ร่างอ้วนเดินเจี๋ยมเจี้ยมตามหลังคนตัวโตจนมาถึงหน้าห้องทำงานเขาหันไปเห็นเลขาฯ ยังนั่งอยู่หน้าห้อง
“คุณแป๋วออกไปหากาแฟดื่มดีไหมครับ อีกสักครึ่งชั่วโมงค่อยกลับมา”
“ค่ะ”
รีบลุกขึ้นอย่างลุกลี้ลุกลน น้ำเสียงเย็นยะเยือกแบบนี้เป็นสัญญาณว่าเจ้านายกำลังอารมณ์ไม่ดี สาเหตุก็คงจะเป็นเพราะผู้หญิงตัวอ้วนด้านหลังแน่นอน
ก่อนเดินออกไปแป๋วหันมาจับมือมนลิตาและให้กำลังใจ หวังว่าเธอจะยังมีชีวิตรอดกลับมาจากด้านในห้อง แล้วรีบสาวเท้าออกไปจากตรงนั้นทันที
ประตูห้องทำงานปิดลงแล้วเวทัศปลดกระดุมชุดสูทออกสะบัดชายเสื้อแล้วนั่งลง เมื่อเห็นว่าคนเจ้าเนื้อเอาแต่ยืนอยู่หน้าประตูไม่ขยับตัวสักทีจึงส่งสายตาให้ตามมานั่งฝั่งตรงข้าม
“พี่เวย์มีเรื่องอะไรจะคุยกับมนเหรอคะหรือว่าจะเป็นเรื่อง...”
ปากหยุดพูดสมองนึกไปถึงใบหย่า หน้าตาเรียบนิ่งน้ำเสียงเย็นชาเขาคงอยากพูดเรื่องหย่าแบบจริงจังสินะ มันก็เป็นแค่ความคิดระแวงของเธอฝ่ายเดียวเท่านั้นเมื่อชายหนุ่มใช้มือเลื่อนโทรศัพท์ที่มีคลิปของฆาตกรคนนั้นส่งมาให้
“เคยเตือนแล้วใช่ไหมว่าอย่าไปยุ่งกับพวกข่าวอันตราย คนอื่นก็มีทำไมต้องเอาชีวิตตัวเองลงไปเสี่ยงด้วย แล้วเห็นไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ต้องเดือดร้อนกันเท่าไร”
“ก็ตอนนั้นมันมีอะไรน่าสงสัยเต็มไปหมดนี่คะ มนไม่อยากเสียโอกาสในการทำข่าว ใครมันจะไปคิดล่ะว่าคนร้ายมันาจะแค้นขนาดนี้”
ตอนแรกก็นึกว่าจะโกรธเรื่องอะไรแต่พอรู้ว่าเป็นเรื่องนี้สีหน้าหญิงสาวดีขึ้นมาหน่อย แต่ก็ยังต้องก้มหน้าหลบสายตาดุนั่นอยู่ดีเพราะความรั้นของเธอเลยกลายเป็นเรื่อง หากเป็นนักข่าวผู้ชายคงไม่มีปัญหาขนาดนี้หรอก
“เพราะไม่คิดหรือประเมินเรื่องหน้าแบบนี้ไง มันถึงได้เกิดเรื่อง ฉันจะย้ายเธอไปอยู่ฝ่ายข่าวบันเทิง”
“ไม่ไป มนไม่ชอบทำข่าวดารา ไม่อย่างนั้นมนจะลาออกแล้วไปทำงานกับช่องคู่แข่ง”
“ก็ดี ฉันจะได้ไม่ต้องมานั่งพะวงเรื่องเธอให้คุณแม่คอยด่าอีก”
ชายหนุ่มไหวไหล่ไม่สนใจกับคำขู่นั้น มันเป็นเรื่องดีเสียอีก มนลิตาหน้ายู่ยิ่งกว่าเดิมเคลื่อนตูดตัวเองมานั่งข้างผู้เป็นสามี
“พี่เวย์ อย่าย้ายมนเลยนะคะ อีกอย่างพี่ตุลย์ก็มาคอยคุ้มครองจนกว่าจะจับคนร้ายได้แล้ว”
คนตัวอ้วนทำแก้มป่องตาโตเพื่อขอร้องเขาให้คิดเรื่องนี้ใหม่อีกครั้ง
เวทัศชำเลืองมองเธออีกรอบกำลังจะอ้าปากยืนยันคำเดิม แต่แล้วก็ต้องย่นคิ้วเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายทำจมูกฟุดฟิดแล้วยกมือขึ้นอังจมูก
“เป็นอะไร ทำไมทำหน้าอย่างนั้น”
“วันนี้ทำไมตัวพี่เวย์เหม็นจังคะ”
เอามือออกจากจมูกแล้วยื่นหน้าเข้าใกล้ กลิ่นคาวบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ทำเอาร่างอ้วนต้องรีบลุกขึ้นวิ่งไปเข้าห้องนอนซึ่งอยู่อีกฝั่งของห้องทำงานออกแบบมาไว้ให้ผู้บริหาร ด้านในออกแบบให้เหมือนกับคอนโดฯ
“อุแหวะ อ้วก อ้อก”
มนลิตาโก่งคออ้วกเสียงดัง เวทัศตามมาลูบหลัง มือป้อมยกขึ้นไล่ให้เขาออกไปเพราะยิ่งมาอยู่ใกล้ก็ยิ่งรู้สึกเหม็นอย่างประหลาด ปกติเธอเป็นคนเลือกกลิ่นน้ำหอมให้เขาใช้ประจำแต่ทำไมวันนี้กลิ่นมันแรงจนรับไม่ได้
ร่างอ้วนเดินออกมาเหมือนจะหมดเรี่ยวแรง เขารีบเดินเข้าไปประคองเอาไว้ทว่ามนลิตากลับขยับเท้าหนีแล้วยกมือขึ้นปิดจมูกเอาไว้เหมือนเดิม
“พี่เวย์อย่าเข้ามานะ ตัวพี่เหม็นมาก”
“ฮะ เหม็น” ยกทั้งแขน ยกทั้งจั๊กกะแร้ขึ้นเพื่อพิสูจน์กลิ่น แต่ทุกอย่างมันก็ปกติดี
“เธอแกล้งหาเรื่องฉันหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ มนเหม็นพี่เวย์จริง ๆ เรื่องงานเราเอาไว้คุยกันทีหลังนะ”
ทั้งพูดทั้งขยับเท้าถอยหลังพลางยกมือห้าม สีหน้าเหยเกของ
คนตัวอ้วนทำเอาชายหนุ่มถึงกับเสียความมั่นใจ
มนลิตาเดินโซซัดโซเซกลับมายังแผนกโดยมียาดมอยู่ในมือ ใบหน้าซีดไร้สีเลือดทำเอาตุลย์ธรรีบลุกจากเก้าอี้เข้าไปประคองอย่างไว ตามด้วยเพื่อนร่วมแผนกต่างกรูกันเข้ามาหาเพราะคิดว่าถูกคุณเวทัศเล่นงานมา
“น้องมนเป็นอะไรหรือเปล่า สีหน้าไม่ดีเลย”
“มนแค่รู้สึกเวียนหัวค่ะ นั่งพักก็คงหายไม่มีอะไรหรอกค่ะ ทุกคนกลับไปทำงานเถอะ”
มืออวบยกมือขึ้นไล่เพื่อนร่วมงานให้กลับไปทำงานส่วนตัวเองย่อตัวนั่งลงฟุบหน้าลงโต๊ะดวงตาหรี่ลงๆ แล้วผล็อยหลับไป โดยมีตุลย์ธรยืนดูอยู่
ไม่ห่างสองแขนยกขึ้นกอดอกนึกเอ็นดู
ต้องเส้นใหญ่แค่ไหนเนี่ย ถึงหลับในที่ทำงานได้...
‘ประกาศแต่งฟ้าแลบ! รอบสองกับภรรยาคนเก่ากับไฮโซเวทัศ’พาดหัวข่าวหราทุกแพลตฟอร์มและกลายเป็นประเด็นร้อนทุกออนไลน์กับความรักของทั้งคู่ เพราะไม่คิดว่ามันจะมีอยู่จริงและที่สำคัญเจ้าสาวในวันนี้ไม่ใช่ดาราดังหรือผู้หญิงสวยหน้าตาดีรูปร่างสวยเลย เธอเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาแต่มัดหัวใจของชายหนุ่มได้อยู่หมัด“ยินดีด้วยนะ”เสียงแจ้วของกลุ่มก้อนเดิมดังขึ้นนำทีมโดยพี่ท้อปและตามด้วยน้องเล็กของทีมอย่างเจ้าต้น ก่อนหน้านั้นเจอกันแล้วรอบหนึ่งตอนเธอแวะไปแจกซอง พวกเขายังสนุกสนานเฮฮาเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปเลยการแต่งงานครั้งนี้ไม่ได้จัดขึ้นเงียบ ๆ เหมือนเดิมแขกที่เชิญมามีแทบทุกวงการทั้งบันเทิง การเมือง และสายนักข่าว แต่คนที่เจ้าสาวรอมากที่สุดคงหนีไม่พ้นผู้ชายสวมสูทสีครีมกำลังเดินมา“พี่ตุลย์ ขอบคุณนะคะที่มา”“ต้องมาอยู่แล้วน้องสาวคนสวยของพี่แต่งงานทั้งที” กำลังจะยกมือขึ้นยีหัวด้วยความเคยชิน แต่คราวนี้มนลิตาหลบทัน“ฮันแน่ ไม่ได้กินหรอก พี่ยังติดยีหัวเหมือนเดิมเลยนะคะ”“นั่นสิ เป็นสัญชาตญาณของมือมั่ง” ทั้งคู่หัวเราะกันคิกคักจนมองไม่เห็นหัวเจ้าบ่าวที่ยืนอยู่ตรงนั้น“อะแฮม”“อ้าว เจ้าบ่าวยืนอยู่ตรงนี้เหรอ นึกว่ารูปปั้
‘ปัง’เสียงกัมปนาทดังขึ้นสนั่นจนหูอื้อเพราะมันอยู่ใกล้แค่ไม่กี่เมตร ร่างสูงสะดุ้งสุดตัวเขาผลักคนตัวอ้วนไปอีกทางที่คิดว่าน่าจะปลอดภัยความเจ็บแล่นริ้วขึ้นมาตรงหัวไหล่เขาชำเลืองมองเลือดสีแดงสดกำลังไหลซึมผ่านเสื้อยืดสีขาวผืนบาง ก่อนจะทรุดลงกับพื้น“กรี๊ดดดด พี่เวย์ ๆ”มนลิตาแทบคุมสติไม่อยู่รีบถลาตัวเข้าไปประคองเวทัศเอาไว้พร้อมกับตะโกนบอกคนแถวนั้นให้เรียกรถพยาบาล ชายหนุ่มเห็นอาการคนรักสติกระเจิงจึงจับมืออวบที่กำลังสั่นระริกเพราะความตกใจมากุมไว้“มน ใจ...เย็น ๆ นะพี่ไม่เป็นไร”“ไม่เป็นไรได้ยังไง เลือดออกขนาดนี้” น้ำตาร่วงหล่นลงแก้ม ความกลัววิ่งเข้ามาแทนที เธอไม่ได้กลัวว่าตัวเองจะบาดเจ็บแต่กลัวว่าเขาจะตาย“พี่ยังไหว แผลแค่นี้เอง” เวทัศพยายามปลอบเธอ แต่นั้นยิ่งทำให้เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นจนพูดแทบไม่เป็นภาษา“พี่เวย์ ห้ามเป็นอะไรนะ นี่เป็นคำสั่ง ไหนว่าอยากอยู่กับมนและลูกไง ถ้าเป็นอย่างนี้มนจะอยู่ยังไง”“พี่จะไม่เป็นไร มนอย่าร้องนะ” เขาบีบมือเธอแน่นขึ้น ไม่นานเท่าไรหูก็ได้ยินเสียงไซเรนดังแว่วมาเจ้าหน้าที่ทำงานเคลื่อนย้ายร่างของเวทัศขึ้นบนเตียง มนลิตากระโดดขึ้นไปบนรถอ้างความเป็นภรรยาทันที รถพยาบ
ในที่สุดวันเวลาของการรอคอยก็มาถึงสักที ทั้งหมดเดินทางมาถึงภูเก็ตด้วยเครื่องบิน พอมาถึงคนของเวทัศก็นำรถมารับถึงสนามบิน“คุณท่านรออยู่ที่โรงแรมแล้วครับ” คนขับรถบอกกับเวทัศแล้วเดินไปเปิดประตูรถให้ทุกคนนั่ง รถยนต์เคลื่อนตัวตรงไปโรงแรมทันทีโรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ริมหาดกะตะบนแนวสันเขาของเกาะบริเวณหน้าโรงแรมเป็นหาดทรายขาวละเอียด มีลักษณะเป็นวงกว้างและมีความโค้ง คลื่นลมสงบ น้ำนิ่งสามารถลงเล่นน้ำได้และที่นี่ยังมีแนวปะการังแปลกตา ยาวไปจนถึงเกาะปู ทำให้เป็นที่ฝึกดำน้ำ และจุดดำน้ำยอดนิยมของเหล่านักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบความสวยงามใต้ทะเล“หูววว พ่อขาทะเล” รถเคลื่อนเข้ามาจอดหน้าโรงแรมเมทิตาชะเง้อคอขึ้นมองแล้วชี้ออกไปนอกหน้าต่างรถด้วยความตื่นเต้นตายายหัวเราะให้กับความไร้เดียงสาของหลานแล้วบอกว่าให้รถจากรถก่อนจะได้เห็นชัด ๆ พอก้าวเท้าลงมาคนเป็นย่าก็ยืนรอต้อนรับอยู่แล้วทำให้หนูน้อยลืมน้ำทะเลใสไปเลย“หนูเมย์...”“คุณย่า”ขาสั้นป้อมวิ่งตรงลิ่วไปหาคุณหญิงระย้า แขนเหี่ยวย่นอ้าแขนรับเจ้าตัวเล็กสู่อ้อมกอดแล้วหอมซ้ายหอมขวาเหมือนเคย“คุณย่าขา หนูเมย์ได้นั่งเครื่องบินด้วย บนโน้นมีเมฆ มีนกด้วยค่ะ”เมทิตาเงยหน้าชี้
สองผู้เฒ่านั่งเล่นอยู่ข้างล่างหันมองหน้ากันเชื่อได้เลยไม่นานทุกอย่างจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม มองจากดาวอังคารก็รู้ว่าลูกสาวพวกเขานั้นใจอ่อนตั้งนานแล้วตอนนี้แค่วางฟอร์มเท่านั้น“แม่มนขา พ่อเวย์ขา” น้ำเสียงและท่าทางแบบนั้นมนลิตาพอจะเดาออกว่าลูกสาวต้องอยากได้หรืออยากไปที่ไหนสักที่แน่นอน“อ้อนจะเอาอะไรอีกคะ”“หนูเมย์อยากไปทะเล วันนี้เพื่อนหนูเมย์บอกว่าพ่อกับแม่พาไปทะเลหนูเมย์อยากไปบ้าง” เด็กหญิงทำหน้าอ้อน ๆ ใส่แม่ หันไปกระพริบตาปริบๆกับคนเป็นพ่อก่อนจะวิ่งอ้อมโต๊ะไปสวมกอดตากับยายเพื่อเอาใจมนลิตาแพ้ทางเวลาเมทิตามาอ้อนเพื่อขออะไรสักอย่าง แน่นอนว่าเธอไม่ได้ตามใจเสียทุกเรื่องแต่เพราะลูกสาวเธอไม่เคยไปทะเลเลยตั้งแต่เกิดมากำลังจะอ้าปากพูดผู้ชายนั่งข้างก็เป็นฝ่ายเสนอขึ้นมา“ถ้าอย่างนั้นเราไปพักผ่อนกันทั้งครอบครัวดีไหมครับ ผมจะได้โทรบอกคุณแม่ด้วย”“ดีค่ะ ไปๆ ไปเที่ยวทะเลกัน” เมทิตาตอบรับแทนทุกคนแล้วชูสองแขนขึ้นกระโดดหมุนตัวไปมารอบโต๊ะกินข้าวเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของลูกกับมนลิตาทำให้เขามีความสุขมากขึ้นไม่ต้องมานั่งทำหน้าอมทุกข์เหมือนแต่ก่อน“แล้วเราจะไปทะเลที่ไหนล่ะ ประเทศเรามีทะเลตั้งหลายจังหวัด” ตา
ว่ากันว่าคนเราไม่เคยมีใครเป็นพ่อกับแม่มาก่อนทุกคนมาเริ่มต้นนับหนึ่งเมื่อมีลูกคนแรก ต่างลองผิดลองถูกกันมาทั้งนั้นสงสัยมันจะเป็นเรื่องจริง เหมือนกับเขาตอนนี้ที่กำลังฝึกหัดการเป็นพ่อคน คนอื่นโชคดีที่ได้ฝึกเป็นพ่อด้วยการอุ้มลูก เปลี่ยนผ้าอ้อม กล่อมนอน แตกต่างจากเขาตอนนี้ที่กำลังเป็นลูกค้าให้กับช่างแต่งหน้าตัวน้อย“พ่อเวย์สวยที่สุดเลยค่ะ” หนูเมย์ยื่นกระจกให้คนเป็นพ่อดูกับความภาคภูมิใจในการแต่งหน้า เขายิ้มรับให้ลูกแล้วทำท่าตื่นเต้นบนหัวผูกจุกเป็นต้นมะพร้าวสามต้น คิ้วถูกระบายหนาเป็นปลิง เปลือกตาทาด้วยสีฟ้าเข้ม ขนตางอนปัดด้วยมาสคาร่า โหนกแก้มแดงยิ่งกว่าตูดลิง ไฮไลท์ดั้งพุ่งโด่งจนแทบทิ่มตา ตบท้ายด้วยปากสีส้มเข้ากันกับแก้มสุดๆ“เฮ้ออออ” เวทัศพ่นลมหายใจออกมายาว ๆ“ถอนหายใจทำไมคะ ไม่สวยเหรอ” เด็กหญิงย่นคิ้ว เวทัศรีบฉีกยิ้มเอาใจลูกสาวเพียงคนเดียว“สวยค่ะ แต่พ่อว่ารอบหน้าเราลองลดความเข้มของสีตา แก้มลงกว่านี้ดีไหม มันจะต้องสวยมากกว่านี้แน่เลย เววี่คอนเฟิร์มคร๊า!”เวทัศดีดตัวสะดีดสะดิ้งราวกับว่าตัวเองเป็นเป็นสาวประเภทสอง แต่แล้วก็ต้องหุบยิ้มเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะดังขึ้นตรงประตูทางเข้าและที่น่าอับอา
ช่วงหลังเลิกงานเขาเอาแต่นั่งทำอาหารเกาหลีแทบทุกวันเพื่อที่อย่างน้อยมันก็บรรเทาความคิดถึงผู้หญิงตรงหน้าได้บ้าง และวันนี้เขาก็ได้มีโอกาสทำให้เธอได้กินแล้ว“กินสิ เดี๋ยวเย็นหมดนะ” ชายหนุ่มเลื่อนจานจาจังมยอนมาให้มนลิตาหลุดออกมาจากภวังค์ใช้ตะเกียบเหล็กคีบเส้นสีดำเข้าปาก ทันทีที่ลิ้นสัมผัสกับน้ำซอสสีดำดวงตากลมประกายวาววับขึ้นมาทันทีมุมปากของเวทัศหยักโค้งขึ้นแทบจะถึงติ่งหู หาเรื่องคุยกับง้อตั้งนานแทบจะไม่ได้ผลแต่พอทำของโปรดไว้ให้เขากลับเห็นความสดใสบนใบหน้าของเธออีกครั้งชายหนุ่มเท้าคางบนเก้าอี้มองหญิงสาวกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย กว่าจะรู้ตัวว่าถูกอีกฝ่ายเฝ้ามองเธอก็กินอาหารไปจนเกือบหมดโดยลืมชวนคนทำกินเสียด้วยซ้ำ“ไม่กินด้วยกันเหรอคะ”“ไม่ล่ะครับ พี่เห็นมนกินได้ก็ดีใจแล้ว”เอื้อมมือไปหยิบทิชชูจากกล่องไปเช็ดมุมปากที่เปื้อนน้ำซอสสีดำให้แผ่วเบา ดวงตาทั้งคู่สบกันครู่หนึ่งจนเป็นฝ่ายมนลิตาได้สติขึ้นมาก่อน เธอเบือนหน้าไปทางอื่นแล้วเช็ดปากด้วยตัวเอง“เรื่องที่เราคุยกันเมื่อคืน...”“มนอยากคุยกับพี่เวย์เรื่องนี้พอดีเลยค่ะ”ยังไม่ทันจะบอกจุดประสงค์จบเลยว่าไม่ต้องรีบเขารอได้ ทว่าหญิงสาวก็เอ่ยตัดบทขึ้นมาเ