“อุ๊บ แหวะ...อ้อก”
เสียงดังโอกอากตั้งแต่เช้ามืดปลุกร่างกำยำซึ่งกำลังหลับใหลให้รู้สึกตัว คำถามผุดขึ้นมาในหัวว่าใครเป็นอะไร แขนยาวปัดป่ายไปยังด้านข้างจึงได้รู้ว่าเสียงดังเมื่อครู่มาจากคนนอนข้างกันทุกคืน
ร่างสูงสปริงตัวลุกขึ้นจากเตียงนอนแล้วก้าวเท้ายาวไปยังห้องน้ำทันที เพราะนึกขึ้นว่าเมื่อคืนมีคนป่วยนอนอยู่ด้วย สภาพเบื้องหน้าที่เห็นคือร่างอ้วนเกาะโถส้วมโก่งคออ้วก ใบหน้าซีดเซียวไร้สีเลือดเขาแตะไปยังหัวไหล่ซึ่งดูเหมือนไม่มีเรี่ยวแรง
“มนทำให้พี่เวย์ตื่นเหรอคะ”
“ยังจะมาห่วงคนอื่นอีก แล้วนี่เป็นอะไรมากไหม เมื่อวานคุณแม่โทรมาบอกว่าไม่สบาย” น้ำเสียงดูทว่าแววตายังคงมีความเป็นห่วงอยู่บ้าง
“ไม่เป็นอะไรมากค่ะ แค่คลื่นไส้นิดหน่อย”
ดันแขนออกจากไหล่พยายามจะลุกขึ้นยืน แต่ว่าร่างกายก็โอนเอนจนสุดท้ายเขาต้องเดินเข้าไปพยุงร่างอ้วนนั้นกลับไปยังเตียงนอนอยู่ดี
“ไหวหรือเปล่า ไปหาหมอไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ นอนพักนิดหน่อยก็น่าจะดีขึ้น”
เอนหลังลงโดยมีมือของเวทัศคอยประคอง ถึงแม้ว่าเขาจะคอยพูดจาทำร้ายอยู่ตลอดแต่หากว่าเมื่อใดก็ตามที่เธอเจ็บป่วยคนปากร้ายก็มักจะเปลี่ยนไปใช้มุมอ่อนโยนทันที
“ถ้าอย่างนั้นลางานไปเลยก็แล้วกัน”
“ไม่ได้ค่ะ วันนี้มนมีประชุมตอนบ่าย” รีบพูดสวนขึ้นมาทันที
“หยุดงานสักวันบริษัทพี่ไม่เจ๊งหรอกนะ”
ตั้งแต่แต่งงานกันมาและมนลิตาได้เข้าไปทำงานที่ช่องเขาแทบไม่เคยเห็นเธอลางานหรือหยุดไปไหนเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ในเมื่อเธอดึงดันจะไปทำงานให้ได้เขาก็ไม่อยากห้ามปรามจึงบอกว่าให้ลาครึ่งวันเช้า
หญิงสาวพยักหน้ารับ ใครจะยอมให้เหยื่อมาอ่อยเสือกันหากเธอปล่อยให้พี่เวย์คลาดสายตามีหวังถ่านไฟเก่าที่ยังมอดไม่สนิทมันอาจจะปะทุขึ้นมาอีกตอนไหนก็ได้
เมื่อจัดการคลุมผ้าห่มและบังคับคนดื้อนอนได้แล้วเวทัศก็หันไปจัดการอาบน้ำแต่งตัวไปทำงานทันทีระหว่างจะขึ้นไปห้องทำงานตัวเองก็ไม่ลืมแวะไปยังแผนกอาชญากรรม
“คุณท้อป”
“ครับ”
ท้อปผละจากกลุ่มน้องในทีมซึ่งกำลังพูดถึงเนื้อหาข่าวข่าวชาวบ้านประจำวันซึ่งหามาได้จากวิดีโอสั้นในแอปพลิเคชันข่องทางต่าง ๆ แล้วเอามาคัดลงในช่วงข่าวชาวบ้านแค่ไม่กี่คลิป
“วันนี้ช่วงเช้าคุณมนลิตาลางานครึ่งวันนะ น่าจะมาเข้าประชุมตอนบ่าย”
“ฮะ”
ชายวัยเลยสี่สิบรีบยกโทรศัพท์มือถือขึ้นดูว่ามีข้อความของน้องในทีมส่งมาลางานหรือเปล่า แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่อักษรเดียวไม่โทรมาลางานกับตัวเองแต่กล้าโทรไปลางานกับเจ้าของบริษัทเลยหรือ
เขาเงยหน้ามองคนเป็นเจ้านาย ยกมือขึ้นเกาหัวกำลังจะอ้าปากถามว่ารู้ได้อย่างไรร่างสูงของเจ้านายก็กำลังจะเดินออกไป แต่แล้วก็ชะงักเท้าลงเหมือนนึกอะไรขึ้นได้จึงหันกลับมากำชับอะไรบางอย่าง
“อ้อ อย่าโทรหรือส่งข้อความไปรบกวนเธอนะ ตอนนี้น่าจะหลับอยู่”
พูดเสร็จก็ล้วงกระเป๋ากางเกงเดินออกไป ปล่อยให้หัวหน้าฝ่ายข่าวอาชญากรรมยืนงงกับคำสั่งใหม่เมื่อครู่ แล้วเกิดคำถามใหม่ขึ้นมาในใจว่าเจ้านายรู้ได้อย่างไร
ขณะเดินกลับมายังลิฟต์เพื่อขึ้นไปทำงาน เวทัศต้องหยุดฝีเท้าลงเมื่อมีผู้ชายคนหนึ่งสวมชุดตำรวจครึ่งท่อนกำลังเดินผ่านไปเพราะรู้สึกคุ้นหน้า
“เดี๋ยวครับ คุณขึ้นมาบนนี้ได้ยังไง”
ร่างสูงหยุดเดินแล้วหันกลับไปพร้อมรอยยิ้ม ทว่าอีกฝ่ายยืนอึ้งใบหน้าไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไร เพราะผู้ชายตรงหน้าเคยเป็นศัตรูหัวใจเมื่อสมัยเรียนต่างคนต่างแย่งกันจีบอินทุภาแต่สุดท้ายเป็นตัวเขาที่ได้หัวใจของเธอไปครอง
“ไอ้ตุลย์”
“ว่าไงครับ ไอ้คุณเวย์” ขึงตาใส่แววตาเย้ยหยันจนรู้สึกได้
“แกขึ้นมาบนนี้ได้ยังไง ใครให้ขึ้นมา ไม่รู้หรือไงว่าคนนอกห้ามเข้าก่อนได้รับอนุญาต”
ตุลย์ธรยกยิ้มมุมปากขยับเท้าเดินเข้ามาหา “ก็ได้รับอนุญาตไงถึงได้ขึ้นมา”
“หมายความว่ายังไง” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน เขาไม่ชอบสีหน้ากวนตีนนั้นเหลือเกิน
“ผมเป็นตำรวจที่ได้รับมอบหมายมาคุ้มครองพยานครับ”
“พยาน? หมายถึงใคร”
“แกเป็นถึงเจ้าของช่อง ยังไม่รู้อีกเหรอว่าพนักงานในบริษัทถูกขู่ฆ่า”
ชายหนุ่มไหวไหล่แล้วก็เดินจากไปทันทีปล่อยให้เวทัศยืนทำหน้างงเป็นไก่ตาแตก เขาพลาดเรื่องอะไรในบริษัทไปหรือเปล่า ทำไมเลขาฯ ถึงไม่ได้โทรรายงานเรื่องนี้ให้ฟัง ขายาวรีบเดินเข้าลิฟต์กลับห้องทำงานเพื่อสอบถามกับเลขาฯ ทันที
“พนักงานของเราถูกขู่ฆ่าเหรอ ทำไมคุณไม่รายงานเรื่องนี้กับผม”
“แป๋ว โทรรายงานแล้วนะคะ ตั้งแต่ฆาตกรลงคลิปห้านาทีแรก
แล้วนะคะ ทั้งส่งคลิปให้ท่าน ทั้งส่งข้อความบอก”
เธอก้มหน้าตอบเพราะกลัวสายตาเกรี้ยวกราดของท่านประธานในตอนนี้เหลือเกิน เวทัศนึกขึ้นได้ถึงกับถอนหายใจเป็นความผิดของเขาเองที่มัวแต่ไปฟิตเนสกับอินทุภาเพราะเธอขอให้ช่วยสอนวิธีลดหน้าท้องให้จนลืมเรื่องนั้นเสียสนิท
ดวงตาหรี่ลงคิ้วเลิกขึ้นสูงขณะจ้องคลิปในมือที่เพิ่งเปิดดู ไม่คิดเลยว่าพนักงานที่ถูกขู่ฆ่าจะเป็นมนลิตา ฝ่ามือกำเข้าหาแน่นขบกรามจนขึ้นสันนูนไม่รู้ว่าการทำให้คนอื่นเป็นห่วงมันเป็นงานถนัดของผู้หญิงนี้หรือไง
มิน่าล่ะ แม่เขาถึงได้โทรมาบ่นจนหูชา
‘ประกาศแต่งฟ้าแลบ! รอบสองกับภรรยาคนเก่ากับไฮโซเวทัศ’พาดหัวข่าวหราทุกแพลตฟอร์มและกลายเป็นประเด็นร้อนทุกออนไลน์กับความรักของทั้งคู่ เพราะไม่คิดว่ามันจะมีอยู่จริงและที่สำคัญเจ้าสาวในวันนี้ไม่ใช่ดาราดังหรือผู้หญิงสวยหน้าตาดีรูปร่างสวยเลย เธอเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาแต่มัดหัวใจของชายหนุ่มได้อยู่หมัด“ยินดีด้วยนะ”เสียงแจ้วของกลุ่มก้อนเดิมดังขึ้นนำทีมโดยพี่ท้อปและตามด้วยน้องเล็กของทีมอย่างเจ้าต้น ก่อนหน้านั้นเจอกันแล้วรอบหนึ่งตอนเธอแวะไปแจกซอง พวกเขายังสนุกสนานเฮฮาเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปเลยการแต่งงานครั้งนี้ไม่ได้จัดขึ้นเงียบ ๆ เหมือนเดิมแขกที่เชิญมามีแทบทุกวงการทั้งบันเทิง การเมือง และสายนักข่าว แต่คนที่เจ้าสาวรอมากที่สุดคงหนีไม่พ้นผู้ชายสวมสูทสีครีมกำลังเดินมา“พี่ตุลย์ ขอบคุณนะคะที่มา”“ต้องมาอยู่แล้วน้องสาวคนสวยของพี่แต่งงานทั้งที” กำลังจะยกมือขึ้นยีหัวด้วยความเคยชิน แต่คราวนี้มนลิตาหลบทัน“ฮันแน่ ไม่ได้กินหรอก พี่ยังติดยีหัวเหมือนเดิมเลยนะคะ”“นั่นสิ เป็นสัญชาตญาณของมือมั่ง” ทั้งคู่หัวเราะกันคิกคักจนมองไม่เห็นหัวเจ้าบ่าวที่ยืนอยู่ตรงนั้น“อะแฮม”“อ้าว เจ้าบ่าวยืนอยู่ตรงนี้เหรอ นึกว่ารูปปั้
‘ปัง’เสียงกัมปนาทดังขึ้นสนั่นจนหูอื้อเพราะมันอยู่ใกล้แค่ไม่กี่เมตร ร่างสูงสะดุ้งสุดตัวเขาผลักคนตัวอ้วนไปอีกทางที่คิดว่าน่าจะปลอดภัยความเจ็บแล่นริ้วขึ้นมาตรงหัวไหล่เขาชำเลืองมองเลือดสีแดงสดกำลังไหลซึมผ่านเสื้อยืดสีขาวผืนบาง ก่อนจะทรุดลงกับพื้น“กรี๊ดดดด พี่เวย์ ๆ”มนลิตาแทบคุมสติไม่อยู่รีบถลาตัวเข้าไปประคองเวทัศเอาไว้พร้อมกับตะโกนบอกคนแถวนั้นให้เรียกรถพยาบาล ชายหนุ่มเห็นอาการคนรักสติกระเจิงจึงจับมืออวบที่กำลังสั่นระริกเพราะความตกใจมากุมไว้“มน ใจ...เย็น ๆ นะพี่ไม่เป็นไร”“ไม่เป็นไรได้ยังไง เลือดออกขนาดนี้” น้ำตาร่วงหล่นลงแก้ม ความกลัววิ่งเข้ามาแทนที เธอไม่ได้กลัวว่าตัวเองจะบาดเจ็บแต่กลัวว่าเขาจะตาย“พี่ยังไหว แผลแค่นี้เอง” เวทัศพยายามปลอบเธอ แต่นั้นยิ่งทำให้เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นจนพูดแทบไม่เป็นภาษา“พี่เวย์ ห้ามเป็นอะไรนะ นี่เป็นคำสั่ง ไหนว่าอยากอยู่กับมนและลูกไง ถ้าเป็นอย่างนี้มนจะอยู่ยังไง”“พี่จะไม่เป็นไร มนอย่าร้องนะ” เขาบีบมือเธอแน่นขึ้น ไม่นานเท่าไรหูก็ได้ยินเสียงไซเรนดังแว่วมาเจ้าหน้าที่ทำงานเคลื่อนย้ายร่างของเวทัศขึ้นบนเตียง มนลิตากระโดดขึ้นไปบนรถอ้างความเป็นภรรยาทันที รถพยาบ
ในที่สุดวันเวลาของการรอคอยก็มาถึงสักที ทั้งหมดเดินทางมาถึงภูเก็ตด้วยเครื่องบิน พอมาถึงคนของเวทัศก็นำรถมารับถึงสนามบิน“คุณท่านรออยู่ที่โรงแรมแล้วครับ” คนขับรถบอกกับเวทัศแล้วเดินไปเปิดประตูรถให้ทุกคนนั่ง รถยนต์เคลื่อนตัวตรงไปโรงแรมทันทีโรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ริมหาดกะตะบนแนวสันเขาของเกาะบริเวณหน้าโรงแรมเป็นหาดทรายขาวละเอียด มีลักษณะเป็นวงกว้างและมีความโค้ง คลื่นลมสงบ น้ำนิ่งสามารถลงเล่นน้ำได้และที่นี่ยังมีแนวปะการังแปลกตา ยาวไปจนถึงเกาะปู ทำให้เป็นที่ฝึกดำน้ำ และจุดดำน้ำยอดนิยมของเหล่านักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบความสวยงามใต้ทะเล“หูววว พ่อขาทะเล” รถเคลื่อนเข้ามาจอดหน้าโรงแรมเมทิตาชะเง้อคอขึ้นมองแล้วชี้ออกไปนอกหน้าต่างรถด้วยความตื่นเต้นตายายหัวเราะให้กับความไร้เดียงสาของหลานแล้วบอกว่าให้รถจากรถก่อนจะได้เห็นชัด ๆ พอก้าวเท้าลงมาคนเป็นย่าก็ยืนรอต้อนรับอยู่แล้วทำให้หนูน้อยลืมน้ำทะเลใสไปเลย“หนูเมย์...”“คุณย่า”ขาสั้นป้อมวิ่งตรงลิ่วไปหาคุณหญิงระย้า แขนเหี่ยวย่นอ้าแขนรับเจ้าตัวเล็กสู่อ้อมกอดแล้วหอมซ้ายหอมขวาเหมือนเคย“คุณย่าขา หนูเมย์ได้นั่งเครื่องบินด้วย บนโน้นมีเมฆ มีนกด้วยค่ะ”เมทิตาเงยหน้าชี้
สองผู้เฒ่านั่งเล่นอยู่ข้างล่างหันมองหน้ากันเชื่อได้เลยไม่นานทุกอย่างจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม มองจากดาวอังคารก็รู้ว่าลูกสาวพวกเขานั้นใจอ่อนตั้งนานแล้วตอนนี้แค่วางฟอร์มเท่านั้น“แม่มนขา พ่อเวย์ขา” น้ำเสียงและท่าทางแบบนั้นมนลิตาพอจะเดาออกว่าลูกสาวต้องอยากได้หรืออยากไปที่ไหนสักที่แน่นอน“อ้อนจะเอาอะไรอีกคะ”“หนูเมย์อยากไปทะเล วันนี้เพื่อนหนูเมย์บอกว่าพ่อกับแม่พาไปทะเลหนูเมย์อยากไปบ้าง” เด็กหญิงทำหน้าอ้อน ๆ ใส่แม่ หันไปกระพริบตาปริบๆกับคนเป็นพ่อก่อนจะวิ่งอ้อมโต๊ะไปสวมกอดตากับยายเพื่อเอาใจมนลิตาแพ้ทางเวลาเมทิตามาอ้อนเพื่อขออะไรสักอย่าง แน่นอนว่าเธอไม่ได้ตามใจเสียทุกเรื่องแต่เพราะลูกสาวเธอไม่เคยไปทะเลเลยตั้งแต่เกิดมากำลังจะอ้าปากพูดผู้ชายนั่งข้างก็เป็นฝ่ายเสนอขึ้นมา“ถ้าอย่างนั้นเราไปพักผ่อนกันทั้งครอบครัวดีไหมครับ ผมจะได้โทรบอกคุณแม่ด้วย”“ดีค่ะ ไปๆ ไปเที่ยวทะเลกัน” เมทิตาตอบรับแทนทุกคนแล้วชูสองแขนขึ้นกระโดดหมุนตัวไปมารอบโต๊ะกินข้าวเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของลูกกับมนลิตาทำให้เขามีความสุขมากขึ้นไม่ต้องมานั่งทำหน้าอมทุกข์เหมือนแต่ก่อน“แล้วเราจะไปทะเลที่ไหนล่ะ ประเทศเรามีทะเลตั้งหลายจังหวัด” ตา
ว่ากันว่าคนเราไม่เคยมีใครเป็นพ่อกับแม่มาก่อนทุกคนมาเริ่มต้นนับหนึ่งเมื่อมีลูกคนแรก ต่างลองผิดลองถูกกันมาทั้งนั้นสงสัยมันจะเป็นเรื่องจริง เหมือนกับเขาตอนนี้ที่กำลังฝึกหัดการเป็นพ่อคน คนอื่นโชคดีที่ได้ฝึกเป็นพ่อด้วยการอุ้มลูก เปลี่ยนผ้าอ้อม กล่อมนอน แตกต่างจากเขาตอนนี้ที่กำลังเป็นลูกค้าให้กับช่างแต่งหน้าตัวน้อย“พ่อเวย์สวยที่สุดเลยค่ะ” หนูเมย์ยื่นกระจกให้คนเป็นพ่อดูกับความภาคภูมิใจในการแต่งหน้า เขายิ้มรับให้ลูกแล้วทำท่าตื่นเต้นบนหัวผูกจุกเป็นต้นมะพร้าวสามต้น คิ้วถูกระบายหนาเป็นปลิง เปลือกตาทาด้วยสีฟ้าเข้ม ขนตางอนปัดด้วยมาสคาร่า โหนกแก้มแดงยิ่งกว่าตูดลิง ไฮไลท์ดั้งพุ่งโด่งจนแทบทิ่มตา ตบท้ายด้วยปากสีส้มเข้ากันกับแก้มสุดๆ“เฮ้ออออ” เวทัศพ่นลมหายใจออกมายาว ๆ“ถอนหายใจทำไมคะ ไม่สวยเหรอ” เด็กหญิงย่นคิ้ว เวทัศรีบฉีกยิ้มเอาใจลูกสาวเพียงคนเดียว“สวยค่ะ แต่พ่อว่ารอบหน้าเราลองลดความเข้มของสีตา แก้มลงกว่านี้ดีไหม มันจะต้องสวยมากกว่านี้แน่เลย เววี่คอนเฟิร์มคร๊า!”เวทัศดีดตัวสะดีดสะดิ้งราวกับว่าตัวเองเป็นเป็นสาวประเภทสอง แต่แล้วก็ต้องหุบยิ้มเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะดังขึ้นตรงประตูทางเข้าและที่น่าอับอา
ช่วงหลังเลิกงานเขาเอาแต่นั่งทำอาหารเกาหลีแทบทุกวันเพื่อที่อย่างน้อยมันก็บรรเทาความคิดถึงผู้หญิงตรงหน้าได้บ้าง และวันนี้เขาก็ได้มีโอกาสทำให้เธอได้กินแล้ว“กินสิ เดี๋ยวเย็นหมดนะ” ชายหนุ่มเลื่อนจานจาจังมยอนมาให้มนลิตาหลุดออกมาจากภวังค์ใช้ตะเกียบเหล็กคีบเส้นสีดำเข้าปาก ทันทีที่ลิ้นสัมผัสกับน้ำซอสสีดำดวงตากลมประกายวาววับขึ้นมาทันทีมุมปากของเวทัศหยักโค้งขึ้นแทบจะถึงติ่งหู หาเรื่องคุยกับง้อตั้งนานแทบจะไม่ได้ผลแต่พอทำของโปรดไว้ให้เขากลับเห็นความสดใสบนใบหน้าของเธออีกครั้งชายหนุ่มเท้าคางบนเก้าอี้มองหญิงสาวกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย กว่าจะรู้ตัวว่าถูกอีกฝ่ายเฝ้ามองเธอก็กินอาหารไปจนเกือบหมดโดยลืมชวนคนทำกินเสียด้วยซ้ำ“ไม่กินด้วยกันเหรอคะ”“ไม่ล่ะครับ พี่เห็นมนกินได้ก็ดีใจแล้ว”เอื้อมมือไปหยิบทิชชูจากกล่องไปเช็ดมุมปากที่เปื้อนน้ำซอสสีดำให้แผ่วเบา ดวงตาทั้งคู่สบกันครู่หนึ่งจนเป็นฝ่ายมนลิตาได้สติขึ้นมาก่อน เธอเบือนหน้าไปทางอื่นแล้วเช็ดปากด้วยตัวเอง“เรื่องที่เราคุยกันเมื่อคืน...”“มนอยากคุยกับพี่เวย์เรื่องนี้พอดีเลยค่ะ”ยังไม่ทันจะบอกจุดประสงค์จบเลยว่าไม่ต้องรีบเขารอได้ ทว่าหญิงสาวก็เอ่ยตัดบทขึ้นมาเ