นอนหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ฉันต้องสะดุ้งตื่นเพราะมีคนมาสะกิด ฉันค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองเห็นว่าเป็นพี่เอ็ม และในตอนนี้พนักงานคนอื่นๆ ก็มานั่งประจำที่ที่โต๊ะทำงานกันหมดแล้ว
“อะ อลิชขอโทษค่ะ” ฉันรีบก้มหน้าขอโทษพี่เอ็มเพราะรู้สึกผิดที่ตัวเองนอนหลับ ไม่ได้ตั้งใจทำงาน “พี่ไม่ได้ว่าอะไร ลางานครึ่งวันไหมตอนนี้หน้าอลิชซีดมากเลยนะ” “ไม่เป็นไรค่ะอลิชไหว” “ตอนเที่ยงอ้วกขนาดนั้นจะไหวได้ยังไง กลับบ้านก่อนพี่อนุญาตให้ลาหยุดพรุ่งนี้ด้วย” “แต่อลิช…” “อย่าฝืนร่างกายตัวเองสิอลิช พี่เป็นห่วง” สายตาของพี่เอ็มที่มองอยู่มันทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นเอามากๆ “ขอบคุณค่ะ ถ้าอลิชหายดีแล้วจะรีบกลับมาทำงานนะคะ ^_^” “รีบๆ หายล่ะ ไม่เจอหน้าอลิชพี่คงเหงาแย่” “พี่เอ็มก็ชอบพูดเล่นอยู่เรื่อยเลยนะคะ” “พี่พูดจริงๆ นะครับ” ฉันนิ่งไปเมื่อได้เห็นสีหน้าที่จริงจังของพี่เอ็ม จู่ๆ มันก็รู้สึกมือไม้สั่นทำอะไรไม่ถูก “งะ งั้นอลิชกลับบ้านก่อนนะคะ” “เดี๋ยวพี่เดินไปส่งที่รถ” “มะ ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันหยิบกระเป๋าสะพายของตัวเองขึ้นมาแล้วรีบก้มหน้าก้มตาเดินออกมาจากบริษัท มันรู้สึกเขินพี่เอ็มเอามากๆ จนทำตัวไม่ถูก#บ้าน
วันนี้พ่อออกไปธุระข้างนอกกว่าจะกลับก็คงจะเย็นๆ ส่วนฉันพอมาถึงที่บ้านก็นอนหลับไปเลย มันเพลียแล้วก็รู้สึกขี้เกียจเอามากๆรู้สึกตัวขึ้นมาอีกทีช่วงเย็นๆ ฉันตื่นขึ้นมาพร้อมกับความหิว จึงลุกขึ้นจากเตียงเดินไปหาอะไรกินที่ครัว
แต่!! พอเปิดตู้กับข้าวออกเท่านั้นแหละ พวกกลิ่นอาหารมันตีเข้าจมูก ทำให้ฉันต้องยกมือขึ้นมาปิดปากพร้อมกับอาการคลื่นไส้จากนั้นจึงรีบวิ่งไปอ้วกที่ระเบียง เพราะคิดว่าถ้าให้วิ่งไปห้องน้ำคงไม่ทันแน่ๆ ฉันป่วยเป็นโรคร้ายอะไรหรือเปล่า ทำไมท้องมันรู้สึกหิวแต่กินอะไรไม่ได้เลย แค่ได้กลิ่นก็เวียนหัวจะอ้วก“ลุงปลูกจะไปไหนหรอคะ” ฉันกำลังเดินลงจากบ้านเพื่อมาสูดอากาศบริสุทธิ์ เห็นลุงปลูกคนงานเก่าแก่ของบ้านเดินผ่านพอดี
“พ่อกำนันให้ลุงไปยกทุเรียนในสวนน่ะครับคุณหนู” ลุงปลูกจะเรียกฉันว่าคุณหนูตั้งแต่ฉันเด็กๆ ที่บ้านฉันมีสวนผลไม้ด้วยคนงานทุกคนก็จะเรียกฉันว่าคุณหนูตามลุงปลูกกันหมด พอฉันได้ยินคำว่าทุเรียนมันก็รู้สึกอยากกินเอามากๆ “อลิชอยากกินทุเรียนจังเลยค่ะ ลุงปลูกแกะให้อลิชหน่อยได้ไหมคะ” พอฉันพูดแบบนั้นลุงปลูกก็ขมวดคิ้วมองฉันแบบแปลกใจทันที “คุณหนูจะกินทุเรียนหรอครับ” มันก็ไม่แปลกที่ฉันจะถูกถามแบบนี้ เพราะตั้งแต่เด็กจนโตผลไม้ที่ฉันไม่ชอบที่สุดก็คือทุเรียน ฉันไม่ชอบกลิ่นและไม่เคยเดินเข้าไปใกล้ๆ ลูกทุเรียนเลยด้วยซ้ำ หากเห็นว่าตรงหน้ามีทุเรียนวางอยู่ฉันก็จะเดินเลี่ยง “ค่ะ อลิชรู้สึกอยากกินมากๆ ลุงปลูกเอามาให้อลิชบนบ้านด้วยนะคะ ตอนนี้เลยนะคะ” “ค…ครับคุณหนู เดี๋ยวลุงจะรีบเอามาให้ตอนนี้เลย” ฉันฉีกยิ้มหวานให้ลุงปลูกจากนั้นก็ขึ้นบ้านมาดูทีวีรอ ไม่นานเท่าไหร่ลุงปลูกก็เอาทุเรียนมาให้ ฉันหยิบจานขึ้นมาดมกลิ่นมันหอมมาก หอมแบบที่ฉันไม่เคยรู้สึกว่าทุเรียนหอมขนาดนี้มาก่อน เมื่อดมกลิ่นจนพอใจแล้วฉันก็วางจานลงแล้วหยิบขึ้นมากิน เป็นจังหวะเดียวกับที่พ่อเดินเข้ามาในบ้านพอดี พอหยุดเดินแล้วมองฉันเหมือนตกใจที่เห็นว่าฉันกำลังนั่งกินทุเรียนอยู่ “กินไหมคะพ่อ ^_^” พอฉันถามก็เหมือนว่าพ่อได้สติเดินมานั่งลงข้างๆ กับฉัน “ลูกไม่ชอบกินทุเรียนไม่ใช่หรือไง” “อลิชอยากลองกินดูค่ะ มันก็อร่อยดี ไม่สิอร่อยมากๆ เลยต่างหาก ^_^” คำตอบของฉันเหมือนยิ่งทำให้พ่ออึ้งมากกว่าเดิมอีก “เดี๋ยวพ่อไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน วันนี้ลูกอยากกินอะไรพ่อจะได้ทำให้” “อลิชอยากกินแกงฟักทองค่ะ” “ลูกไม่ชอบกินแกงฟักทองไม่ใช่หรือไง” นั่นสิ! ฉันไม่ชอบกินแกงฟักทองแล้วทำไมถึงรู้สึกอยากกินแบบนี้นะ วันนี้อยากกินแต่ของที่ตัวเองไม่ชอบทั้งนั้นเลย “เดี๋ยวพ่อจะทำให้กินก็แล้วกัน” พ่อเห็นว่าฉันเงียบจึงไม่ได้ถามอะไรต่อ พูดจบก็เดินแยกตัวขึ้นห้องไปพอถึงมื้ออาหารเย็นจากที่ฉันเหม็นอาหารแน่พอวันนี้เห็นแกงฟักทองฉันก็กินข้าวหมดไปตั้งสามจานแหนะ ปกติฉันไม่ใช่คนกินข้าวเยอะ ครั้งนี้ฉันกินเยอะจนพ่อตกใจ อย่าว่าแต่พ่อตกใจเลยฉันก็ตกใจตัวเองเหมือนกันที่กินเยอะขนาดนี้น่ะ
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป ฉันไปทำงานแบบไปวันหยุดสองวันเลยก็ว่าได้ เพราะมันเพลียตอนเที่ยงจะกินอะไรก็ไม่ได้อ้วกออกมาหมด ที่ผ่านมาฉันต้องอ้อนให้พ่อทำแกงฟักทองให้กินทุกวันถึงจะกินข้าวได้ อาหารอย่างอื่นแทบแตะไม่ได้เลย โชคดีที่พี่เอ็มเข้าใจ ฉันหยุดงานบ่อยก็ไม่ถูกบ่นแถมพี่เอ็มยังอาสาจะพาฉันไปหาหมออีกต่างหาก แต่ฉันก็ปฏิเสธไปแล้ว เดี๋ยวก็คงหายฉันคิดแบบนั้น แต่เปล่าเลยยิ่งเวลาผ่านไปร่างกายของฉันมันก็เริ่มรู้สึกไม่ปกติ ฉันเพลียและง่วงนอนแทบจะตลอดเวลา วันนี้ฉันพักอยู่บ้านเพราะอ้วกแทบทั้งคืนไม่ได้นอนและไปทำงานไม่ไหว ส่วนพ่อก็ออกไปธุระข้างนอกเหมือนเคย ปกติพ่อไม่เคยอยู่บ้านหรอก ทำงานทุก ว่างๆ ไม่มีอะไรทำฉันก็เลยโทรไปเล่นกับแพร ( ว่าไงแก คิดถึงฉันล่ะสิ ) แพรถามฉัน ( ใช่นะสิ เหงามากเลย ) ( แล้วนี่แกไม่ไปทำงานหรือไงถึงโทรมาได้ ) ( ไม่ได้ไป ช่วงนี้ฉันขาดงานบ่อยมาก ) ( ทำไมล่ะ แกป่วยหรอ ) ( ก็ประมาณนั้น ช่วงนี้ฉันกินอะไรไม่ค่อยได้ กินก็อ้วกออกมาหมด เหม็นอาหาร แต่แปลกฉันไม่ชอบกินทุเรียน ไม่ชอบกินแกงฟังทอง แต่ตอนนี้ทุเรียนกับแกงฟักทองกลายเป็นของโปรดฉันไปแล้ว ) ( แล้วนี่แกไปหาหมอหรือยังอลิช ) ( ยังเลยแก ) ( รีบๆ ไปหาเลยนะ เป็นอะไรจะได้รีบรักษา ) ( ฉันว่าจะไปพรุ่งนี้ ) ( นี่ถ้าแกมีแฟนฉันคงคิดว่าแกท้องไปแล้วนะเนี่ย ) คำพูดของแพรทำให้ฉันสะตั้นไปชั่วขณะ ทะ ท้องอย่างนั้นหรอ เหตุการณ์ในวันนั้นเริ่มผุดเข้ามาในหัวของฉัน และฉันก็จำไม่ได้ว่าคุณคานส์เขาได้ป้องกันหรือเปล่า ถ้าจะให้ถามเขาก็คงจะไม่ได้อีก ( คะ คนท้องอาการแบบนี้หรือไง ) ฉันถามแพร ( ฉันดูในละครก็เป็นแบบแกเลยนะ คลื่นไส้เหม็นอาหาร ประจำเดือนไม่มา แต่ดีหน่อยที่แกยังโสดและซิงสบายใจได้ แกไม่ท้องหรอก ) ประจำเดือนไม่มาอย่างนั้นหรอ… ( แค่นี้ก่อนนะแพร ) ฉันกดวางสายแล้วรีบไปเปิดดูผ้าอนามัยในลิ้นชัก และก็ต้องตกใจเมื่อผ้าอนามัยไม่มีรอยแกะเลย นั่นหมายความว่าฉันไม่เป็นประจำเดือนเดือนที่แล้ว และเดือนนี้ก็ยังไม่มา ตึกตัก! ตึกตัก! หัวใจดวงน้อยของฉันมันกำลังเต้นแรงเอามากๆ ฉันกดโทรศัพท์พิมพ์เข้าดูเกิ้ลว่าอาการของคนท้องเป็นอย่างไรด้วยมือที่สั่นเทา และพอได้อ่านกระทู้หลายๆ กระทู้ฉันก็เริ่มคิดไม่ตก มีกระทู้หนึ่งแนะนำให้ไปตรวจที่โรงพยาบาล หรือ ซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจเอง ฉันกดปิดจอโทรศัพท์แล้วหยิบกุญแจรถขับออกมาจากบ้านทันที ฉันไม่ลังเลที่จะหาซื้อที่ตรวจครรภ์มาลองตรวจดู เพราะไม่อยากอยู่แบบค้างคาใจ แต่ต้องเลือกร้านที่อยู่ไกลบ้านพอสมควรเพราะพ่อเป็นกำนันคนหลายตำบลรู้จัก หากฉันซื้อที่ตรวจครรภ์ใกล้ๆ บ้านเรื่องนี้อาจจะถึงหูพ่อหลังจากหาซื้อที่ตรวจได้แล้วฉันก็รีบขับรถกลับมาที่บ้าน รีบเข้ามาในห้องนั่งลงที่เตียงอ่านรายละเอียดที่กล่อง
ฉันซื้อที่ตรวจมาสามกล่องนะ เพราะกลัวว่าผลตรวจจะผิดเพี้ยน เมื่ออ่านคำแนะนำที่กล่องเข้าใจแล้วก็เข้าห้องน้ำไปจัดการฉี่ใส่ถาดรองเล็กๆ ที่แถมมาให้กับกล่อง เสร็จแล้วก็เอาที่ตรวจครรภ์จุ่มลง ฉันถือที่ตรวจทั้งสามอันออกมาจากห้องน้ำ กลับมานั่งที่เตียงเหมือนเดิม จากนั้นก็ค่อยๆ ยกที่ตรวจทั้งสามอันขึ้นมามองว่าขึ้นกี่ขีด “สะ สองขีดงั้นหรอ” ฉันขมวดคิ้วเป็นปมเมื่อเห็นที่ตรวจในมือทั้งสามอันขึ้นสองขีดทั้งหมด ก่อนจะหยิบกล่องขึ้นมาอีกครั้งแล้วดูให้แน่ใจว่าขึ้นสองขีดแปลว่าอะไร และฉันก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อขึ้นสองขีดแบบนี้แปลว่า “ฉะ ฉันท้อง…”แน่นอนว่าสายตาของคุณคานส์ในตอนนี้ไม่ได้เชื่อฉัน เขากำลังมองด้วยความสงสัยแววตาจับจ้องมาที่กระเป๋าในมือของฉันอย่างไม่ละสายตา“ส่งกระเป๋ามา” “อะ เอาไปทำไมคะ อลิชลอกว่าไม่มีอะไรไง” “ไม่มีอะไรก็เอามา” ฉันกำชับกระเป๋าแน่นเมื่อคุณคานส์เดินมาใกล้ๆ หมับ!! ด้วยความที่เขาเป็นผู้ชายจึงดึงกระเป๋าออกไปจากมือของฉันได้อย่างง่ายดาย หัวใจดวงน้อยมันกระตุกวูบเมื่อเห็นคุณคานส์กำลังสำรวจกระเป๋า ฉันได้แต่ยืนแน่นิ่งเพราะรู้ตัวว่าไม่มีทางรอดแล้ว จบกันความลับสามปีที่ฉันปกปิดมา ตอนนี้ทุกอย่างกำลังจะถูกเปิดเผย “นี่อะไร ?” คุณคานส์หยิบแผงยาคุมชูขึ้นมาตรงหน้าของฉัน เขาเอ่ยถามเสียงเย็น “……” ฉันเม้มปากแน่นเพราะหลักฐานมัดตัว จะอธิบายเหตุผลแต่ดูท่าตอนนี้คุณคานส์คงไม่รับฟังอะไรทั้งนั้น “คงไม่ตอบว่าวิตามินนะ” พอเห็นว่าฉันเงียบเขาก็พูดขึ้นมาดักคอไว้ ใครกันจะไปตอบว่าวิตามิน บ้าหรือเปล่า “อะ อลิชอธิบายได้นะคะ”“กินมานานเท่าไหร่แล้ว ?” ตอนนี้สามีที่แสนดีของฉันกำลังเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงและสายตาที่อำมหิต “สะ สามปี….”“เธอหลอกให้ฉันมีความหวังมาตลอดสามปี หึ!!” คุณคานส์กำแผงยาคุมในมือแน่น จากนั้นเขาก็เหวี่ยงมันทิ้งลงพื้นด
3 ปีผ่านไป ตอนนี้ฉันกับคุณคานส์แต่งงานกันแล้วเราคือสามีภรรยากันอย่างสมบูรณ์แบบ ส่วนลูคัสก็วันกำลังซน ตอนนี้เข้าเรียนอนุบาลหนึ่งแล้ว แถมยังมาเล่าฉันอีกว่ากำลังแอบชอบผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ห้องเรียนเดียวกัน ลูกฉันนี่คงจะแพรวพราวตั้งแต่เด็กแน่ๆ ตั้งแต่ลูคัสเด็กๆ คุณคานส์ก็ช่วยฉันเลี้ยงลูกอย่างเต็มที่ เขาไม่เข้าบริษัทเป็นเวลาสองปีเพื่อเลี้ยงลูกช่วยฉัน พอลูคัสเกือบจะสามขวบเขาเข้าไปที่บริษัทเหมือนเดิม ไม่ได้เอางานมาทำที่บ้านแล้วลูคัสยิ่งโตหน้าก็ยิ่งเหมือนคุณคานส์ ทั้งคนที่เจอและครูที่โรงเรียนก็ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าลูกชายของฉันหล่อตั้งแต่เด็ก เป็นเด็กที่มีใบหน้าหล่อเหมือนเทพบุตร ช่วงนี้งานที่บริษัทของคุณคานส์ค่อนข้างจะยุ่งๆ พรุ่งนี้ครบรอบแต่งงานครบสองปีของเราไม่รู้ว่าจะจำได้หรือเปล่า พรุ่งนี้พ่อของฉันจะมารับลูคัสไปอยู่ด้วยไม่รู้จะมารับเองหรือให้อลันมารับเพราะพรุ่งนี้อลันก็จะกลับไปที่บ้านเหมือนกัน เพราะเป็นวันหยุดยาวของลูคัสฉันเองก็ไม่ขัดอะไรเพราะอยากให้ลูกคุ้นชินกับตาของเขา วันนี้ฉันพาลูคัสมาฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาล ส่วนคุณคานส์เขาอยู่ที่บริษัทงานยุ่งไม่ว่างมาด้วย “ไม่ร้องนะครับ” ฉันอุ้
ฉันรีบเดินหลับเข้ามาในครัวเหตุผลก็เพราะว่าไม่อยากให้มีปัญหา เพราะรู้ว่าคุณคานส์เป็นคนขี้หึงและเขาก็ไม่ค่อยจะมีเหตุผล ถึงแม้ฉันกับไวน์จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกันเลยก็ตาม ฉันนั่งกินข้าวเงียบๆ ในห้องครัว รอเวลาให้เพื่อนของคุณคานส์กลับไปก่อนจึงจะออกไปด้านนอก “ขอน้ำกินหน่อยครับ ^_^” เป็นไวน์ที่เดินเข้ามาในครัว เขาเอ่ยขอน้ำกับฉันพร้อมกับใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม การได้เจอไวน์ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหนมันก็ไม่ได้ทำให้ฉันหวั่นไหวได้หรอก ทุกๆ ครั้งจะมีแต่ความกลัว กลัวว่าคุณคานส์จะมาเจอเข้า แล้วนี่เป็นที่บ้านด้วย “ในตู้เย็นน่ะ เดี๋ยวหยิบให้นะ” “ขนาดคลอดลูกแล้วพี่อลิชก็ยังสวยไม่เปลี่ยนเลยนะครับ” ไวน์ก็ยังคงชอบพูดทะเล้นเหมือนเดิม “หยุดพูดหยอดได้แล้ว เดี๋ยวก็เจอดีหรอก” ฉันดุเขาเบาๆ ไม่รู้ว่าคุณคานส์ได้สังเกตหรือเปล่าที่ไวท์มาในครัวแบบนี้ “ผมอ่ะไม่คิดอะไรแล้วนะ แต่เฮียนี่สิคงจะฝังใจ” ไวท์พูดพร้อมกับรับน้ำไปจากฉัน เป็นจังหวะเดียวกันที่คุณคานส์เดินมาในครัวพอดี ทำเอาฉันตกใจจนทำตัวไม่ถูก รีบถอยห่างจากไวท์ทันที “ลูกร้องหิวนม” คุณคานส์บอกสั้นๆ แล้วจ้องฉันเขม็ง “โธ่เฮีย! ผมมีเมียแล้วนะ ไม่ต้องหึงขนาดนั้น
คุณคานส์โน้มตัวลงมาใช้ลิ้นตวัดเบียบนหน้าท้องที่แบนราบของฉัน “แก้มัดให้อลิชได้แล้วค่ะ อ๊า~” ฉันครางออกมาพร้อมกับค่อยๆ กัดริมฝีปากแน่นเมื่อคุณคานส์กระแทกเอวสอบอีกครั้ง “ขออีกน้ำนะครับที่รัก” เขาพูดเสียงหวานจากนั้นก็หยัดตัวขึ้น ไม่ยอมแก้มัดให้ฉัน ปัก ปัก ปัก~ เสียงของเนื้อที่มันกระทบกันเริ่มดังขึ้นมาอีกครั้ง “ค..คุณคานส์ อ๊ะ~ อลิชอยากกอด กะ แก้มัดให้หน่อยได้ไหมคะ อ๊าง~” ฉันพูดอย่างเอาอกเอาใจในขณะที่ร่างกำลังกระเพื่อมสั่นไหวอยู่ ครั้งนี้คุณคานส์ยอมเห็นใจ เขาแก้มัดให้ฉันแต่โดยดี อีกทั้งเอวสอบกระเร่งอัดกระแทกไม่หยุด ปัก ปัก ปัก ~ เมื่อแก้มัดเสร็จแล้วคุณคานส์ก็จับสะโพกของฉันแน่น เขาเร่งจังหวะให้ป่าเถื่อนขึ้น “อึก~ อ๊า อ๊าง~” ฉันครางเสียงดังไปพร้อมกับกับเสียงบองกระดิ่งที่คอ จากนั้นก็ลุกขึ้นนั่งแล้วโผล่กอดคุณคานส์แน่น “พะ พอก่อนได้ไหมคะ อ๊า~ อลิชอยากไปล้างก่อน” ฉันบอกอย่างเขินอาย ตอนนี้น้ำกามของคุณคานส์มันเปื้อนเหนอะหนะไปหมดเลย “ไว้ค่อยไปล้างทีเดียวก็ได้ ซี๊ด~” คุณคานส์โอบกอดฉันไว้แน่น จากนั้นเขาก็กระแทกรุนแรงจนก้นฉันมันลอยขึ้นจากโต๊ะทำงาน “อ๊า~ บะ เบาๆ ได้ไหม อื้อซี๊ด~” ฉันไม่ปฏิเสธ
ใบหน้าคมคายก้มลงมาตวัดลิ้นหยอกล้อเล่นกับยอดปทุมถัน ทำเอาฉันสะดุ้งโหย่งด้วยความเสียวซ่านรีบคว้ามือกอดต้นคอแกร่งของคุณคานส์เอาไว้แน่น ความเย็นเฉียบของปรายลิ้นมันทำให้ขนทั้งตัวลุกซู่ “อ๊า~” ฉันกัดริมฝีปากแน่นมองการกระทำของคุณคานส์ด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าว “ดะ ดูดเบาๆ หน่อยสิคะ”ถึงกับต้องร้องท้วงเมื่อถูกอุ้งปากร้อนๆ ตะโบมดูดดุนยอดปทุมถันอย่างหิวโหย การดูดเม้มมันทำให้ฉันรู้สึกเจ็บเอามากๆ “เธอน่าจะชอบนะ ครางไม่หยุดเลย” คุณคานส์เงยหน้าขึ้นมาพูด ทำเอาฉันต้องรีบเบือนหน้าหนีเพราะความเขินอาย ฝ่ามือใหญ่บีบเคล้นหน้าอกทั้งสองเต้าของฉันจนเกิดรอยแดงเถือก คุณคานส์ยังไม่พอใจเขาก้มลงมาดูดเลียเม็ดไตบนเนินหน้าอกอีกครั้ง “อ๊า อลิช บะ บอกให้ อ๊ะ บะ เบาๆ ไงคะ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่แทบจะฟังไม่รู้เรื่อง หมับ! พรึบ! ฝ่ามือใหญ่ช้อนตัวฉันขึ้นมาวางบนโต๊ะทำงาน ไม่รู้ว่าคุณคานส์ปัดของบนโต๊ะลงไปกองที่พื้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนนี้โต๊ะทำงานของเขาไม่มีเอกสารอยู่เลย ชุดคลุมของฉันถูกดึงออกไปในพ้นตัว คุณคานส์กรีดกรายนิ้วของตัวเองไต่มาตามเรียวขาอ่อนของฉันด้วยสายตาที่หวานเยิ้ม “เดี๋ยวลูกตื่นก่อนนะคะ ถ้าไม่รีบทำ” ฉันพูดเตือ
กว่าฉันจะเกลี่ยกล่อมคุณคานส์ให้ใจเย็นๆ ได้ใช้เวลานานนับชั่วโมงเลย เขามุ่งมั่นคิดแต่เรื่องพันนั้นอย่างเดียว มันน่าตีจริงๆ ตอนนี้ฉันอุ้มลูกลงมาเลี้ยงที่ชั้นล่าง คุณคานส์จัดเตรียมที่ไว้สำหรับลูคัสแล้วเรียบร้อย ลูกน้องของคุณคานส์ก็น่ารักนะคอยมาหยอกเล่นกับลูคัสไม่ขาดสายเลย พี่เจกับพี่โจ้สองคนนี้เอ็นดูลูคัสสุดๆ แถมยังเรียกลูคัสว่านายน้อย น่าเอ็นดูเชียวล่ะ “อุแง ~” ลูคัสร้องออกมาเสียงดังลั่น ฉันที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่จึงรีบวิ่งมาดูลูกทั้งที่เพิ่งกินข้าวไปได้แค่สามคำ “โอ้ๆ แม่อยู่นี่ครับแม่อยู่นี่ หิวนมหรอครับ” ฉันเอาลูกเข้าเต้าแต่ทว่าลูคัสส่ายหน้าไปมาไม่ยอมกินนม “ลูกเป็นอะไร” คุณคานส์ได้ยินเสียงร้องของลูคัสจึงเดินมาดู เขานั่งทำงานที่ห้องอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้เท่าไหร่ “ไม่รู้เหมือนกันค่ะเอาแต่ร้อง ให้กินนมก็ไม่ยอมกิน” ฉันมองลูกชายตัวน้อยในอ้อมแขนอย่างเป็นห่วง เอาแต่ร้องไห้แบบนี้ใจแม่ไม่ดีเลยนะลูคัส “มาเดี๋ยวฉันลองอุ้ม” “คุณคานส์ทำงานอยู่ไม่ใช่หรอคะ”“ลูกสำคัญกว่างานนะ” “อลิชล่ะคะสำคัญกว่าหรือเปล่า”“เธอยังเห็นว่าฉันเป็นผัวอยู่หรือเปล่าล่ะ” คุณคานส์ยังคงนอยที่ฉันไม่ยอมให้เขาทำเรื่องอย่าง