LOGINไป๋ฉางอวี้ที่นอนคิดมาทั้งคืนเช้าวันนี้นางจึงตัดสินใจที่จะเดินทางเข้าไปในตัวเมืองเพื่อไปพบฮูหยินเว่ยผู้นั้นอีกครั้ง
ครั้งนี้นางนำไวน์ออกมาจากระบบมากมายหลายชนิดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถไถ่ถอนที่ดินที่เหวินเซียวเย่นำไปจำนำเอาไว้ได้
ภายในบ้านสกุลเว่ย
“ฮูหยินเจ้าคะแม่นางไป๋มาขอพบเจ้าค่ะ”
“ไป๋ฉางอวี้มางั้นหรือ”
“เจ้าค่ะ”
“วิเศษเสียจริง”
นางรีบกุลีกุจอออกไปต้อนรับสตรีตัวน้อยหน้าบ้านท่ามกลางการจับจ้องมองของบุรุษหนุ่มผู้หนึ่ง
“ท่านแม่จะไปไหนรีบร้อนเสียจริง”
“ฮูหยินจะไปพบสตรีที่นำสุราวิเศษผู้นั้นมาขายน่ะเจ้าค่ะคุณชาย”
“สุราวิเศษที่พ่อบ้านซือบอกว่าล้ำค่ามากนักน่ะหรือ”
“เจ้าค่ะ”
“เป็นใครมาจากไหนกันนะ”
คุณชายใหญ่เว่ยจ้องมองผู้เป็นมารดาที่เดินแกมวิ่งไปยังศาลาหลังงามกลางสวนดอกไม้ ดูท่าทางที่ดีใจจนออกนอกหน้าของนางนั้นเหมือนว่ามารดาของเขาจะถูกชะตากับเด็กคนนี้เป็นอย่างมาก
เมื่อจ้องมองไปที่ศาลาหลังนั้นอีกครั้งก็พบเพียงแผ่นหลังตรงสวย ผมที่ยาวสยายถูกมัดรวบไว้ลวกๆ อย่างไม่ใส่ใจนักแต่กลับไม่ทำให้นางดูแย่ลงสักนิด
“ฉางอวี้ในที่สุดเจ้าก็มาข้ารอเจ้าหลายวันเลย”
“ฮูหยินอยากพบข้าหรือเจ้าคะ”
“รู้หรือไม่เพราะของสิ่งนี้ที่เจ้ามอบให้ข้าทำให้ข้าเห็นโลกใบนี้ชัดเจนอีกครั้ง”
“ข้าดีใจที่ท่านชอบมันเจ้าค่ะ เอ่อฮูหยินที่ข้ามาพบท่านวันนี้เพราะว่าข้ามีเรื่องเดือดร้อนเล็กน้อยจึงอยากที่จะมาขอปรึกษาท่านน่ะเจ้าคะ”
“เจ้ามีเรื่องเดือดร้อนอะไรงั้นหรือ”
“คือว่าที่บ้านของข้ากำลังจะถูกยึดหากว่าหาเงินไปไถ่ถอนไม่ทันคงต้องเสียทั้งบ้านและที่ดินที่สามีของข้าสร้างมันมากับมือจึงอยากจะขอให้ฮูหยินหาร้านที่รับซื้อเครื่องดื่ม เอ่อ ข้าหมายถึงสุราของข้าได้มากๆ หน่อย เพราะว่า…”
“เจ้าหาร้านรับซื้อสุราอยู่งั้นหรือ”
เสียงปริศนาดังแว่วมาด้านหลังของนาง เมื่อไป๋ฉางอวี้หันกลับไปมองก็ถึงกับต้องงุนงงไปชั่วครู่
‘เป็นเขา เหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่ได้นะ’
ฮูหยินเว่ยไม่ทันได้สังเกตอาการของนางก็เอ่ยปากแนะนำบุรุษผู้นั้นต่อทันที
“ฉางอวี้นี่คือเว่ยลั่วหยางลูกชายของข้าเอง”
“ลูกชายของฮูหยินงั้นหรือเจ้าคะ”
“ใช่แล้ว”
“ลั่วหยาง นางคือไป๋ฉางอวี้คนที่ให้สิ่งนี้กับแม่อย่างไรเล่า”
“หลังจากวันนั้นเหตุใดเจ้าถึงไม่ไปที่โรงเผาอีกล่ะ”
“คือว่าสามีของข้าได้รับบาดเจ็บข้าจึงต้องอยู่ดูแลเขานะเจ้าค่ะ
งั้นหรือ”
ไป๋ฉางอวี้พยักหน้าให้เขาเล็กน้อย
“เอ๋ พวกเจ้ารู้จักกันมาก่อนงั้นหรือ”
“เคยพบกันที่โรงดินเผาน่ะขอรับท่านแม่ นางไปทำงานที่นั่น”
“งั้นหรือ วิเศษเสียจริง”
ใบหน้าหล่อเหลานั้นหันมาจับจ้องนางอีกครั้งแววตาฉงนสงสัยนั้นจ้องมองมาที่นางไม่วางตา
“ท่านไม่ต้องเป็นกังวลว่าข้าจะมาหลอกท่านแม่ของท่านหรอกนะเจ้าค่ะข้าเพียงแค่ต้องการความช่วยเหลือเท่านั้น”
“ข้าได้ยินท่านแม่บอกว่าเจ้าคือเจ้าของสุรารสเลิศนั่น”
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ”
“ไม่ต้องไปหาร้านไหนหรอก”
“ทำไมเล่าเจ้าคะ”
เขายิ้มให้นางอย่างอ่อนโยนก่อนที่ทั้งมารดาและสตรีตรงหน้าจะหันไปมองหน้ากัน
-ตลาดจีนเมืองลั่วหนาน-
“เจ้าพาพวกข้ามาที่นี่ทำไมหรือลั่วหยาง”
“ท่านแม่ท่านก็รู้ว่าก่อนหน้านี้ข้ากับท่านพ่อชื่นชอบการค้ายิ่งนักและสะสมที่ดินเอาไว้มากเลยทีเดียว”
“แล้วเกี่ยวอะไรกัน”
“ที่นี่ก็คือหนึ่งกิจการของข้า”
สตรีทั้งสองหันมองหน้ากันทันทีก่อนจะจับจ้องไปยังโรงเตี๊ยมขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในกลางเมืองลั่วหนานแห่งนี้
“ระ โรงเตี๊ยมนี่เป็นของเจ้างั้นหรือ”
“ขอรับ”
“มิน่าเล่าเจ้าถึงแอบข้ามาที่แห่งนี้บ่อยนักข้าก็นึกว่าเจ้าใช้เป็นเส้นทางผ่านไปยังหอเทียนสุยนั่นเสียอีก”
“โถ่ท่านแม่เหตุใดจึงว่าร้ายลูกเช่นนั้นกันเล่าขอรับ”
“ก็จริงนี่นาคนของเจ้าบอกข้าหมดแล้วว่าเจ้าน่ะติดสตรีนางหนึ่งในหอเทียนสุย”
“นั่นเพราะข้าทำงานหาใช่เที่ยวเล่นเสียหน่อย”
“เจ้าจะบอกว่านั่นก็เป็นกิจการของเจ้างั้นหรือ”
เขาไม่ตอบเพียงแค่พยักหน้าให้มารดาเท่านั้น
“นี่เจ้ากล้าปิดบังข้าได้อย่างไรกัน”
“พอเถอะขอรับ พวกเราเข้าไปด้านในกันเถอะ”
“เจ้าค่ะ”
ทั้งหมดเดินเข้ามาในโรงเตี๊ยมที่ใหญ่โตโอ่อ่ายิ่งนักบรรดาเสี่ยวเอ้อในร้านรีบเข้ามาบริการพวกเขาด้วยความรวดเร็วดูแล้วคล่องแคล่วกันยิ่งนัก
คุณชายเว่ยสั่งอาหารมาไม่น้อยหน้าตาอาหารที่นี่น่ากินสมชื่อโรงเตี๊ยมอันดับหนึ่งของเมืองเสียจริง
ขณะที่กินอาหารไปด้วยคุณชายเว่ยก็เสนอราคาและขอรับซื้อสุราของนางไว้เองทั้งหมด
“เงินที่ขายสุราพวกนี้มากมายพอที่จะใช้หนี้ได้ทั้งยังเหลือพอที่จะตั้งตัวได้อีก คุณชายท่านแน่ใจแล้วหรือเจ้าคะว่าจะรับซื้อไว้ทั้งหมด”
“ก็หลงจู๊เพิ่งยืนยันกับข้าเองว่าสุราของเจ้าไม่มีที่ไหนเทียบเท่าได้แม้กระทั่งโรงเตี๊ยมใหญ่ในเมืองหลวงก็ยังต้องพ่ายแพ้ หากข้าไม่รับไว้ทั้งหมดคงโง่เขลาแล้ว”
“เช่นนั้นขอบคุณคุณชายมากนะเจ้าคะ”
“ว่าแต่เจ้าเถอะข้าได้ยินมาว่าสามีของเจ้าตาบอด”
“ไม่ผิดเจ้าคะ”
“เคยรักษาแล้วหรือไม่”
“เรื่องนั้นยังหรอกเจ้าค่ะพวกข้าเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาไหนเลยจะสู้ค่ารักษาได้”
“น่าเสียดายฝีมือการปั้นของสามีเจ้ายอดเยี่ยมอย่าบอกใคร หากว่าเขาไม่ตาบอดแล้วล่ะก็ไม่แน่อาจได้เป็นช่างแกะสลักในเมืองหลวงไปแล้ว”
ไป๋ฉางอวี้ได้ยินดังนั้นก็เงยหน้าขึ้นไปมองคุณชายใหญ่เว่ยทันทu ใจหายเล็กน้อยที่ได้ยินว่าเหวินเซียวเย่มีโอกาสเติบโตในหน้าที่การงานแต่ต้องจากบ้านไปไกลถึงเมืองหลวงแล้วนางกับลูกชายจะทำอย่างไร
‘ไม่สิ บ้าไปแล้วนางจะมาอาลัยอาวรณ์เขาไปเพื่ออะไร นางไม่ใช่ภรรยาตัวจริงของเขาเสียหน่อยนี่นา’
“เดิมทีข้าตั้งใจจะมารบกวนฮูหยินเพื่อติดต่อซื้อขายสุรากันเรื่อยๆ เท่านั้นแต่ในเมื่อพบท่านที่นี่ด้วยเช่นนั้นท่านจะว่าอะไรหรือไม่เจ้าคะหากว่าข้า….”
“อะไรหรือ”
“หากว่าอะไรๆ ลงตัวกว่านี้ข้าจะไปเจรจาซื้อขายเครื่องเคลือบจากท่านมาวาดลวยลายเพื่อเปิดร้านขายน่ะเจ้าค่ะ”
“เปิดร้านขายกระเบื้องเคลือบงั้นหรือ” ฮูหยินเว่ยที่นั่งฟังทั้งสองคนสนทนากันมานานในที่สุดก็เอ่ยปากขึ้นมาสักที
“ใช่แล้วเจ้าค่ะฮูหยิน เดิมทีข้าแค่คิดว่าอยากที่จะเปิดร้านสุราเล็กๆ เป็นการค้าของครอบครัวเท่านั้น”
‘ให้ตายสิในหัวของนางทำไมถึงได้มีแต่เรื่องสุรานะ นางกลายเป็นคนขี้เหล้าแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ บ้าจริง!’
ไป๋ฉางอวี้สะบัดหัวเพื่อไล่ความคิดพวกนั้นออกไปเล็กน้อยแต่แล้วประโยคถัดไปของคุณชายเว่ยก็ทำให้นางรีบเงยหน้าขึ้นมาทันที
“หากว่าเจ้าอยากได้ข้าจะให้คนส่งไปที่บ้านเจ้าได้หาใช่เรื่องยากไม่”
“จริงหรือเจ้าคะ”
“ก็ใช่น่ะสิอีกอย่างนะรสสุราที่เจ้าทำขึ้นมานี้ยอดเยี่ยมเพียงนี้ข้าจะรับซื้อแล้วเจ้าก็มาส่งที่โรงเตี๊ยมก็พอหรือไม่ข้าจะส่งคนไปรับที่บ้านของเจ้าเอง”
“ขอบคุณคุณชายมากเจ้าค่ะ”
“เจ้าอยากเปิดร้านสุราเล็กๆ หรือร้านขายเครื่องกระเบื้องล่ะก็ไม่สู้ย้ายมาเปิดในตัวเมืองไม่ดีกว่าหรือ” ฮูหยินเว่ยเอ่ยออกมาทำเอาหนึ่งบุรุษและหนึ่งสตรีเงยหน้าขึ้นมาสบตากันทันที
“จริงด้วยที่เฟิ่งหวงอยู่ห่างไกลจากตัวเมืองมากพอควร ไม่สู้เจ้าและครอบครัวย้ายมาอยู่ที่นี่ไม่ดีกว่าหรือจะได้ไปมาหาสู่กันได้ง่ายขึ้น” คุณชายเว่ยเองก็เหมือนจะเพิ่งนึกออกจึงเอ่ยสมทบกับผู้เป็นมารดาทันทีด้วยกลัวว่าสตรีตรงหน้าจะเปลี่ยนใจนั่นเอง
“คือว่าข้า”
“หากกังวลเรื่องร้านค้าล่ะก็ข้ายังมีให้เจ้าเลือกอีกหลายหลังอยากได้ตรงไหนของตัวเมืองเพียงแค่บอกมาข้านั้นจัดหาให้ได้อยู่แล้ว”
“คุณชายข้าเกรงใจท่านมากนะเจ้าคะ เท่านี้ก็มากพอแล้ว”
“ยังมีร้านอีกมากมายงั้นหรือมีสิ่งใดที่ข้าไม่รู้อีกหรือไม่”
ฮูหยินเว่ยมองบุตรชายของตนด้วยแววตาดุดัน
“โถ่ท่านแม่บางอย่างก็ไม่จำเป็นต้องบอกหมดนี่ขอรับ แต่ถึงอย่างไรก็คือกิจการของสกุลเว่ยทุกอย่างล้วนเป็นของท่านแม่อยู่แล้ว”
“จะไปเป็นของข้าได้อย่างไร ข้าแก่เพียงนี้แล้วไม่สนใจของพวกนี้หรอก”
“ขอรับๆ”
“เฮอะ แต่ก็จริงดังที่ลูกชายของข้าพูดเจ้าไม่คิดย้ายมาอยู่ในตัวเมืองหรือ มาตั้งรกรากทำการค้าในเมืองย่อมสะดวกกว่านะเทียวไปเทียวมามันเสียเวลานะฉางอวี้”
“คือว่า…ขอบคุณคุณชายและฮูหยินที่เมตตานะเจ้าคะแต่ข้าคงต้องไปปรึกษาสามีของข้าก่อน”
“ไม่เป็นไร ค่อยๆ คิดข้ากับลั่วหยางหาใช่อยากได้ผลประโยชน์อันใดจากเจ้าไม่ ก็เพียงแค่รู้สึกผูกพันธ์กับเจ้าแปลกๆ”
“ข้าว่าพวกท่านไว้ใจคนแปลกหน้ามากไปนะเจ้าคะ”
“ไม่รู้สิเหมือนว่าพวกเรารู้จักกันมานานแล้วอย่างไรก็ไม่รู้ ในเมื่อเข้ามาในตัวเมืองแล้วไม่สู้ไปดูไว้ก่อนดีหรือไม่เล่า”
คุณชายเว่ยเอ่ยออกมาก่อนจะส่งยิ้มอันอบอุ่นให้นาง
“เจ้าคะ?”
เหวินเซียวเย่ คือบุตรชายของหนึ่งในอนุใต้เท้าเว่ยผู้ที่หนีหายออกไปจากจวนเพราะถูกรองฮูหยินใส่ร้ายเรื่องคบชู้กับทหารในจวนทหารคนสนิทที่คอยอยู่เคียงข้างใต้เท้าเว่ยผู้นั้นถูกลงโทษโบยจนตายไป ก่อนหน้าที่จะรับโทษเขาได้วางแผนให้นางหนีออกไปจากจวนไม่ว่าใต้เท้าเว่ยจะออกตามหานางเท่าใดก็ไม่เคยได้พานพบกันอีกเลยฮูหยินเว่ยไม่คิดว่าบุตรชายที่เกิดจากสายเลือดที่แท้จริงของเขานั้นจะยังมีชีวิตอยู่ น่าเสียดายที่ใต้เท้าเว่ยไม่อาจพานพบเขาได้อีกแล้วลายปักผ้าที่ฮูหยินเว่ยยังคงทะนุถนอมมาจนถึงทุกวันนี้นั้นคือผ้าเช็ดหน้าที่มารดาของเหวินเซียวเย่เป็นคนทำขึ้นมา ลวดลายที่คล้ายคลึงกันกับของสามีไป๋ฉางอวี้เป็นเหตุให้นางโยงเรื่องราวทั้งหมดจนทั้งสองคนได้มาพบกันอีกครั้ง“ฮูหยินแม้ว่าข้าจะมีสายเลือดตระกูลเว่ยก็จริงแต่ว่าข้าก็เป็นเพียงบุตรของอนุเท่านั้นหาได้มีสิ่งใดเหมาะสมกับตระกูลของท่านไม่ ท่านได้โปรดอย่าใส่ใจข้าอีกเลยขอรับ”“พูดอะไรเช่นนั้นมารดาของเจ้าเว่ยอิงเป็นเหมือนน้องสาวของข้าหากว่าไม่มีนางข้าก็คงตรอมใจเรื่องอนุคนที่พ่อของเจ้ารับเข้าจวนมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว นางเป
เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่าในที่สุดนางก็มาอาศัยอยู่ในตัวเมืองได้หนึ่งเดือนเต็มๆ แล้ว ร้านค้าของนางแรกเริ่มขายเพียงสุราและอาหารเท่านั้น ส่วนกระเบื้องเคลือบเหล่านี้นางยังคงเก็บสะสมเอาไว้บนชั้นวางเพื่อเรียกความสนใจจากลูกค้าเท่านั้นยังไม่ได้เปิดขายจริงจังเสียทีเพราะงานในร้านที่มากมายจนในแต่ละวันแทบไม่มีเวลาพักทำเอานางลืมเรื่องนั้นไปเสียสนิท ปานรูปหัวใจในที่ลับของเหวินเซียวเย่!กลางดึกคืนนั้นไป๋ฉางอวี้ตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงตะกุกตะกักด้านล่างของร้านค้าแต่เมื่อหันไปมองด้านข้างของตนกลับพบเพียงความว่างเปล่า“ท่านพี่หายไปไหนนะ”ไป๋ฉางอวี้ที่คิดว่าเสียงที่ได้ยินเมื่อครู่อาจเป็นเสียงของผู้เป็นสามีนางจึงลุกจากเตียงนอน แต่ทันใดนั้นอาการวิงเวียนหน้ามืดก็ตีตื้นขึ้นมารู้สึกได้ว่าห้องของนางหมุนได้อาการหน้ามืดเช่นนี้ไม่ใช่ว่านางจะเป็นบ่อยๆ หรือเพราะนางทำงานหนักเกินไปงั้นหรือไป๋ฉางอวี้เลิกคิดฟุ้งซ่านก่อนจะค่อยๆ เดินออกจากห้องนอนแล้วลงมาที่ชั้นล่างเมื่อมาถึงก็ต้องแปลกใจที่เครื่องเคลือบที่สั่งมาก่อนหน้านี้ถูกวางตั้งเอาไว้บนโต๊ะหลายหลายชิ้นที่สำคัญลวดลายเหล่านี้ไม่ใช่
“ในที่ลับของสามีท่านมีปานรูปหัวใจหรือไม่”“พรู๊ด!”“พ่อบ้านซือเหตุใดจึงถามเช่นนี้กันเล่า”ไป๋ฉางอวี้ตกใจจนถึงกับพ่นน้ำชาออกมาใบหน้าของนางแดงก่ำเพราะความเขินอาย‘มาถามเรื่องลับๆ แบบนี้ได้อย่างไรกันนะนางใช่ว่าจะเคยร่วมหอกับเขาเสียที่ไหนกันเล่า คนที่เคยๆ ทำเรื่องนั้นมันก็ภรรยาคนเก่าของเขานี่นาใช่นางเสียที่ไหนกัน’“ก็ท่านกับเขาเป็นสามีภรรยากันย่อมรู้เห็นทุกเรื่องของกันและกันอยู่แล้ว ก่อนหน้าข้าไม่กล้าถามแต่ในเมื่อท่านเป็นคนเริ่มข้าถึงได้กล้าถามออกมาอย่างไรเล่า”“คือว่า”“หืม”ไป๋ฉางอวี้มองหน้าอีกฝ่ายอย่างจนใจตั้งแต่ทะลุมิติมานางได้นอนร่วมเตียงกันกับเขาก็จริงแต่ได้เคยร่วมรักกันที่ไหนเล่ากลางดึกสงัดของคืนนี้ไป๋ฉางอวี้หยิบเอาน้ำหอมออกมาจากระบบวิเศษ น้ำหอมที่มีกลิ่นจางๆ แต่ทำให้เพศตรงข้ามต้องการบางอย่างจากตัวของสตรีได้‘ไม่เอาน่าข
“หุบปากน่า”“!”น้ำเสียงที่กำลังตวาดผู้เป็นน้องชายของเขานั้นทำเอาสองสตรีหันมาจ้องมองพวกเขาในทันที“มีอะไรหรือเจ้าคะ”“ไม่มีอะไร/ไม่มีอะไร”ทั้งคู่รีบตอบพวกนางพร้อมกันทันทีเมื่อเวลาล่วงเลยไปพอสมควรแล้วครอบครัวของเหวินเซียวเผยก็ขอตัวกลับไปเก็บของที่บ้านด้วยความรู้สึกตื่นเต้นดีใจยิ่งนัก-เช้าวันถัดไป-รถม้าจากสกุลเว่ยเข้ามารับสุราจากบ้านของนางตั้งแต่เช้าตรู่ไป๋ฉางอวี้ที่ตกลงกับผู้เป็นสามีเรียบร้อยจึงฝากความไปถึงฮูหยินเว่ยว่าวันพรุ่งนี้เช้าทั้งครอบครัวจะย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองตามที่ได้ตกลงกันมาก่อนหน้านี้พ่อบ้านซือที่ได้ยินดังนั้นก็ตื่นเต้นดีใจอย่างยิ่งรีบควบรถม้ากลับเข้าเมืองไปอย่างไว“ดีใจอะไรถึงเพียงนั้นกันนะ”ไป๋ฉางอวี้ที่ยืนส่งเขาอยู่หน้าประตูอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวให้คนแก่อย่างเขาคืนนั้นทั้งคืนนางนั่งเก็บของลงหีบเก่าๆ ความตื่นเต้นที่จะได้ย้ายบ้านทำเอานางนอนไม่หลับทั้งคืนเช้าวันนี้ขอบตาของนางจึงบวมเปล่งอย่
ไป๋ฉางอวี้ที่เดินตามสองแม่ลูกสกุลเว่ยมาจนถึงใจกลางของตัวเมืองลั่วหนานมาหยุดอยู่ตรงร้านค้าร้านหนึ่ง นางเงยหน้าขึ้นมองอาคารร้านค้าสองชั้นที่ตั้งตระหง่านตรงหน้าด้วยความรู้สึกทึ่งเล็กน้อยคุณชายใหญ่เว่ยผู้นี้มากด้วยสมบัติและรูปโฉมเสียจริงหากว่านางทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของสตรีที่ไม่มีพันธะใดๆ แล้วล่ะก็ไม่แน่นางอาจจะใช้เสน่ห์ของสตรีเกี้ยวของดูสักครั้งก็เป็นได้‘ไม่ได้สิรูปร่างหน้าตาของเขาคล้ายพี่ชายของนางเมื่อชาติที่แล้วเช่นนี้ จะไปคบหาเขาได้ลงคอได้อย่างไรกัน น่าขนลุกจะตายไป’“เจ้าเป็นอะไร”“เจ้าคะ”“ข้าเห็นเจ้าทำหน้าตาแปลกๆ”“เอ่อ คือว่าข้าคิดว่ามันใหญ่โตไปหรือไม่เจ้าคะคุณชาย”“ไม่หรอกนี่เหมาะสมแล้ว อยู่ใจกลางเมืองทั้งยังมีข้าวของที่เหมาะกับการค้าที่เจ้าตั้งใจจะทำอีกด้วย”“จริงหรือเจ้าคะ”“เดิมทีร้านนี้คือร้านขายอาหารน่ะแต่เจ้าของย้ายออกไปอยู่ในเมืองหลวงจึงทิ้งร้างเอาไว้ ข้าจึงได้รับซื้อเอาไว้ไปดูข้างในกันเถอะ”“เจ้าค่ะ”นางเดินตามฮูหยินและคุณชายเว่ยเข้าไปด้านในร้าน ภายในถูกตกแต่งเอาไว้อย่างงดงามทางเด
ไป๋ฉางอวี้ที่นอนคิดมาทั้งคืนเช้าวันนี้นางจึงตัดสินใจที่จะเดินทางเข้าไปในตัวเมืองเพื่อไปพบฮูหยินเว่ยผู้นั้นอีกครั้งครั้งนี้นางนำไวน์ออกมาจากระบบมากมายหลายชนิดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถไถ่ถอนที่ดินที่เหวินเซียวเย่นำไปจำนำเอาไว้ได้ภายในบ้านสกุลเว่ย“ฮูหยินเจ้าคะแม่นางไป๋มาขอพบเจ้าค่ะ”“ไป๋ฉางอวี้มางั้นหรือ”“เจ้าค่ะ”“วิเศษเสียจริง”นางรีบกุลีกุจอออกไปต้อนรับสตรีตัวน้อยหน้าบ้านท่ามกลางการจับจ้องมองของบุรุษหนุ่มผู้หนึ่ง“ท่านแม่จะไปไหนรีบร้อนเสียจริง”“ฮูหยินจะไปพบสตรีที่นำสุราวิเศษผู้นั้นมาขายน่ะเจ้าค่ะคุณชาย”“สุราวิเศษที่พ่อบ้านซือบอกว่าล้ำค่ามากนักน่ะหรือ”“เจ้าค่ะ”“เป็นใครมาจากไหนกันนะ”คุณชายใหญ่เว่ยจ้องมองผู้เป็นมารดาที่เดินแกมวิ่งไปยังศาลาหลังงามกลางสวนดอกไม้ ดูท่าทางที่ดีใจจนออกนอกหน้าของนางนั้นเหมือนว่ามารดาของเขาจะถูกชะตากับเด็กคนนี้เป็นอย่างมากเมื่อจ้องมองไปที่ศาลาหลังนั้นอีกครั้งก็พบเพียงแผ่นหลังตรงสวย ผมที่ยาวสยายถูกมัดรวบไว้ลวกๆ อย่างไม่ใส







