LOGINไป๋ฉางอวี้ถอนหายใจทั้งยังส่ายหน้าให้กับความดื้อรั้นของสามี นางคีบเอาเนื้อหมูตุ๋นมาไว้ในจานของเขาผักดองที่นางเอาออกมาจากระบบวิเศษไม่ต้องเสียเงินซื้อในราคาที่สูงลิ่วเช่นนั้นรสชาติอร่อยอย่าบอกใคร
“ท่านแม่อาหารวันนี้น่ากินยิ่งนักขอรับ ท่านแม่ทำเองหมดเลยงั้นหรือ”
“ใช่ที่ไหนกันเล่าข้าแวะซื้อมาจากตลาดต่างหาก หากว่าน่ากินก็กินเยอะๆ ล่ะท่านก็เหมือนกันไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ถูกปากเพราะข้าไม่ได้ทำเอง”
พูดจบนางก็ก้มหน้าก้มตากินอาหารต่อ ความอึดอัดที่ถูกระบายออกไปแต่ก็ยังคงไม่หายขุ่นเคืองใจแต่อย่างใดเพราะนางยังคงรู้สึกโกรธตัวเอง ไม่สิโกรธเจ้าของร่างนี้ไม่หาย
‘คนอะไรขายได้แม้กระทั่งคนในครอบครัวน่ารังเกียจเสียจริง’
“เจ้า…”
“ข้ารู้ว่าท่านจะถามอะไร ข้าเคยบอกท่านไปแล้วว่าข้าหามาได้ด้วยตัวของข้าเองใช่ว่าไปปล้นของใครมาท่านวางใจเถอะแล้วก็กินข้าวได้แล้ว”
เหวินเซียวเย่ฟังจากน้ำเสียงของนางก็รู้รับได้ว่านางน่าจะอารมณ์ไม่ดีอยู่จึงไม่คิดจะถามสิ่งใดออกไปอีก เขาละความสนใจแล้วเริ่มลงมือกินอาหารทันที
“พรุ่งนี้ข้าจะเข้าไปในเมืองเสียหน่อยท่านดูแลลูกแทนข้าด้วยนะเจ้าคะ”
“จะไปทำไมอีกเล่า”
“ไว้ถึงเวลาข้าจะบอกท่านเอง อาหยวนกินนี่สิเจ้าจะได้แข็งแรงดูแลท่านพ่อช่วยข้าได้อย่างไรเล่า”
“ขอรับ”
กลางดึกคืนนั้นไป๋ฉางอวี้ก็ยังคงนอนไม่หลับนางลุกขึ้นจากเตียงนอนก่อนจะเดินออกมายังระเบียงหน้าบ้าน ครุ่นคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด
‘หากว่านางมีเงินมากๆ ก็คงดีไม่ว่าจะยุคไหนๆ ขอแค่มีเงินเท่านั้นทุกอย่างก็ดูง่ายไปหมด’
“เหตุใดเจ้ายังไม่นอนไหนบอกพรุ่งนี้จะเข้าเมืองอย่างไรเล่า”
“ท่านก็ยังไม่นอนนี่นา เดินออกมาทำไมกันหากชนนู่นนี่อีกข้าจะเย็บแผลให้ท่านด้วยตนเองแล้วนะ”
“นั่นเพราะเจ้าเองก็ยังไม่นอน”
“ท่านต้องรอข้านอนก่อนงั้นหรือถึงจะนอนได้”
เขาไม่ตอบแต่พยักหน้าให้นางเล็กน้อย
“ท่านเป็นอะไรหรือคิดเรื่องเมื่อบ่ายนี้อยู่หรือ”
“ข้าไร้ความสามารถยิ่งนัก”
“นั่นเป็นเพราะข้าไม่ใช่หรือท่านถึงต้องจำนำที่ดินผืนนี้”
“แต่ก็ทำให้เจ้าลำบากไปด้วย”
ดูๆ ไปแล้วบุรุษผู้นี้น่าจะรักฮูหยินของเขามากจริงๆ ไม่ยอมโทษนางเลยแม้เพียงนิด
“หากข้าจำไม่ผิดที่นี่คือบ้านที่ท่านซื้อมาด้วยตนเองใช่หรือไม่”
เขาพยักหน้าให้นางเล็กน้อย
“หากต้องตกไปอยู่ในมือคนอื่นก็คงเสียดายแย่”
ได้ยินดังนั้นเขาก็เบือนหน้าหนีนางเล็กน้อย
“แต่ท่านไม่ต้องเป็นกังวลไปข้ามีวิธี”
“วิธีอะไร”
ไป๋ฉางอวี้ยิ้มให้เขาเล็กน้อยแม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าผู้เป็นสามีไม่มีทางได้เห็นรอยยิ้มนี้แต่นางก็อยากยิ้มให้เขาจริงๆ
ใบหน้าหล่อเหลานี้ทำให้ไป๋ฉางอวี้คิดไปถึงคำพูดของสตรีคนหนึ่งที่ไปทำงานที่โรงเผาด้วยกัน
“สามีของเจ้าเป็นอย่างไรบ้างงั้นหรือ”
“หืม สามีของข้างั้นหรือ”
“ใช่แล้วข้านั้นยุ่งจนไม่มีเวลาไปเยี่ยมเลย”
ไป๋ฉางอวี้มองใบหน้าที่กำลังเขินอายอยู่นั้นก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“แต่เจ้าอย่าคิดมากเลยนะเจ้าเคยบอกข้าว่ารังเกียจบุรุษตาบอดไม่ใช่หรือ ไม่ต้องกังวลไปหากท่านพี่เซียวเย่เปิดใจข้านั้นจะดูแลเขาให้เป็นอย่างดี”
“อะไรนะ!”
ไป๋ฉางอวี้รู้สึกรังเกียจเจ้าของร่างนี้เป็นอย่างมาก นางกล้าขายสามีของตนเองให้สตรีคนอื่นเพียงเพราะเขาไร้ความสามารถในการทำงานหาเงินให้นางเท่านั้นเองหรือ ไหนจะแอบเก็บเงินที่เขาตั้งใจจำนำที่ดินที่สร้างมันมากับมือไว้เพียงคนเดียวอีก
‘เป็นคนที่เห็นแก่ตัวและร้ายกาจมากเสียจริง เหวินเซียวเย่รักนางลงได้อย่างไรกัน’
ไป๋ฉางอวี้หลับตาลงพยายามไม่คิดถึงเรื่องที่ได้รับรู้มาต่อจากนี้นางจะดูแลครอบครัวนี้ดูแลสองพ่อลูกนี้ให้ดี แม้วันหนึ่งจะต้องจากกันแต่หากพวกเขาสุขสบายขึ้นแค่นี้ก็ดีมากแล้ว
“ดึกมากแล้วไปนอนกันเถอะเจ้าค่ะ”
“อืม”
ทั้งคู่เดินเข้ามาในห้องนอนบนเตียงนอนยังคงมีร่างเล็กที่นอนแผ่หลาอยู่บนเตียงเพียงลำพัง ขณะที่เหวินเซียวเย่จะล้มตัวลงนอนก็ถูกไป๋ฉางอวี้รั้งข้อมือของเขาเอาไว้
“มีอะไรหรือ”
“ท่านนั่งก่อนข้าจะทายาให้”
“ยาอะไร”
“ก็ร่างกายของท่านมีแต่รอยฟกช้ำทายาเสียหน่อยจะได้หายไวๆ”
เขาไม่ได้ตอบนางและปล่อยให้นางทำตามที่ต้องการ มือนุ่มนิ่มของนางที่จับต้องร่างกายกำยำของเขาทำเอาเหวินเซียวเย่ตื่นตัวขึ้นมาทันใด
“ขะ ข้าว่าข้าทาเองดีกว่า”
“ได้อย่างไรก็ท่านมองไม่เห็นรู้หรือว่าต้องทาตรงไหน”
“ข้าจับๆ ดูก็ได้”
“ไม่ได้ท่านอย่าดื้อสิข้าจะทาให้เอง”
เหวินเซียวเย่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากพยายามฝืนเกร็งร่างกายที่ร้อนรุ่มในเวลานี้เอาไว้ รอคอยจนนางทายาเสร็จถึงได้หายใจโล่งทันที
“ท่านร้อนหรือ”
“หืม ข้าหรือ”
“ใช่ ท่านเหงื่อออกร้อนงั้นหรือแต่อากาศก็เย็นเพียงนี้ร้อนได้อย่างไรกันนะ”
“ข้าไม่ได้ร้อน ดึกมากแล้วเจ้านอนเถอะเหนื่อยมาทั้งวันแล้วนี่นา”
“อืม”
ไป๋ฉางอวี้ทิ้งตัวลงนอนเมื่อหัวถึงหมอนก็หลับลงอย่างง่ายดาย เหวินเซียวเย่ที่นอนลงไปไม่นานก็หันไปมองสตรีผู้เป็นภรรยาลมหายใจที่ดูสม่ำเสมอของนางดูท่าคงจะหลับไปแล้วจริงๆ เขาหันกลับมาก่อนจะใช้มือก่ายหน้าผากของตนเองพยายามทำจิตใจให้นิ่งเข้าไว้
‘อดทนไว้สิเซียวเย่เจ้าจะมาตื่นตอนนี้ไม่ได้!’
เหวินเซียวเย่ คือบุตรชายของหนึ่งในอนุใต้เท้าเว่ยผู้ที่หนีหายออกไปจากจวนเพราะถูกรองฮูหยินใส่ร้ายเรื่องคบชู้กับทหารในจวนทหารคนสนิทที่คอยอยู่เคียงข้างใต้เท้าเว่ยผู้นั้นถูกลงโทษโบยจนตายไป ก่อนหน้าที่จะรับโทษเขาได้วางแผนให้นางหนีออกไปจากจวนไม่ว่าใต้เท้าเว่ยจะออกตามหานางเท่าใดก็ไม่เคยได้พานพบกันอีกเลยฮูหยินเว่ยไม่คิดว่าบุตรชายที่เกิดจากสายเลือดที่แท้จริงของเขานั้นจะยังมีชีวิตอยู่ น่าเสียดายที่ใต้เท้าเว่ยไม่อาจพานพบเขาได้อีกแล้วลายปักผ้าที่ฮูหยินเว่ยยังคงทะนุถนอมมาจนถึงทุกวันนี้นั้นคือผ้าเช็ดหน้าที่มารดาของเหวินเซียวเย่เป็นคนทำขึ้นมา ลวดลายที่คล้ายคลึงกันกับของสามีไป๋ฉางอวี้เป็นเหตุให้นางโยงเรื่องราวทั้งหมดจนทั้งสองคนได้มาพบกันอีกครั้ง“ฮูหยินแม้ว่าข้าจะมีสายเลือดตระกูลเว่ยก็จริงแต่ว่าข้าก็เป็นเพียงบุตรของอนุเท่านั้นหาได้มีสิ่งใดเหมาะสมกับตระกูลของท่านไม่ ท่านได้โปรดอย่าใส่ใจข้าอีกเลยขอรับ”“พูดอะไรเช่นนั้นมารดาของเจ้าเว่ยอิงเป็นเหมือนน้องสาวของข้าหากว่าไม่มีนางข้าก็คงตรอมใจเรื่องอนุคนที่พ่อของเจ้ารับเข้าจวนมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว นางเป
เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่าในที่สุดนางก็มาอาศัยอยู่ในตัวเมืองได้หนึ่งเดือนเต็มๆ แล้ว ร้านค้าของนางแรกเริ่มขายเพียงสุราและอาหารเท่านั้น ส่วนกระเบื้องเคลือบเหล่านี้นางยังคงเก็บสะสมเอาไว้บนชั้นวางเพื่อเรียกความสนใจจากลูกค้าเท่านั้นยังไม่ได้เปิดขายจริงจังเสียทีเพราะงานในร้านที่มากมายจนในแต่ละวันแทบไม่มีเวลาพักทำเอานางลืมเรื่องนั้นไปเสียสนิท ปานรูปหัวใจในที่ลับของเหวินเซียวเย่!กลางดึกคืนนั้นไป๋ฉางอวี้ตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงตะกุกตะกักด้านล่างของร้านค้าแต่เมื่อหันไปมองด้านข้างของตนกลับพบเพียงความว่างเปล่า“ท่านพี่หายไปไหนนะ”ไป๋ฉางอวี้ที่คิดว่าเสียงที่ได้ยินเมื่อครู่อาจเป็นเสียงของผู้เป็นสามีนางจึงลุกจากเตียงนอน แต่ทันใดนั้นอาการวิงเวียนหน้ามืดก็ตีตื้นขึ้นมารู้สึกได้ว่าห้องของนางหมุนได้อาการหน้ามืดเช่นนี้ไม่ใช่ว่านางจะเป็นบ่อยๆ หรือเพราะนางทำงานหนักเกินไปงั้นหรือไป๋ฉางอวี้เลิกคิดฟุ้งซ่านก่อนจะค่อยๆ เดินออกจากห้องนอนแล้วลงมาที่ชั้นล่างเมื่อมาถึงก็ต้องแปลกใจที่เครื่องเคลือบที่สั่งมาก่อนหน้านี้ถูกวางตั้งเอาไว้บนโต๊ะหลายหลายชิ้นที่สำคัญลวดลายเหล่านี้ไม่ใช่
“ในที่ลับของสามีท่านมีปานรูปหัวใจหรือไม่”“พรู๊ด!”“พ่อบ้านซือเหตุใดจึงถามเช่นนี้กันเล่า”ไป๋ฉางอวี้ตกใจจนถึงกับพ่นน้ำชาออกมาใบหน้าของนางแดงก่ำเพราะความเขินอาย‘มาถามเรื่องลับๆ แบบนี้ได้อย่างไรกันนะนางใช่ว่าจะเคยร่วมหอกับเขาเสียที่ไหนกันเล่า คนที่เคยๆ ทำเรื่องนั้นมันก็ภรรยาคนเก่าของเขานี่นาใช่นางเสียที่ไหนกัน’“ก็ท่านกับเขาเป็นสามีภรรยากันย่อมรู้เห็นทุกเรื่องของกันและกันอยู่แล้ว ก่อนหน้าข้าไม่กล้าถามแต่ในเมื่อท่านเป็นคนเริ่มข้าถึงได้กล้าถามออกมาอย่างไรเล่า”“คือว่า”“หืม”ไป๋ฉางอวี้มองหน้าอีกฝ่ายอย่างจนใจตั้งแต่ทะลุมิติมานางได้นอนร่วมเตียงกันกับเขาก็จริงแต่ได้เคยร่วมรักกันที่ไหนเล่ากลางดึกสงัดของคืนนี้ไป๋ฉางอวี้หยิบเอาน้ำหอมออกมาจากระบบวิเศษ น้ำหอมที่มีกลิ่นจางๆ แต่ทำให้เพศตรงข้ามต้องการบางอย่างจากตัวของสตรีได้‘ไม่เอาน่าข
“หุบปากน่า”“!”น้ำเสียงที่กำลังตวาดผู้เป็นน้องชายของเขานั้นทำเอาสองสตรีหันมาจ้องมองพวกเขาในทันที“มีอะไรหรือเจ้าคะ”“ไม่มีอะไร/ไม่มีอะไร”ทั้งคู่รีบตอบพวกนางพร้อมกันทันทีเมื่อเวลาล่วงเลยไปพอสมควรแล้วครอบครัวของเหวินเซียวเผยก็ขอตัวกลับไปเก็บของที่บ้านด้วยความรู้สึกตื่นเต้นดีใจยิ่งนัก-เช้าวันถัดไป-รถม้าจากสกุลเว่ยเข้ามารับสุราจากบ้านของนางตั้งแต่เช้าตรู่ไป๋ฉางอวี้ที่ตกลงกับผู้เป็นสามีเรียบร้อยจึงฝากความไปถึงฮูหยินเว่ยว่าวันพรุ่งนี้เช้าทั้งครอบครัวจะย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองตามที่ได้ตกลงกันมาก่อนหน้านี้พ่อบ้านซือที่ได้ยินดังนั้นก็ตื่นเต้นดีใจอย่างยิ่งรีบควบรถม้ากลับเข้าเมืองไปอย่างไว“ดีใจอะไรถึงเพียงนั้นกันนะ”ไป๋ฉางอวี้ที่ยืนส่งเขาอยู่หน้าประตูอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวให้คนแก่อย่างเขาคืนนั้นทั้งคืนนางนั่งเก็บของลงหีบเก่าๆ ความตื่นเต้นที่จะได้ย้ายบ้านทำเอานางนอนไม่หลับทั้งคืนเช้าวันนี้ขอบตาของนางจึงบวมเปล่งอย่
ไป๋ฉางอวี้ที่เดินตามสองแม่ลูกสกุลเว่ยมาจนถึงใจกลางของตัวเมืองลั่วหนานมาหยุดอยู่ตรงร้านค้าร้านหนึ่ง นางเงยหน้าขึ้นมองอาคารร้านค้าสองชั้นที่ตั้งตระหง่านตรงหน้าด้วยความรู้สึกทึ่งเล็กน้อยคุณชายใหญ่เว่ยผู้นี้มากด้วยสมบัติและรูปโฉมเสียจริงหากว่านางทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของสตรีที่ไม่มีพันธะใดๆ แล้วล่ะก็ไม่แน่นางอาจจะใช้เสน่ห์ของสตรีเกี้ยวของดูสักครั้งก็เป็นได้‘ไม่ได้สิรูปร่างหน้าตาของเขาคล้ายพี่ชายของนางเมื่อชาติที่แล้วเช่นนี้ จะไปคบหาเขาได้ลงคอได้อย่างไรกัน น่าขนลุกจะตายไป’“เจ้าเป็นอะไร”“เจ้าคะ”“ข้าเห็นเจ้าทำหน้าตาแปลกๆ”“เอ่อ คือว่าข้าคิดว่ามันใหญ่โตไปหรือไม่เจ้าคะคุณชาย”“ไม่หรอกนี่เหมาะสมแล้ว อยู่ใจกลางเมืองทั้งยังมีข้าวของที่เหมาะกับการค้าที่เจ้าตั้งใจจะทำอีกด้วย”“จริงหรือเจ้าคะ”“เดิมทีร้านนี้คือร้านขายอาหารน่ะแต่เจ้าของย้ายออกไปอยู่ในเมืองหลวงจึงทิ้งร้างเอาไว้ ข้าจึงได้รับซื้อเอาไว้ไปดูข้างในกันเถอะ”“เจ้าค่ะ”นางเดินตามฮูหยินและคุณชายเว่ยเข้าไปด้านในร้าน ภายในถูกตกแต่งเอาไว้อย่างงดงามทางเด
ไป๋ฉางอวี้ที่นอนคิดมาทั้งคืนเช้าวันนี้นางจึงตัดสินใจที่จะเดินทางเข้าไปในตัวเมืองเพื่อไปพบฮูหยินเว่ยผู้นั้นอีกครั้งครั้งนี้นางนำไวน์ออกมาจากระบบมากมายหลายชนิดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถไถ่ถอนที่ดินที่เหวินเซียวเย่นำไปจำนำเอาไว้ได้ภายในบ้านสกุลเว่ย“ฮูหยินเจ้าคะแม่นางไป๋มาขอพบเจ้าค่ะ”“ไป๋ฉางอวี้มางั้นหรือ”“เจ้าค่ะ”“วิเศษเสียจริง”นางรีบกุลีกุจอออกไปต้อนรับสตรีตัวน้อยหน้าบ้านท่ามกลางการจับจ้องมองของบุรุษหนุ่มผู้หนึ่ง“ท่านแม่จะไปไหนรีบร้อนเสียจริง”“ฮูหยินจะไปพบสตรีที่นำสุราวิเศษผู้นั้นมาขายน่ะเจ้าค่ะคุณชาย”“สุราวิเศษที่พ่อบ้านซือบอกว่าล้ำค่ามากนักน่ะหรือ”“เจ้าค่ะ”“เป็นใครมาจากไหนกันนะ”คุณชายใหญ่เว่ยจ้องมองผู้เป็นมารดาที่เดินแกมวิ่งไปยังศาลาหลังงามกลางสวนดอกไม้ ดูท่าทางที่ดีใจจนออกนอกหน้าของนางนั้นเหมือนว่ามารดาของเขาจะถูกชะตากับเด็กคนนี้เป็นอย่างมากเมื่อจ้องมองไปที่ศาลาหลังนั้นอีกครั้งก็พบเพียงแผ่นหลังตรงสวย ผมที่ยาวสยายถูกมัดรวบไว้ลวกๆ อย่างไม่ใส







