공유

บทที่ 4

작가: ไป๋เสวียน
โรงพยาบาลเด็ก แผนกฉุกเฉิน

“เกิดอะไรขึ้นคะ?!” สวีสวี่วิ่งเข้ามาพร้อมกับหอบหายใจ

“หวยหวยกินของผิดสำแดงเข้าไปเลยแพ้” น้ำเสียงของเจียงเส้าชิงเต็มไปด้วยความร้อนรน

สวีสวี่ร้อนใจราวกับไฟเผา “แพ้เหรอคะ? ฉันเขียนรายการอาหารที่แพ้ให้หมดแล้วไม่ใช่เหรอ? พวกคุณไม่ได้ดูกันเหรอ?”

เถาหลินรีบกล่าวขอโทษ “เป็นความผิดของฉันเอง ฉันไม่คิดว่าหวยหวยจะแพ้มะม่วงด้วย ขอโทษนะคะ ขอโทษด้วย......”

“เถาหลินก็แค่หวังดี” เจียงเส้าชิงกล่าว “อีกอย่าง กระดาษที่เธอเขียนก็ทำหายไปโดยไม่ตั้งใจ ไม่แน่ว่าเธออาจจะเขียนไม่ชัดเจนก็ได้”

“ฉันเขียนไม่ชัดเจน?” ความโกรธของสวีสวี่พุ่งขึ้นมาทันที

ของที่ลูก ๆ กินไม่ได้ เธอท่องจำได้ขึ้นใจ!

ก่อนที่จะยื่นข้อควรระวังให้พวกเขา เธอยังตรวจสอบซ้ำอีกรอบ เพื่อป้องกันการตกหล่น มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะเขียนไม่ชัดเจน?

แล้วผลสุดท้ายคือทำหายงั้นเหรอ?

ทันใดนั้นเจียงเส้าชิงก็ได้กลิ่นแอลกอฮอล์จาง ๆ “เธอดื่มเหล้ามาเหรอ? ลูกป่วยขนาดนี้ เธอยังมีอารมณ์ดื่มเหล้าอีกเหรอ?”

สวีสวี่เต็มไปด้วยความโกรธ “พวกคุณเป็นคนพาลูกออกไป แต่ตอนนี้คุณกลับมาโทษ......”

“สวีสวี่!”

สายตาของเจียงเส้าชิงลึกล้ำจนน่ากลัว เขาโพล่งออกมาว่า “สิ่งที่เธอควรทำตอนนี้คือไปดูอาการของลูก ไม่ใช่มายืนปัดความรับผิดชอบอยู่ตรงนี้ แม่เลี้ยงก็คือแม่เลี้ยงวันยังค่ำ”

หัวใจของสวีสวี่ดังตึ้กตั้ก พร้อมกับความรู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกฉีกกระชากอย่างชัดเจน

เธอนึกไม่ถึงเลยว่า คำพูดนี้จะออกมาจากปากของเจียงเส้าชิง

สวีสวี่ถามใจตัวเอง การดูแลลูกทั้งสองคน เธอไม่กล้าพูดว่าทำได้สมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เธอก็ทุ่มเทให้ทั้งหัวใจแล้ว

แต่ตอนนี้ เพื่อที่จะรักษาความรู้สึกของเถาหลิน เขากลับทำร้ายเธอด้วยคำพูดแบบนี้ ราวกับว่าคนที่ทำให้ลูกแพ้ในวันนี้คือตัวเธอเองอย่างนั้นแหละ

ในสายตาของเขา เธอเป็นแค่แม่เลี้ยงที่ไม่ได้เรื่องไม่ได้ราวเท่านั้นเองเหรอ?

ความน้อยเนื้อต่ำใจอัดแน่นอยู่ในอก จนเธอไม่สามารถระบายออกมาได้

“ญาติของเจียงหวยอยู่ไหนคะ? เชิญเข้ามาหน่อยค่ะ” ผู้ช่วยแพทย์ตะโกนเรียก

ทั้งสามคนเดินเข้าไปในห้องทำงานพร้อมกัน

แพทย์เจ้าของไข้เป็นแพทย์หญิงอายุราวห้าสิบปี เธอถามว่า “ใครคือพ่อแม่ของเด็กคะ?”

“พวกเราค่ะ/ครับ!”

เถาหลินดึงแขนเจียงเส้าชิงก้าวไปข้างหน้าทันที ทำท่าทางเป็นห่วงลูกสุดหัวใจ

สวีสวี่ยืนอยู่ด้านหลังของทั้งสองคน เธอไม่มีอารมณ์จะไปสนใจสถานการณ์ตรงหน้า สิ่งเดียวที่เธออยากรู้คืออาการของลูกเป็นอย่างไรบ้าง

แพทย์หญิงกล่าวว่า “เด็กอายุหกขวบแล้ว อะไรกินได้อะไรกินไม่ได้ ยังไม่รู้อีกเหรอคะ? อย่าเห็นอาการแพ้เป็นเรื่องล้อเล่นนะคะ อาการแพ้บางอย่างถึงขั้นเสียชีวิตได้เลย วันนี้โชคดีที่เด็กกินเข้าไปไม่เยอะ ไม่อย่างนั้นกว่าจะส่งมาถึงก็สายเกินไปแล้ว”

เมื่อถูกตำหนิ เถาหลินก็กล่าวขอโทษ “เป็นความประมาทของฉันเองค่ะ”

“คุณเป็นแม่ประสาอะไรกัน” แพทย์หญิงไม่ชอบพ่อแม่ที่สะเพร่าแบบนี้ที่สุด

เถาหลินทำท่าทางน้อยใจและร้อนรน “ฉัน...... ฉันไม่ได้อยู่กับพวกเขามาตั้งแต่เด็ก ฉันก็เลยไม่รู้ว่าลูกแพ้อะไร อีกอย่างที่ลูก ๆ แพ้ง่ายแบบนี้ เป็นเพราะสภาพแวดล้อมที่เติบโตมารึเปล่าคะ?”

คำถามนี้ดูเหมือนพยายามจะโทษว่าเป็นความผิดของสวีสวี่ที่เลี้ยงลูกไม่ดี

แพทย์หญิงกล่าว “เด็กมีสารก่อภูมิแพ้ในตัวหลายอย่าง ปัจจัยก็มีเยอะค่ะ สภาพแวดล้อม ยีน และอื่น ๆ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ อาหารการกินของแม่ในช่วงตั้งครรภ์”

เถาหลินเบือนหน้าหนีอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย

ตอนที่เธอตั้งครรภ์ ที่บ้านประสบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทำให้เธออารมณ์ไม่ดี ไม่เคยระมัดระวังเรื่องการกินเลย แถมยังดื่มเหล้าอีกด้วย

แพทย์หญิงสังเกตเห็นบางอย่าง และสันนิษฐานจากประสบการณ์อย่างชำนาญ “พวกคุณหย่ากันเหรอคะ? แล้วใครเป็นคนดูแลเด็ก?”

เจียงเส้าชิงหันไปมองสวีสวี่ในทันที

สวีสวี่ก้าวไปข้างหน้า “สวัสดีค่ะคุณหมอ ฉัน...... ฉันเป็นแม่เลี้ยงของเด็ก ๆ ค่ะ”

แพทย์หญิงมองสวีสวี่แวบหนึ่ง หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งก็กล่าวว่า “คุณไม่รู้เหรอคะว่าเด็กแพ้อะไร?”

สวีสวี่กำมือแน่น ทันใดนั้นเธอก็ไม่อยากรับผิดในเรื่องที่ไม่ได้ก่อ “ฉันทราบค่ะ ตอนที่คุณแม่ของเด็ก ๆ พาพวกเขาออกไป ฉันเขียนข้อควรระวังให้แล้ว แต่กระดาษแผ่นนั้นถูกทำหายไปค่ะ”

เจียงเส้าชิงขมวดคิ้วเล็กน้อย

ดูเหมือนเขาไม่อยากให้สวีสวี่โทษว่าเรื่องนี้เป็นความผิดของเถาหลิน

แต่สวีสวี่ไม่มีเวลามาสนใจอารมณ์ของเขา เธอรีบถามคุณหมอ “อาการของลูกหนักไหมคะ? อาเจียนรึเปล่าคะ? มีไข้ไหมคะ?”

เมื่อได้ยินคำถามของเธอ แพทย์หญิงก็รู้ได้ทันทีว่าแม่เลี้ยงคนนี้ใส่ใจเด็กมาก

ตรงกันข้ามกับแม่แท้ ๆ คนนั้น ดูเหมือนจะไม่สนใจเลยว่าลูกเป็นอย่างไรบ้าง จนถึงตอนนี้ยังไม่ถามสักคำว่าอาการของเด็กเป็นอย่างไรบ้างแล้ว

แพทย์หญิงจึงดึงสวีสวี่เข้ามา แล้วกำชับเรื่องต่าง ๆ สุดท้ายจึงกล่าวว่า “ต้องให้น้ำเกลือ และนอนโรงพยาบาลเพื่อดูอาการ ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็กลับบ้านได้ค่ะ”

“ค่ะ” สวีสวี่ถอนหายใจอย่างโล่งอก

แพทย์หญิงไม่ได้ไว้หน้าคนอีกสองคนเลย “ถ้าดูแลเด็กไม่ดีก็อย่ามาอวดเก่ง คิดว่าการเลี้ยงเด็กให้โตมาคนหนึ่งมันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”

เถาหลินหน้าแดงก่ำ เธอหันหลังเดินออกไปทั้งน้ำตา

ระหว่างทางไปห้องผู้ป่วย เธอกล่าวโทษตัวเอง “เส้าชิง ฉันเป็นแม่ที่ไม่ได้เรื่องจริง ๆ ความประมาทของฉันทำให้ลูกต้องมาเป็นแบบนี้”

เจียงเส้าชิงปลอบ “ไม่ใช่ความผิดของเธอหรอก เธอก็ไม่รู้ว่าลูกแพ้อะไรบ้าง คุณหมอก็บอกแล้วนี่ว่าไม่เป็นอะไรมาก”

ทั้งสามคนเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วยพร้อมกัน

สวีสวี่ตั้งใจจะเข้าไปดูเจียงหวย แต่เถาหลินกลับเดินเข้าไปใกล้เตียงผู้ป่วยก่อน

เธอกับเจียงเส้าชิงยืนอยู่ซ้ายขวาคนละข้างของเตียง คอยดูแลเจียงหวย ดูเหมือนครอบครัวที่รักใคร่และอบอุ่น

“หวยหวย เป็นความผิดของพ่อเอง ต่อไปพ่อจะระวังให้ดีกว่านี้ ขอโทษนะ” เจียงเส้าชิงจับมือเล็ก ๆ ของลูกชาย ในใจก็รู้สึกเป็นห่วงอย่างยิ่ง

เจียงหวยเบ้ปาก ไม่ค่อยพอใจที่เถาหลินอยู่ที่นี่ จึงไม่ตอบคำถามของพ่อ

เขาอยากให้แม่อยู่เป็นเพื่อน

เมื่อเห็นทั้งสองคนเฝ้าเจียงหวยอยู่ สวีสวี่จึงพาเจียงรั่วเดินออกจากห้องผู้ป่วย

สวีสวี่นั่งลงบนเก้าอี้ตรงทางเดิน เจียงรั่วโอบคอเธอไว้ “คุณแม่อย่าเสียใจเลยนะ คุณพ่อไม่มาอยู่เป็นเพื่อนคุณแม่ เดี๋ยวรั่วรั่วอยู่เป็นเพื่อนเองค่ะ”

คำพูดนี้ยิ่งทำให้ความเศร้าในใจของสวีสวี่เพิ่มมากขึ้น “แม่ไม่เสียใจจ้ะ”

...

ภายในห้องผู้ป่วย

เถาหลินมองเจียงหวย ดวงตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน “เขาว่ากันว่าลูกชายจะเหมือนแม่ นายดูดวงตาของหวยหวยสิ เหมือนฉันเปี๊ยบเลย แล้วก็นิสัยของรั่วรั่วอีก นี่ก็...... ถอดแบบมาจากฉันเป๊ะเลย พอเห็นพวกเขาแล้ว ก็เหมือนได้เห็นตัวเองตอนเด็กเลยจริง ๆ ”

เจียงเส้าชิงอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเถาหลินในวัยเด็กที่อารมณ์ร้อน ไม่เกรงกลัวอะไร

ลูกสาวของเขาก็เหมือนกับเถาหลินเวอร์ชันย่อส่วน

เขาพยักหน้า “เหมือนมากจริง ๆ ”

เถาหลินก้มหน้าลง “น่าเสียดายที่อัลบั้มรูปตอนเด็ก ๆ หายไปหมดแล้ว”

ครอบครัวล้มละลาย คฤหาสน์ถูกขายอย่างเร่งด่วน ตอนนั้นเหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ครอบครัวเถาหยิบไปได้แค่เอกสารสำคัญกับเสื้อผ้าไม่กี่ชุด ไม่ได้เหลืออะไรไว้เลย

เจียงเส้าชิงย่อมไม่ลืมช่วงเวลาที่ยากลำบากนั้น

“ไม่เป็นไร ต่อไปค่อยถ่ายใหม่”

เถาหลินพูดทั้งน้ำตา “ฉันยังจำได้เลยว่าตอนที่ฉันเพิ่งท้อง นายยังหัดทำบะหมี่ปลาไหลให้ฉันกินเลย อร่อยมาก”

ความทรงจำของเจียงเส้าชิงผุดขึ้นมาชั่วขณะ “ยังอยากกินอีกเหรอ?”

“ไม่อยากแล้ว มันผ่านไปแล้ว” เถาหลินสูดจมูก แล้วเบือนหน้าหนี “ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อน”

แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าว เถาหลินก็เดินไปชนกับปลายเตียงผู้ป่วย

“หลินหลิน!” เจียงเส้าชิงรีบเข้าไปประคองเธออย่างรวดเร็ว “เป็นอะไรไป?”

ริมฝีปากของเถาหลินซีดขาว “ไม่เป็นไร แค่หมดแรงเฉย ๆ หลายปีมานี้ขาดสารอาหารไปหน่อย”

เจียงเส้าชิงขมวดคิ้ว “แล้วจะฝืนทำไม? เดี๋ยวฉันไปส่งเธอกลับก่อน”

“ไม่ต้องหรอก นายลืมแล้วเหรอว่าวันนี้เรานัดทานข้าวกับพวกเริ่นหาวไว้? นี่ก็สายแล้ว พวกเราผิดนัดก็คงไม่ดี เธอไปเถอะ เดี๋ยวฉันอยู่ดูแลลูกเอง”

เจียงเส้าชิงคิดจะยกเลิกนัดทานข้าววันนี้ แต่เถาหลินกลับพูดว่า “นายไม่ไปไม่ได้นะ ไม่งั้นพวกเขาจะคิดว่าฉันไม่อยากเจอพวกเขา ฝากนายทักทายพวกเขาแทนฉันด้วยนะ พอเลี้ยงต้อนรับพวกเขาเสร็จแล้ว ช่วยเอาของใช้ส่วนตัวมาให้ฉันได้ไหม?”

เรื่องแค่นี้ ไม่ใช่เรื่องที่ทำไม่ได้

เมื่อนึกถึงเถาหลินในอดีตที่ร่าเริงสดใส เข้ากับเพื่อน ๆ ของเขาได้เป็นอย่างดี แต่ตอนนี้กลับ......

เจียงเส้าชิงจึงตอบตกลง “งั้นฉันไปก่อนนะ”

“ได้”

เมื่อเจียงเส้าชิงเดินออกจากห้องผู้ป่วย เขาก็พูดกับสวีสวี่ที่อุ้มเจียงรั่ว “ตอนกลางวันนัดทานข้าวกับพวกเริ่นหาวไว้ คนค่อนข้างเยอะ จะไม่ไปก็ไม่ดี เดี๋ยวฉันจะรีบกลับมา”

สวีสวี่รู้ว่านี่เป็นการแจ้งให้ทราบ เธอจึงแค่พยักหน้ารับ

หลังจากเขาไปแล้ว สวีสวี่ก็พาเจียงรั่วกลับเข้าไปในห้อง

เมื่อไม่มีพ่ออยู่ที่นี่แล้ว เจียงหวยก็กล้าขึ้นมาทันที เขาไล่คนตรง ๆ “ผมไม่ต้องการให้คุณดูแล คุณไปเถอะ แม่ของผมจะดูแลผมเอง”

เถาหลินรู้สึกน้อยใจอย่างยิ่งกับคำเรียกของลูกชาย แต่ก็ทำได้เพียงอดทน “หวยหวย ลูกไม่สบาย แม่เป็นห่วงลูกมากเลยนะ”

เมื่อเห็นว่าเจียงหวยกำลังจะพูดอะไรอีก สวีสวี่ก็เดินเข้าไป “หวยหวย พักผ่อนดี ๆ ”

เจียงหวยเม้มปาก แล้วหลับตาลงไม่พูดอะไรอีก

หลังจากนั้น ในห้องผู้ป่วยก็ไม่มีใครพูดอะไรอีก เจียงรั่วกอดแขนสวีสวี่ไว้ตลอดเวลา สองแม่ลูกสนิทสนมกันอย่างยิ่ง

กลับเป็นเถาหลินที่คอยมองโทรศัพท์เป็นระยะ ๆ โทรศัพท์ของเธอสั่นไม่หยุด

ทันใดนั้นเจียงรั่วก็เงยหน้าขึ้น “คุณน้าไปทำธุระก็ได้นะคะ ไม่ต้องอยู่เฝ้าน้องชายที่นี่หรอกค่ะ”

เด็กอายุหกขวบ ยังไม่เข้าใจถึงเหตุและผลของคำว่าแม่แท้ ๆ กับไม่ใช่แม่แท้ ๆ

พวกเขารู้แค่ว่าแม่เป็นคนเลี้ยงดูพวกเขามาจนเติบโต

และตอนนี้ชีวิตที่มีความสุขและแม่สุดที่รักของพวกเขากำลังถูกคุกคาม พวกเขาจึงต่อต้านเถาหลินที่ปรากฏตัวขึ้นมากะทันหันอย่างยิ่ง

เมื่อได้ยินคำพูดของลูกสาว เถาหลินก็ตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ไม่ยุ่งหรอกจ้ะ เป็นข้อความที่พ่อของหนูส่งมา แม่วานให้คุณพ่อช่วยเอาของใช้ส่วนตัวมาให้หน่อย คุณพ่อเขากำลังถามแม่อยู่น่ะ”

พูดจบ เธอก็จงใจยื่นโทรศัพท์ให้เจียงรั่วดู

วินาทีนั้น หัวใจของสวีสวี่ก็กระตุก สั่นไหวอย่างรุนแรง

เจียงรั่วกับสวีสวี่นั่งอยู่ฝั่งเดียวกัน ต่อให้สวีสวี่จะไม่อยากเห็น แต่หางตาก็ยังเหลือบไปเห็นอยู่ดี

เธอได้เห็นด้านที่เอาใจใส่และละเอียดอ่อนของเจียงเส้าชิงโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ไม่ใช่กับเธอ

หนึ่งนาทีต่อมา แก้มของเถาหลินก็แดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อย เธอพูดอย่างเขินอาย—

“ขอโทษนะคะสวีสวี่ เส้าชิงหาของไม่เจอ แล้วมันก็มีของใช้ส่วนตัวบางอย่างที่เขาไม่เข้าใจด้วย ฉันขอกลับไปเอาก่อน เดี๋ยวจะรีบกลับมา ทางนี้คงต้องรบกวนคุณก่อนแล้ว”

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • เมื่อคุณลำเอียงไปหารักแรก แม่เลี้ยงคนนี้ก็ขอลาออก   บทที่ 85

    เธอช่างอ่อนโยนและเพียบพร้อมเป็นกุลสตรี เอาใจใส่ทุกเรื่องเพื่อช่วยให้เขาก้าวหน้าอย่างรวดเร็วราบรื่น แล้วยังเป็นแม่แท้ ๆ ของพวกเด็ก ๆเจียงเส้าชิงหัวใจหวั่นไหวขึ้นมาบางทีการกลับมาเริ่มต้นใหม่กับเถาหลินอีกครั้ง อาจจะไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรอย่างน้อยทุกอย่างก็ถูกต้องสมควรไปตามเหตุผลครอบครัวนี้ก็คงไม่ถึงขั้นวุ่นวายไม่สงบเหมือนอย่างที่ผ่านมาเถาหลินเอ่ยขึ้นอย่างรู้จังหวะ “ฉันคิดว่าถ้าถึงตอนนั้นแล้วพวกเราน่าจะเชิญคู่ค้าจากเป่ยไห่มาเป็นแขกที่บ้านเราได้นะ พวกเราทำความสะอาดใหญ่สักครั้งน่าจะดี?”“เรื่องนี้เธอจัดการเถอะ”เถาหลินพยักหน้า “ได้!”เจียงเส้าชิงเดินไปที่ห้องหนังสือเถาหลินหุบยิ้มทันที “ใครก็ได้ ปลดภาพถ่ายที่แขวนอยู่พวกนั้นลงมาให้หมด แล้วเปลี่ยนเป็นภาพวาดศิลปินดังพวกนี้แทน”ภาพถ่ายที่แขวนอยู่?ก็มีแต่ภาพถ่ายแต่งงานของคุณผู้ชายกับคุณนาย แล้วก็ภาพถ่ายครอบครัวสี่คนเท่านั้นลุงหลินขมวดคิ้ว “รูปพวกนี้ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรนี่ครับ”เถาหลินเงยหน้าขึ้นช้า ๆ “ไม่เข้าใจ คำสั่งของฉันงั้นเหรอ? เปลี่ยนเป็นภาพวาดให้หมด ปล่อยให้ทั้งห้องมีแต่ภาพครอบครัวแบบนี้ รังแต่จะทำให้ยึดติดกับเรื่องความ

  • เมื่อคุณลำเอียงไปหารักแรก แม่เลี้ยงคนนี้ก็ขอลาออก   บทที่ 84

    เจียงเส้าชิงถามขึ้น “ทำไมไม่มีความสุขล่ะ?”“ฉัน…” เถาหลินคิดจะพูดอะไรบางอย่างแต่เจียงรั่วกลับชิงพูดขึ้นมาก่อน “หนูกับน้องกินหวานเยอะเกินไปไม่ได้ แต่เธอกลับบังคับให้พวกเรากิน สุดท้ายพวกเรายังกินไม่ทันอิ่ม เธอก็บอกให้พวกเราไปกันได้แล้ว“คุณน้าพี่เลี้ยงก็บอกแล้วว่าพวกเรายังกินกันไม่เสร็จ แต่เธอกลับพูดทำนองว่าถึงหิวก็ไม่ตายหรอกประมาณนี้ค่ะ”เรื่องเลียนแบบคำพูดคำจา ถือเป็นพรสวรรค์ทีเดียวเชียวล่ะอย่างน้อยเจียงรั่วก็สื่อสารสิ่งที่ต้องการออกมาได้ครบถ้วนชัดเจนไม่บกพร่อง แล้วไม่ได้กล่าวหาเถาหลินเกินไปเลยสักคำเถาหลินหน้าซีดเผือด “เส้าชิง นายอย่าเข้าใจฉันผิดนะ ฉันก็แค่เป็นห่วงกลัวว่าพวกลูก ๆ จะกินมากไปแล้วท้องอืด เดิมทีก็กินหวานมากไปไม่ได้อยู่แล้ว ก็เลยให้ชิมนิดหน่อยแค่พอรู้รสชาติให้หายอยากก็พอแล้ว”เจียงเส้าชิงกอดลูกสาวไว้ “รั่วรั่ว ลูกเข้าใจคุณแม่ผิดไปแล้ว คุณแม่จะพูดว่าพวกลูกถึงหิวก็ไม่ตายได้ยังไง”“ใช่จ้ะ แม่รักพวกลูกขนาดนี้ ไปรับไปส่งพวกลูกที่โรงเรียน แล้วยังพาพวกลูกไปกินของอร่อยอีกนะ” เถาหลินเอ่ยเจียงรั่วคิดถึงคำพูดของป้าเฉียนขึ้นมาได้ ก็เถียงเลียนแบบ “ไม่ใช่หน้าที่ของคุณรึไง?”

  • เมื่อคุณลำเอียงไปหารักแรก แม่เลี้ยงคนนี้ก็ขอลาออก   บทที่ 83

    คำตอบนี้เพียงพอจะอธิบายได้แล้วว่า เขาได้ยินมันทั้งหมดแล้วร่างกายของสวีสวี่ยังอ่อนแอ เสียงพูดแผ่วหวิว “ขอโทษนะ เมื่อกี้ฉันแค่…”เว่ยเย่เฉิงหัวเราะเบา ๆ “อืม ฉันรู้”เรื่องนี้ให้พูดยังไงก็น่าอายเกินไป สวีสวี่จึงเอ่ยขึ้นว่า “ถ้าพี่มีงานก็ไปทำงานเถอะ ที่นี่มีคนคอยดูแลอยู่”ก็มีงานต้องทำจริง แต่ว่าในเมื่อออกมาแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลให้กลับไปแล้วไม่นานสวี่จิ้นก็กลับเข้ามาพร้อมกับบอดี้การ์ด แล้วยังหิ้วยาบำรุงร่างกายมากมายมาด้วย“พวกเรายังมีธุระ ฉันทิ้งคนให้เธอเรียกใช้ได้ตามสบาย” สวี่จิ้นให้บอดี้การ์ดสองคนของตัวเองอยู่เฝ้าที่นี่“ไม่ต้องหรอกค่ะ ที่ศูนย์พักฟื้นหลังคลอดก็มีคนคอยดูแลอยู่” สวีสวี่พูดขึ้น“อย่าดื้อนักเลย เวลาแบบนี้ขืนไม่ดูแลบำรุงร่างกายให้ดี หลังจากนี้มีเรื่องให้เธอต้องร้องไห้แน่” สวี่จิ้นถลึงตามองเธอสวีสวี่หัวเราะออกมา “ขอบคุณนะคะพี่”“ไปแล้วนะ”เว่ยเย่เฉิงลุกขึ้นยืน ก่อนออกไปก็ไม่ลืมหันกลับมามองเธอ “กินยาให้ตรงเวลาด้วย”สวีสวี่พยักหน้าอย่างว่าง่าย “อืม ๆ”หลังจากออกจากห้องคนของศูนย์พักฟื้นหลังคลอดก็เดินเข้ามาหาสวี่จิ้น “ประธานสวี่คะ พวกเราเก็บพวกรกและสิ่งอื่น ๆ ไปแช่

  • เมื่อคุณลำเอียงไปหารักแรก แม่เลี้ยงคนนี้ก็ขอลาออก   บทที่ 82

    เจียงเส้าชิงถูกดันให้ออกไปข้างนอกแววตาของเขาเย็นชาถึงขีดสุด แถมยังแฝงด้วยความผิดหวังและความดูแคลนอย่างไม่มีสิ้นสุดในที่สุดเธอก็ยอมรับแล้วว่าเธอนอกใจ ทรยศต่อครอบครัวนี้!งั้นก็หมายความว่าทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมานี้ เป็นแค่ข้ออ้างที่เธอคิดจะใช้เพื่อหนีไปจากเขาอย่างนั้นเหรอ?-เพียงครึ่งนาทีถัดมา สวีสวี่ได้ยินเสียงฝีเท้าแว่วดังขึ้นมาอีกครั้ง เธอลืมตาอย่างหงุดหงิด “นี่คุณยังจะ…”เสียงของเธอพลันชะงักไปเป็นเว่ยเย่เฉิงเองเหรอเขาสวมชุดสูทรองเท้าหนัง รูปร่างสูงโปร่งผึ่งผาย บุคลิกเคร่งขรึมและมั่นคงใจเย็น ผมสั้นเรียบแบบนั้นกลับยิ่งขับให้เขาดูเป็นอิสระไม่ยึดติดกับภาพลักษณ์ของผู้มีตำแหน่งสูงส่งแววตาของเว่ยเย่เฉิงนิ่งเรียบ “ทำไมถึงผ่าตัดเร็วนักล่ะ?”สิ้นเสียงนั้น เงาของสวี่จิ้นพลันปรากฏขึ้นมา จากด้านหลังของเขาหัวใจของสวีสวี่สั่นสะท้าน“พี่คะ…”สวี่จิ้นเดินเข้ามาอย่างจนใจ หยุดยืนอยู่ข้างเตียงคนไข้ก่อนจะยื่นมือเข้าไปสวมกอดเธอเอาไว้น้ำตาของสวีสวี่ไหลพรั่งพรูออกมา เธอสะอึกสะอื้นจนไหล่สั่นไปหมด“ไหนว่าจะไม่ร้องไห้ไม่ใช่เหรอ?” สวี่จิ้นถอนหายใจออกมาปล่อยให้เธอร้องไห้

  • เมื่อคุณลำเอียงไปหารักแรก แม่เลี้ยงคนนี้ก็ขอลาออก   บทที่ 81

    ช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา ฉายชัดเจนในห้วงความคิดของเขาตระกูลเจียงจำเป็นต้องมีสวีสวี่เขาเองก็ขาดสวีสวี่ไม่ได้เหมือนกันเซี่ยงเยี่ยนเฉินรีบเข้ามา เห็นเจียงเส้าชิงในสภาพแบบนี้ ก็เอ่ยปากพูดปลอบไม่ออก“เจียงเส้าชิง นายไม่ควรปกป้องเถาหลินซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้เลยนะ ถ้าเปลี่ยนเป็นสวีสวี่บ้าง นายจะรู้สึกยังไงเหรอ?”เจียงเส้าชิงคิดไปถึงเว่ยเย่เฉิงสวีสวี่กับผู้ชายคนนั้นแค่อยู่ในขั้นคลุมเครือ เขาก็รับไม่ได้แล้วเจียงเส้าชิงเงยหน้าขึ้น “ทำไมนายถึงยอมให้เธอทำแท้ง?”“ฉันเข้าไปยุ่งกับการตัดสินใจของเธอไม่ได้หรอก!”เซี่ยงเยี่ยนเฉินหมดคำจะพูดกับเขาจริง ๆ ก่อนจะกล่าวต่อว่า “ตอนนี้ยังไม่สาย ตราบใดที่นายตัดขาดความสัมพันธ์กับเถาหลิน สวีสวี่อาจจะยกโทษให้นายก็ได้นะ เธอรักนายขนาดนั้น ถึงขั้นยอมเป็นแม่เลี้ยงให้ลูก ๆ ของนายด้วยซ้ำ เรื่องนี้ นายปฏิเสธได้เหรอ?”เจียงเส้าชิงเหลือบสายตามองไปยังห้องผ่าตัดหัวใจสั่นไหวระรัวเขาดูเหมือนกำลังหวาดกลัวอยู่จริง ๆ-สวีสวี่พอฟื้นขึ้นมา ก็ค้นพบว่าที่แห่งนี้ไม่ใช่โรงพยาบาลแต่เป็นศูนย์พักฟื้นหลังคลอดลูกของเธอ…ไม่อยู่แล้วสินะ?หัวใจพลันเจ็บแปลบขึ้นมาทันทีไ

  • เมื่อคุณลำเอียงไปหารักแรก แม่เลี้ยงคนนี้ก็ขอลาออก   บทที่ 80

    วันนี้เป็นวันเปิดภาคเรียกของเด็กทั้งสองคน ดังนั้นพวกเขาจึงมีเรียนแค่ครึ่งวันเจียงเส้าชิงอยู่หน้าประตูโรงเรียนรอรับพวกเด็ก ๆ เพื่อออกไปกินข้าวกลางวันด้วยกันเพราะอยู่ใกล้กันมาก เถาหลินจึงได้ยินเสียงร้อนรนจากคนปลายสายที่โทร.เข้ามา เหมือนกำลังพูดถึงเรื่องสวีสวี่อะไรสักอย่างเธอกำมือแน่นเจียงเส้าชิงสีหน้าตระหนก “อยู่ที่นายเหรอ?”“ถูก!”“ช่วยขวางไว้ที! ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้!”โทรศัพท์ถูกตัดไป หลินเถาเอ่ยขึ้นว่า “เส้าชิง พวกลูก ๆ จะออกมากันแล้วนะ”ทางนี้คือพวกลูก ๆ อีกทางคือสวีสวี่ที่กำลังจะทำแท้ง…ในใจเจียงเส้าชิงสับสนร้อนรุ่มอยู่ไม่เป็นสุขสิบกว่าวินาที ท้ายที่สุดเขาก็ตัดสินใจลงจากรถ “เธอรับพวกเด็ก ๆ ไปกินข้าวแทนที”เขาเลือกสวีสวี่เกิดอะไรขึ้นกับสวีสวี่ ถึงทำให้เขาร้อนใจขนาดนั้นได้?เถาหลินนิ่งไปเล็กน้อยเธอคิดไม่ถึงเลยสักนิด มาถึงขั้นนี้แล้ว เจียงเส้าชิงจะยังใส่ใจสวีสวี่มากขนาดนั้นอีกหรือลูกทั้งสองคนของเธอจะไม่ได้อยู่ในใจของเขาเลยสักนิด?เถาหลินมองเข้าไปในรั้วโรงเรียนด้วยสายตาลุ่มลึกทิ้งให้เธอดูแลเด็กสองคนตามลำพังแบบนี้ มันต้องเหนื่อยขนาดไหนกันนะ?เถาหลินมองว่าลำพังตน

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status