Share

บทที่ 17

Author: Me.Daisy
last update Last Updated: 2025-01-16 18:57:57

              "นี่ก็ผ่านไปสามวันแล้วนะ  แต่เรายังหามนไม่เจอเลย"  ปุยฝ้ายบ่นอย่างเซ็งๆ  เธอโยนก้อนหินลงไปในสระน้ำแก้เบื่อ

              ตอนนี้พวกเธออยู่ที่สวนดอกไม้ของส่วนกลาง  ที่ลับของพวกเธอสามคน  ดอกไม้กลับมาบานสดใสเหมือนเดิม  สีขาว สีแดง  และสีเหลืองตัดกันสุดลูกหูลูกตา

              "ชูครีมว่าคงมีใครช่วยเธอไว้ค่ะ"  ชูครีมตอบ  นั่งยืดขาจนสุดบนพื้นหญ้าแสนนิ่ม  "พวกเราไปทิศตะวันออกกันเลยไหมคะ  ไม่แน่ว่าอาจเจอคุณมนที่นั่น"

              "แต่ว่า"  ปุยฝ้ายคัดค้าน  สีหน้าเป็นกังวล

              "การเอาใจคุณมนที่ดีที่สุด  ก็คือการเข้าใกล้ทางออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุดนะคะ"  ชูครีมให้ความเห็น  "ชูครีมเชื่อว่าคุณมนต้องเข้าใจคุณปุยฝ้ายแน่ๆค่ะ"

              "แล้วคราวนี้เราจะสืบยังไงดีล่ะ"  ปุยฝ้ายถาม  สมองเค้นคิดทางออกอย่างหนัก 

              ชูครีมเองก็คิดทางออกอย่างวกวน  ไม่มีคำตอบหลุดออกจากปากเธอ

              "เราไปถามหัวหน้านักเรียนตรงๆเลยดีไหม"  ปุยฝ้ายเสนอ

              "หา  ถามคุณกิ่งฟ้านี่นะ"  ชูครีมแปลกใจ

              "ถามแล้วก็ดูปฏิกิริยาของเธอ  ถ้าเธอทำ  ต้องแสดงอาการอะไรออกมาแน่  แต่ถ้าเธอไม่ได้ทำ  เราก็แค่คว้าน้ำเหลว  กลับไปทิศเหนือแล้วก็ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ"  ปุยฝ้ายไม่อยากยอมรับความจริงที่ว่าเธอต้องติดอยู่ที่นี่ตลอดไป  บางทีอาจมีใครสักคนค้นพบทางออกและช่วยพวกเธอได้

              "ตกลงค่ะ  เราไปกันเถอะ"

              โรงเรียนทิศตะวันออกเป็นโรงเรียนที่คล้ายทิศเหนือ  ต่างกันตรงรูปแบบอาคารที่เหมือนหลุดออกมาจากนิตยาสารแบบบ้านคลาสสิค  ผู้คนแต่งตัวตามระเบียบ  เดินหลังตรง  พูดด้วยกิริยาอ่อนหวาน  และส่งยิ้มให้คนแปลกหน้า  ปุยฝ้ายรู้สึกแปลกใจกับความพยายามเป็นมิตรของคนที่นี่  พวกเธอไปเดินสำรวจในเมืองก่อน  ย่านการค้าของที่นี่ดูคึกคักเหลือเกิน

              "สวัสดีค่ะ"  หญิงคนหนึ่งทักทายพวกเธอ  แล้วเดินผ่านไป

              "สวัสดีค่ะ"  ปุยฝ้ายทักกลับด้วยเสียงดังกว่า

              "เบาๆ หน่อยสิคะ  เดี๋ยวคนก็คิดว่าเราประชดหรอก"  ชูครีมกังวล

              "ขอโทษนะคะ  แต่เราจะตามหาหัวหน้านักเรียนได้ที่ไหน"  ปุยฝ้ายไม่สนใจคำเตือน  แล้ววิ่งเข้าหาแม่ค้าที่ยืนขายผลไม้อยู่ข้างทาง

              "ตรงไปในตลาด  จะมีต้นไทรอยู่กลางถนน  ตรงนั้นแหละที่คุณกิ่งฟ้าอยู่"

              ปุยฝ้ายหันมายิ้มให้ชูครีม  แล้วใช้นิ้วโป้งปัดจมูกอย่าง   ก๋ากั่น

              "เห็นไหม"  ปุยฝ้ายเอ่ยอย่างร่าเริง

              เด็กสาวจูงมือชูครีมวิ่งเข้าไปในเมือง  ผู้คนหนาตาขึ้นเรื่อยๆ  แล้วพวกเธอก็เห็นกิ่งฟ้ากำลังยืนใต้ต้นไทร มีฝูงชนล้อมรอบเธออย่างสงบ

              "ผมมีเรื่องอยากร้องเรียนครับ"  เด็กหนุ่มคนหนึ่งยกมือขึ้น

              "เชิญเลยค่ะ"  กิ่งฟ้าบอก

              "พวกทิศตะวันตกเข้ามาก่อกวนในเมืองเราอีกแล้ว เจ้าขี้เมาทำลายข้าวของร้านผมแล้วก็กลับไป  ไม่มีอัศวินมาช่วยอะไรผมเลยเพราะตอนนั้นเป็นตอนที่มีมอนสเตอร์ออกมาพอดี"

              "เราไม่สามารถห้ามนักเรียนหน้าใหม่ไม่ให้เข้ามาในเมืองได้  เพราะกติกาการอยู่ร่วมกันคือการให้อิสระในการเลือกที่อยู่แก่ทุกคน  แต่ว่าเราจะจัดอัศวินชั้นสองชั้นสามมาเป็นเวรยามให้ตอนที่มีมอนสเตอร์บุกแล้วกันนะคะ"  กิ่งฟ้าตอบ

              นักเรียนต่างพอใจกับคำตอบของเธอจึงปรบมือเป็นการชื่นชม

              "ฉันค่ะ"  นักเรียนสาวอีกคนยกมือขึ้น

              "เชิญค่ะ"  กิ่งฟ้าตอบรับ

              "ฉันและเพื่อนๆอยูที่นี่มาได้เกือบปีแล้ว  แต่เรายังอยู่ในหอพักของโรงเรียน  เพราะพวกเราทำงานได้แต่ค่าแรงขั้นต่ำ  เราอยากย้ายไปอยู่บ้านบ้าง  อยากให้คุณกิ่งฟ้าขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเสียทีค่ะ"

              กิ่งฟ้าอึดอัดใจที่จะตอบคำถามนี้

              "รายได้ของทางโรงเรียนมาจากการแลกซากมอนสเตอร์กับศูนย์แลกเปลี่ยน  หักเปอร์เซ็นต์มาจากอัศวิน  ถ้าเราเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำก็หมายความว่าเราอาจจะมีเงินไม่พอในการก่อสร้าง  ซ่อมแซม  หรือแจกจ่ายของจำเป็นให้กับนักเรียนคนอื่นๆ"

              นักเรียนหญิงคนนั้นทำหน้าไม่พอใจเมื่อได้ยินคำตอบออกมาแนวนี้

              "แต่ว่า"  กิ่งฟ้าเสริม  "เรามีบ้านว่างอยู่นะคะ  เราอาจจะให้เช่าในราคาถูกได้  แต่ถ้าเงินหมดคุณก็ต้องกลับไปอยู่หอพักนักเรียนอีก  แบบนั้นจะพอใช้ได้หรือเปล่าคะ"

              "ได้ค่ะ  ยินดีเลย"  นักเรียนหญิงคนนั้นแทบจะกระโดดตัวลอย  นักเรียนคนอื่นๆถามคำถามต่อไป 

              ชูครีมและปุยฝ้ายรอคอยอย่างอดทนให้ถึงตาพวกเธอถามบ้าง

              "ไม่ทราบว่าคุณกิ่งฟ้าคิดยังไงกับข่าวลือที่ว่าคุณกิ่งฟ้าเป็นคนส่งนกเหยี่ยวยักษ์ไปที่ทิศเหนือคะ"  ปุยฝ้ายยกมือถาม  ทุกคนเงียบสนิทเมื่อได้ฟังคำถามนั้น  กิ่งฟ้าไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมา  แต่ยิ้มกลับอย่างอ่อนโยน

              "ทุกคนมาอยู่ที่เมืองนี้เพราะเสน่ห์ของทิศตะวันออก      เราปลูกฝังความประพฤติดี  ที่มาพร้อมๆกับการอยู่อย่างมีคุณภาพ  ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีสกปรกเพื่อให้ได้คนเพิ่มหรอกค่ะ"

              คนฟังรู้สึกประทับใจ  จึงปรบมือให้เธอเป็นการใหญ่     ปุยฝ้ายและชูครีมจนถ้อยคำที่จะไล่ต้อนหัวหน้านักเรียนสาว

              "วันนี้กิ่งก็ตอบปัญหาของทุกท่านมาพอสมควรแล้วนะ

คะ  เราแยกย้ายกันกลับได้แล้วเนอะ  ขอบคุณทุกคนมากค่ะ"  เธอยกมือไหว้แล้วเดินออกจากที่ชุมนุมไป 

              ปุยฝ้ายเห็นด้านข้างของผู้หญิงคนหนึ่งคุ้นๆ จึงจ้องมองต่อไปว่าเธอเหมือนใคร  เมื่อเธอหันมาเธอก็ต้องรีบสะกิดให้ชูครีมช่วยมองอีกที  ผู้หญิงคนนั้นคือมนสิชา  เธอกำลังเดินตามหลัง     กิ่งฟ้าไป  ชูครีมและปุยฝ้ายตาโตที่เห็นเธอเป็นหนึ่งในอัศวินที่ล้อมรอบหัวหน้าทิศตะวันออก  เธอสองคนรีบแหวกฝูงชนที่ล้อมรอบกิ่งฟ้า  รอบกิ่งฟ้าเองมีอัศวินเป็นบอดี้การ์ดและล้อมด้วยคนที่มามอบดอกไม้ให้เธอ  ปุยฝ้ายและชูครีมพยายามจะเข้าไปให้ถึงมนสิชา 

              "ขอโทษค่ะ  ขอทางหน่อยคะ"  ชูครีมตะโกนเมื่อมีคนมาขวางทางเธอไว้

              "คนที่ก่อกวนเข้ามาใกล้แล้ว  รีบพาคุณกิ่งฟ้าไป  เดี๋ยวทางนี้จะกันไว้ให้เอง"  มนสิชาหันไปบอกเพื่อนอัศวิน  ซึ่งทุกคนก็พยักหน้าแล้วรีบพากิ่งฟ้าออกไป

              เมื่อได้โอกาสอยู่กับมนสิชา  ปุยฝ้ายกับชูครีมก็เป็นฝ่าย

จับมนสิชาเอาไว้  แล้วพาเธอเลี้ยวเข้าไปในซอยเล็กๆแห่งหนึ่ง

              "ทำอะไรของพวกเธอ"  มนสิชาร้องถาม

              "ทำแบบนี้ไง"  ปุยฝ้ายบอก  หันไปสบตากับชูครีม

              ชูครีมและปุยฝ้ายกอดคอมนสิชาแล้วกระโดดเป็นวงกลม 

              "อะไรอะ"  มนสิชาถาม  รับรู้ได้ถึงน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม  พร้อมทั้งความรู้สึกคิดถึง

              "แหม  คุณมนนี่ล่ะก็  ร้องไห้ทำไมคะ"  ชูครีมเช็ดน้ำตาให้เธอ 

              "รู้จักชื่อฉันได้ยังไง"  มนสิชาถาม

              "รู้จักสิๆ  มนสิชา  ภูริเดโช"  ปุยฝ้ายร้องอย่างยินดี

              "พวกเธอเป็นใครกันแน่"  มนสิชาถาม

              ชูครีมและปุยฝ้ายผลัดกันเล่าเรื่องที่พวกเธอเจอกันครั้งแรก  และเริ่มเป็นเพื่อนกันมาได้อย่างไร  มนสิชารู้สึกได้ถึงมิตรภาพที่พวกเธอมีให้กัน  จึงฟังอย่างตั้งใจ  จนแล้วจนรอดเธอก็

ยังค้างคาใจกับเรื่องที่เล่า  จึงเป็นฝ่ายเอ่ยถาม

              "แล้วฉันตายได้ยังไง" 

              "ฉะ..ฉันเป็นคนฆ่าเธอเอง"  ปุยฝ้ายพูด  ถูมือไปมาอย่างรู้สึกผิด

              "อย่างนี้นี่เอง"  มนสิชาเอ่ยเสียงต่ำ  รู้สึกเสียใจและผิดหวัง  หญิงสาวเดินกลับโรงเรียน  เธอบอกกับตัวเองว่าสองคนนี้ไม่ได้มาดีแน่ๆ

              กลุ่มคนที่ล้อมรอบกิ่งฟ้าแยกย้ายกันเดินกลับมา  พวกเขาเห็นชูครีมและปุยฝ้ายยังไม่ได้ไปไหน  จึงหันมาล้อมพวกเธอเอาไว้  เพื่อเอาเรื่องที่ถามคำถามเสียมารยาทกับผู้นำที่พวกเขาเทิดทูน

              "ถามคำถามแบบนี้มันหมายความว่าไง  พวกเธอเป็นสปายของทิศเหนือเหรอ  หรือจะมาใส่ร้ายคุณกิ่ง"  นักเรียนหญิงหน้าดุเข้ามาขวางไว้

              "เปล่านะคะ  ขอทางด้วยค่ะ"  ชูครีมและปุยฝ้ายเดิน

ออกไปด้านข้าง  ต้องการหลีกเลี่ยงจากบรรยากาศอึดอัด

              หลายคนเริ่มเอาก้อนหินมาปาใส่ชูครีมและปุยฝ้าย  พร้อมทั้งเปลี่ยนแววตาอ่อนโยนเป็นดุร้าย  เห็นทั้งสองคนเป็นศัตรู       มนสิชาเดินย้อนกลับมาเมื่อเห็นคนล้อมชูครีมและปุยฝ้าย  เธอสังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องไม่ดี  แล้วก็เกิดขึ้นจริง  มนสิชาจับแขน ชูครีมเอาไว้แล้วดันออกจากฝูงชนที่กำลังโมโห  มนสิชาสัมผัสได้ถึงความนุ่มนิ่มของก้อนไขมันรอบท้องเด็กสาว  ชูครีมปล่อยให้เธอจับ  แต่ก็แปลกใจที่ฝ่ายนั้นเข้าหาเธอก่อน 

              "เดี๋ยวก่อนค่ะๆ"  มนสิชาร้องขึ้น  หลายคนจำได้ว่าเธอคืออัศวินที่ปกป้องกิ่งฟ้า  จึงหยุดมือ  "คุณกิ่งบอกว่าอยากคุยกับพวกเธอ  หลีกทางให้ฉันพาพวกเธอไปหาคุณกิ่งด้วยนะคะ"

              คำโกหกนั้นได้ผล  ฝูงชนที่มีจิตอาฆาตแหวกทางอีกครั้ง  มนสิชาจับแขนชูครีมและปุยฝ้ายให้เดินตามเธอไป  จนพ้นระยะสายตาแล้วพาพวกเธอเลี้ยวเข้าไปในซอยเล็กๆ

              "พวกเธอสองคนน่ะ  กลับไปทิศเหนือซะ  แล้วไม่ต้องมา

ที่นี่อีก"  มนสิชาพูดอย่างเด็ดเดี่ยว

              "เธออยากจะอยู่เมืองที่มีแต่คนเสแสร้งอย่างนี้น่ะเหรอ"  ปุยฝ้ายเอ่ย

              "ถึงเสแสร้งก็ยังดีกว่าต้องอยู่กับคนที่ฆ่าฉันล่ะ"  มนสิชาย้อนอย่างมีอารมณ์

              "แล้วมาช่วยฆาตกรคนนี้ทำไม"  ปุยฝ้ายขึ้นเสียง

              "ฉันมีความรู้สึกทั้งรักทั้งหมั่นไส้พวกเธอ  ก็เลย.."    มนสิชาตอบ  แต่ค้างเอาไว้เพราะยังติดสินใจไม่ได้ว่าเธอจะทำยังไง

              "ถ้าหัวใจบางส่วนของคุณมนจำเราไม่ได้  คุณคงไม่ช่วยพวกเราหรอกใช่ไหมคะ"  ชูครีมยิ้มอย่างเข้าใจ  "หลังเสร็จเรื่องทุกอย่างแล้วพวกเรากลับทิศเหนือกันนะคะคุณมน"

              ถ้อยคำธรรมดาๆนั้นทำให้มนสิชาอึ้ง  เธอพยักหน้าตอบรับแล้วก็วิ่งหนีไป

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เมืองนิทรา   บทที่ 33 (ตอนจบ)

    หลังจากนั้นอีกหนึ่งเดือน ปุยฝ้ายไปเยี่ยมดนุเดชที่เรือนจำ พวกเขานั่งโต๊ะที่จัดไว้สำหรับให้ญาติมาเยี่ยม ดนุเดชดูโทรมไปถนัดตา ขอบตาดำคล้ำอย่างคนนอนไม่หลับ เขาสวมเสื้อสีน้ำตาล หมดแววคุณหมอไฮโซที่ปุยฝ้ายเคยรู้จัก "พ่อทานข้าวบ้างหรือเปล่าคะ" ปุยฝ้ายพยายามยิ้มให้พ่อ แต่ทำไม่ได้เลย "กินได้บ้างแล้ว" ดนุเดชตอบคอแห้งเป็นผง "เจ้าหน้าที่เขาเข้ามาคุยกับหนูเมื่อวาน บอกข่าวว่าศาลจะทำอะไรกับพวกเราบ้าง" ปุยฝ้ายจั่วหัวไปเท่านั้น ดนุเดชดูไม่สนใจฟังว่าคนอื่นจะทำยังไงกับตน "พ่อต้องได้รับโทษตามกฎหมายค่ะ คนไข้คนอื่นเขาจะไม่เรียกค่าเสียหาย แต่จะไม่มีใครยอมจ่ายค่ารักษาพยาบาล พวกทีมบริหารบอกผ่านคุณย่ามาว่าโรงพยาบาลของเราจะล้มละลาย คุณย่าจะมาจัดการเรื่องขายโรงพยาบาลให้ คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ" ดนุเดชดูเหม่อลอย ไม่ตอบอะไร "แน่นอนว่าคุณพ่อต้องติดคุก แล้วพวกเราจะโดนฉีดยาสลายเวทมนตร์ ไม่เฉพาะเราสองคน แต่เป็นคนใช้เวทมนตร์ทั้งประเทศจะโดนเหมือนกันหมด" ปุยฝ้ายถอนหายใจ "ปกติเราก็ไม่ได้ใช้เวทมนตร์กันอยู่แล้ว เรื่

  • เมืองนิทรา   บทที่ 32

    ดนุเดชเดินกลับไปกลับมาในห้องทำงาน ผู้ถือหุ้น คนไข้ รวมทั้งลูกสาวกดดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่างกับการประท้วงที่หน้าโรงพยาบาล นักข่าวเริ่มมาทำข่าวกันแล้ว เวทมนตร์เป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนไทยในเวลานี้ พวกเขามองว่าคนใช้เวทมนตร์เป็นคนไม่ดี แต่สำหรับเขาเวทมนตร์หรืออะไรก็แล้วแต่เป็นสิ่งที่เขาจะทุ่มเทให้ได้เพื่อให้ลูกสาวฟื้นขึ้นมา คำสาปทิ้งร่องรอยไว้ให้ผู้ร่ายคำสาปเสมอ ดนุเดชร่ายเวทมนตร์เก่าแก่อีกครั้ง ตอนนี้เป็นเวลาห้าทุ่ม คนไข้ทุกคนเข้านอนกันหมดแล้ว ดังนั้นตอนนี้ทุกคนกำลังฝัน และฝันก็คือร่องรอยของแต่ละคนที่เขาสามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดายที่สุด เขาสาปอีกครั้ง เป็นคำสาปที่ไม่รุนแรงนัก มีผลแค่ทำให้คนไข้ทั้งหนึ่งพันกว่าคนฝันร้าย มนสิชาเป็นหนึ่งในผู้ต้องคำสาป เธอเห็นดวงตะวันถูกเมฆบังจนมืดสนิท ยมบาลตัวสีแดงถือไม้ตะบองที่มีหนามแหลมทั่วทั้งอันมาด้วย เขาร้องเสียงดุร้าย "หยุดก่อน!" มนสิชาวิ่งหนี ชายตัวแดงวิ่งตามเธอมาเพียงสามก้าวก็ถึงตัวเธอ เขาใช้ไม้ตะบองตีหัวเธอ หนามแหลมทะลุเข้าไปในสมอง มนสิชาร้

  • เมืองนิทรา   บทที่ 31

    มนสิชาลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ เธอเห็นเพดานสีขาวที่ไม่คุ้นเคย ผ้าห่มอุ่นห่มให้เธอถึงอก มองไปรอบๆห้องก็พบว่าที่นี่เป็นห้องพักในโรงพยาบาล กุมภากำลังนอนหลับอยู่ที่โซฟาใกล้ๆ น้องสาวกรนเบาๆ "กุมภา" มนสิชาเรียกน้องสาวเสียงแหบ กุมภาคิดว่าฝันไปจึงหลับต่อ แต่เมื่อคิดอีกทีว่าเธออยู่กับพี่สาวตามลำพังจึงเปิดตาขึ้นมอง เห็นมนสิชายันตัวลุกขึ้นนั่ง หน้าขาวซีด "พี่มน!" กุมภาเด้งตัวลุกมาหาพี่สาว "พี่มนๆๆ" "จ้ะ พี่เอง" มนสิชายิ้มให้ รู้สึกตัวหนักไปหมด คอก็แห้งผาด "ขอ..น้ำ" กุมภารินน้ำให้พี่สาว มนสิชาดื่มอย่างกระหาย เสียงเธอกลับมาสดชื่นขึ้นเล็กน้อย "พี่รู้ไหมว่าหนูลำบากมากแค่ไหนตอนพี่ไม่ได้สติ ต้องช่วยพ่อทำงาน ต้องมาเฝ้าพี่ และทำงานพิเศษด้วย พวกเรายังไม่รู้เลยว่าจะหาค่ารักษาที่ไหนมาจ่ายให้พี่" กุมภาบอกความในใจทั้งหมดกับพี่สาว มนสิชาคิดอยู่แล้วว่าเรื่องจริงต้องร้ายแรงกว่าที่คุยกับปริญ มนสิชาพยายามจะตอบ แต่ไม่มีเสียงเล็ดรอดออกมา "...โทษ ขอโทษ" เธอจึงร้องไห้ออกมาแทน

  • เมืองนิทรา   บทที่ 30

    สุกฤตเดินเล่นกับเทพทัตในสนามหญ้าของโรงเรียนทิศเหนือ พวกเขายิ้มให้กับนักเรียนที่เดินเข้ามาทักทาย ทั้งสองคนไม่ค่อยจะได้คุยกันมากนักเพราะสุกฤตค่อนข้างเก็บตัว แต่เขาก็แสดงให้เห็นว่าตัวเองเปลี่ยนไปหลังจากที่เทพทัตรับตำแหน่งประธานนักเรียน "ผมอยากให้คุณเทพทัตผลิตเงินให้เยอะขึ้นครับ บอกตามตรงว่าชนชั้นแรงงานไร้ฝีมือค่อนข้างเยอะ แล้วพวกเขาก็ประท้วงกันบ่อยครั้งว่าอยากได้เงินเยอะขึ้น" สุกฤตปรึกษาปัญหาที่เกิดขึ้น "ถ้าผมทำอย่างนั้น เงินจะมีค่าน้อยลง ของทุกอย่างจะแพงขึ้นนะครับ" เทพทัตอธิบายเศรษฐศาสตร์แบบง่ายๆ "แค่ให้คนรู้สึกว่ามีเงินในมือเยอะขึ้น เท่านั้นก็พอแล้วครับ พวกเราก็ค่อยโทษว่าพ่อค้าแม่ค้าขายของกันแพง จนทำให้พวกเขาซื้อของได้น้อยลง แต่ข้อดีคือพวกอสังหาริมทรัพย์ก็จะแพงขึ้นด้วย แต่ละทิศที่ก่อสร้างบ้านขึ้นมาก็จะได้ประโยชน์จากตรงนี้ แถมค่าเช่าก็จะขึ้นได้อีก" สุกฤตเอ่ย "นั่นสินะครับ" เทพทัตหัวเราะอย่างพอใจ "ผมไม่นึกว่าคุณสุกฤตจะมีหัวการค้าขนาดนี้" "ผมเองก็มักจะใช้เวลาใคร่ครวญสิ่งต่างๆเสมอ มันคงเป

  • เมืองนิทรา   บทที่ 29

    ย่านการค้าทิศตะวันออกกลับมาคึกคักอีกครั้ง มนสิชาได้โอกาสเดินไปคุยกับแม่ค้าแอปเปิ้ลที่นั่งอยู่ เธอเป็นหญิงร่างท้วมตัวสูง หน้าตาซีเรียส มนสิชาแอบคิดว่าแผงของเธอคงไม่ต้องการใครมาปกป้อง เพราะเธอท่าทางจะปกป้องตัวเองได้แน่ๆ "ลูกละสิบห้าบาทจ้า กรอบหวานทุกลูกเลยนะ" แม่ค้าเอ่ย "เรามาถามเรื่องคนที่ชื่อโอ๊ตน่ะคะ" ปุยฝ้ายถามแทน ชูครีมเดินตามมาทีหลัง เพราะถือของกินพะรุงพะรัง "เขาตื่นไปนานแล้วนี่" แม่ค้าสาวบอก ดูแปลกใจที่มีคนมาถามเรื่องโอ๊ต "ค่ะ เพราะเขาตื่นแล้ว เราเลยอยากได้ข้อมูลของเขาไงคะ" มนสิชาบอก "แล้วแม่ค้าก็เป็นคนเดียวที่รู้เรื่องโอ๊ตด้วย" "ฉันเองก็รู้อะไรไม่มากหรอกค่ะ รู้แค่ว่าก่อนมาที่นี่เขากระโดดให้รถชน พอรู้ตัวอีกทีก็ติดอยู่ในความฝันแล้ว เขาเป็นคนที่ไม่มีอนาคตและไม่นึกถึงอดีต เขาพอใจที่สามารถเริ่มต้นชีวิตในความฝันใหม่ได้ เคยมาคุยกับฉันว่าจะไม่ตามหาวิธีตื่น แต่แค่สามวันที่เขามาอยู่ที่นี่ เขาก็ตื่นขึ้นค่ะ" ทั้งสามคนเงียบฉี่ ต่างคนต่างนึกว่าต้องถามอะไรอีก แต่

  • เมืองนิทรา   บทที่ 28

    วันเลือกตั้งใกล้เข้ามาทุกที นักเรียนทุกคนรอการหาเสียงจากแต่ละทิศอย่างตื่นเต้น เริ่มต้นจากทิศใต้ที่เน้นการศึกษา พวกเขารู้ดีว่านักเรียนที่อยู่ในโรงเรียนปัจจุบันเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับการศึกษาอยู่แล้ว ขณะเดียวกันนักเรียนทุกคนก็รู้ว่าหากอยากเรียนมากๆให้ไปทิศใต้ ดังนั้นจึงไม่สามารถตามหานักเรียนที่สนใจการศึกษาได้มากไปกว่านี้ สุกฤตจึงใช้เรื่องอื่นจูงใจนักเรียนแทน เขาสั่งให้อัศวินลอบไปทิศอื่นเพื่อปิดป้ายประกาศเสนอคูปองกินฟรีตลอดหนึ่งเดือนสำหรับนักเรียนใหม่ เพียงย้ายที่อยู่ไปในทิศใต้ก่อนวันเลือกตั้งเท่านั้น นักเรียนชายร่างท้วมเดินไปดูป้ายอย่างสนใจ พลางกอดคอเพื่อนหุ่นพอๆกับเขาไปด้วย พวกเขาอยู่ทิศตะวันออก ที่นี่ช่างสดใสเมื่อได้ปรับปรุงที่อยู่ใหม่ ส่วนคนที่ย้ายไปก็เริ่มกลับมาบ้างแล้ว "สมุทร นายว่าเราย้ายโรงเรียนกันสักเดือนดีไหม" ลำธารเพื่อนรักเอ่ยให้ฟังด้วยแผนการ "นายหมายถึง ย้ายไปเพื่อรับอาหารฟรีงั้นเหรอ" สมุทรหัวเราะในลำคอ "ก็ไม่มีใครตามมาบังคับให้เราต้องอยู่ที่นั่นตลอดไปนี่นา แถมพวกเรายังเป็นแรงงานไร้ฝีมื

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status