คนตัวเล็กสาวเท้าตามทางฟุตบาท ปล่อยให้อารมณ์โมโหสงบนิ่ง นึกไม่ถึงเลยว่าความสัมพันธ์ของเธอและพี่ชายจะเดินทางมาถึงจุดนี้ได้
จุดที่ยากที่จะสานความเป็นพี่น้องกันอีก เพราะไม่มีพี่น้องคู่ไหนที่เขาลงโทษด้วยรสจูบที่แทบจะกลืนกินกันแบบนั้นหรอก นอกจากคนที่จิตใจตกต่ำทำได้แม้กระทั่งน้องสาวตัวเอง!
“ไอ้พี่บ้า” คัพเค้กกัดฟันแล้วด่าทอถึงคนที่มีอิทธิพลต่ออารมณ์เธอตอนนี้มากที่สุด ก่อนจะล้วงกระเป๋าเพื่อหยิบโทรศัพท์ต่อสายหาบอดี้การ์ดประจำตระกูล
ทันทีที่ปลายสายกดรับ...
“มารับฉันตามโลเคชั่นที่ส่งไป ด่วนที่สุด” เอ่ยจบก็ตัดสายทิ้งแล้วเดินเข้าร้านกาแฟ รอเวลาตามตามที่สั่งออกไป
อีกด้าน
บรึ้นนน~ รถสปอร์ตหรูเร่งเครื่องออกจากจุดนั้นทันที เคนตะไม่คิดจะลงไปตามคนตัวเล็กที่วิ่งเตลิดไปไกล
“เอาแต่ใจตัวเองชะมัด” มือหนาฟาดบนพวงมาลัย เจ็บใจที่ไม่สามารถพาคนตัวเล็กกลับบ้านได้
ทว่า...
“ทำไรลงไปวะ!!” ก่อนจะนึกถึงสิ่งที่เขาลงโทษคัพเค้กอย่างลืมตัว มือหนาเลื่อนขึ้นมาขยี้ผมด้วยอารมณ์บางอย่างหวังเรียกสติให้ลืมรสจูบนั้น
“ยัยเค้กนี่” จู่ๆ สายตาก็ไปปะทะเข้ากับรถตู้คันหนึ่งที่กำลังเลี้ยวเข้าไปในคฤหาสน์ เดาได้ทันทีว่าในนั้นมีใคร ว่าแล้วเคนตะเร่งเครื่องแซงปาดหน้ารถอีกคันทันทีเพื่อที่จะเข้าไปในคฤหาสน์
เอี๊ยดดด~
“ขอโทษครับคุณหนู” บอดี้การ์ดเหลียวหน้ามาบอกคนตัวเล็ก
“รถใครอ่ะ” คัพเค้กไม่ทันได้มอง เอ่ยถามออกไป
“คุณเคนตะครับ”
“ฟู่~” คัพเค้กพ่นลมหายใจทันที ยังไม่ทันทำใจได้ เธอก็ต้องมาเจอเขาอีกแล้วเหรอ
เมื่อรถตู้เข้าไปจอดดที่ประจำของลานจอดรถ คนตัวเล็กตวัดขาลงจากรถเหลียวหน้ามองซ้ายมองขวา
“ดีที่รู้ตัว ไม่เสนอหน้ามาตอนนี้” คัพเค้กพึมพำคนเดียวก่อนจะหันไปหาบอดี้การ์ดที่ยืนเปิดประตูรถให้ “ไปเอารถให้ฉันด้วย” มือบางส่งกุญแจให้ร่างสูงแล้วรีบเข้าไปในบ้านเพื่อขึ้นไปห้องนอนตัวเอง
ตึก!
ตึก!
หมับ!
ปึง!
“พี่เคน” คัพเค้กเงยหน้ามองคนตรงหน้าที่ถือวิสาสะลากเธอเข้ามาในห้องของเขาในจังหวะที่เธอเดินผ่านหน้าห้อง
“เรายังคุยกันไม่จบ หนีลงจากรถทำไมหะ” เคนตะเท้าสะเอวถามอย่างเดือดดาล
“คุยบ้าไรของพี่เคน ใครเขาคุยกันแบบนั้น”
“แต่เธอไม่มีสิทธิ์มาตบและด่าฉัน!!” เขาตะคอกสุดเสียง
“แต่พี่ก็ไม่มีสิทธิ์มาจูบเค้กเหมือนกัน” ทว่าคัพเค้กเองก็ตะคอกกลับเช่นกัน
ทั้งคู่จ้องตาอย่างไม่ยอมแพ้เพราะต่างก็คิดว่าตัวเองไม่ผิด
“หวงตัว!?” เคนตะสาวสาวเข้าใกล้เรื่อยๆ
“...” คัพเค้กถอยหลังจนหลังแนบชิดติดฝาผนัง
“ไม่ใช่จูบแรกของเธอ เธอไม่จำเป็นต้องเสียดายขนาดนั้นก็ได้”
“ถึงจะไม่ใช่จูบแรก แต่เค้กก็ไม่อยากได้รสจูบห่วยๆจากพี่เคน!!”
หมับ!
“ห่วยงั้นเหรอ” เคนตะบีบไหล่มนเข้าหาตัวอย่างแรง
“อืม ห่วยจนเค้กกลัวฝันร้ายเลยล่ะ” คนตัวเล็กเอ่ยสมเพชพร้อมแบะปากใส่เคนตะ
“เตรียมตัวฝันร้ายได้เลย ยัยเค้ก” ว่าแล้วก็โน้มลงไปประกบปากบางทันที
ทว่า...
สัมผัสครั้งนี้ต่างจากครั้งแรกเพราะคนที่เป็นฝ่ายรุกกลับไม่ใช่เคนตะ แต่เป็นเรียวลิ้นเล็กของคัพเค้กที่แทรกซึมเข้าไปตวัดหยอกล้อกับเรียวลิ้นใหญ่ ทั้งขบทั้งเม้มและดูดจนเคนตะชะงัก มือบางเลื่อนขึ้นไปคล้องคอพร้อมทั้งกดศีรษะเคนตะให้เข้าใกล้ จนเคนตะต้องเลื่อนมือขึ้นไปแกะมือบางออกจากคอแล้วเป็นฝ่ายถอดริมฝีปากออกเอง
“หึ คิดว่าจูบเป็นคนเดียวรึไง” คัพเค้กแสยะยิ้มออกมา ก่อนจะหมุนตัวเอื้อมมือเปิดประตู “จำไว้ว่าคนอย่างพี่สั่งสอนคนอย่างเค้กไม่ได้หรอก”
ปึง! บานประตูปิดลงสนิท ร่างสูงยืนนิ่งอึ้งคิดไม่ถึงว่าน้องสาวตัวดีจะใจกล้าได้ถึงเพียงนี้
“เธอคิดผิดแล้วล่ะ คัพเค้ก!!” เพราะรอยจูบเมื่อกี้กระตุ้นร่างกายเขาได้เป็นอย่างดี ในเมื่ออีกฝ่ายไม่คิดจะนับถือเขาเป็นพี่ชาย เขาเองก็ไม่เคยเห็นคัพเค้กเป็นน้องสาว แล้วถ้าเขาจะสั่งสอนผู้หญิงสักคนให้อยู่ในโอวาท...เด็กอวดดีอย่างคัพเค้กไม่มีทางเอาชนะเขาได้แน่นอน...
“บ้าที่สุดเลย ฉันไม่คิดเลยว่าเขาจะกล้าทำแบบนี้กับฉัน” คัพเค้กระบายความในใจทั้งหมดที่มีให้ชายหนุ่มตรงกันข้ามฟัง“นายลองคิดดูนะ ว่าพี่น้องที่ไหนเขาจูบกัน ถ้าลงโทษอย่างอื่นฉันพอเข้าใจ” เธอทิ้งตัวพิงโซฟา นึกเจ็บใจไม่หายที่ตัวเองต้องแสดงรสจูบที่ร้อนแรงกลับไป“นายว่าพี่ฉันบ้ากามจนหน้ามืดตามัวรึเปล่า” ก่อนจะหันไปถามความคิดเห็นจากเพื่อนหนุ่ม“...” แต่แล้วสิ่งที่ได้คือความเงียบ เพราะอีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจฟังตั้งแต่ต้น“โจ้” คัพเค้กเอ่ยเรียกชื่อทันที“...” เงียบ..ชายหนุ่มตรงข้ามเธอไม่ได้สนใจเสียงเรียกนั้น ทว่ากำลังใช้สายตาสื่อสารบางอย่างกับผู้หญิงโต๊ะอีกฝั่งกึก!“โจโจ้!!” คัพเค้กกระแทกแก้วไวน์พร้อมโน้มหน้าไปตะโกนใส่หูเพื่อนหนุ่มเสียงดังลั่น“เฮ้ย! อะไรวะ จะเสียงดังทำไมเนี่ย ฉันตกใจหมด” โจโจ้หันมาตะคอกทันที หน้าเหวอจนแทบหมดความหล่อ ยกมือขึ้นมาลูบแผงอกอย่างเรียกขวัญ“เวอร์ชะมัด” เธอหย่อนตัวไปนั่งเหมือนเดิม ก่อนจะส่ายหน้าให้กับท่าทีโจโจ้ที่มีสถานะอื่นด้วยนอกจากความเป็นเพื่อน ก็เพราะความเสน่ห์แรงเป็นเหตุทำให้โจโจ้เลื่อนสถานะจากเพื่อนสนิทมาเป็นแฟนกำมะลอไปพรางๆ ระหว่างที่คัพเค้กกำลังหาแฟนตัวจริง เขาจะไ
หมับ!“ปล่อยนะ..พี่เคน” คัพเค้กสะบัดตัวออกห่างจากร่างสูง“มาเที่ยวกับแฟนเหรอ พาไปแนะนำหน่อยสิ” เคนตะโอบเอวพร้อมยักคิ้วอย่างกวนๆ ในหัวมีแผนบางอย่าง“จะทำอะไร” คนตัวเล็กถามอย่างรู้ทัน“หึ คิดมากน่า พี่จะทำไรน้องสาวได้” เขาแสยะยิ้มมุมปาก แววตามีเลศนัยชัดเจน“อย่าคิดจะทำไรบ้าๆต่อหน้าแฟนเค้กนะ” คัพเค้กรีบข่มขู่ไว้ก่อน ถึงจะรู้ว่าอีกฝ่ายมีแผนแต่ก็แสดงออกมามากไม่ได้ ไม่รู้ว่าแผนนั่นคืออะไร แต่ที่แน่ๆไม่ดีกับตัวเธอหรือไม่ก็แฟนหนุ่มกำมะลอแน่นอน“...” เคนตะไม่รับปากกลับกระชากคนตัวเล็กไปที่โต๊ะทันที“ปล่อยได้แล้ว” เมื่อถึงโต๊ะคัพเค้กจึงแกะมือหนาออกจากเอว ทว่าอีกฝ่ายกดตัวเธอให้นั่งลงฝั่งเดียวกับเขา“นั่งข้างฉัน” ก่อนที่เคนตะจะกดเสียงเรียบนิ่ง“ไม่”ฟึ่บ! เคนตะออกแรงบีบหัวไหล่ไม่ให้คัพเค้กลุกออกไป ทำเอาชายหนุ่มอีกคนมองสลับไปมา ไม่รู้จะเอ่ยแทรกหรือหาจังหวะช่วยตอนไหนดี“คบกันนานยัง” เคนตะทำหน้าที่ผู้ปกครองทันที ถามในสิ่งที่อยากรู้มากกว่าหน้าที่“...” โจโจ้หันไปมองคนตัวเล็กที่นั่งข้างพี่ชาย พยายามกระพริบตาบอกบางอย่างเป็นนัยน์ ๆ“ว่าไง ฉันถาม” เคนตะถามย้ำจ้องใบหน้าชายหนุ่มรุ่นน้องอย่างเอาเรื่อง เรื่อง
บรึ้นนนน~“คออ่อนแล้วยังจะซ่าอีก เป็นภาระฉิบ!” เคนตะบ่นอย่างเอือมระอา สายตาเหลือบมองน้องสาวกับถนนสลับกันไปมา นับวันเขากับคัพเค้กความสัมพันธ์ไกลห่างออกไปทุกที ถ้าเป็นเหมือนเมื่อก่อนคงจะมีสิทธิ์เอ่ยเตือนได้บ้าง แต่มาตอนนี้คำพูดของเขาไม่มีอิทธิพลพอจะสั่งหรือเตือนคัพเค้กได้เลย“อื้ออ~” คัพเค้กบิดร่างกายด้วยความมึนเมา สมองพอจะจำเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ได้ลาง ๆหมับ!“ร้อน เปิดแอร์ยังเนี่ย!!” มือบางเลื่อนไปกดด้านหน้ารถมั่ว ๆ โดยที่ยังคงหลับตาอยู่“ยัยเค้กอยู่นิ่ง ๆ” เคนตะบอกพร้อมปัดมือบางให้กลับไปตั้งบนหน้าขาเรียวเหมือนเดิม ส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยหน่าย“ก็คนมันร้อน โจ้เปิดแอร์ให้หน่อย” ทว่า...คัพเค้กไม่เพียงแต่ตะคอก แต่ยังเอ่ยถึงอีกคนที่ไม่ได้อยู่ร่วมในรถด้วย“นั่งรถฉันอย่าเอ่ยถึงคนอื่น!!” ร่างสูงใหญ่เริ่มจะหัวเสีย แยกกันไม่ทันไรก็เอ่ยถึงอีกแล้ว น่าเจ็บนักขนาดเมาแล้วยังไม่ลืมไอ้เวรนั่นอีก“แล้วนายเป็นใคร!!” ศีรษะทุยสอดเข้าไปใต้วงแขนเงยหน้าถามชายหนุ่มที่กำลังขับรถอยู่ แววตาใสซื่อกระพริบถามอย่างน่าเอ็นดู“...” เคนตะถึงกับตัวแข็งทื่อเมื่อสบดวงตาหวาน กลิ่นประจำตัวน้องสาวลอยมาแตะจมูก ทำเอาเขากลืนน้ำ
“อื้ออ~”“ปวดหัวชะมัด ไม่น่าดื่มเยอะเลยเรา” รุ่งเช้าในวันต่อมาคัพเค้กบิดร่างกายด้วยความมึน ๆ กำหมัดเล็ก ๆ เคาะศีรษะตัวเองเบา ๆ เพื่อคลายอาการปวดหัว ก่อนที่เธอจะยันตัวลุกขึ้นนั่งพิงพนักเตียงจนผ้าห่มร่วงลงไปกองที่เอว ความเย็นของอากาศภายในห้องส่งผลให้เธอก้มมองเรือนร่างของตัวเอง“กรี๊ดดดดดด~” คัพเค้กกรีดร้องด้วยความตกใจ ทำไมเธอถึงได้...นอนเปลือยเปล่าอย่างนี้ มันเกิดอะไรขึ้น“เฮ้ย! หนวกหูเว้ยคนจะนอน” ทว่าคนที่นอนหลับอยู่ชะโงกหัวขึ้นตวาดอย่างรำคาญ“พะ...พี่เคน~” คนตัวเล็กดึงผ้าห่มขึ้นมาปกปิดร่างกายเปลือยเปล่าทันทีพร้อมกับหันไปมองต้นเสียงข้าง ๆ ด้วยความงุนงง“...” เคนตะฟุบหน้าลงบนหมอนอีกครั้งเพื่อหลับตานอนต่อ โชว์แผนหลังเปลือยเปล่าให้คัพเค้กได้เห็น โชคยังดีที่ด้านล่างพอจะมีผ้าห่มปิดอยู่ไม่อย่างนั้นคงจะเห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว“นี่มันอะไรกัน!!” คัพเค้กกัดฟันถามออกไป“...” แต่เคนตะยังคงนอนต่ออย่างไม่ใส่ใจหมับ!“ตื่นมาคุยให้รู้เรื่องนะ..พี่เคน!!” มือบางเขย่าหมัดกล้ามด้วยความแรง เรียกให้อีกฝ่ายตื่นขึ้นมาคุยให้รู้เรื่อง“โอ๊ยย~ ไม่รู้!?” เคนตะเสยผมขึ้นไปด้านบนแล้วตอนตะแคงข้าง ใช้มือเท้าคางถามอย่าง
ตึกตึก...คนตัวเล็กเดินวนไปวนมา สับสนกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ทำไมเธอถึงได้ไม่รู้สึกเจ็บหรือมีอาการอย่างที่เคยอ่านเจอในโซเชี่ยลเลยสักนิด แล้วถ้าไม่ได้เกิดขึ้นจริง คราบบ้า ๆ นั่นจะมาติดอยู่ที่ขาเธอได้ยังไงกัน“เลือดล่ะ” หลังจากชำระสิ่งสกปรกออกจากร่างกายเธอก็คิดไม่ตกจนสมองสั่งการบางอย่าง คัพเค้กในชุดคลุมอาบน้ำจึงสาวเท้าไปที่เตียงนอนดูสภาพยับยู่ยี่บนเตียง แต่ก็ไร้ร่องรอยของคราบเลือดฟึ่บ!“ทำไมถึงไม่มีเลือด” ก่อนจะหย่อนสะโพกนั่งลง ใช้มือนวดขมับตัวเองทันที“ไม่น่าซ่าเลยเรา แล้วอย่างงี้จะมองหน้ากันติดไหมเนี่ย ปกติก็เกลียดขี้หน้าจะตายอยู่แล้ว ยังจะมาเกิดเรื่องบ้า ๆ ขึ้นอีก โอ๊ยยยย~ อยากจะบ้าตาย!!” คัพเค้กล้มตัวลงนอนเอามือก่ายหน้าผาก ก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นยืนเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเตียงที่เธอล้มลงไปนอนเพิ่งจะผ่านกิจกรรมมาสด ๆ ร้อน ๆคัพเค้กย่นจมูกแล้ววิ่งเข้าไปในห้องแต่งตัว รีบใส่ชุดแต่งหน้าจะได้รีบออกจากบ้าน หนีหน้าคนนิสัยไม่ดีร่างสูงใหญ่เข้ามาในห้องอาหาร หลังจากนั่งคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนอยู่นานสองนาน“คัพเค้กยังไม่ลงมาอีกเหรอ” เคนตะถามแม่บ้านทันที“คุณหนูยังไม่ลงมาเลยค่ะ คุณเคนตะจะทานเลยไหม
บรึ้นนน~คัพเค้กยืนระเบียงห้องนอนตัวเองมองรถสปอร์ตขับออกไปจนพ้นประตูหน้าบ้าน“เห้อ!! คิดว่าจะบังคับกันได้เหรอ” คนตัวเล็กแสยะยิ้มแล้วเอ่ยทันที ยังไงเธอก็จะไม่มีวันอยู่ใต้อำนาจคนหื่นกามแบบนั้นเด็ดขาด ผู้ชายที่ไว้ใจไม่ได้ ขนาดน้องสาวตัวเองยังทำได้ลงคอ ทว่า...เรื่องเมื่อคืนมันคือเรื่องจริงใช่ไหม ความสับสนยังคงวนเวียนในใจเหมือนเดิม แต่จะให้เธอทนต่อคงไม่ได้ อย่างน้อย ๆ ก็ควรออกไปด้านนอกให้สบายใจสักพัก“ทีตัวเองยังออกไปได้เลย” คัพเค้กย่นจมูกนาทีต่อมา แค่คิดก็รู้แล้วว่าคนประเภทนั่นจะออกไปไหนได้ เธอจึงหมุนตัวเข้าไปหยิบกระเป๋าสะพายบ้างก่อนจะเปิดประตูด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวแอ๊ดดดด~“มายืนทำอะไรหน้าห้องฉัน!?” ทันทีที่เปิดกลับเห็นบอดี้การ์ดประจำตระกูลยืนประกบข้างประตูซ้ายขวา ทั้ง ๆ ที่ชั้นนี้มันคือชั้นห้องพักที่ลูกน้องไม่ควรขึ้นมา ถ้าไม่มีความจำเป็นจริง ๆ“คุณเคนตะสั่งไว้ครับ” ชายฉกรรจ์ตอบคัพเค้กทันที“เพื่อ!?” น้ำเสียงประชดประชันดังก้องอย่างโกรธเคือง ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครขัดใจหรืิอทำกับเธออย่างนี้มาก่อน“คุณเคนตะห้ามไม่ให้คุณหนูออกไปไหนจนกว่าคุณเคนตะจะกลับมา”“เหอะ!! ฝันไปเถอะ หลีกไป ฉันจะออกไปด
เมื่อโจโจ้ขับรถออกจากหน้าบ้านคัพเค้กได้สักระยะ จึงหันไปถามด้วยความสงสัย“บอกมาว่าทำไมต้องหนี มันเกิดอะไรขึ้น” โจโจ้เหลียวหน้ามองเพื่อนสาวพร้อมสลับมองถนนไปด้วย ยิ่งคัพเค้กเป็นหลานสาวคนเดียวของบ้าน ยิ่งน่าแปลกใจที่เด็กโดนสปอยมาโดยตลอดต้องวิ่งหนีบอดี้การ์ดและให้เขาอื่นมารับ“ฉันจะบอกนายยังไงดี” คัพเค้กคิดไม่ตกกับสิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่าง จะปล่อยให้ผ่านไปโดยไม่พูดหรือจะระบายกับเพื่อนหนุ่มดี“เล่ามาเหอะ อยากรู้จะตายแล้วเนี่ย”“...” คนตัวเล็กได้แต่เงียบนิ่ง ถ้าหากเล่าไปมันก็ไม่มีไรดีขึ้นมา“หรือพี่เธอทำอย่างที่ฉันคิดไว้จริง ๆ” จู่ ๆ โจโจ้ก็หันมาขมวดคิ้วอย่างสงสัย แววตาเหมือนรู้อะไรบางอย่าง“นายคิดไร!?” ทำเอาคัพเค้กถามอย่างลุกลี้ลุกลนเพราะกลัวว่าความสัมพันธ์ของเธอกับพี่ชายจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป“ก็ที่เธอเล่าว่าพี่เคนจูบไงวะ สรุปโดนพี่เขาจูบอีกใช่ไหม ยัยเค้ก”“...” คัพเค้กโล่งใจที่โจโจ้คิดแค่นั้น “นายคิดแบบนั้นจริง ๆ เหรอ” ก่อนจะถามย้ำอีกครั้ง“เออดิวะ หรือมันมีมากกว่านั้น”“จะมีได้ไง ตลกแหละ” คัพเค้กเอ่ยกลบเกลื่อน“ไม่มีก็ดีไป”“...” คัพเค้กได้แต่ยิ้มจาง ๆ“แต่ทำไมเธอถึงไม่สนิทกับพี่เคน ทั้ง
ปึง! ปลายเท้าปิดประตูคอนโดตามอารมณ์“เรามาคุยกันดี ๆ ได้ไหมพี่เคน” คัพเค้กอยากให้คนตรงหน้าใจเย็นลง ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่าเขาร้อนเรื่องอะไรด้วยซ้ำ การมีแฟนมันผิดขนาดนั้นเลยเหรอ แต่ทำไมเขาถึงมีได้ แบบนี้มันไม่แฟร์สักนิด“จะคุยอะไร ในเมื่อสิ่งที่ฉันสั่งเธอไม่คิดจะทำตาม” เขาก้าวเท้าเดินตามคัพเค้กที่เริ่มจะเดินถอยหลังเรื่อย ๆ อย่างหวาดระแวง“ก็พี่เคนไม่มีเหตุผล”“ฉันไม่มีเหตุผลตรงไหนห๊ะ!!” เคนตะตะคอกตามอารมณ์เดือดดาล ทำเอาคัพเค้กสะดุ้งด้วยความตกใจ พี่เคนคนเดิมไม่หลงเหลือในความทรงจำของเธอแล้วจริง ๆ“สั่งให้บอดี้การ์ดมาเฝ้าเค้ก ให้เค้กอยู่แต่ในบ้าน ห้ามออกไปใน ทำแบบนี้ทำไม” เธอถามอย่างไม่เข้าใจ ตลอดเวลาเกือบสี่ปีไม่เห็นเขาจะใส่ใจ ดูแลเธอสักนิด พอโดนปู่บังคับให้ดูแลก็ทำหน้าที่เกินที่คาดไว้“ฉันทำเพราะปกป้องตัวเธอเอง” เคนตะเท้าสะเอวพายมือไปยังคนตัวเล็ก“พี่เคนจะด่าว่าเค้กง่ายอีกนะสิที่ออกไปเที่ยวไปมั่วก็เลยอยากจะขัง ขีดเส้นให้เค้ก แบบนี้น่ะเหรอ” คัพเค้กตัดพ้อทันที สิ่งเดียวที่เขามองเธอก็มีแต่สายตาเหยียดหยาม แค่นั้นจริง ๆ“ใช่” และคำตอบที่หลุดจากปากเคนตะแบบไม่ต้องคิด ทำเอาคัพเค้กถึงกับหน้าชา จุกใน
เอี๊ยดดดด!รถสปอร์ตหรูจอดหน้าอาคารเรียน ดวงตาสีน้ำข้าวก้มมองเข็มนาฬิกาข้อมือ รอเวลาที่แฟนสาวเลิกเรียน เพื่อที่จะรับไปทานข้าวมื้อเย็นด้วยกันแต่แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นคนตัวเล็กก้าวเท้าลงบันได เดินตรงมายังที่จอดรถก่อนที่รอยยิ้มคมคายจะหุบลงทันทีที่เห็นสายตาแทะโลมพวกนั่น จนต้องเอื้อมมือไปเปิดประตูรถแล้วสาวเท้ายาว ๆ ไปหาอย่างรวดเร็ว"มองอะไรวะ!!" เสียงเกรี้ยวกราดตะคอกดังลั่นด้วยความไม่พอใจ กวาดสายตามองรอบ ๆ ใต้อาคาร"พี่เคน! หยุดก้าวร้าว" ทำเอาคัพเค้กกระตุกชายเสื้อตักเตือนทันควัน"ก็มันมองเค้กอ่ะ""แค่มองเอง ปกติป่ะ กลับเลยกลับไปที่รถเดี๋ยวนี้" มือบางคว้าแขนแฟนหนุ่มแล้วลากให้เดินออกจากจุดนั้นเคนตะถอนหายใจอย่างทำไรไม่ได้ สองขาก้าวตามแรงดึงจากคัพเค้ก แต่ไม่วายยังหันไปถลึงตาใส่หนุ่ม ๆ ที่มองแฟนสาวปึง!ทันทีที่ประตูรถถูกปิดสนิท ดวงตากลมโตหันมาจับจ้องหาเรื่องต้นเหตุให้เธออายเพื่อน ๆ ในคณะ"มองพี่แบบนี้ อย่าบอกนะว่าโกรธที่พี่แสดงความเป็นเจ้าของ""พี่ไปตะคอกอย่างงั้นได้ไง เค้กอายเพื่อน ๆ" เธอบอกตามสิ่งที่รู้สึก"อาย!?" ทว่าคนฟังกลับขมวดไม่เข้าใจ อายที่มีแฟนหรืออายที่เขาแสดงตัวตน แต่ไม่ว่าอันไห
ฟึ่บ!ฟึ่บ!"พี่เคน นอนไม่หลับเหรอคะ" คนตัวเล็กสะดุ้งตื่นในกลางดึก เมื่อเสียงรบกวนดังมาทางฝั่งเตียงคนไข้"พี่รบกวนเค้กรึเปล่า พอดีรู้สึกคอแห้งน่ะ" ร่างหนาลุกขึ้นนั่งแล้วบอกเสียงแหบแผ่ว"ทำไมไม่บอกคะ" ว่าแล้วเธอก็ตวัดขาลงจากที่นอนแล้วตรงดิ่งไปที่เตียงทันทีหมับ! ทว่าแทนที่เธอจะได้รินน้ำให้กลับโดนรวบตัวขึ้นไปยังเตียงนอน ร่างหนาขึ้นคร่อมอย่างเร็วไว กันไม่ให้คัพเค้กหนีไปได้"พี่เคน โกหกเค้กอีกแล้วนะ""เปล่านะ พี่คอแห้งจริง ๆ" เคนตะขยิบตาเป็นเลศนัยบางอย่าง"ก็ปล่อยเค้กสิคะ จะรินน้ำให้อยู่นี่ไง" มือบางผลักอกแกร่งให้ขยับจากตัว"พี่ไม่ได้อยากกินน้ำเปล่า""...!?""แต่พี่อยากกินน้ำจาก..." มือหนาเลื่อนต่ำลงเรื่อย ๆ "ตรงนี้!" ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกางเกงนอนตัวจิ๋ว"พี่เคน" คัพเค้กตาโตลุกว้าว เข้าใจสิ่งที่เคนตะต้องการทุกอย่าง"..." คราวนี้เคนตะไม่พูดอะไรให้เสียเวลาอีก เคลื่อนตัวเองลงต่ำ จนใบหน้าคมจดจ่อตรงเนินเนื้อที่มีกางเกงปกปิดไว้ลมหายใจโรยรินจนคนตัวเล็กสะดุ้งด้วยความหวาดหวั่น ทำเอาคัพเค้กพลอยหายใจยากลำบากไปด้วย"พี่เคน อย่าทำนะคะ ที่นี่มันโรงพยาบาลนะ" เสียงหวานเอ่ยห้ามไว้เพื่อจะยื้อไม่ให้เกินคว
ร่างใหญ่ทั้งสองเข้ามาในห้องด้วยความเงียบขรึม ปกติก็เงียบอยู่แล้วยิ่งเงียบเข้าไปอีก จากสีหน้า ท่าทาง คงไม่ใช่เรื่องดีนัก"พี่คริส คุณปู่เป็นยังไงบ้างคะ" คัพเค้กเป็นคนเอ่ยถามคนแรกพี่คนโตส่ายหน้าเศร้าหมอง "ไม่ค่อยดี""..." ทุกคนเงียบรอฟังประโยคถัดไป"สมองได้รับกระทบกระเทือน จนเส้นโลหิตแตก อาจจะทำให้ปู่เป็นอัมพาตตลอดไป"สิ้นคำพูดคริสเตียนทุกคนต่างหน้าสลด คนที่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้แก่ตระกูลกำลังอยู่ในช่วงอันตรายของชีวิต คนเป็นหลานต่างร้อนใจ ไม่คิดว่าเรื่องราวพวกนี้จะเกิดขึ้นกับครอบครัวพวกเขาอีก"เค้กจะหาคุณหมอเก่ง ๆ มารักษาให้คุณปู่กลับมาเป็นเหมือนเดิม""อืม ฉันจะช่วยอีกแรง ปู่พวกนายต้องหาย" ไมก้าเอ่ยปลอบบ้างทำให้คริสเตียนพยักหน้ารับกลับไป "แล้วนี่มึงเป็นไงบ้าง""ผมไม่เป็นไรง่าย ๆ หรอกน่า" เคนตะบอกพี่ชายคนโตด้วยท่าทีสบาย"หึ กูบอกแล้วให้ฝึกรับมือไว้บ้าง" เพราะไม่ว่าคริสเตียนจะเอ่ยเตือนกี่ครั้ง เคนตะก็ไม่เคยทำตาม บอกแค่ไม่ชอบงานที่ใช้ความรุนแรง ผลสุดท้ายของการไม่รู้วิธีรับมือก็เจ็บตัวอย่างที่เห็น"ผมยอมเพราะผู้หญิงของผมต่างหาก" เคนตะเถียงต่อ"รู้ แต่ถ้ามึงฝึกมือ ว่องไวกว่านี้ ก็อาจจะไม่โด
วันต่อมาคนตัวเล็กเฝ้าดูอาการร่างหนาที่นอนไม่ได้สติไม่ห่างจากเตียง ทั้งกังวลทั้งเป็นห่วง เพราะเวลานี้คัพเค้กรู้เรื่องทั้งหมดจากคริสเตียน สาเหตุที่เคนตะไม่ต้องการเข้าใกล้ หนีหน้า เป็นเพราะไม่อยากให้เธอเป็นอันตราย เมื่อรู้ความจริงหัวใจก็ชื่นขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่บอบช้ำเพราะเรื่องเข้าใจผิด“พี่เคน ฟื้นได้แล้ว” เธอลูบมือหนากระตุ้นให้อีกฝ่ายรับสัมผัสเพื่อจะช่วยให้เคนตะรู้ตัว“เค้กอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีพี่เคน...พี่เคนอย่าทิ้งเค้กนะ ต้องฟื้นมาอยู่กับเค้ก”คัพเค้กยังคงคราญครางไม่ห่าง สีหน้าเศร้าโศกอย่างเห็นได้ชัด ไม่ใช่แค่ร่างสูงที่นอนอยู่ตรงหน้า แต่ยังมีคางูยะปู่ของเธอที่อาการน่าเป็นห่วงก๊อก ๆ ก๊อก ๆเสียงเคาะประตูพอจะทำให้คนตัวเล็กหลุดจากภวังค์ เหลียวหน้าไปมองแขกใหม่ทันที“มันยังไม่ฟื้นอีกเหรอ” คริสเตียนเดินนำหน้าและเป็นคนเอ่ยถาม“...” ตามด้วยคูเปอร์ที่เข้าห้องมาเงียบขรึม เหลือบมองพี่ชายเพียงหางตา ไม่สามารถความรู้สึกให้ใครได้เห็น“ยังเลยค่ะ” คัพเค้กตอบเศร้า ๆ“อาการไม่น่าเป็นห่วงแล้ว น้องเค้กไม่ต้องกังวลนะ” รวงข้าวเข้ามาปลอบ ไม่ให้เธอคิดมาก เพราะก่อนหน้านี้ทั้งสามเข้ามาเจอกับหมอประจำไข้ของเ
โรงพยาบาลคนตัวเล็กเดินวนไปวนมาหน้าห้องฉุกเฉิน ภายในห้องคือเคนตะและคางูยะที่ไม่รู้จะเป็นตายร้ายดี"หยุดเดินได้แล้วเค้ก" คริสเตียนเอ่ยห้ามหลังจากนั่งมองน้องสาวหลายชั่วโมง"เค้กเป็นห่วง ไม่รู้ข้างในเป็นยังไงบ้าง""ถึงมือหมอแล้ว ทุกคนต้องปลอดภัย""เค้กก็ห่วงอยู่ดี" คนตัวเล็กยังคงเดินต่อคริสเตียนทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งมองต่อไป ก่อนที่โทรศัพท์จะมีเสียงเรียกเข้า"พี่ไปรับสายรวงข้าวก่อนนะ" เขาบอกน้องสาวแล้วก้าวเท้าออกจากจุดนั้นทันที"ข้าวไม่ต้องตามมา หมอออกจากห้องแล้วเดี๋ยวพี่โทรไปบอกนะ""พี่ไม่เป็นไร""คร้าบบบ""เฮ้ย! มาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ" จู่ ๆ คริสเตียนก็หันไปเห็นด้านหลังตัวเองที่มีไมก้าและคูเปอร์ยืนนิ่งอยู่สักพักแล้ว"ตั้งแต่มึงทำเสียงสอง" ไมก้าตอบทันควันต่างจากคูเปอร์ที่ยืนล้วงกระเป๋านิ่งเฉย"เวรเฮ้ย!" เขาหันไปสบถใส่ไมก้าแล้วยกโทรศัพท์ขึ้นมาคุยต่อ "เดี๋ยวพี่โทรกลับนะ""หึ" อดีตเพื่อนสนิทแสยะยิ้มออกมา ไม่เคยเห็นมุมนี้ของเพื่อนมาก่อน"เป็นไงวะ" ทว่าคริสเตียนเลิกสนใจเลือกที่จะถามเรื่องที่โกดังแทน"เรียบร้อย" ไมก้าเป็นคนตอบเหมือนเดิม"แน่ใจ" ทำให้คริสเตียนต้องถามย้ำกับคูเปอร์เพื่อความมั่นใจ
"อาเป็นคนฆ่าพ่อแม่ผมเหรอ!?""จุ๊ ๆ อย่าเพิ่งพูดความหลังกันเลยหลาน ทักทายน้องสาวสายเลือดเดียวกันก่อนสิ" ไรอันพยักหน้าไปฝั่งคัพเค้กที่ใบหน้าซีดเซียว มองหน้าแต่ละคนสลับกันหมับ! มือหนาคว้าปลายคางคัพเค้กบีบรั้งให้เชิดขึ้น"มองหน้าพี่ชายแท้ ๆ คุณหนูชัด ๆ สิจ้ะ""..." เคนตะพยายามลุกขึ้นไปหา ทว่าสภาพตอนนี้แทบดูไม่ได้ ทั้งเสียเลือด ทั้งบวมซ้ำ"อาทำแบบนี้ หมายความว่าไง ตลอดเวลาที่ผ่านมามันคือแผนของอาทั้งหมดเหรอ" คนที่เคยไว้ใจที่สุด กลับหักหลังไม่มีชิ้นดี"ถึงขนาดนี้ยังต้องถามอีกเหรอวะ" คริสเตียนเหลือบไปมองไมก้า เอ๋ยเสริมอย่างรำคาญ"ในเมื่อพ่อแม่พวกมึงไม่เคยเห็นหัวกู แล้วทำไมกูจะทำไม่ได้วะ""เหตุผลแค่นี้!?" คริสเตียนตะคอกถาม"ลองถามปู่มึงสิ ว่ายังมีเหตุผลอื่นอีกไหม""...""บอกหลานสิวะ ความเหี้ยของมึง บอกให้ทุกคนรับรู้ว่าที่คนอื่นเดือดร้อนเป็นเพราะมึง!!""มันเป็นเพราะสันดานมึงเอง...ไรอัน" เคนตะลุกขึ้นยืนแล้วข่มเสียงใส่ แววตาจับจ้องไปยังคนตัวเล็กไม่คลาดสายตา"งั้นกูจะแสดงสันดานที่แท้จริงให้เห็น เริ่มจากเมียมึงก่อนแล้วกัน"คำพูดของไรอันทำเอาไมก้าหันขวับไปมองเคนตะ ต่างกับคางูยะที่นิ่งเฉยเพราะรู้ก่อ
น้ำข้นสีแดงไหลรินอาบแผงอก แต่ทว่าผู้ชายอกสามศอกอย่างเคนตะยังคงนิ่งไม่แสดงอาการบาดเจ็บให้ได้เห็น“เลือด!” คนตัวเล็กถอดสีหน้า มือไม้ชา ปากสั่น ทำไมทุกอย่างเริ่มจะเลวร้ายแบบนี้“กูใส่เสื้อกันกระสุน ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะสาวน้อย” จู่ ๆ ชายสวมหน้ากากเอ่ยขึ้นอย่างมั่นหน้า“ฉันไม่ได้หมายถึงแก ไอ้แก่!!” ความเกรี้ยวกราดของคัพเค้กแสดงออกมาให้เห็นเพี๊ยะ! ส่งผลให้ฝ่ามือหนาฟาดใส่แก้มนวลเต็มแรงทำเอาร่างสูงรีบถลาตัวเข้าไปช่วย แต่ไม่สามารถเข้าถึงตัวคัพเค้กได้ “ปล่อยผู้หญิง แล้วมึงอยากทำอะไรกับกูก็เชิญ”“จะบ้าเหรอพี่เคน พูดงี้มีแต่ตายกับตาย” คัพเค้กเอามือลูบขอบปากที่บวมปูดขึ้นทันตา ตะคอกใส่ผู้ชายที่เธอทั้งรักทั้งหวง“หึ ถึงมันไม่พูดผัวมึงก็ตายอยู่ดี”“ฉันไม่มีผัว” ถึงแม้จะอยู่ในสถานการณ์คับขัน ทว่าคนตัวเล็กยังคงขุ่นเคืองเรื่องก่อนหน้านี้ไม่หาย รักมากแค่ไหนก็ต้องห้ามใจ “เขาเป็นพี่ชายฉัน!”“กูอยากจะหัวเราะดัง ๆ ว่าไหมพ่อเลี้ยง”“ก็หัวเราะออกมาสิ ใครเอามือไปอุดปากแกเล่า ประสาท”หมับ! “อีนี่ กูจะให้มึงแดกกระสุนก่อนพี่ ๆ มึง เอาไหมห๊ะ”คัพเค้กกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก รู้สึกภัยจะมาเพราะปากตัวเอง เมื่อมือหน
เมื่อสองขาย่างเข้ามาในโกดัง สิ่งแรกที่ปรากฏตรงหน้าคือชายวัยกลางคนที่คุ้นหน้าเป็นอย่างดี“น้องกูอยู่ที่ไหน!!”“หึ แค่น้องเองเหรอวะ” พ่อเลี้ยงธนินสวนกลับทันที สมเพชพวกถือดีตัวเองเป็นใหญ่ แต่สุดท้ายก็กินน้องตัวเอง ไม่ต่างอะไรกับพี่ชายขนาดเชลยก็ยังยกย่องเป็นเมีย“...” แววตาสีน้ำข้าวกวาดมองไปรอบ ๆ บริเวณนี้มีแค่พ่อเลี้ยงธนินและลูกน้อง ไร้ซึ่งคนที่อยู่เบื้องหลัง“ใจเย็นสิวะ กว่ากูจะเดินมาถึงจุดนี้ไม่ง่ายเลยนะ จะรีบจบเกมไปถึงไหน” แค่เห็นสายตาก็รู้แล้วว่าเคนตะกำลังมองหาอะไร เขาจึงเอ่ยดักไว้“ปล่อยน้องกู แล้วเรื่องของเรากูจะให้มึงสะสางได้เต็มที่” เคนตะกดเสียงต่ำ ข่มอารมณ์ไม่ให้ระเบิดตอนนี้ ไม่งั้นทุกอย่างคงจบแหง่แน่“เรียกพี่ชายมึงมาก่อนสิ เดี๋ยวกูปล่อย” ทว่าพ่อเลี้ยงธนินไม่เคลิ้มตาม บอกสิ่งที่ต้องการ“...” มาเฟียหนุ่มรู้ดีว่านี้คือแผน และเขาจำเป็นต้องเล่นตามแผน“จะให้ดีหน่อย ก็เรียกท่านคางูยะเฒ่าแก่ที่ใกล้ตายมาสะสางความหลังกัน ขาดไปสักคนงานนี้ไม่สนุกนะ”“จะให้ปู่กูออกมา มึงก็ควรเรียกหมาขี้ขลาดออกมาด้วย” เสียงเข้มตอกกลับไปเช่นกัน อยากจะเห็นหน้าเต็มทีแล้วว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคือใครพ่อเลี้ยงธน
“อะไรนะ!!” ไมก้าตะคอกอย่างตกใจ ความลับที่เก็บมาเกือบยี่สิบปีถูกเปิดเผยในวันที่น้องสาวเขาโดนจับตัวไป “น้องสาวฉันโดนจับตัวไปงั้นเหรอ”“อืม ไอ้เคนบอกอย่างนั้น” คริสเตียนพยักหน้ายืนยัน“มันดูน้องสาวกูยังไง ถึงได้ประมาท ถ้าน้องสาวกูเป็นไรไป กูไม่เอาพวกมึงไว้แน่” เขาลุกขึ้นชี้หน้าด้วยความโมโห“ที่มึงพูดถึงก็น้องสาวกูเหมือนกัน” ตามด้วยคริสเตียนที่ส่ายหน้าเหนื่อยหน่ายกับคนหัวร้อน แต่เขาเองก็ร้อนใจไม่ต่างกัน "แล้วมึงจะไปไหน""ตามหาน้องสิวะ" ก่อนจะล้วงกระเป๋าหยิบโทรศัพท์กดหาใครบางคน"ทำไร!?""ทำไมกูต้องบอกมึงทุกเรื่อง""แต่มึงจำเป็นต้องบอก""หึ ถึงพวกมึงจะเลี้ยงน้องกูมา แต่ก็ไม่สามารถชดเชยชีวิตพ่อแม่กูได้""แล้วชีวิตพ่อแม่กูล่ะ" คริสเตียนถามอย่างข่มอารมณ์ อุตส่าห์ไม่คิดถึงอดีต แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้น"กรรมตามสนองมั้ง!!" ไมก้าเค้นเสียงพร้อมรอยยิ้ม เขาเชื่อและปักใจกับสิ่งที่เห็นหมับ!"ไอ้ไมค์!!" คราวนี้มือหนาของคริสเตียนกระชากคอเสื้อฝั่งตรงข้ามทันที"หยุดทะเลาะก่อนเถอะครับ ชีวิตคุณหนูสำคัญกว่าจะมาต่อว่าเรื่องอดีตที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครคือฆาตกร" อดัมเข้าห้ามเมื่อเห็นท่าไม่ดี นอกจากจะเสียเวลาแล้วจ