ขัดใจฉัน”
“ขัดใจเรื่องอะไรกันคะ?” ก็ถ้าเป็นเรื่องที่หล่อนกลับห้องไม่ตรงเวลา หล่อนก็ขอโทษไปแล้วอย่างไร กลับมาช้าไปไม่กี่ชั่วโมง มันทำให้เขาต้องโกรธขนาดนี้เลยหรือ
“เธอรู้ดีอยู่แก่ใจ”
“หนิงขอโทษคุณไปแล้ว”
“มันพอเหรอหนิง? วันนี้ฉันอุตส่าห์กลับมาจากเขาใหญ่กะทันหัน เธอควรอยู่ปรนนิบัติฉันหรือเปล่า?”
ที่แท้ก็เพราะโกรธที่ไม่มีหล่อนคอยอยู่ปรนนิบัติเขาเฉกเช่นทุกวันที่เคยทำ
แล้วที่หล่อนนั่งอยู่ด้วยตอนนี้ล่ะ มันไม่ได้เรียกว่าคอยอยู่ปรนนิบัติเขาหรอกหรือ
เมื่อรับทราบถึงความต้องการของอีกฝ่าย นันนลินทร์อยากจะให้เรื่องนี้มันจบๆ ไป หล่อนเหนื่อยกับการที่เห็นอีกฝ่ายเป็นแบบนี้ มันพลอยทำให้หล่อนหงุดหงิดใจไปด้วยคน
ร่างอรชรขยับตัวเข้ามานั่งลงข้างๆ กับคนเจ้าปัญหา เก็บอารมณ์ความรู้สึกอึดอัดเอาไว้ในส่วนลึกของจิตใจ หล่อนเองก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งเช่นเขา แต่ดีกว่าตรงที่ยังมีความอดทนสูงกว่า
“หนิงรู้ว่าหนิงผิด” แล้ววันนี้ที่เขาติดต่อไม่ได้ก็เป็นเพราะว่าแบตเตอรี่โทรศัพท์ของหล่อนดันหมด ตอนที่ออกไปข้างนอกแล้ว จึงขาดการติดต่อ
สองแขนยกขึ้นโอบนรอบลำคอแกร่งอย่างเอาใจ หวังผ่อนหนักให้กลายเป็นเบา
กลิ่นหอมอ่อนๆ ของสบู่ที่เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จหมาดๆ ทำให้จมูกคำสันโน้มตัวลงเข้าหา เขาเสพติดกลิ่นหอมของตัวนันนลินทร์มาโดยตลอดไม่เคยเบื่อ กลิ่นน้ำหอมของชายอื่นจางหายไป เมื่อหล่อนผ่านการอาบน้ำมา เหลือเพียงกลิ่นหอมประจำตัวของหล่อน ต่อให้ปิดตาทั้งสองข้างหรือมัดมือไม่ให้สัมผัส เขาก็จำกลิ่นกายของหล่อนได้ดี
ฟอดดด~
เจ้าของจมูกคำสันอดใจไม่ไหวกับท่าทียั่วยวนของอีกฝ่าย เขาฝากฝังมันลงตรงซอกคอขาวด้วยความโหยหา เพียงข้ามคืนเดียวที่นอนอยู่เขาใหญ่ เขารู้สึกอยากจะกลับมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อวาน จนต้องรีบกลับมาในเช้าวันรุ่ง
“อื้ม คันคอค่ะ” ไรหนวดเคราของอีกฝ่ายทิ่มแทงซอกคอของหล่อนจนต้องร้องท้วง สัปดาห์ที่ผ่านมาเขาทำงานหนักจนไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ถึงขั้นไม่ได้โกนหนวดเคราก็เกินไปแล้ว เห็นทีพรุ่งนี้หล่อนควรจะสะสาง
“อ่าส์ เพราะเธอ หนิง” แขนแกร่งกระชับอ้อมกอด ดึงร่างอรชรให้นั่งบนตักของตนเอง
“คะ? เพราะหนิงเรื่องอะไรอีก” สะโพกกลมบดคลึงเสียดสีเข้าหาตักแกร่ง สร้างความหวิวให้อีกฝ่ายได้ดี จนเริ่มสัมผัสได้ถึงลำแก่นกายที่แข็งขื่นภายใต้ร่มผ้ากางเกงสแลคตัวโปรดของธาฎา
มันเริ่มขยายขึ้นเรื่อยไป สู้กับก้นกลมของหล่อนเมื่อยามเสียดสีเน้นๆ เข้าหา
“เธอบกพร่องต่อหน้าที่ ไม่ดูแลฉันให้ดี” คนเจ้าปัญหาว่าอย่างคาดโทษ แต่กระนั้นก็ยังซุกใบหน้าตนเองเข้าหาร่องอกอวบ พลางบดเบียดจมูกคำฝังลงไปบนเนินอวบอิ่มภายใต้ชุดนอนซาตินวาบหวิว
“ถ้าเป็นเรื่องนี้ หนิงว่าหนิงมีเหตุผล สัปดาห์ที่ผ่านมาหนิงอยู่ทำโอที เพราะลูกค้าเข้าพักโรงแรมเยอะ คุณก็รู้”
“พนักงานที่ฉันจ้างมาเยอะแยะ ขาดเธอคนเดียวมันจะเสียหายอะไรนักหนา”
เขาเน้นย้ำเรื่องตารางงานของนันนลินทร์กับฝ่ายบุคคลรวมทั้งผู้จัดการห้องอาหารที่นันนลินทร์ทำอยู่ คนพวกนั้นไม่เข้าใจตรงไหนว่านันนลินทร์จะต้องเข้า 8 โมงเช้าและเลิก 6 โมงเย็น หรือคำสั่งของเขามันไม่มีค่าพอให้คนพวกนั้นกระตือลือล้นที่จะทำตาม
ถ้าเป็นเช่นนั้นเขาควรจะทำอย่างไรกับคนพวกนั้นดี
“อื้อ... คุณทิม” มือหนาเริ่มไม่อยู่สุข เขาสอดมันเข้าไปใต้เสื้อบางที่หล่อนใส่นอน ก่อนจะเลื้อยมันขึ้นไปเคล้นคลึงสองเต้าอวบในมันล้นมือของเขา
ภายใต้เสื้อตัวบางไม่มีปราการชิ้นใดปิดกั้น นันนลินทร์ไม่ใส่บราเซียเวลานอน อันนี้เขารู้ดี และมันก็ง่ายต่อการทำกิจกรรมอย่างว่ากับเขาบนเตียง หรืออาจจะเป็นระเบียง รวมทั้งที่อื่นๆ ในห้องนี้อีก
อ่าาส์... เขาชอบที่สุดตรงที่หล่อนรู้งาน เพียงแค่มือสัมผัสใส่เต้าอวบ ร่างนุ่มนิ่มก็แอ่นตัวเข้าหามือของเขาในทันที
“ฉันชอบเวลาที่เธอดูแลฉันแบบนี้”
The end6 เดือนต่อมาบรรยากาศที่ต่างจังหวัดแห่งหนึ่งของไทย ที่เขาใหญ่ในช่วงฤดูหนาวเต็มไปด้วยความงดงาม บ้านพักตากอากาศของคุณย่าของธาฎาที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติถูกจัดตกแต่งด้วยดอกไม้สดหลากสีสัน เต็มไปด้วยความอบอุ่นและโรแมนติกสำหรับงานแต่งงานธาฎาในชุดสูทสีขาว เดินตรวจดูความเรียบร้อยของงานด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความพอใจและความสุขทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบสำหรับวันนี้ เพราะวันนี้ไม่ใช่แค่วันแต่งงานของเขา แต่เป็นวันที่เขาได้เริ่มต้นชีวิตใหม่กับผู้หญิงที่เขารักที่สุดนันนลินทร์ยืนอยู่ในห้องแต่งตัว สวมชุดเจ้าสาวสีขาวเรียบหรูที่มีลูกไม้ประดับอย่างประณีต หล่อนหันมองตัวเองในกระจก มือแตะท้องเบาๆ ราวกับย้ำกับตัวเองว่าทุกอย่างที่ผ่านมาคือเรื่องจริงนางนิรณียืนอยู่ข้างๆ คอยช่วยจัดชายกระโปรงและให้กำลังใจลูกสาว “แม่ภูมิใจในตัวหนิงนะลูก วันนี้ลูกดูสวยที่สุดเลย”นันนลินทร์หันมายิ้ม “ขอบคุณนะคะแม่ ถ้าไม่มีแม่ หนิงคงไม่มีวันนี้”เสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนที่คุณเยาว์และสุชาฎาจะเดินเข้ามา พร้อมกับหยุดมองหล่อนราวกับตกตะลึงในความงาม พวกเธอเดินเข้ามาใกล้ ยื่นมือออกไปจับมือหล่อนเบาๆ“คุณหนิง…สวยมากเลยค่ะ” นันน
ตอนที่ 32/31 สัปดาห์ถัดมา นางนิรณีมาอยู่ดูแลลูกสาวในช่วงเช้า สัปดาห์ที่ผ่านมาเธอรู้ว่าธาฎาแวะเวียนมาทำคะแนนกับนันนลินทร์ลูกสาวเธอแบบไม่ว่างเว้นเธอเองก็ยอมเปิดทางให้ ถึงได้ไม่ค่อยแวะมาหาลูกสาวที่โรงพยาบาล จนกระทั่งวันนี้มีคำสั่งจากหมอเจ้าของไข้แล้วว่าอาการของนันนลินทร์นั้นดีขึ้นมากแล้ว และสามารถออกจากโรงพยาบาลไปได้ส่วนหลังจากนี้นันนลินทร์อาจจะยังต้องใช้ไม้เท้าเพื่อพยุงตัวไปก่อน จนกว่าอาการจะหายเป็นปกตินางนิรณีนั่งลงข้างเตียง มองสำรวจใบหน้าลูกสาวอย่างพิจารณา “ดูดีขึ้นเยอะเลยนะลูก ดีใจไหมจะได้ออกจากโรงบาลแล้วนะ”คำถามนั้นทำให้นันนลินทร์ชะงัก หล่อนหลุบตาลงมองมือที่วางอยู่บนตัก “ดีใจสิคะแม่”“ดีแล้ว แม่อย่กจะให้หนิงดู ว่าบ้านที่แม่ซื้อไว้ที่นี่นั้นสวยมากแค่ไหน ถ้าหากเราฟ้องศาลชนะ...อัญญามาอยู่ที่นี่กับเรา แม่จะทำห้องสวยๆ ให้อัญญา”นางนิรณีพูดแฝงไปด้วยเลสนัย เธออยากรู้ตอนนี้ในใจของลูกสาวตนเองจะคิดเห็นเช่นไร กับเรื่องที่เคยอยากจะทำ “ธาฎาจะได้รับกรรม เหมือที่หนูเคยบอก” เธอพูดขยี้ให้ลูกสาวได้รู้สึกตัวไปอีก“แม่คะ...คือหนิง”“ว่าไงล่ะลูก? แม่น่ะคุยกับคุณนนท์เขาแล้วนะลูก”คำพูดของผู้เป็นแม่
ตอนที่ 32/2 หล่อนหลุบตามองพื้นอย่างครุ่นคิด ภายในใจมีทั้งความลังเลและความหวังที่แทรกเข้ามาในเสี้ยววินาที“ฉัน...ฉันยังตอบคุณไม่ได้ตอนนี้หรอก” นันนลินทร์พูดเสียงเบา “ทุกอย่างมันต้องใช้เวลา คุณเองก็ทำตัวดีๆ ก็แล้วกัน”ธาฎายิ้มบางๆ ก่อนจะพยักหน้า เขาดีใจไม่ใช่น้อยเมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนั้น นันนลินทร์พูดราวกับว่าหล่อนกำลังบอกกลายๆ ว่าหล่อนให้โอกาสเขาแล้ว“เมื่อกี้เธอหมายความว่าไง?” ร่างสูงผละจากเปลนอนลูกน้อยเมื่อเห็นว่าลูกหลับสนิทแล้ว เขาเดินเข้ามาใกล้คนป่วยบนเตียง นันนลินทร์แอบถอนหายใจ รู้สึกเหมือนกำลังเดินเข้าสู่เขาวงกตแห่งความรู้สึกอีกครั้ง“ก็ตามที่พูด...คุณเข้าใจยากตรงไหน?” “ไม่...หนิง ฉันฟังไม่ผิดใช่ไหม? เธอให้โอกาสฉันแล้ว” “ให้โอกาสแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าจะทำยังไงกับฉันเหมือนเดิมก็ได้”“ผมจะไม่ทำให้เธอผิดหวัง...ทั้งเธอและลูก”แม้คำพูดของเขาจะดูมั่นคง แต่นันนลินทร์ยังไม่กล้าปล่อยให้ตัวเองหวังมากเกินไป หล่อนเพียงมองเขาด้วยสายตาที่อ่อนลงเล็กน้อย แล้วค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้นจากเตียง ก่อนจะพยายามคว้าเอาไม้เท้าที่อยู่ไม่ไกลนัก เพื่อหวังจะทาง ทว่าหล่อนกลับคว้ามันไม่ถึง จนทำให้เขาต้อง
ตอนที่ 32/1เวลาผ่านไปจนถึงเที่ยงวัน ธาฎาป้อนอาหารลูกอีกครั้งจนอิ่ม โชคดีจริงๆ ที่เตรียมทั้งของใช้และอาหารมาพร้อมทุกอย่าง อัญญาจึงไม่งอแง คุณพ่อมือใหม่จัดการประกอบเปลนอนแบบพกพาสำหรับเด็กขึ้นภายในห้องพักผู้ป่วย เขามุ่งมั่นทำมันด้วยความจริงจัง ขณะเดียวกันที่เจ้าของเปลนอนตัวจริงก็เริ่มตาเยิ้มลงมาก เป็นสัญญาณว่าอัญญานั้นง่วงเต็มที่แล้ว การกระทำของธาฎานั้นอยู่ในสายตาของคนที่กำลังกล่อมลูกนอนบนตัก หล่อนไม่คาดคิดว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ จุดที่พ่อของลูกมีความใส่ใจและทำทุกอย่างให้ลูกได้มากมาย ทั้งที่หน้าที่แบบนี้ส่วนมากจะเป็นแม่ของลูกทำซะส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวไหนก็ตามแต่ สายตาคู่สวยมองเขาด้วยความรู้สึกหลากหลาย หล่อนยังจำภาพในอดีตของผู้ชายคนนี้ได้ดี ภาพของเขาที่เย็นชา ดื้อรั้น และไม่เคยแยแสต่อคำขอร้องใดๆ ของหล่อน แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนไปมากจนขนลุก“คุณทำเองเป็นหมดเลยเหรอ?” หล่อนถามขึ้นในขณะที่ลูบหัวลูกสาวเบาๆ ที่หลับคาตักธาฎาที่กำลังจัดหมอนในเปลให้เรียบร้อย หยุดมือชั่วครู่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองแม่ของลูก“ฉันเคยเสียหลักครั้งหนึ่งตอนที่เธอจากไป วันๆ ไม่ยอมไปทำงาน กินแค่เหล้า เสเพไปวันๆ เพียงแค่อย
ตอนที่ 31/3เช้าวันถัดมา แสงแดดอ่อนยามเช้าสาดส่องผ่านหน้าต่างของโรงพยาบาล ธาฎาก้าวลงจากรถพร้อมลูกสาวตัวน้อยในอ้อมแขน เขาสะพายเป้เล็ก ๆ ที่บรรจุของใช้ของอัญญาไว้เต็มแน่น หลังจากวันนี้อนุญาตให้เรืองฤทธิ์ สุชาฎา และคุณเยาว์ได้ออกไปใช้ชีวิต เที่ยวชมเมืองทะเลทรายแห่งนี้เขาใช้เวลาไม่นานนักก็เดินเข้าไปยังตึกพักฟื้นผู้ป่วยทันที อัญญาในชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนยิ้มแย้มแจ่มใส มือเล็ก ๆ จับไหล่ของพ่อแน่น สายตาซุกซนของเธอชำเลืองมองรอบข้างด้วยความตื่นเต้น ธาฎาหันไปมองลูกสาว ยิ้มบาง ๆ ออกมา ถึงแม้ในใจเขาจะเต็มไปด้วยความกังวลเมื่อมาถึงหน้าห้องพักของนันนลินทร์ เขาหยุดยืนชั่วครู่ สูดหายใจลึกเพื่อเรียกความมั่นใจ ก่อนจะผลักประตูเข้าไปอย่างเบามือนันนลินทร์ที่เพิ่งตื่นและกำลังพยายามลุกขึ้นนั่งบนเตียงหันไปมองอย่างตกใจเมื่อเห็นเขา“คุณมาทำไมอีก...” หล่อนถามเสียงแผ่ว แต่แฝงไปด้วยความไม่พอใจเขาไม่ได้ตอบในทันที แต่วางอัญญาลงบนเตียงข้าง ๆ หล่อนลูกสาวตัวน้อยแม้จะไม่เจอหน้าแม่มานาน แต่กลับมีความรู้สึกถึงสายใยผูกพันธ์ซึ่งกันและกันอย่างเหนือความคาดหมายอัญญาโผเข้ากอดนันนลินทร์ หลังจากที่พ่อของเขาปล่อยลงใส่เตียง ใบ
ตอนที่ 31/2 น้ำตาของนันนลินทร์ไหลออกมาอย่างไม่สามารถห้ามได้ แม้จะพยายามซ่อนเร้นความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในใจ แต่ในที่สุดทุกอย่างก็แตกออกมาเป็นน้ำตาอย่างไม่รู้ตัว “คุณกลับไปเถอะ...” นันนลินทร์พูดเสียงสั่น พยายามสะกดอารมณ์ให้ตัวเองสงบลง แต่ก็ยากเกินไป หล่อนมองดูสภาพตนเองในตอนนี้ ช่างน่าสมเพชเหลิอเกิน ไม่อยากให้อัญญาจะต้องมาเห็นสภาพแม่ตัวเองเป็นแบบนี้เลย “ทำไม?” “ก็ฉันบอกให้กลับก็คือกลับไง! พูดไม่รู้เรื่องเหรอ!?” หล่อนพูดทั้งน้ำตา พลางมองไปมาเพื่อขอความช่วยเหลือจากพยาบาลหรือใครสักคนที่อยู่แถวนี้ “ฉันไม่ได้ตั้งใจมาทำให้เธอรู้สึกแย่นะ ฉันพาลูกมาให้กำลังใจเธอ ขอแค่ฉันกับลูกได้...” “ฮึกกก! กลับไป! อย่าพาลูกมาลำบากที่นี่” “ไม่...หนิง คือฉัน” “คุณพยาบาลคะ! ช่วยด้วยค่ะ!” เสียงเรียกของนันนลินทร์ดึงความสนใจจากพยาบาลที่อยู่ใกล้เคียงและรีบเดินเข้ามาด้วยท่าทางเป็นห่วง “มีอะไรให้ช่วยคะ คุณหนิง?” พยาบาลสาวต่างชาติถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่แววตาแสดงความกังวลกับกลุ่มคนไทยตรงหน้าที่กำลังยืนคุยอยู่กับคนไข้ แม้ว่าจะฟังภาษาไทยไม่ออก ทว่าตามความรู้สึกของพยาบาลแล้ว พวกเขาน่าจะพูดยางอย่างให้กระทบกระเท