Share

ตอนที่ 15 เกิดเรื่องกับสามี

last update Last Updated: 2025-01-15 21:00:35

จางซิ่วอิงแสร้งเก็บเงินที่ได้ไว้ในกระเป๋าผ้าคู่ใจ แต่จริง ๆ แล้วเงินเยอะขนาดนี้เธอแอบโยนมันเข้าไปไว้ในมิติต่างหาก ก่อนออกจากร้านของคุณป้าหลี่หญิงสาวไม่ลืมเลือกซื้อข้าวขาวและแป้งจำนวนหนึ่งติดมือกลับบ้านไปด้วย เพื่อไม่ให้เป็นที่น่าสงสัยจนเกินไป

ฝีเท้าเล็กมั่นคงก้าวลงจากเกวียนหลังจากจ่ายเงินค่าโดยสารเรียบร้อย จางซิ่วอิงหอบหิ้วของที่ซื้อมาเดินกลับบ้านบนเนินเขาอย่างอารมณ์ดี แต่ทว่าอีกเพียงไม่กี่เมตรก็จะเดินถึงบ้านอยู่แล้ว หญิงสาวนั้นกลับเห็นย่าและลูกพี่ลูกน้องของสามีกำลังพยายามดันรั้วบ้านผุพังของเธอ เห็นดังนั้นริมฝีปากผุดรอยยิ้มหยัน จากนั้นหญิงสาวจึงหมุนตัวกลับไปเพื่อหาพยานคนสำคัญสำหรับเรื่องนี้ทันที

“ย่า?”เสียงทุ้มเรียกย่าขึ้นมาอย่างนึกแปลกใจ คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน ก่อนสีหน้าเรียบเฉยจะค่อย ๆ เข้มขึ้นด้วยความรู้สึกไม่พอใจที่ถูกบุกรุกบ้าน

เขาถูกฝึกมาไม่น้อย เสียงเปิดรั้วบ้านแม้จะเบากว่าปกติแต่ก็รับรู้ได้ในทันที แต่ที่คาดไม่ถึงคือย่าและญาติผู้พี่ที่ปรากฏตัวในห้องนอนของเขาในเวลานี้ และหากให้เดาแล้วล่ะก็จุดประสงค์ของการมาเยือนก็คงไม่ใช่เรื่องดีอะไร

“ใช่น่ะสิ! หลานรัก เป็นอย่างไรบ้างเล่า? วันนี้ย่าตั้งใจมาเยี่ยมหลานเชียวนะ ทำไมทำสีหน้าอย่างนั้นล่ะ”เหยียนเพ่ยตอบรับหลานชาย นางพยายามปรับโทนเสียงให้ดูเป็นมิตรที่สุด แม้ใจจะรู้สึกรังเกียจหลายชายคนเล็กมากก็ตาม

สายตาคู่นั้นมองไปที่ขาไร้ประโยชน์อย่างดูแคลน พลางบิดยิ้มร้ายจนใบหน้าชราบิดเบี้ยวดูแล้วน่าเกลียดมาก

“เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้วนี่ครับ ฉะนั้น…เชิญ!!”ชายหนุ่มกล่าวออกมาอย่างไร้เยื่อใย ก่อนจะผายมือไปที่ประตูอย่างไม่ไว้หน้าผู้เป็นย่า

หยางจางหมิ่นที่ดูสถานการณ์อยู่ตลอดเห็นที่ต้องลงมือเองเสียแล้ว ญาติผู้น้องคนนี้แต่เดิมวิ่งตามเขาต้อย ๆ เชื่อฟังคำสั่งพี่ใหญ่อย่างเขาเป็นอย่างดีมาตลอดไม่แพ้ผู้เป็นย่า แต่น่าแปลกที่กลับมาจากกรมคราวนี้กลับกล้าต่อต้านย่าที่เคยเคารพนักหนา

“ซีห่าว พี่ไม่เคยรู้มาก่อนว่านายจะเป็นคนอกตัญญูเช่นนี้ บ้านหยางให้ข้าวให้น้ำนายมาจนโต นี่หรือคือสิ่งที่นายตอบแทนพวกเรางั้นเหรอ?”

ประโยคประนีประนอมที่แฝงไปด้วยการทวงบุญคุณอย่างชัดเจน ทำเอาคนฟังรู้สึกรังเกียจจนไม่อยากใช้อากาศหายในร่วมกันเลยด้วยซ้ำ

เขาน่ะหรืออกตัญญู ที่ผ่านมาไม่ใช่หยางซีห่าวคนนี้หรอกหรือที่ทำงานรับใช้คนในบ้านทุกอย่าง ทั้งยังทำงานเสี่ยงชีวิตส่งเงินปรนเปรอทุกคนในบ้านไม่เคยขาด หากเขาอกตัญญูแล้วหลานคนอื่น ๆ เล่า…กตัญญูกันมากอย่างนั้นหรือ

“ถ้าจะทวงบุญคุณ อย่างนั้นผมก็ต้องบอกเลยว่ามันไม่มี เพราะตั้งแต่จำความได้ผมทำงานรับใช้บ้านหยางด้วยแรงกายทั้งหมดที่มี พอทำงานได้เงินก็ส่งเข้ากองกลางจนหมด หากจะพูดถึงบุญคุณกันแล้วล่ะก็…ไม่ใช่คนบ้านหยางหรอกหรือที่ต้องสำนึกบุญคุณผม”

เพี๊ยะ!!!!

สิ้นคำพูดยาวเหยียดของหยางซีห่าวก็เป็นจังหวะเดียวกับฝ่ามือหยาบใหญ่ของเหยียนเพ่ยที่ตวัดลงบนแก้มข้างซ้ายของเขาอย่างแรง

“คนเนรคุณอย่างแกฉันน่าจะปล่อยให้อดข้าวตายไปตั้งแต่ตอนนั้น ไม่น่าชุบเลี้ยงจนแกโตขึ้นมากล้าขึ้นเสียงใส่ฉันเช่นนี้”ใบหน้าใหญ่กว่าฝ่ามือเขียวคล้ำด้วยความโกรธที่อัดแน่นอยู่ในอก พลันตวาดกร้าวจนเสียงดังออกมานอกบ้าน

หยางซีห่าวใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้ม จ้องมองญาติฝ่ายพ่ออย่างดุดัน กลิ่นสนิมคละคลุ้งอยู่ในปากทำให้รู้ว่ามุมปากของเขาแตกเพราะโดนย่าตบ สีหน้าของชายหนุ่มเย็นชาขึ้นเรื่อย ๆ บรรยากาศรอบกายเต็มไปด้วยรังสีสังหารมากมายจนคนโดนมองรู้สึกหวั่นเกรงขึ้นมา

“แกเอาเงินชดเชยมาให้ฉันเดี๋ยวนี้!”เหยียนเพ่ยไม่ได้สนใจว่าหลานชายจะเป็นอย่างไร วันนี้เธอตั้งใจมาเอาเงินก้อนนี้และก็ต้องได้เท่านั้น

“หึ! ที่ย่ากล้าบุกมาถึงที่นี่ก็เพราะกลิ่นเงินมันหอมมาก…ใช่ไหมล่ะครับ?”ถ้อยคำเสียดสีถูกกล่าวขึ้นอย่างไม่เกรงกลัว แม้เขาจะพิการเช่นนี้ แต่สองคนตรงหน้าไม่ได้ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวสักนิด อีกอย่างเงินไม่ได้อยู่ที่เขา ต่อให้ค้นทั้งบ้านย่าก็ไม่มีวันหาเจอ

“ไม่เอาน่า ส่งเงินชดเชยมาเถอะซีห่าว! อย่างน้อยก็เพื่อแสดงความกตัญญูต่อย่าที่เลี้ยงดูนายมา”หยางจางหมิ่นพยายามเกลี้ยกล่อมญาติผู้น้องอีกครั้ง ด้วยหวังว่าจะได้ผลอย่างเช่นที่ผ่านมา

“นายกับย่านี่น่ารังเกียจกว่าที่ฉันคิดไว้อีกนะ”ในเมื่อตัดขาดไปแล้วอะไรต้องถนอมน้ำใจกันอีก คิดได้อย่างนั้นเขาจึงพูดประโยคเสียดสีให้คนทั้งคู่ได้ยินอีกครั้ง พลางส่งสายตาท้าทายกลับไป

เมื่อเห็นว่าหลานชายคนเล็กคงไม่ยินยอมง่าย ๆ เหยียนเพ่ยจึงสั่งให้หยางจางหมิ่นลงมือในทันที “จางหมิ่นไปจับมันไว้ ย่าจะหาเงินเอง”

“หึ! ย่าไม่มีวันได้เงินก้อนนั้นหรอก จำเอาไว้!!!”เสียงทุ้มกล่าวชัดถ้อยชัดคำ ก่อนจะปล่อยให้ผู้เป็นย่าล้วงมือเข้ามาสำรวจในสาปเสื้อโดยไม่ขัดขืน

ทว่าไม่ว่าจะค้นตัวหลานชาย หรือภายในห้องนอนอย่างไรก็หาไม่เจอ เหยียนเพ่ยมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะสั่งให้หลานชายคนโตปล่อยตัวหยางซีห่าวเพื่อไปช่วยกันหาด้านนอกห้อง

แต่ทว่าทันทีที่เปิดประตูบานเก่าออกมาจากห้องนอน ก็พบเข้ากับผู้นำหมู่บ้านที่ยื่นทำหน้าคร่ำเคร่ง ถัดไปด้านหลังเป็นโจวเหยียนที่มองมาด้วยความรังเกียจอย่างชัดเจน และถัดไปอีกด้านก็พบกับหลานสะไภ้ที่ยืนกอดอก พลางยิ้มเยาะราวกับกำลังชมเรื่องสนุกอยู่

“หากฉันจะแจ้งความข้อหาบุกรุก และขู่กรรโชกทรัพย์ แบบนี้พอจะทำได้หรือไม่คะ?”เสียงใสพูดขึ้นทำลายความเงียบ ก่อนจะหันไปขอคำยืนยันจากหัวหน้าหมู่บ้าน

“ย่อมได้ ลุงจะเป็นพยานให้เองไม่ต้องห่วง”โจวเหวินรับคำหลานสะไภ้ในทันที เขาคิดไว้อยู่แล้วว่าเรื่องเงินชดเชยยายแก่เหยียนเพ่ยนั้นยอมง่ายเกินไป พอมาซุ่มฟังเมื่อครู่จึงได้รู้ว่าคนโลภอย่างไรก็เป็นคนโลภอยู่วันยังค่ำ

“ขอบคุณค่ะ”จางซิ่วอิงกล่าวขอบคุณผู้นำหมู่บ้าน ก่อนจะผุดรอยยิ้มหยันทอดมองสีหน้าคุณย่ากับหลานชายคนโปรดที่ซีดเผือดไม่ต่างจากไก่ต้ม

“โจวเหยียนช่วยพ่อจับสองคนนี้ไปส่งทางการ”ผู้นำหมู่บ้านออกคำสั่ง

จางซิ่วอิงเมื่อสบโอกาสมีหรือจะปล่อยให้คนชั่วลอยนวล มือเรียวทำทีล้วงเข้าไปในกระเป๋าผ้า ก่อนจะหยิบเชือกเส้นหนาที่ดูคงทนแข็งแรงพอดู ส่งให้ลูกชายของผู้นำหมู่บ้าน

เหยียนเพ่ยและหลานชายมีสีหน้าไม่สู้ดีทันทีที่ปะติดปะต่อเหตุการณ์ตรงหน้าได้ แต่กว่าจะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว เพราะมือหยาบกร้านของโจวเหยียนกำลังมัดมือหญิงชราให้ไพล่หลังเอาไว้อย่างแน่นหนา

“ไม่นะโจวเหวิน!!! ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”เสียงกรีดร้องคร่ำครวญของย่าหยางดังไปทั่วบริเวณ จึงเรียกความสนใจจากชาวบ้านที่เดินกลับมาจากบนเขาได้เป็นอย่างดี

“ลุงโจวเหวินจะจับผมกับย่าไม่ได้ หลักฐานไม่มี เช่นนี้เท่ากับผมไม่ได้ผิด”เขาร่ำเรียนมาจนป่านนี้ก็หาใช่ตะเกียงไร้น้ำมัน อย่างไรก็ไม่ยอมมีประวัติด่างพร้อยเพราะเรื่องเช่นนี้อย่างแน่นอน

“แค่มีเจ้าทุกข์ และพยานแก่ ๆ อย่างฉันก็เพียงพอแล้ว ใครอยู่ข้างนอกเข้ามาช่วยฉันหน่อย”โจวเหวินอธิบายให้เด็กคราวลูกฟังอย่างใจเย็น ก่อนจะตะโกนขอกำลังเสริมจากด้านนอกเมื่อเห็นว่าหยางจางหมิ่นเริ่มขัดขืน ส่วนนางเหยียนเพ่ยนั้นทรุดกายลงไปนั่งร้องไห้คร่ำครวญ ดูแล้วสองคนพ่อลูกคงลากไปไม่ไหว

“ไม่นะ! ผมไม่ผิด ปล่อยสิวะ!”หยางจางหมิ่นโวยวายพยายามสะบัดกายให้หลุดจากการควบคุม แม้จะเป็นชายหนุ่มโตเต็มวัยแต่ก็ไม่ได้ทำงานหนักอย่างเช่นชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน มีหรือที่เขาจะสู้แรงของคนที่จับจอบจับเสียมเป็นประจำได้

ก่อนออกจากประตูบ้านไปหญิงสาวหันไปสบตาอาฆาตพยาบาทของย่าสามีอยู่ครู่หนึ่ง เธอยิ้มหวานส่งกลับไป พร้อมโบกมือลาด้วยสีหน้าเยาะเย้ยสุดขีด เรียกเสียงหวีดร้องก่นด่าหยาบคายจากหญิงชราได้เป็นอย่างดี

หลังจากส่งแขกและปิดประตูบ้านเรียบร้อย จางซิ่วอิงเร่งฝีเท้าเข้ามาหาคนในห้องนอนด้วความเป็นห่วง เขายังคงนั่งอยู่บนเตียงเช่นเดิม แม้ผ้าห่มจะดูยับย่น ข้าวของในห้องถูกรื้อค้นกระจัดกระจาย เห็นดังนั้นก็อดรู้สึกโกรธคนทำไม่ได้ แต่เมื่อเห็นหน้าของคนเป็นสามี พลันในใจก็แอบกลัวขึ้นมา “คุณโกรธฉันไหมคะ?”

“ไม่เลยครับ คุณทำถูกแล้ว”

ภรรยาเขาทำถูกแล้วที่ไม่เข้ามาช่วยเพียงลำพัง เพราะตัวเธอก็บอบบางแค่นี้ เขาเกรงว่าเธอจะถูกย่าทำร้ายไปด้วย ส่วนเรื่องที่ส่งไปให้ทางการเขาคิดว่าคนผิดก็ควรได้รับโทษ ต่อให้เป็นญาติผู้ใหญ่ แต่ผิดถูกก็ต้องว่ากันไปตามนั้น

“คุณเจ็บตัวอีกแล้ว ไหนขอฉันดูหน่อยสิคะ”ร่างบางทิ้งกายลงด้านข้างสามี ก่อนจะเอื้อมมือไปปาดเลือดที่ซึมอยู่มุมปาก สำรวจรอยปริแตกด้วยความห่วงใย ขณะเดียวกันก็รู้สึกไม่พอใจกับยายแก่นั่นไม่น้อย

หยางซีห่าวมองการกระทำของผู้เป็นภรรยาเงียบ ๆ แววตาห่วงใยที่เธอแสดงออกเขาล้วนรับรู้ทั้งหมด และยอมรับว่ามีความสุขกับสิ่งเหล่านี้มากทีเดียว

“เดี๋ยวเราทานมื้อเที่ยงกันก่อนนะคะ เสร็จแล้วฉันทำแผลให้”หญิงสาวพูดเพียงเท่านั้นก็ผละกายออก ก่อนจะเดินเข้าครัวไปด้วยความรีบร้อน เพราะนี่ก็เลยเที่ยงมาสักพักแล้ว ไหนสามีจะต้องทานยาให้ตรงเวลาอีก

ร่างหนามองตามแผ่นหลังภรรยาไปอย่างแสนเสียดาย ในตอนได้ใกล้ชิดเขาแอบสูดดมกลิ่นกายหอมกรุ่นของภรรยาอย่างเคลิบเคลิ้ม พอเธอจากไปแม้จะมีกลิ่นติดที่นอนอยู่บ้าง แต่จะเทียบเท่ากลิ่นจากตัวเธอได้อย่างไรกัน

ครุ่นคิดอยู่นาน พลันมองไปที่ขาข้างที่บาดเจ็บก็นึกอยากให้หายเสียวันนี้พรุ่งนี้ เขาห่างภรรยาไปนานนับเดือน เพียงแค่ใกล้ชิดเล็กน้อยก็รู้สึกทรมานร่างกายส่วนล่างมากแล้ว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 65 ชีวิตที่สมบูรณ์แบบ (จบ)

    ภายในบ้านหลังสีขาวขนาดกลางในย่านการค้าสำคัญ เสียงหัวเราะพูดคุยของคนที่อาศัยอยู่ในบ้าน ช่วยทำให้บรรยาของบ้านหลังนี้ดูอบอุ่นไม่น้อยในช่วงเช้าอากาศสดใสจางซิ่วยืนมองหน้าท้องที่เริ่มนูนเล็กน้อยของตนเองผ่านกระจกเงาบานใหญ่ ใบหน้าเอิบอิ่มของคุณแม่ยังสาวนับวันยิ่งสวยขึ้นจนผิดหูผิดตาตอนนี้เธอตั้งครรภ์ได้สี่เดือนแล้ว หลังจากที่เจ้าสองแสบเข้าโรงเรียนได้ไม่นาน สามีอย่างหยางซีห่าวที่ขยันบอกรักภรรยาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็ขยันมากขึ้นอีกหลายเท่า จนผ่านไปสองเดือนเจ้าหัวผักกาดหัวที่สามก็ถือกำเนิดขึ้นมาในท้องของเธอในที่สุด“ผมต้องไปแล้วครับ คุณก็อย่าหักโหมนะครับ ผมเป็นห่วง”ชายหนุ่มเอ่ยเตือนภรรยาประโยคเดิมเช่นทุกวัน น้ำเสียงนุ่มทุ้มฟังดูอบอุ่น ทั้งแววตาที่มองภรรยานั้นอ่อนโยนกว่าตอนที่อยู่ต่อหน้าผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นไหน ๆเพราะภรรยาของเขานั้นขึ้นชื่อเรื่องความขยันขันแข็ง ในแต่ละวันเธอทั้งทำงานนอกบ้าน ทำอาหาร เลี้ยงลูก

  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 64 สะสางความแค้น

    จางซิ่วอิงยังต้องอยู่รักษาตัวที่โรงพยาบาลต่ออีกหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งก็ทำให้ลูกน้อยทั้งสองต้องอยู่กับเธอด้วย หยางซีห่าวก็เช่นกัน เขาทำเรื่องลางานถึงหนึ่งเดือนเพื่อมาดูแลภรรยาและลูกน้อยทั้งสองด้วยตนเอง“เด็ก ๆ ป้ามาแล้ววววว!!”เยว่ผิงอันส่งเสียงเรียกหลานทั้งสองก่อนที่ตัวเองจะเข้ามาในห้องเสียอีก เธอเข้ามาเยี่ยมหลาน ๆ พร้อมกับสามีที่ถือของพะรุงพะรังตามหลังมาจางซิ่วอิงยิ้มให้กับคนเห่อหลานทั้งสองเล็กน้อย ก่อนจะให้สามีรับข้าวของเหล่านั้นและนำไปเก็บไว้ก่อน“ผมฝากดูแลเธอและเด็ก ๆ ด้วยนะครับ แล้วผมจะรีบกลับมา”หยางซีห่าวพูดขึ้นอย่างเป็นกังวล วันนี้เขากับพี่ภรรยามีธุระที่ต้องไปสะสางจึงต้องฝากเธอกับลูกไว้กับพี่สะไภ้เสียก่อนจางซิ่วอิงยังไม่หายดีนัก ส่วนลูกทั้งสองแม้จะเป็นเด็กเลี้ยงง่ายแต่การมีคนคอยช่วยเหลือย่อมดีกว่า เขาไม่อยากให้ภรรยาเหนื่อยจนเกินไป“ไปจัดการ

  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 63 พรข้อสุดท้าย

    สายลมวูบหนึ่งพัดผ่านร่างโปร่งแสงไปอย่างแรงจนผมยาวพลิ้วไสวไปตามแรงลม จางซิ่วอิงเผยรอยยิ้มยินดีออกมาในทันที เธอเข้าใจว่าคุณยายรับรู้ความปรารถนาของเธอแล้วจึงเอ่ยพรข้อที่สามออกไป“พรข้อสุดท้ายฉันขอให้ฉันและลูก ๆ ปลอดภัยค่ะ ขอโอกาสให้ฉันได้คลอดพวกเขา ให้พวกเขาได้ออกมาใช้ชีวิตบนโลกอย่างปลอดภัยด้วยนะคะ”คำอ้อนวอนปนเสียงสะอื้นไห้ของหญิงสาวลอยหายไปตามสายลม ก่อนจะได้รับรู้ได้ถึงลมอีกระลอกหนึ่งพัดผ่านร่างของเธอไปอย่างรวดเร็ว สายลมแรงนี้ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกหนาวเหน็บ แต่ทว่ากลับทำให้รู้สึกถึงความอบอุ่นที่โอบรอบตัวเธอเอาไว้ต่างหาก“พรของหล่อนถูกใช้หมดแล้วนะ ต่อจากนี้ยายขอให้หล่อนมีชีวิตที่ดี”เสียงของหญิงชราดังแว่วอยู่ไกล ๆ จางซิ่วอิงพยายามมองหาเจ้าของเสียงแต่ก็ไม่พบ ทว่าเมื่อมองไปยังหน้าห้องคลอดที่มีร่างของเธอนอนนิ่งอยู่ กลับเห็นเด็กชายหญิงหน้าตาน่ารักยืนยิ้มแฉ่งให้เธออยู่

  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 62 คลอดฉุกเฉิน

    ซ่งเฟยหลงประกาศกร้าวพร้อมยกปืนขึ้นเล็งไปยังผู้ก่อเหตุทั้งหมด อันธพาลสี่คนที่ถูกจ้างมาให้คอยช่วยเหลือหวงไฉ่หง เมื่อเห็นชายในชุดเครื่องแบบทหารพร้อมปืนก็หวาดกลัวจนต้องยกมือขึ้นเหนือหัว ก่อนจะคุกเข่าลงกับพื้นตามคำสั่ง แม้แต่หวงไฉ่หงเองที่เป็นเพียงชาวบ้านชนบทมีหรือจะกล้าขัดขืนพันโทซ่งเฟยหลงย้ายมาประจำการที่นี่ในวันนี้ซึ่งเขาไปรายงานตัววันแรก พอเรียบร้อยแล้วก็เจอเข้ากับลูกน้องเก่าอย่างหยางซีห่าวกำลังออกจากค่ายพอดี เขาจึงขอติดรถออกมาด้วยเพื่อหาบ้านพักชั่วคราว ระหว่างรอทำเรื่องขอบ้านพักสวัสดิการ ซึ่งหยางซีห่าวก็รับปากว่าจะพาไปดูบ้านพัก แต่ขอไปรับภรรยาที่กำลังท้องแก่เสียก่อน แต่เมื่อรถเข้ามาจอดภาพเหตุการณ์อุกฉกรรจ์นี้ก็ทำให้เขาต้องเร่งฝีเท้าวิ่งมาจากรถที่จอดอยู่อีกด้านทว่าจากที่ซ่งเฟยหลงคิดว่าเป็นเหตุการณ์ของชาวบ้านธรรมดาทั่วไปคงไม่ใช่แล้ว เพราะลูกน้องอย่างหยางซีห่าวรีบวิ่งไปประคองหญิงท้องแก่ พร้อมตะโกนเรียกชื่อภรรยาดังลั่น“ซิ่วอิง ภรรยา!”

  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 61 เรื่องราววิ่งเข้าหา

    กาลเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ไม่ทันไรจางซิ่วอิงก็อุ้มท้องเจ้าหัวผักกาดมาได้จนถึงแปดเดือนแล้ว เพราะขนาดท้องที่ใหญ่กว่าปกติของคุณแม่ลูกแฝดทำให้การเดินเหินค่อนข้างเป็นไปอย่างยากลำบากโดยปกติแล้วการมาทำงานของจางซิ่วอิงจะต้องมีพี่ชายหรือสามีอยู่ด้วยเพื่อคอยระมัดระวังหากเกิดเหตุไม่คาดคิด แต่ทว่าเมื่อวานโรงงานผลไม้กระป๋องของเธอที่อยู่ต่างเมืองมีปัญหาพี่ชายอย่างจ้าวคุนจึงรับอาสาไปดูแทนส่วนสามีนั้นติดภารกิจตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งอันที่จริงเขาทำภารกิจนี้เรียบร้อยแล้วตั้งแต่เมื่อวาน แต่ต้องอยู่ต่ออีกนิดเพื่อทำเรื่องลาหยุดงานมาดูแลเธอจนกระทั่งคลอด ซึ่งคนเป็นภรรยาเองก็เข้าใจและไม่ได้เร่งรัดอะไรจากคนเป็นสามี เพราะอย่างไรวันนี้เธอก็ตั้งใจจะมาทำงานวันสุดท้ายอยู่แล้ว ท้องเธอโตมากและใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว การเดินทางไปทำงานคงไม่สะดวกนัก หลังจากนี้จึงตั้งใจว่าจะให้พี่สะไภ้เอางานส่วนของเธอมาให้ที่บ้านแทนจางซิ่วอิงเดินไปยังลานจอดรถโดยมีพี่สะไภ้คอยประคองอย

  • เมื่อฉันกลายเป็นภรรยาขี้โรคในยุค 80   ตอนที่ 60 เจ้าหัวผักกาดมาแล้ว

    “ฉุนเหรอคะ?” คำพูดของเจ้านายสาวทำเอาแม่บ้านซุนคิดหนัก หญิงวัยกลางคนขมวดคิ้วเข้าหากันจนเป็นปม พยายามนึกถึงอาหารแต่ล่ะจานว่าเธอทำผิดพลาดที่ตรงไหนกัน มีส่วนผสมอะไรที่ผิดแปลกหรือพิศดารจึงได้ทำให้เจ้านายอาเจียนออกมาจนหมดไส้หมดพุงเช่นนี้“ขอโทษด้วยนะคะ ฉันไม่ได้ว่าอาหารของป้าซุนไม่ดี แต่ว่าฉันได้กลิ่นแล้วรู้สึกเวียนหัวมากจริง ๆ”หญิงสาวกล่าวขอโทษแม่บ้านทั้งน้ำตาคลอหน่วย เธอเห็นแก่ความทุ่มเทของป้าซุนที่พยายามรังสรรอาหารหลากหลายอย่างเพื่อเอาใจเธอ แต่กลิ่นแบบนั้นเธอไม่สามารถทนได้จริง ๆแม่บ้านวัยกลางคนได้รับคำยืนยันเช่นนั้นก็คิดหนัก แต่ก็ทำได้เพียงพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เห็นทีฝีมือการทำอาหารของเธอคงตกเสียแล้ว พลันวิ่งเข้าไปเตรียมยาดมและยาหอมมาให้กับเจ้านายเพื่อบรรเทาอาการเยว่ผิงอันที่ยืนอยู่ข้างกันกับคู่หมั้นหนุ่มพอฟังอยู่ไม่ไกลนั้นรู้สึกแปลกใจกับน้องสาวขึ้นมาในทันที อาหารบนโต๊ะนั้นแน่นอนว่าล้วนเป็นอาหารอย่างดี ถูกรังสรรขึ้นมาจนหน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status