Share

บทที่ 21

Author: Me.Daisy
last update Last Updated: 2025-02-04 18:54:58

              วันถัดมาชอปเปอร์ซื้อของกินมาฝากเด็กๆ  เดินเข้าห้องพยาบาลที่ยังไม่มีคนอยู่  เขาลอดอุโมงค์เข้าไปหาเด็กๆ  แต่ในห้องกลับว่างเปล่า  ของเล่นของใช้ถูกเก็บออกไปหมด  ชายหนุ่มอึ้ง  รู้สึกเหมือนถูกหลอก  อาสาสมัครรู้ตั้งแต่แรกว่าเขาเป็นใคร  หรือไม่ก็รู้หลังจากที่เขาลงชื่อไปแล้ว  เขาโทษตัวเอง  ไม่น่าเขียนชื่อจริงลงไป  พวกนั้นคงรู้แล้วพาเด็กๆหนีไป

              ชอปเปอร์ทิ้งของในมือ  แล้ววิ่งออกไปในเมือง  ตอนนี้เป็นเวลาเย็น  คนกำลังออกมาหาซื้ออะไรทาน  หรือไม่ก็เตร็ดเตร่ก่อนกลับบ้าน  เขาเรียกสเลฟที่ก้าวร้าวที่สุดออกมา

              มันคือทีเร็กซ์  หรือไทรันโนซอรัส  ไดโนเสาร์กินเนื้อ  นักล่าในยุคเกือบเจ็ดสิบล้านปีก่อน  เสียงคำรามพร้อมฟันแหลมคม  มันอ้าปากออกมาอย่างดุร้าย  พอๆกับความรู้สึกเกรี้ยวกราดของชอปเปอร์ 

              "หมอก  ฆ่าได้หมด  ไม่ต้องเหลือไว้สักคน" หมอกคำราม  วิ่งเข้าชนร้านค้าข้างทางแล้วกัดหัวเจ้าของร้านอาหาร  มันเคี้ยวจนร่างนั้นหยุดดิ้น  ลำเพลิงพวยพุ่งออกมาแล้วร่างคนก็สลายไป  เสียงกรี๊ดร้องดังขึ้นตลอดทางที่                ชอปเปอร์และหมอกเดินผ่าน  หยดเลือดจากปากเจ้าทีเร็กซ์ไหลหยดเป็นทาง

              อัศวินและสเลฟถูกเรียกให้มารวมตัวกันในเมือง  ไม่เว้นแม้แต่ชูครีมซึ่งยังอยู่ในทิศเหนือ  มนสิชาเรียกฟ้าลั่นออกมาสังเกตการณ์อยู่บนฟ้า  พร้อมปุยฝ้ายที่ขอตามมาด้วย

              "บลูฮาร์ทพ่นไฟ"  ชูครีมสั่ง 

              มังกรน้ำเงินทำตามเจ้านายบอก  แต่ไฟไม่แรงพอที่จะทำให้หมอกรู้สึกร้อน  ผิวหนังของมันทนทานกว่าสเลฟตัวอื่นหลายเท่า  ราวกับว่าจะไม่มีจุดอ่อนให้ทำลาย  ชูครีมลงจากบลูฮาร์ทแล้วสั่งให้มันไปปะทะตรงๆ  มังกรใช้หางฟาด  แต่ทีเร็กซ์ก้มหลบแล้วกัดเข้าที่หลังของบลูฮาร์ท

              อัศวินคนอื่นเก็บสเลฟของตัวเองเมื่อเห็นว่าแม้แต่บลูฮาร์ทก็ทำอะไรไม่ได้  พวกเขากลัวสูญเสียสเลฟที่รักไปเช่นกัน  มนสิชามองเหตุการณ์อยู่บนฟ้า  ก่อนสั่งให้ฟ้าลั่นของเธอบินลงมา

              "ฟังนะชอปเปอร์"  มนสิชาประกาศลั่น  "ฉันรู้ว่าปัญหาของนายคืออะไร  เราจะแก้ปัญหาให้นาย  แต่มีข้อแม้ว่านายต้องเลิกฆ่าคน  แล้วก็ให้พวกเราถามคำถามบางอย่างกับนายด้วย"

              ชอปเปอร์เงยหน้ามองม้าบินที่กำลังลดระดับมาอยู่บนพื้น  เขาไม่อยากไว้ใจใครอีก  โดยเฉพาะคนที่ทำเหมือนหวังดี

              "แล้วฉันจะเชื่อเธอได้ยังไง"

              "นายมีทางเลือกสองทาง  หนึ่งคือฆ่าคนในเมืองนี้จนกว่าจะหมด  แต่นายจะแก้ปัญหาที่นายกำลังเผชิญอยู่ไม่ได้  หรือสองให้ความร่วมมือกับพวกฉัน  แล้วอยู่ร่วมกับคนอื่นอย่างมีความสุข  นายเลือกได้ว่าอยากจะทำแบบไหน"  มนสิชาเสนอ

              ชอปเปอร์เก็บสเลฟของเขาทันที  ชาวเมืองที่แอบอยู่รอบๆออกมาปรบมือให้มนสิชา  มนสิชาโค้งขอบคุณ  พวกเขาเชิญชอปเปอร์มาที่บ้านแล้วเริ่มสัมภาษณ์เขา

              "ช่วยเล่าเรื่องที่แฟนของนายตื่นขึ้นจากฝันได้ไหม  ตั้งแต่ต้นเลย"  มนสิชาพูดเชิงขอร้อง

              "ตอนนั้นฉันกับแฟนฝันพร้อมๆกัน  แฟนอยากตื่นมากจึงพยายามหาทางออกไปจากฝัน  ไม่ว่าพยายามไปเท่าไหร่  อย่างดีก็ทำให้เขาหลับไม่ฝันไปเท่านั้นเอง  พวกเธอก็เป็นเหมือนกันใช่ไหม"  ชอปเปอร์ถาม

              "ใช่ค่ะ  พวกเราก็เคยหลับโดยไม่ฝันไปเหมือนกัน"   ชูครีมบอก  ยกกาแฟขึ้นดื่ม

              "เวลาผ่านไปหนึ่งปีเราก็ยังออกจากฝันไม่ได้  เธอสิ้นหวังมากจนไม่ยอมหาทางอีก  แต่มีสิ่งหนึ่งที่เธอค้นพบก็คือ  คนที่มองโลกในแง่ร้ายจะมีพลังมากกว่าคนทั่วไป  สเลฟจะยิ่งทรงพลังมากหากมีความคิดในแง่ลบระหว่างที่เรียกออกมา"

              ทั้งสามคนมองหน้ากันอย่างตกใจ  แล้วก็พบว่าปุยฝ้ายที่ร่าเริง  มองโลกในแง่ดีเสมอมีพลังที่อ่อนแอ  ส่วนชูครีมที่ชอบดูถูกตัวเอง  มองโลกในแง่ร้าย  กลับมีพลังที่เข้มแข็ง  ส่วนมนสิชานั้นเป็นพวกกลางๆ  จึงมีพลังปานกลาง

              "แฟนฉันเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้อง  ไม่ยอมทำอะไรเลย  ฉันพยายามทำให้เธอร่าเริงขึ้นด้วยการชวนไปเดินเล่น  แล้วก็วางแผนว่าจะใช้ชีวิตอยู่ในฝันนี้ต่อไปยังไง  จู่ๆ ตอนที่คุยกัน  เธอก็หายตัวไป  ไม่มีสัญญาณ  ไม่มีอาการอะไรเลย  แค่หายตัวไปเฉยๆ  ตรงที่เธอเคยยืนอยู่มีผงสีเหลืองทองเหลือไว้  เหมือนกากเพชร  ฉันไม่รู้ว่านั่นคืออาการของคนที่ตื่นขึ้นจากฝัน  จนผ่านไปหนึ่งอาทิตย์เต็มๆที่ฉันไปรอเธอที่ส่วนกลาง  แต่เธอไม่ได้เกิดใหม่ที่นั้น  ฉันใช้เวลาอีกพักใหญ่เดินทางไปทั่วเพื่อตามหาเธอ  แต่ก็ไม่เจอที่ไหนเลย  ฉันเลยไปแจ้งไว้กับโรงเรียนว่าเธอตื่นขึ้นแล้ว  และเป็นคนแรกที่ออกจากโรงเรียนนี้ได้"

              ชอปเปอร์ผายมือออกมาทางมนสิชา  ก่อนที่เขาจะเอ่ยต่อ

              "ฉันบอกพวกเธอไปแล้ว  ตอนนี้เธอจะทำให้ฉันมีชีวิตที่ปกติได้หรือยัง  ฉันรักโรงเรียนทิศนี้มากเพราะจะนึกถึงเธอทุกครั้งที่เห็นสถานที่ที่เคยอยู่กับแฟน  ฉันคงไม่ไปจากที่นี่"

              "นายต้องแกล้งแพ้บ้าง"  มนสิชาตอบสั้นๆ

              "แกล้งแพ้เนี่ยนะ"  ชอปเปอร์ทวนคำ  เขาคิดว่าตัวเองหูฝาด

              "นายควรไปเจรจากับคุณเทพทัต  ทำสัญญาสงบศึก  และ

นอกจากมอนสเตอร์แล้ว  ห้ามนายฆ่าคนอีก"  มนสิชาบอก

              "แค่นี้น่ะเหรอ"  ชอปเปอร์ดูผิดหวังกับคำตอบ

              "ถึงจะง่ายแค่นี้  แต่นี่คือสิ่งที่คนทั่วไปเป็นกัน  นั้นคือมีจุดอ่อนให้คนอื่นเอาชนะได้  นายอาจจะไม่รู้  แต่ที่คนกลัวนายก็เพราะนายไม่เคยแพ้ให้ใครยังไงล่ะ"  มนสิชาบอก

              ทั้งสามคนออกมาส่งชอปเปอร์หน้าโรงเรียน  ปล่อยให้เขาไปหาเทพทัตตามลำพัง  ส่วนพวกเธอก็มองเขาจนลับสายตา

              "พลังความคิดมีผลต่อชีวิตในความฝันมากเลยนะคะ"      ชูครีมพูดลอยๆ

              "นั่นสินะ"  ปุยฝ้ายตอบ  จากนั้นหลับตาลงแล้วรวบรวมความคิดแง่ลบ  "สเลฟจงออกมา"

              หมีขั้วโลกออกมาจากประตูมิติ  มันเดินมากอดขาเจ้านายด้วยความน่าเอ็นดู  ขนสีขาวเหมือนเพิ่งถูกซักฟอกไม่นาน  มันมีพุงอ้วนกลมดูน่าซุก  น้ำหนักตัวสองร้อยกว่ากิโลกรัมทับลงไปบนร่างของปุยฝ้าย  เธอจึงหงายหลังล้มลงไป

              "ฉันจักจี้นะเจ้าหมี"  ปุยฝ้ายหัวเราะ

              "ไม่นะ"  ชูครีมร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาไหลออกมา   "เอาอิซาเบลล่ากลับมา"

              ดูเหมือนหมีขั้วโลกจะจำชูครีมได้  มันผละจากปุยฝ้ายแล้วเดินเข้ามาหาชูครีม  ยกขาหน้าขึ้นที่อกเธอ  ชูครีมจับขาหน้าไว้แล้วกอดหมีแน่น  ที่แท้กระรอกน้อยก็ยังเป็นตัวเดิม  เพียงแต่เปลี่ยนร่างเป็นหมีเท่านั้นเอง

              "อิซาเบลล่า"  ชูครีมร้องแล้วซุกหน้าลงไปตรงอกหมี    ปุยฝ้ายก็เช่นเดียวกัน  พวกเธอนัวเนียกันจนหายหมั่นเขี้ยว มนสิชามองดูแล้วอดยิ้มไม่ได้

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เมืองนิทรา   บทที่ 33 (ตอนจบ)

    หลังจากนั้นอีกหนึ่งเดือน ปุยฝ้ายไปเยี่ยมดนุเดชที่เรือนจำ พวกเขานั่งโต๊ะที่จัดไว้สำหรับให้ญาติมาเยี่ยม ดนุเดชดูโทรมไปถนัดตา ขอบตาดำคล้ำอย่างคนนอนไม่หลับ เขาสวมเสื้อสีน้ำตาล หมดแววคุณหมอไฮโซที่ปุยฝ้ายเคยรู้จัก "พ่อทานข้าวบ้างหรือเปล่าคะ" ปุยฝ้ายพยายามยิ้มให้พ่อ แต่ทำไม่ได้เลย "กินได้บ้างแล้ว" ดนุเดชตอบคอแห้งเป็นผง "เจ้าหน้าที่เขาเข้ามาคุยกับหนูเมื่อวาน บอกข่าวว่าศาลจะทำอะไรกับพวกเราบ้าง" ปุยฝ้ายจั่วหัวไปเท่านั้น ดนุเดชดูไม่สนใจฟังว่าคนอื่นจะทำยังไงกับตน "พ่อต้องได้รับโทษตามกฎหมายค่ะ คนไข้คนอื่นเขาจะไม่เรียกค่าเสียหาย แต่จะไม่มีใครยอมจ่ายค่ารักษาพยาบาล พวกทีมบริหารบอกผ่านคุณย่ามาว่าโรงพยาบาลของเราจะล้มละลาย คุณย่าจะมาจัดการเรื่องขายโรงพยาบาลให้ คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ" ดนุเดชดูเหม่อลอย ไม่ตอบอะไร "แน่นอนว่าคุณพ่อต้องติดคุก แล้วพวกเราจะโดนฉีดยาสลายเวทมนตร์ ไม่เฉพาะเราสองคน แต่เป็นคนใช้เวทมนตร์ทั้งประเทศจะโดนเหมือนกันหมด" ปุยฝ้ายถอนหายใจ "ปกติเราก็ไม่ได้ใช้เวทมนตร์กันอยู่แล้ว เรื่

  • เมืองนิทรา   บทที่ 32

    ดนุเดชเดินกลับไปกลับมาในห้องทำงาน ผู้ถือหุ้น คนไข้ รวมทั้งลูกสาวกดดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่างกับการประท้วงที่หน้าโรงพยาบาล นักข่าวเริ่มมาทำข่าวกันแล้ว เวทมนตร์เป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนไทยในเวลานี้ พวกเขามองว่าคนใช้เวทมนตร์เป็นคนไม่ดี แต่สำหรับเขาเวทมนตร์หรืออะไรก็แล้วแต่เป็นสิ่งที่เขาจะทุ่มเทให้ได้เพื่อให้ลูกสาวฟื้นขึ้นมา คำสาปทิ้งร่องรอยไว้ให้ผู้ร่ายคำสาปเสมอ ดนุเดชร่ายเวทมนตร์เก่าแก่อีกครั้ง ตอนนี้เป็นเวลาห้าทุ่ม คนไข้ทุกคนเข้านอนกันหมดแล้ว ดังนั้นตอนนี้ทุกคนกำลังฝัน และฝันก็คือร่องรอยของแต่ละคนที่เขาสามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดายที่สุด เขาสาปอีกครั้ง เป็นคำสาปที่ไม่รุนแรงนัก มีผลแค่ทำให้คนไข้ทั้งหนึ่งพันกว่าคนฝันร้าย มนสิชาเป็นหนึ่งในผู้ต้องคำสาป เธอเห็นดวงตะวันถูกเมฆบังจนมืดสนิท ยมบาลตัวสีแดงถือไม้ตะบองที่มีหนามแหลมทั่วทั้งอันมาด้วย เขาร้องเสียงดุร้าย "หยุดก่อน!" มนสิชาวิ่งหนี ชายตัวแดงวิ่งตามเธอมาเพียงสามก้าวก็ถึงตัวเธอ เขาใช้ไม้ตะบองตีหัวเธอ หนามแหลมทะลุเข้าไปในสมอง มนสิชาร้

  • เมืองนิทรา   บทที่ 31

    มนสิชาลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ เธอเห็นเพดานสีขาวที่ไม่คุ้นเคย ผ้าห่มอุ่นห่มให้เธอถึงอก มองไปรอบๆห้องก็พบว่าที่นี่เป็นห้องพักในโรงพยาบาล กุมภากำลังนอนหลับอยู่ที่โซฟาใกล้ๆ น้องสาวกรนเบาๆ "กุมภา" มนสิชาเรียกน้องสาวเสียงแหบ กุมภาคิดว่าฝันไปจึงหลับต่อ แต่เมื่อคิดอีกทีว่าเธออยู่กับพี่สาวตามลำพังจึงเปิดตาขึ้นมอง เห็นมนสิชายันตัวลุกขึ้นนั่ง หน้าขาวซีด "พี่มน!" กุมภาเด้งตัวลุกมาหาพี่สาว "พี่มนๆๆ" "จ้ะ พี่เอง" มนสิชายิ้มให้ รู้สึกตัวหนักไปหมด คอก็แห้งผาด "ขอ..น้ำ" กุมภารินน้ำให้พี่สาว มนสิชาดื่มอย่างกระหาย เสียงเธอกลับมาสดชื่นขึ้นเล็กน้อย "พี่รู้ไหมว่าหนูลำบากมากแค่ไหนตอนพี่ไม่ได้สติ ต้องช่วยพ่อทำงาน ต้องมาเฝ้าพี่ และทำงานพิเศษด้วย พวกเรายังไม่รู้เลยว่าจะหาค่ารักษาที่ไหนมาจ่ายให้พี่" กุมภาบอกความในใจทั้งหมดกับพี่สาว มนสิชาคิดอยู่แล้วว่าเรื่องจริงต้องร้ายแรงกว่าที่คุยกับปริญ มนสิชาพยายามจะตอบ แต่ไม่มีเสียงเล็ดรอดออกมา "...โทษ ขอโทษ" เธอจึงร้องไห้ออกมาแทน

  • เมืองนิทรา   บทที่ 30

    สุกฤตเดินเล่นกับเทพทัตในสนามหญ้าของโรงเรียนทิศเหนือ พวกเขายิ้มให้กับนักเรียนที่เดินเข้ามาทักทาย ทั้งสองคนไม่ค่อยจะได้คุยกันมากนักเพราะสุกฤตค่อนข้างเก็บตัว แต่เขาก็แสดงให้เห็นว่าตัวเองเปลี่ยนไปหลังจากที่เทพทัตรับตำแหน่งประธานนักเรียน "ผมอยากให้คุณเทพทัตผลิตเงินให้เยอะขึ้นครับ บอกตามตรงว่าชนชั้นแรงงานไร้ฝีมือค่อนข้างเยอะ แล้วพวกเขาก็ประท้วงกันบ่อยครั้งว่าอยากได้เงินเยอะขึ้น" สุกฤตปรึกษาปัญหาที่เกิดขึ้น "ถ้าผมทำอย่างนั้น เงินจะมีค่าน้อยลง ของทุกอย่างจะแพงขึ้นนะครับ" เทพทัตอธิบายเศรษฐศาสตร์แบบง่ายๆ "แค่ให้คนรู้สึกว่ามีเงินในมือเยอะขึ้น เท่านั้นก็พอแล้วครับ พวกเราก็ค่อยโทษว่าพ่อค้าแม่ค้าขายของกันแพง จนทำให้พวกเขาซื้อของได้น้อยลง แต่ข้อดีคือพวกอสังหาริมทรัพย์ก็จะแพงขึ้นด้วย แต่ละทิศที่ก่อสร้างบ้านขึ้นมาก็จะได้ประโยชน์จากตรงนี้ แถมค่าเช่าก็จะขึ้นได้อีก" สุกฤตเอ่ย "นั่นสินะครับ" เทพทัตหัวเราะอย่างพอใจ "ผมไม่นึกว่าคุณสุกฤตจะมีหัวการค้าขนาดนี้" "ผมเองก็มักจะใช้เวลาใคร่ครวญสิ่งต่างๆเสมอ มันคงเป

  • เมืองนิทรา   บทที่ 29

    ย่านการค้าทิศตะวันออกกลับมาคึกคักอีกครั้ง มนสิชาได้โอกาสเดินไปคุยกับแม่ค้าแอปเปิ้ลที่นั่งอยู่ เธอเป็นหญิงร่างท้วมตัวสูง หน้าตาซีเรียส มนสิชาแอบคิดว่าแผงของเธอคงไม่ต้องการใครมาปกป้อง เพราะเธอท่าทางจะปกป้องตัวเองได้แน่ๆ "ลูกละสิบห้าบาทจ้า กรอบหวานทุกลูกเลยนะ" แม่ค้าเอ่ย "เรามาถามเรื่องคนที่ชื่อโอ๊ตน่ะคะ" ปุยฝ้ายถามแทน ชูครีมเดินตามมาทีหลัง เพราะถือของกินพะรุงพะรัง "เขาตื่นไปนานแล้วนี่" แม่ค้าสาวบอก ดูแปลกใจที่มีคนมาถามเรื่องโอ๊ต "ค่ะ เพราะเขาตื่นแล้ว เราเลยอยากได้ข้อมูลของเขาไงคะ" มนสิชาบอก "แล้วแม่ค้าก็เป็นคนเดียวที่รู้เรื่องโอ๊ตด้วย" "ฉันเองก็รู้อะไรไม่มากหรอกค่ะ รู้แค่ว่าก่อนมาที่นี่เขากระโดดให้รถชน พอรู้ตัวอีกทีก็ติดอยู่ในความฝันแล้ว เขาเป็นคนที่ไม่มีอนาคตและไม่นึกถึงอดีต เขาพอใจที่สามารถเริ่มต้นชีวิตในความฝันใหม่ได้ เคยมาคุยกับฉันว่าจะไม่ตามหาวิธีตื่น แต่แค่สามวันที่เขามาอยู่ที่นี่ เขาก็ตื่นขึ้นค่ะ" ทั้งสามคนเงียบฉี่ ต่างคนต่างนึกว่าต้องถามอะไรอีก แต่

  • เมืองนิทรา   บทที่ 28

    วันเลือกตั้งใกล้เข้ามาทุกที นักเรียนทุกคนรอการหาเสียงจากแต่ละทิศอย่างตื่นเต้น เริ่มต้นจากทิศใต้ที่เน้นการศึกษา พวกเขารู้ดีว่านักเรียนที่อยู่ในโรงเรียนปัจจุบันเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับการศึกษาอยู่แล้ว ขณะเดียวกันนักเรียนทุกคนก็รู้ว่าหากอยากเรียนมากๆให้ไปทิศใต้ ดังนั้นจึงไม่สามารถตามหานักเรียนที่สนใจการศึกษาได้มากไปกว่านี้ สุกฤตจึงใช้เรื่องอื่นจูงใจนักเรียนแทน เขาสั่งให้อัศวินลอบไปทิศอื่นเพื่อปิดป้ายประกาศเสนอคูปองกินฟรีตลอดหนึ่งเดือนสำหรับนักเรียนใหม่ เพียงย้ายที่อยู่ไปในทิศใต้ก่อนวันเลือกตั้งเท่านั้น นักเรียนชายร่างท้วมเดินไปดูป้ายอย่างสนใจ พลางกอดคอเพื่อนหุ่นพอๆกับเขาไปด้วย พวกเขาอยู่ทิศตะวันออก ที่นี่ช่างสดใสเมื่อได้ปรับปรุงที่อยู่ใหม่ ส่วนคนที่ย้ายไปก็เริ่มกลับมาบ้างแล้ว "สมุทร นายว่าเราย้ายโรงเรียนกันสักเดือนดีไหม" ลำธารเพื่อนรักเอ่ยให้ฟังด้วยแผนการ "นายหมายถึง ย้ายไปเพื่อรับอาหารฟรีงั้นเหรอ" สมุทรหัวเราะในลำคอ "ก็ไม่มีใครตามมาบังคับให้เราต้องอยู่ที่นั่นตลอดไปนี่นา แถมพวกเรายังเป็นแรงงานไร้ฝีมื

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status