ช่วงเวลาเที่ยงกว่ามนลิตามาถึงที่ทำงานเร็วกว่าเวลาที่แจ้งเอาไว้ สิ่งผิดปกติเลยคือสายตาของพี่ท้อปเอาแต่มองตามเหมือนมีคำถามแต่ก็ไม่ยอมถามสักทีจนกระทั่งการประชุมงานเสร็จลง
“พี่ท้อป!”
“ฮะ...มีอะไร” คนตัวผอมสะดุ้งโหยง
“มนเห็นพี่เอาแต่มองหน้าตั้งแต่มาถึงแล้ว มีอะไรหรือเปล่า”
“เออ...คือ...ว่า”
พี่ท้อปมีความลังเลอยากรู้ก็อยากรู้แต่ก็ไม่กล้าถามเดี๋ยวจะหาว่ายุ่งเรื่องส่วนตัวของคนอื่นอีก
“เอ้า เอออ่า อยู่นั่นแหละ”
“ก็ข้าแค่สงสัยว่าทำไมคุณเวทัศถึงได้มาลางานแทนเอง” คราวนี้เป็นเธอบ้างแล้วที่เริ่มอ้ำอึ้งเพราะมันหาเหตุผลยากเหลือเกิน
“พอดีว่าฉันจะส่งข้อความหาพี่ท้อปนั่นแหละแต่พอดีส่งผิดไปหา
คุณเวทัศ”
“เหรอ แต่ว่าคุณเวทัศบอกว่าห้ามรบกวนแกนะ เพราะว่าแกนอนอยู่”
อยากจะบ้าตายจริงๆ เธอไม่รู้ว่าพี่เวย์พูดอะไรเอาไว้บ้างแล้วบอกว่าไม่อยากให้ใครรู้ว่าเป็นอะไรกัน หญิงสาวพยายามหาข้อแก้ตัวแล้วก็มีเสียงเทพบุตรมาช่วยชีวิตเอาไว้ได้
“ไม่ทราบว่าคุณมนลิตามาหรือยังครับ”
หญิงสาวหันกลับไปมองหรี่ตาลงรู้สึกคับคล้ายคับคลาผู้ชายหน้าหล่อตรงหน้าเหลือเกิน เธอจึงชูมือขึ้น
“ฉันเองค่ะ”
“มาแล้วเหรอครับ ผมได้รับคำสั่งจากผู้กำกับให้มาดูแลคุณระหว่างตามจับกุมตัวคนร้ายและก็ผมเป็นหนึ่งในตำรวจดูแลโปรเจคใหม่ของเราด้วย”
“ออค่ะ เราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่าคะ มนรู้สึกคุ้นหน้า
คุณตำรวจเหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน” หรี่ตามองพยายามคุ้นคิด
ตุลย์ธรคลี่ยิ้มจนเผยเขี้ยวฟันเล็ก ๆ เท้าเขยิบเข้าไปใกล้คนเจ้าเนื้อมากขึ้น ลำตัวยาวโค้งลงจนใบหน้าหล่อห่างกันแค่คืบแค่คืบเท่านั้น
“ลืมหน้าคนที่ช่วยไม่ให้หมาวิ่งไล่กัดตรงสระเสริมรักแล้วเหรอครับ”
ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างขึ้นยกมือสองข้างตบเข้าหากันเมื่อเริ่มจำได้
ริมฝีปากเผยรอยยิ้มกว้าง ความดีใจทำให้เธอคว้ามือเขาขึ้นมากุมโดยไม่รู้ตัว
“พี่ตุลย์ ตุลย์ธร เดือนคณะนิติศาสตร์สุดหล่อและที่สำคัญ...” ขยับเข้าไปใกล้และกระซิบข้างให้ได้ยินกันสองคน
“เป็นศัตรูหัวใจของพี่เวย์ด้วย”
ชายหนุ่มหัวเราะผ่านลำคอยกมือขึ้นยีหัวด้วยความเอ็นดู พอจำหน้ากันได้ทั้งคู่ก็หวนนึกถึงวันที่เธอกันวันแรกได้ทันที ความสนิทสนมนั้นไม่ได้จางหายไปไหนมันยังคงอยู่ในมิตรภาพของทั้งสองคน
“ตั้งแต่เรียนจบมนก็ไม่ได้ติดต่อพี่ตุลย์ไปเลย นึกว่าพี่จะสอบเป็นอัยการไปซะแล้ว”
“พี่ไม่ชอบนะ เลยขอคุณพ่อว่าจะมาสอบตำรวจแทนตอนนี้พี่เลื่อนขั้นมาเป็นผู้กองแล้วนะ” ตุลย์ธรรีบอวดยศตัวเองยกใหญ่
“หูย อย่างนี้ต้องฉลองแล้วค่ะ ว่าแต่จะให้ใครเป็นคนเลี้ยงดีล่ะ”
“พี่เลี้ยงเองก็ได้ แค่ลูกหมูตัวเดียว พี่เลี้ยงไหว”
“หึ ยังไม่เลิกเรียกมนว่าลูกหมูอีกเหรอคะ” ทำเสียงแห้วยกมือขึ้นกอดอกแล้วเปลี่ยนมาเป็นยิ้มกว้าง
“มนจะให้พี่ตุลย์มาเลี้ยงได้ยังไงคะ อุตส่าห์มาคุ้มครองความปลอดภัยให้ เอาเป็นว่ามื้อเย็นมนขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงหมูจุ่มตรงรัชดานะคะ”
“ได้ครับ ว่าแต่เราเถอะนิสัยไม่เปลี่ยนเลยนะยังหาเรื่องใส่ตัวอยู่อีกเหรอ อันตรายน่ะรู้จักกลัวเสียมั่ง”
“ก็มันเป็นงานนี่คะ อีกอย่างตอนนี้มีพี่ตุลย์มาคอยดูแล มนไม่กลัวอะไรอยู่แล้ว”
“กลัวบ้างก็ดีนะ พี่ไม่ได้อยู่ดูแลเราตลอด24ชั่วโมงขนาดนั้น”
“ค่ะ รับทราบค่ะท่าน”
มือป้อมยกขึ้นตะเบะเลียนแบบท่าทำความเคารพของเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งมันตลกมากจนเขาอดขำไม่ได้ ท้อปยืนฟังทั้งคู่อยู่นานจึงยกมือขึ้นเพื่อเป็นฝ่ายพูดบ้าง
“คุณตำรวจรู้จักกับมนลิตาด้วยเหรอครับ”
“เธอเป็นรุ่นน้องที่มหาวิทยาลัยผมครับ เราเรียนคนละคณะฯ แต่ก็สนิทกันเพราะหมา”
“ฮะ เพราะหมา? ฮ่า ๆ” พี่ท้อปเลิกคิ้วขึ้นสูง ก่อนจะปล่อยขำออกมา
“ไม่ต้องมาหัวเราะเลยพี่ท้อป ก็วันนั้นหมามันหวงลูก มนเดินผ่านไปพอดีมันเลยวิ่งไล่กัด”
หญิงสาวเล่าถึงความหลังแต่ก็ไม่สามารถหยุดเสียงหัวเราะได้จนกระทั่งเสียงทุ้มดังขึ้นบ่งบอกถึงความเคืองใจ
“ว่างงานกันมากหรือไงถึงได้มาจับกลุ่มคุยกัน”
เรียกว่าวงแตกเลยก็ว่าได้คนอื่นรีบแยกย้ายกันกลับไปยังโต๊ะทำงานเหลือเพียงแค่มนลิตากับตุลย์ธรเท่านั้นที่ยังยืนอยู่จุดเดิมไม่ได้ขยับเขยื้อน
ไปไหน เวทัศตวัดสายตามองไปยังตุลย์ธรแล้วหันกลับไปหาคนเป็นเมีย
“มนลิตา ไปพบผมที่ห้อง ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ”
“เรื่องอะไรคะ พอดีว่ามนมีงานยังทำค้างอยู่”
หญิงสาวต่อต้านไม่อยากคุยกับเขาตอนนี้ดูจากสีหน้าแล้วคงหาเรื่องทะเลาะกับเธออีกเป็นแน่
เพื่อนร่วมงานต่างเงยหน้าขึ้นมองทันทีเมื่อมนลิตากล้าปฏิเสธประธานบริหารของช่อง ไม่คิดว่าเธอจะกล้าได้ขนาดนั้นแม้แต่ตุลย์ธรเองก็ยังแปลกใจ
ชายหนุ่มขบกรามแน่นย่างก้าวเข้าไปหา ใบหน้าถมึงทึ้งแบบนั้นเธอเริ่มรู้ตัวแล้วว่าเขาโกรธจริงแต่แค่ไม่รู้ว่าโกรธเรื่องอะไรกันแน่
“มนหมายถึงค่อยกลับมาทำก็ได้ค่ะ พี่ตุลย์ไม่ต้องตามขึ้นไปคุ้มครองหรอกนะคะ ภายในบริษัทปลอดภัยค่ะ รอออกไปทำข่าวตอนบ่ายด้วยกันดีกว่า”
ตุลย์ธรพยักหน้ารับ สายตาเลยมองไปยังเวทัศซึ่งเหมือนมันมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ ชายหนุ่มเดินนำหน้าออกไปด้วยอารมณ์คุกรุ่นไม่รู้ว่าโกรธที่มนลิตาหาเรื่องให้ตัวเองจนตกอยู่ในอันตราย หรือว่าโกรธที่เห็นว่าเธอสนิทกับตุลย์ธรกันแน่...
‘ประกาศแต่งฟ้าแลบ! รอบสองกับภรรยาคนเก่ากับไฮโซเวทัศ’พาดหัวข่าวหราทุกแพลตฟอร์มและกลายเป็นประเด็นร้อนทุกออนไลน์กับความรักของทั้งคู่ เพราะไม่คิดว่ามันจะมีอยู่จริงและที่สำคัญเจ้าสาวในวันนี้ไม่ใช่ดาราดังหรือผู้หญิงสวยหน้าตาดีรูปร่างสวยเลย เธอเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาแต่มัดหัวใจของชายหนุ่มได้อยู่หมัด“ยินดีด้วยนะ”เสียงแจ้วของกลุ่มก้อนเดิมดังขึ้นนำทีมโดยพี่ท้อปและตามด้วยน้องเล็กของทีมอย่างเจ้าต้น ก่อนหน้านั้นเจอกันแล้วรอบหนึ่งตอนเธอแวะไปแจกซอง พวกเขายังสนุกสนานเฮฮาเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปเลยการแต่งงานครั้งนี้ไม่ได้จัดขึ้นเงียบ ๆ เหมือนเดิมแขกที่เชิญมามีแทบทุกวงการทั้งบันเทิง การเมือง และสายนักข่าว แต่คนที่เจ้าสาวรอมากที่สุดคงหนีไม่พ้นผู้ชายสวมสูทสีครีมกำลังเดินมา“พี่ตุลย์ ขอบคุณนะคะที่มา”“ต้องมาอยู่แล้วน้องสาวคนสวยของพี่แต่งงานทั้งที” กำลังจะยกมือขึ้นยีหัวด้วยความเคยชิน แต่คราวนี้มนลิตาหลบทัน“ฮันแน่ ไม่ได้กินหรอก พี่ยังติดยีหัวเหมือนเดิมเลยนะคะ”“นั่นสิ เป็นสัญชาตญาณของมือมั่ง” ทั้งคู่หัวเราะกันคิกคักจนมองไม่เห็นหัวเจ้าบ่าวที่ยืนอยู่ตรงนั้น“อะแฮม”“อ้าว เจ้าบ่าวยืนอยู่ตรงนี้เหรอ นึกว่ารูปปั้
‘ปัง’เสียงกัมปนาทดังขึ้นสนั่นจนหูอื้อเพราะมันอยู่ใกล้แค่ไม่กี่เมตร ร่างสูงสะดุ้งสุดตัวเขาผลักคนตัวอ้วนไปอีกทางที่คิดว่าน่าจะปลอดภัยความเจ็บแล่นริ้วขึ้นมาตรงหัวไหล่เขาชำเลืองมองเลือดสีแดงสดกำลังไหลซึมผ่านเสื้อยืดสีขาวผืนบาง ก่อนจะทรุดลงกับพื้น“กรี๊ดดดด พี่เวย์ ๆ”มนลิตาแทบคุมสติไม่อยู่รีบถลาตัวเข้าไปประคองเวทัศเอาไว้พร้อมกับตะโกนบอกคนแถวนั้นให้เรียกรถพยาบาล ชายหนุ่มเห็นอาการคนรักสติกระเจิงจึงจับมืออวบที่กำลังสั่นระริกเพราะความตกใจมากุมไว้“มน ใจ...เย็น ๆ นะพี่ไม่เป็นไร”“ไม่เป็นไรได้ยังไง เลือดออกขนาดนี้” น้ำตาร่วงหล่นลงแก้ม ความกลัววิ่งเข้ามาแทนที เธอไม่ได้กลัวว่าตัวเองจะบาดเจ็บแต่กลัวว่าเขาจะตาย“พี่ยังไหว แผลแค่นี้เอง” เวทัศพยายามปลอบเธอ แต่นั้นยิ่งทำให้เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นจนพูดแทบไม่เป็นภาษา“พี่เวย์ ห้ามเป็นอะไรนะ นี่เป็นคำสั่ง ไหนว่าอยากอยู่กับมนและลูกไง ถ้าเป็นอย่างนี้มนจะอยู่ยังไง”“พี่จะไม่เป็นไร มนอย่าร้องนะ” เขาบีบมือเธอแน่นขึ้น ไม่นานเท่าไรหูก็ได้ยินเสียงไซเรนดังแว่วมาเจ้าหน้าที่ทำงานเคลื่อนย้ายร่างของเวทัศขึ้นบนเตียง มนลิตากระโดดขึ้นไปบนรถอ้างความเป็นภรรยาทันที รถพยาบ
ในที่สุดวันเวลาของการรอคอยก็มาถึงสักที ทั้งหมดเดินทางมาถึงภูเก็ตด้วยเครื่องบิน พอมาถึงคนของเวทัศก็นำรถมารับถึงสนามบิน“คุณท่านรออยู่ที่โรงแรมแล้วครับ” คนขับรถบอกกับเวทัศแล้วเดินไปเปิดประตูรถให้ทุกคนนั่ง รถยนต์เคลื่อนตัวตรงไปโรงแรมทันทีโรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ริมหาดกะตะบนแนวสันเขาของเกาะบริเวณหน้าโรงแรมเป็นหาดทรายขาวละเอียด มีลักษณะเป็นวงกว้างและมีความโค้ง คลื่นลมสงบ น้ำนิ่งสามารถลงเล่นน้ำได้และที่นี่ยังมีแนวปะการังแปลกตา ยาวไปจนถึงเกาะปู ทำให้เป็นที่ฝึกดำน้ำ และจุดดำน้ำยอดนิยมของเหล่านักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบความสวยงามใต้ทะเล“หูววว พ่อขาทะเล” รถเคลื่อนเข้ามาจอดหน้าโรงแรมเมทิตาชะเง้อคอขึ้นมองแล้วชี้ออกไปนอกหน้าต่างรถด้วยความตื่นเต้นตายายหัวเราะให้กับความไร้เดียงสาของหลานแล้วบอกว่าให้รถจากรถก่อนจะได้เห็นชัด ๆ พอก้าวเท้าลงมาคนเป็นย่าก็ยืนรอต้อนรับอยู่แล้วทำให้หนูน้อยลืมน้ำทะเลใสไปเลย“หนูเมย์...”“คุณย่า”ขาสั้นป้อมวิ่งตรงลิ่วไปหาคุณหญิงระย้า แขนเหี่ยวย่นอ้าแขนรับเจ้าตัวเล็กสู่อ้อมกอดแล้วหอมซ้ายหอมขวาเหมือนเคย“คุณย่าขา หนูเมย์ได้นั่งเครื่องบินด้วย บนโน้นมีเมฆ มีนกด้วยค่ะ”เมทิตาเงยหน้าชี้
สองผู้เฒ่านั่งเล่นอยู่ข้างล่างหันมองหน้ากันเชื่อได้เลยไม่นานทุกอย่างจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม มองจากดาวอังคารก็รู้ว่าลูกสาวพวกเขานั้นใจอ่อนตั้งนานแล้วตอนนี้แค่วางฟอร์มเท่านั้น“แม่มนขา พ่อเวย์ขา” น้ำเสียงและท่าทางแบบนั้นมนลิตาพอจะเดาออกว่าลูกสาวต้องอยากได้หรืออยากไปที่ไหนสักที่แน่นอน“อ้อนจะเอาอะไรอีกคะ”“หนูเมย์อยากไปทะเล วันนี้เพื่อนหนูเมย์บอกว่าพ่อกับแม่พาไปทะเลหนูเมย์อยากไปบ้าง” เด็กหญิงทำหน้าอ้อน ๆ ใส่แม่ หันไปกระพริบตาปริบๆกับคนเป็นพ่อก่อนจะวิ่งอ้อมโต๊ะไปสวมกอดตากับยายเพื่อเอาใจมนลิตาแพ้ทางเวลาเมทิตามาอ้อนเพื่อขออะไรสักอย่าง แน่นอนว่าเธอไม่ได้ตามใจเสียทุกเรื่องแต่เพราะลูกสาวเธอไม่เคยไปทะเลเลยตั้งแต่เกิดมากำลังจะอ้าปากพูดผู้ชายนั่งข้างก็เป็นฝ่ายเสนอขึ้นมา“ถ้าอย่างนั้นเราไปพักผ่อนกันทั้งครอบครัวดีไหมครับ ผมจะได้โทรบอกคุณแม่ด้วย”“ดีค่ะ ไปๆ ไปเที่ยวทะเลกัน” เมทิตาตอบรับแทนทุกคนแล้วชูสองแขนขึ้นกระโดดหมุนตัวไปมารอบโต๊ะกินข้าวเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของลูกกับมนลิตาทำให้เขามีความสุขมากขึ้นไม่ต้องมานั่งทำหน้าอมทุกข์เหมือนแต่ก่อน“แล้วเราจะไปทะเลที่ไหนล่ะ ประเทศเรามีทะเลตั้งหลายจังหวัด” ตา
ว่ากันว่าคนเราไม่เคยมีใครเป็นพ่อกับแม่มาก่อนทุกคนมาเริ่มต้นนับหนึ่งเมื่อมีลูกคนแรก ต่างลองผิดลองถูกกันมาทั้งนั้นสงสัยมันจะเป็นเรื่องจริง เหมือนกับเขาตอนนี้ที่กำลังฝึกหัดการเป็นพ่อคน คนอื่นโชคดีที่ได้ฝึกเป็นพ่อด้วยการอุ้มลูก เปลี่ยนผ้าอ้อม กล่อมนอน แตกต่างจากเขาตอนนี้ที่กำลังเป็นลูกค้าให้กับช่างแต่งหน้าตัวน้อย“พ่อเวย์สวยที่สุดเลยค่ะ” หนูเมย์ยื่นกระจกให้คนเป็นพ่อดูกับความภาคภูมิใจในการแต่งหน้า เขายิ้มรับให้ลูกแล้วทำท่าตื่นเต้นบนหัวผูกจุกเป็นต้นมะพร้าวสามต้น คิ้วถูกระบายหนาเป็นปลิง เปลือกตาทาด้วยสีฟ้าเข้ม ขนตางอนปัดด้วยมาสคาร่า โหนกแก้มแดงยิ่งกว่าตูดลิง ไฮไลท์ดั้งพุ่งโด่งจนแทบทิ่มตา ตบท้ายด้วยปากสีส้มเข้ากันกับแก้มสุดๆ“เฮ้ออออ” เวทัศพ่นลมหายใจออกมายาว ๆ“ถอนหายใจทำไมคะ ไม่สวยเหรอ” เด็กหญิงย่นคิ้ว เวทัศรีบฉีกยิ้มเอาใจลูกสาวเพียงคนเดียว“สวยค่ะ แต่พ่อว่ารอบหน้าเราลองลดความเข้มของสีตา แก้มลงกว่านี้ดีไหม มันจะต้องสวยมากกว่านี้แน่เลย เววี่คอนเฟิร์มคร๊า!”เวทัศดีดตัวสะดีดสะดิ้งราวกับว่าตัวเองเป็นเป็นสาวประเภทสอง แต่แล้วก็ต้องหุบยิ้มเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะดังขึ้นตรงประตูทางเข้าและที่น่าอับอา
ช่วงหลังเลิกงานเขาเอาแต่นั่งทำอาหารเกาหลีแทบทุกวันเพื่อที่อย่างน้อยมันก็บรรเทาความคิดถึงผู้หญิงตรงหน้าได้บ้าง และวันนี้เขาก็ได้มีโอกาสทำให้เธอได้กินแล้ว“กินสิ เดี๋ยวเย็นหมดนะ” ชายหนุ่มเลื่อนจานจาจังมยอนมาให้มนลิตาหลุดออกมาจากภวังค์ใช้ตะเกียบเหล็กคีบเส้นสีดำเข้าปาก ทันทีที่ลิ้นสัมผัสกับน้ำซอสสีดำดวงตากลมประกายวาววับขึ้นมาทันทีมุมปากของเวทัศหยักโค้งขึ้นแทบจะถึงติ่งหู หาเรื่องคุยกับง้อตั้งนานแทบจะไม่ได้ผลแต่พอทำของโปรดไว้ให้เขากลับเห็นความสดใสบนใบหน้าของเธออีกครั้งชายหนุ่มเท้าคางบนเก้าอี้มองหญิงสาวกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย กว่าจะรู้ตัวว่าถูกอีกฝ่ายเฝ้ามองเธอก็กินอาหารไปจนเกือบหมดโดยลืมชวนคนทำกินเสียด้วยซ้ำ“ไม่กินด้วยกันเหรอคะ”“ไม่ล่ะครับ พี่เห็นมนกินได้ก็ดีใจแล้ว”เอื้อมมือไปหยิบทิชชูจากกล่องไปเช็ดมุมปากที่เปื้อนน้ำซอสสีดำให้แผ่วเบา ดวงตาทั้งคู่สบกันครู่หนึ่งจนเป็นฝ่ายมนลิตาได้สติขึ้นมาก่อน เธอเบือนหน้าไปทางอื่นแล้วเช็ดปากด้วยตัวเอง“เรื่องที่เราคุยกันเมื่อคืน...”“มนอยากคุยกับพี่เวย์เรื่องนี้พอดีเลยค่ะ”ยังไม่ทันจะบอกจุดประสงค์จบเลยว่าไม่ต้องรีบเขารอได้ ทว่าหญิงสาวก็เอ่ยตัดบทขึ้นมาเ