공유

ตอนที่3

last update 최신 업데이트: 2025-09-04 08:06:30

ตอนที่3

ก็ผู้ใดจะไปคิดว่าเพียงนางถูกฟาดศีรษะเจียนตายเสียสามวันสามคืนฟื้นกลับมาคราวนี้บุตรสาวทึ่มทื่อจะกลับกลายจอมปราชญ์หญิงไปเสียได้ 

“เช่นนั้นเจ้าคงคาดเดาได้แล้วกระมังว่าสมรสในอีกสามวันนี้ไม่ธรรมดาน่ะ?” 

เป็นครั้งแรกที่จางเสียนอีเขารู้สึกดังกับกำลังคุยกับบุตรชายมากกว่าพูดคุยกับบุตรสาวนุ่มนิ่มไม่เอาไหนคนเดิม ความรู้สึกนี้อธิบายยากนัก รู้เพียงพูดคุยกับจางเยว่เซียงวันนี้เขาสบายใจอย่างยิ่ง จากในอดีตเขานั้นเศร้าใจนักที่สวรรค์คล้ายลงทัณฑ์เขาด้วยการพรากบุตรชายไปทั้งหมดถึงสามคน วันนี้พอพบว่าจางเยว่เซียงที่ดูเติบโต และเท่าทันผู้อื่นขึ้นมาบ้างก็เป็นดังสวรรค์กลับมามองเห็นความดีที่เขาเพียรทำอีกครั้งแล้ว

“คาดว่าสมรสนี้พี่สี่คงไปขัดแข้งขัดขากับคนใหญ่คนโตเข้าแล้วกระมัง” 

คนในยุคโบราณเรื่องแต่งงานคานอำนาจกันมีให้เห็นทุกหัวระแหง แล้วคนระดับหนานเฉิงกั๋วกงมีหรือจะตบแต่งฮูหยินเอกที่เป็นเพียงบุตรสาวคนหนึ่งของนายอำเภอเล็ก ๆ หากไม่มีเบื้องหลัง นางจึงคาดเดาได้ไม่ยากว่าการวิวาห์นี้คงไม่ธรรมดาเข้าแล้ว เพียงแต่ท่านย่ามหาภัยอาจจะคาดไม่ถึงหรือบางทีฐานะอันมั่งคั่งของหนานเฉิงกั๋วกงคงบดบังทุกเหตุผลไปจนสิ้นก็เป็นไปได้จึงไม่ดูเหนือดูใต้ไปขวางทาง ‘คนใหญ่คนโต’ เข้าเป็นแน่ จากที่คิดว่าจะง่ายจะสบายนั้นเลยยากเย็นเข็นใจขึ้นมาดังที่เห็น

“ถูกแล้วหนานเฉิงกั๋วกงนั้นเป็นหลานชายคนโปรดของไทเฮาสวี ถึงเขาไม่ยอมรับฐานะทางการทหารหรือยอมรับตำแหน่งขุนนางใหญ่ แต่เพียงทรัพย์สินเดิมของบรรพชนแซ่สวีกับทรัพย์สินที่เขาทำการค้าได้มาใหม่ในช่วงหลายปีมานี้ คาดว่าอาจใกล้เคียงกับห้องเก็บสมบัติส่วนพระองค์ของฮ่องเต้แล้วก็เป็นไปได้ แน่นอนว่ายั่วยวนน้ำลายพวกหิวอำนาจและเงินทองไม่น้อย” 

...หือ? ...มีทรัพย์สินอาจใกล้เคียงกับฮ่องเต้เชียวหรือ??? ... 

‘ชักน่าสนใจขึ้นมาเล็กน้อยเสียแล้วสิ’ นางร้ายเงินล้านที่ไม่ยอมขายศักดิ์ศรีให้ใครเด็ดขาด หากคนผู้นั้นจ่ายได้ไม่หนักพอพลันหูของคนเค็มจนทะเลต้องยกให้ ‘ตะวันฉาย’ นั้นเป็นบรรพบุรุษถึงกับกระดิกแต่กิริยาที่แสดงให้บิดาของร่างนี้เห็นก็คือสงบเยือกเย็นแย้มยิ้มอ่อนแต้มเรียวปากเข้าไว้มิดชิด 

“เช่นนั้นที่พี่สี่หายไปกับท่านพ่อบ้านใหญ่แซ่ฝู่ก็คงเป็นแผนของท่านย่ากับท่านพ่อ มิผิดไปกระมังเจ้าคะ” 

ช่างอำมหิตเกินไปแล้ว นางมองหน้าบิดาอย่างอยากรู้ให้แน่ว่าเบื้องหลังเหล่านี้นอกจากท่านย่ามหาภัยแล้ว บุรุษตรงหน้าของนางนี้จะไม่รู้เห็นเป็นใจต่อเหตุการณ์วันนั้นไปด้วยเชียวหรือ คนบ้านเดียวกันนะนางวางใจไม่ลงจริง ๆ

“อย่ามองพ่อเช่นนั้น กว่าจะรู้ว่าท่านย่ากับพี่สาวของเจ้าก็ก่อเรื่องร้ายเสียแล้วไม่ว่าทำงามหน้าหรือทำร้ายเจ้า อาเซียง พ่อที่จะคิดร้ายกับลูกในไส้ลงคอเห็นจะไม่ใช่ข้า จางเสียนอีแล้วอาเซียงเอ๋ย” 

จางเยว่เซียงจับจ้องทุกกิริยาของผู้เป็นบิดานิ่ง พลันภาพในความทรงจำก็บอกแก่นางว่าบุรุษผู้นี้เขาพูดจริง จางเสียนอีคือบิดาที่ดีคนหนึ่ง เขาไม่เคยรักลูกลำเอียง และไร้คุณธรรมจนถึงขนาดจะขายบุตรสาวอีกคนเพื่อให้บุตรสาวอีกคนอยู่รอดเป็นแน่ ดังนั้นแผนร้ายไม่รัดกุมเช่นนั้นคงมีเพียงสามคน ท่านย่า และหลานสาวเช่นจางเยว่ซินกับพ่อบ้านเฒ่าเพียงเท่านั้น แผนมันจึงเลยเถิดเกินจะควบคุมจนจางเยว่เซียงสุดท้ายถึงแก่ความตายไปอย่างน่าอนาถ

“เช่นนั้นบัดนี้ท่านย่าคงออกจากจวนสกุลจางไปแล้วกระมังเจ้าคะ?” 

เพราะฟางปี้เหลียนนั้นก็กระซิบบอกนางแล้วว่าเหล่าฮูหยินจางเร่งออกจากจวนสกุลจางไปอย่างร้อนรนเสียแล้ว นางจึงคาดเดาได้ไม่ยากว่าอีกฝ่ายหนีหายตามไปกับหลานสาวสุดที่รักเสียแล้วเป็นแน่ 

“ถูกต้อง หลังจากพ่อบ้านใหญ่จวนรองของหนานเฉิงกั๋วกงจากไป ท่านย่าของเจ้าก็ให้สาวใช้คนสนิทมาแจ้งทันทีว่านางจะไปถือศีลที่บนยอดเขากั๋วไถ่ซาน” 

...นับว่าเลือกเวลาไปไหว้พระถือศีลได้ดีจริง ๆ หญิงชราผู้นั้น ... 

“ท่านพ่อคงส่งคนติดตามไปแล้วกระมัง” 

หากเป็นนางก็จะทำเช่นนั้น สะกดรอยตามท่านย่ามหาอภัยไปเช่นไรก็ต้องเจอยายพี่สาวนิสัยทรามอย่างมิต้องสงสัย เพราะสวยและร้ายทว่าไร้สมองเช่นจางเยว่ซินย่อมไปไหนไม่ได้ไกลหากไม่มีคนส่งเสริมเช่นเหล่าฮูหยินจางอย่างแน่นอน ยิ่งอีกฝ่ายเป็นถึงพ่อบ้านใหญ่ที่อยู่ในจวนมานานเช่นนั้นมีหรือจะพาคุณหนูจวนนายอำเภอหนีไปโดบพละการหากไม่มีผู้เป็นนายใหญ่คอยหนุนหลังและคอยให้ความช่วยเหลือ

“เกรงว่าเรื่องจะไม่ง่ายเช่นนั้นอาเซียง ถึงเรื่องจะถูกปิดแต่ยิ่งปิดคนยิ่งอยากเปิด เจ้าคงทราบความจริงข้อนี้ดีกระมัง” 

บิดาช่างกล่าวไม่ผิดท่านย่ามหาภัยช่างสมกับเป็นขิงแก่ร้อนแรงโดยแท้จริงที่แสร้งปิดบัง ทว่ากลับส่งจางเยว่ซินให้หนีไปกับท่านพ่อบ้านใหญ่ฝู่เผย เรื่องอื้อฉาวคาวโลกีย์เช่นนี้ยิ่งปกปิดย่อมยิ่งถูกขุดคุ้ย แล้วป่านนี้ผ่านมาถึงสี่วันข่าวเสียหายเช่นไรก็ยากจะปิดบัง หากแม้นเวลานี้จวนสกุลจางจะตามเจ้าสาวผู้มีรอยราคีคาวกลับมา ต่อให้หนานเฉิงกั๋วกงไม่ล้มเลิกงานแต่งงานที่จะเกิด แต่จางเยว่ซินก็มิอาจตบแต่งไปเป็นหนานเฉิงกั๋วกงฟูเหรินไปได้เสียแล้ว 

“เกรงว่านี่อาจเป็นความตั้งใจของบุรุษผู้นั้นเป็นแน่ถูกต้องหรือไม่เจ้าคะ” 

...หึ!... 

ช่างอำมหิตไม่น้อยเลยทีเดียวหนานเฉิงกั๋วกง นางมั่นใจว่าเหตุการณ์เหล่านี้เขาคิดเอาไว้ก่อนที่จะส่งแม่สื่อมาจวนสกุลจางแห่งนี้แล้ว สวีฉีเฟิ่งเขาวางแผนนี้มาตั้งแต่ต้นเพราะคงสืบรู้มาแล้วว่าท่านย่ามหาภัยของนางเป็นคนนิสัยเช่นไร และศัตรูของเขาเป็นคนเช่นไร 

...ชักอยากพบหน้าคนรวยไม่พอยังมีสมองเช่นนี้เสียแล้ว... 

“ครั้งแรกพ่อก็ไม่มั่นใจเท่าใด ทว่าเมื่อครู่เขาส่งท่านพ่อบ้านใหญ่มาเจรจา จึงมั่นใจแล้วว่าทุกสิ่งสวีฉีเฟิ่งผู้นั้นเขาวางแผนลวงนี้เอาไว้แล้วจริง ๆ จุดหมายของเขามิใช่อาซินแต่เป็น...เจ้า” 

คิดทบทวนดูแล้วขนาดพี่สาวของนางเป็นสตรีเช่นไร ท่านย่ามหาภัยรักหลานลำเอียงเท่าใด บุรุษผู้นั้นยังรู้แจ้งแล้วเรื่องที่เจ้าของกายนี้เป็นสตรีโง่เง่าหัวอ่อนเพียงใดมีหรือหนานเฉิงกั๋วกงผู้นั้นเขาจะมิแจ้งใจ 

...ดี!... 

อยากได้ภรรยาแสนโง่เขลาเอาไว้หลอกใช้เป็นหนังหน้าไฟ ท่านก็ต้องยอมจ่ายให้หนักสักหน่อยแล้วหนานเฉิงกั๋วกงหึ...หึ...หึ... 

“เกรงว่าหากอยากได้ตัวของอาเซียงเขาก็ต้อง ‘จ่าย’ ให้คุ้มกับการที่อาเซียงจะเอาลำคอของตนเองไปวางพาดบนแท่นประหารเสี่ยงดวงแทนสตรีทั้งใต้หล้าเสียก่อนเจ้าค่ะท่านพ่อ” 

คิ้วเข้มของจางเสียนอีพันกันยุ่งเพราะไม่คิดว่าเด็กสาวที่ลุกขึ้นมา ‘ถกเถียง’ กับเหล่าฮูหยินจางเมื่อช่วงเช้านี้จะยอมอ่อนข้อเดินไปข้างหน้าตบแต่งกับบุรุษที่อันตรายเช่นสวีฉีเฟิ่งไปได้ 

“พ่อคิดว่าเจ้าจะปฏิเสธทางจวนหนานเฉิงกั๋วกงเสียอีก” 

...ปฏิเสธแท่นผลิตตั๋วเงิน!... 

ไม่มีทางเป็นเช่นนั้นอยู่แล้วเพราะคนเช่น ‘ตะวันฉาย’ ไม่ได้โง่เขลาและขาดสติถึงเพียงนั้น “ท่านพ่อคิดว่าคนเช่นหนานเฉิงกั๋วกงผู้นั้นจะ ‘ยินยอม’ โดยง่ายหรือเจ้าคะ เขาตั้งใจตั้งแต่จัดงานแล้วส่งเทียบเชิญมาถึงท่านย่าเมื่อหลายเดือนก่อน คนเช่นนี้ท่านพ่อคิดว่าเราจะปฏิเสธได้อยู่หรือเจ้าคะ” 

ฟังคำบุตรสาวคนรองแล้วจางเสียนอีก็เห็นจริง ปกติจวนนายอำเภอขนาดเล็กเช่นนี้มีหรือจะได้เทียบเชิญโดยง่าย ที่สำคัญเทียบเชิญนั้นมาถึงจวนโดยที่เขาและเสี่ยวฮูหยินไม่ทราบจนเมื่อเช้าอีกวันที่แม่สื่อเข่อมาถึงจวนเสียแล้ว ยังไม่ทันขยับปากเหล่าฮูหยินก็เร่งยอมรับสินสอด หากไม่ใช่สวีฉีเฟิ่งเดินหมากล้อมปิดทางเอาไว้ทุกมุมยังจะเรียกว่าอันใดไปได้อีก 

“อืม...ที่เจ้าพูดมาก็จริง” 

จางเสียนอีลูบหนวดไปมาอย่างใช้ความคิดอย่างหนัก แล้วจึงลงความเห็นว่าบัดนี้เขาไม่มีโอกาสให้เลือกทางอื่นนอกจากตกลงให้อีกฝ่ายเปลี่ยนตัวเจ้าสาวไปได้ 

“ดังนั้นอาเซียงจึงคิดว่าเราสมควรคิดหาแนวทางตบแต่งไปเสี่ยงอันตรายเช่นไรมิให้ฝ่ายเราขาดทุนเจ้าค่ะท่านพ่อ” 

แน่นอนว่าหากคิดจะค้าขายไม่ให้ขาดทุนนางจะต้องรู้ว่า ‘ศัตรู’ หมายเลขหนึ่งคือผู้ใด ตนเองและสกุลจางต้องเสี่ยงอันตรายใดบ้างจึงค่อยคิดถึงการค้าที่ไม่ขาดทุน 

“ท่านพ่อทราบหรือไม่ว่าผู้ใดคือศัตรูแท้จริงของสกุลจางในยามนี้” 

นางคิดว่าบิดาถึงเป็นเพียงนายอำเภอเล็ก ๆ ทว่าคนในมือย่อมมี แต่จะมีมากหรือน้อย และมีคุณภาพหรือไม่นั้นค่อยว่ากันอีกที จากคำตอบต่อไปนี้ 

“เป็นฝ่ายเหลิ่งกุ้ยเฟยที่ออกตัวรุนแรงเรื่องจะยัดเยียดบุตรสาวของตนที่เป็นองค์หญิงนามจ้าวหรูหลัน ส่วนอีกนางก็คือฝ่ายเหยียนเต๋อเฟยซึ่งวางหมากเอาไว้เป็นบุตรสาวบุญธรรมนามเหยียนเหม่ยซินที่เป็นหลานสาวแท้ ๆ ของนางเช่นกัน” 

...นับว่าศึกนี้ไม่เบาเลยสินะ... 

ดวงตากลมสวยหรี่แคบลงอย่างใช้ความคิดให้ถี่ถ้วน เห็นทีนางต้องไปพบหน้ากับ ‘คู่ค้า’ สักหน่อยจึงจะคิดได้ว่าควรเรียกเท่าใดฝ่ายนางและสกุลจางจะไม่ขาดทุน 

“เช่นไรท่านพ่อก็อย่าลืมส่งคนไปคุ้มกันท่านย่ากับพี่สี่นะเจ้าคะ อย่าวางใจ เพราะผลประโยชน์มันไม่เข้าใครออกใคร สังหารตัดปัญหาไปสักสิบชีวิตคนพวกนั้นล้วนไม่ต้องคิดมาก” 

เพื่อไม่ให้บิดาสงสัยในตัวตน และนิสัยใหม่จางเยว่เซียงจำต้องแสดงตนเป็น ‘นางเอกแสนดี’ สักยกย่อมดีกว่า ซึ่งจางเสียนอีก็หลงกลจริงเสียด้วย เพราะอดีตจางเยว่เซียงจะถูกท่านย่า และพี่สาวรังแกเพียงใด เด็กสาวก็ยังห่วงใยทั้งสองจนดูเป็นพวกเจ็บไม่รู้จักจำเท่าใดนัก 

“ท่านพ่อช่วยส่งคนไปยังจวนหนานเฉิงกั๋วกงแล้วแจ้งว่าอาเซียงต้องการพบปะพูดคุยปรึกษาเรื่องงานวิวาห์ในอีกสามวันสักหน่อยจะได้หรือไม่เจ้าคะ” 

หากไม่พบหน้านางมิอาจหยั่งเชิง และเล่ห์กลของอีกฝ่ายไปได้เป็นแน่ ถึงนางไม่ใช่คนฉลาดมากมายอันใด แต่เรื่องการมองสีหน้าคนย่อมมีความสามารถอยู่บ้าง 

“เจ้าจะไปพบหนานเฉิงกั๋วกงด้วยตนเอง?!” 

เด็กสาวขี้กลัวผู้หนึ่งเพียงถูกฟาดศีรษะไปหนึ่งครั้งไยจึงมีความกล้าเผชิญหน้ากับบุรุษร้ายกาจมากกลโกงเช่นสวีฉีเฟิ่งไปได้เช่นนี้เล่า? 

“ท่านพ่อเข้าใจผิดแล้ว อาเซียงหมายความว่าให้ท่านพ่อส่งคนไปนัดเขาแน่แท้ว่าต้องให้ท่านพ่อออกหน้าไปด้วยสิเจ้าคะ” 

จางเยว่เซียงเร่งพลิกลิ้นเนื่องจากกลัวว่าคนฉลาดเช่นจางเสียนอีนั้นจะสงสัยเอาได้ เพราะคนโง่นุ่มนิ่มผู้หนึ่งต่อให้สมองไม่ปกติจากสาเหตุศีรษะถูกฟาด แต่จะกล้าแกร่งไปพบบุรุษเพียงลำพังหากเป็นนางก็ย่อมมีข้อสงสัยเป็นแน่ 

“อ้อ...เช่นนั้นหรอกหรือ ได้สิประเดี๋ยวพ่อส่งคนไปเชิญหนานเฉิงกั๋วกงมาพูดคุยที่จวนของเราย่อมสมควรกว่า เช่นไรฝ่ายเราก็เป็นสตรีที่สำคัญเจ้าเองก็เพิ่งฟื้นคืนสติ เขาย่อมปฏิเสธมิได้เป็นแน่” 

ฟังคำของท่านนายอำเภอจางเสียนอี นางจึงเริ่มรู้สึกตัวว่าสถานที่แห่งนี้คือยุคโบราณ ตนเองจะเดินไปขอเจรจากับบุรุษโดยตรงมิได้ ยิ่งนางกับอีกฝ่ายใกล้จะตบแต่งให้แก่กันยิ่งพบกันเพียงสองต่อสองมิได้เด็ดขาด 

“เช่นนี้อาเซียงขอตัวไปเตรียมของว่างเอาไว้รับรองแขกก่อนนะเจ้าคะท่านพ่อ” 

จางเยว่เซียงกำลังเรียงลำดับภาพในศีรษะว่าอดีตของกายนี้นางถนัดทำของว่างชนิดใดบ้างก็ได้ความว่าบิดานั้นชอบกินกุ้ยช่ายไส้หน่อไม้อย่างยิ่งเลยตกลงใจว่าวันนี้นางจะทำของโปรดของบิดาแทนที่จะทำของที่ ‘แขก’ นั้นชมชอบ มิใช่อันใด เป็นเพราะนางเองนั้นก็ไม่ทราบว่าคนเช่นหนานเฉิงกั๋วกงชอบกินสิ่งใดนั้นเอง 

“อืม...ไปเถิด” 

ท่านนายอำเภอจางมองตามกายอรชรของบุตรสาวคนรองซึ่งยังมีชีวิตอยู่จนนางลับหายไปจากบานประตู ความสงสัยมีเต็มเปี่ยม แต่สุดท้ายเขาก็คิดว่าให้จางเยว่เซียงเฉลียวฉลาดเช่นนี้ย่อมดีกว่าจางเยว่เซียงผู้อ่อนแอและซื่อบื้อเช่นเดิมในอดีตถึงสิบส่วน

เพราะเขาเองย่อมรู้ ปฏิเสธไปย่อมไม่ได้หากบุตรสาวเป็นคนอ่อนแอไม่เท่าทันสามี เกรงว่าตบแต่งออกไปเขาคงถึงกับนอนตายตาไม่หลับเสียเป็นแน่ ก็คนเช่นสวีฉีเฟิ่งนั้นเขาคือ ‘พ่อค้า’ อย่างแท้จริง การค้าใดเขาจะขาดทุนบุรุษหนุ่มมากเล่ห์ผู้นั้นล้วนไม่เคยวางใจลงทุนเด็ดขาด

ที่สำคัญข่าวมีมานานต่อความอำมหิตไร้ดวงใจของหนานเฉิงกั๋วกงผู้นั้นถึงการสังหารคนทิ้งหากมาขวางเส้นทางของเขา ต่อให้สวีฉีเฟิ่งนั้นเขาไม่ใช่ขุนนางบุ๋นและบู๊ ทว่าทั้งกำลังคนและอำนาจบุรุษวัยคราวลูกผู้นั้นมีก็มิใช่จะธรรมดา หาไม่ฝ่ายเหลิ่งกุ้ยเฟยและเหยียนเต๋อเฟยจะอยากดึงเขาไปอยู่ฝ่ายตนเองไปไย 

ในเมื่อสวีฉีเฟิ่งมีทั้งอำนาจ กำลังคน ไปจนถึงกำลังทรัพย์สิน ต่อให้เป็นฝ่ายสกุลเยี่ยของเยี่ยฮองเฮา หากคิดแข็งข้อยังทำได้ยากเลย เช่นนี้เขาจึงเนื้อกายหอมฟุ้งทั้งที่ขึ้นชื่อด้านความใจดำอำมหิตขนาดพี่ชายร่วมบิดาของเขาเองยังสังหารเพื่อยื้อแย่งผู้นำสกุลสวีเพียงคนเดียวได้อย่างไร 

“ข้าก็คาดหวังเพียงเจ้าจะมากปัญญาเช่นนี้ตลอดไปนะอาเซียง” 

ชายสูงวัยที่ผ่านทั้งร้อนและหนาวมาไม่น้อยที่กังวลที่สุดก็มีเพียงกลัวว่าบุตรสาวคนกลางของตนเองอาจจะเพลี่ยงพล้ำให้กับความมากเล่ห์ล้านแผนการของหนานเฉิงกั๋วกงเท่านั้น ก็ชื่อเสียงของอีกฝ่ายมีมากพอ ๆ กับทรัพย์สินและความอำมหิตนั่นเลยทีเดียวเขายากจะวางใจหากจางเยว่เซียงโง่เง่าและอ่อนแอเช่นในอดีต

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนที่11

    ตอนที่11หลังจากได้ทำความรู้จักกับ ‘ญาติ’ ของสวีฉีเฟิง และส่งเขาไปทำกิจธุระแล้ว คราวนี้ก็ถึงคราวที่นางจะต้องไปทำความรู้จักกับเหล่าข้าทาสบริวารของสามีที่แน่นอนว่าต่อไปนี้คนเหล่านั้นจะต้องเป็นข้าทาสบริวารของนางด้วยเช่นกัน “นายหญิงเชิญที่เรือนกลางขอรับ” ท่านพ่อบ้านซูโค้งกายชี้นำทางให้แก่นางอย่างนอบน้อม และให้เกียรติ แต่เพราะเด็กสาววัยสิบเจ็ดหนาวตรงหน้านั้นครอบครองตำแหน่ง ‘นายหญิงสวี’ เขาที่เป็นพ่อบ้านใหญ่ย่อมต้องแสดงให้บริวารทั้งหลายได้เห็นเป็นตัวอย่างเอาไว้ มิให้คนใต้ปกครองได้กำเริบเสิบสานไม่เคารพผู้เป็นนายได้ในภายภาคหน้านั่นเอง “รบกวนท่านพ่อบ้านซูแล้ว” จางเยว่เซียงเองนั้นก็ต้องรู้จักวางตัวเช่นกัน มาถึงวันนี้ความทรงจำร่างนี้แทบไม่มี แต่ความทรงจำของ ‘ตะวันฉาย’ นั้นก็พอจะเอาตัวรอดได้อยู่บ้าง เพราะในยุคนี้นอกบ้านสามียิ่งใหญ่ ทว่าในบ้านภรรยาต้องควบคุมให้สงบ สามีจะแต่งอนุภรรยาอีกกี่นาง จะมีบุตรต่างภรรยาอีกกี่คน ผู้ที่เป็นภรรยาเอกเฉกเช่นนางจะต้อง ‘จัดการ’ ให้ได้ และมิใช่เพียงต้อง ‘ได้’ แต่จะต้องดีที่สุดอีกด้วย “พวกนางเหล่านี้คือสาวใช้ทั้งหมดที่จวนรอง ส่วนทางฝั่งนี้คือบ่าวชายกับคนงานทั้งห

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนที่10

    ตอนที่10ช่วงต้นยามอิ๋นสายฝนก็เทกระหน่ำลงมาราวกับท้องฟ้าพิโรธ อากาศเย็นสาดเข้ามากระทบคนไม่ชอบอากาศหนาวจนนางต้องตื่นขึ้นมา ก็พอดีกับที่ประตูห้องถูกเปิดเข้ามา “ข้าทำเจ้าตื่นหรือ?” คนตัวโตที่เพิ่งปิดประตูลงด้วยกิริยาระวัง แต่คนบนเตียงนางก็ยังขยับกายตื่นลุกขึ้นมานั่งได้อยู่ดีเอ่ยถามขึ้น“มิได้เจ้าค่ะ ข้าตื่นเพราะเสียงฟ้าฝนด้านนอกที่แรงยิ่งนักนั่น ซ้ำละอองเย็นจากน้ำฝนก็สาดเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดทิ้งเอาไว้เมื่อช่วงหัวค่ำเจ้าค่ะ” สวีฉีเฟิ่งหันไปก็เห็นจริงจึงเดินไปปิดมันลงเสียแล้วกลับมาปลดอาภรณ์ตัวนอกออกจนหมดเปลี่ยนมาเป็นเสื้อคลุมสวมใส่ในยามนอนเพียงตัวเดียว จากนั้นเขาก็เก็บนั่นเก็บนี่จนเรียบร้อยจึงเดินตรงไปที่เตียงสอดกายสูงใหญ่นั้นเบียดเข้ามาในผ้าห่มผืนเดียวกับนาง ทว่าเพียงเท่านั้นก็ทำให้จางเยว่เซียงจับสังเกตได้แล้ว ว่าสวีฉีเฟิ่งผู้นี้เป็นบุรุษที่มีระเบียบจัดอย่างที่สตรีบางคนยังต้องอับอายผู้หนึ่งเลยทีเดียว “พรุ่งนี้มีเวลาให้เจ้าพักผ่อนหนึ่งวัน มะรืนหลังจากกลับไปยกน้ำชาให้แก่ท่านพ่อของเจ้าแล้ววันต่อไปพวกเราคงต้องเดินทางไปยังชายแดนแคว้นอี้ด้วยกัน เพราะการค้าที่นั่นมีปัญหาให้ข้าต้องไปดูแลแก้

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนที่9

    ตอนที่9ผ่านไปครู่หนึ่งสภาพของ ‘นายท่าน’ ที่ปรากฏต่อหน้าติงฮ่าว และฟางปี้เหลียนนั้นกลับช่างน่าอนาถอย่างยิ่ง ทว่าจะน่าอนาถเพียงใดพวกเขาก็ทำได้เพียงก้มหน้ากลืนความขบขันลงท้องเท่านั้น “มิต้องตามหมอแน่นะเจ้าคะ?” จางเยว่เซียงนั้นที่ยังแตกตื่นเอ่ยถามคนที่นอนหงายหนุนตักของนางอยู่ด้วยความกังวลที่เจ้าบ่าวของตนเองนั้นเลือดกำเดาพุ่งออกมาราวกับน้ำพุเมื่อครู่ไม่หาย อากาศที่แคว้นฉู่นี้ต่อให้ช่วงนี้เป็นฤดูฝนแต่ก็หนาวจนคนที่มาจากยุคที่อยู่ได้ด้วยเครื่องปรับอากาศยังรู้สึกเย็นสบายไม่ต้องเปิดหน้าต่างนอนเลยสักคืน แต่บางทีหนานเฉิงกั๋วกงผู้นี้เขาคงเป็นโรคร้อนในเป็นแน่จึงเลือดกำเดาออกง่ายเช่นนี้ “ไม่ต้องหรอกพวกเจ้าก็ไปนอนกันได้แล้วข้านอนพักสักครู่ก็หายดีแล้ว” ขืนต้องไปตามหมอกันกลางดึกด้วยสาเหตุผู้เป็นเจ้าบ่าวนั้นเลือดกำเดาไหล เห็นทีชื่อเสียงเลวร้ายที่สะสมมาถึงสิบปีคงได้มลายหายไปจนสิ้นเป็นแน่ สวีฉีเฟิ่งคิดในใจด้วยความทดท้อไม่หายเพราะเพียงต้องขายหน้าท่านพ่อบ้านใหญ่กับอีกหนึ่งสาวใช้กับหนึ่งคนสนิทนี้เขาก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปซ่อนไว้ที่ใดกันแล้ว “ขอรับนายท่าน อาเหลียน อาฮ่าวตามข้ามา” ซูจิ้งเหยาเรียกคนรับใช้ชาย

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนที่8

    ตอนที่8ดังนั้นเมื่อสวีฉีเฟิ่งเห็นว่าได้เวลาสมควรแล้วเขาจึงขอตัวจากแขกที่คุ้นเคย เตรียมตัวไปหาเจ้าสาวในห้องหอจึงพบว่าเจ้าสาวคนงามของตนเองนอนหลับสนิทหมดสภาพไปเสียแล้ว “นายท่าน/นายท่าน” ติงฮ่าว และฟางปี้เหลียนเห็นผู้เป็น ‘เจ้าบ่าว’ ถูกเพื่อนฝูงโดยแกนนำคือคุณชายตู้พากันมาส่งจนถึงหน้าประตูเรือนหอ ทว่าเจ้าสาวกลับยังนอนหลับได้ไม่ไหวติงเสียแล้วพวกเขาจึงทำได้เพียงโค้งกายให้แก่ ‘นายท่าน’ จนศีรษะแทบโขกพื้นเท่านั้น ไม่มีใครกล้าไปปลุก ‘เจ้าสาว’ ที่หลับประหนึ่ง ‘ซ้อมตาย’ เลยสักคน “ติงฮ่าวไปเตรียมน้ำ เจ้าปี้เหลียนสินะไปจัดเตรียมอาภรณ์ให้ข้า” ทว่าสวีฉีเฟิ่งนั้นมิได้เดือดร้อนในเมื่อนางอยากจะหลับก็ให้หลับไปเขาไม่รีบร้อนอยู่แล้ว กายกำยำปลดอาภรณ์ชุดเจ้าบ่าวเนิบนาบโดยมีติงฮ่าวคอยช่วยเหลือผ่านไปครู่ได้ เขาจึงเดินออกมาด้วยเสื้อคลุมสีดำตัวใหญ่เพียงเท่านั้นไม่มีอาภรณ์ใดอยู่ภายในอีกเลย “พวกเจ้าไปพักผ่อนได้แล้ว ติงฮ่าวเจ้าพาปี้เหลียนไปส่งที่ห้องพักของนางด้วย พรุ่งนี้หากข้าไม่เรียกก็ไม่ต้องเร่งเข้ามาที่เรือนนี้อีก” “ขอรับ/เจ้าค่ะ” สองคนสนิทจัดการงานหน้าที่เสร็จแล้วรับคำสั่ง จากนั้นก็เร่งจากไปไม่อยู่ข

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนที่7

    ตอนที่7และแล้ววันวิวาห์ยิ่งใหญ่ระหว่างคุณหนูห้าของท่านนายอำเภอจางและหนานเฉิงกั๋วกงสวีฉีเฟิ่งก็บังเกิดขึ้นในวันที่ท้องฟ้าของต้นเดือนหกนั้นแสนจะแจ่มใจเป็นใจต่อฤกษ์มงคลนี้เสียเป็นยิ่งนัก ชาวบ้านเองต่างร่ำลือกันไปทั่วถึงการที่เจ้าสาวถูกเปลี่ยนไป แต่เพราะอำนาจและเงินทองของฝ่ายเจ้าบ่าวผู้ใดเล่าจะกล้าสงสัยความต้องการของเขา ดังนั้นพิธีต่าง ๆ จึงเริ่มดำเนินไปตามธรรมเนียมของชาวต้าเหลียงอย่างเคร่งครัดนั่นก็คือ ฝ่ายเจ้าสาวที่จะต้องไปอยู่บ้านเจ้าบ่าวนั้น จะต้องเตรียมสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ ติดตัวไปด้วย รวมทั้งสิ่งของที่ต้องใช้ในงานพิธี ร่วมไปกับสินเดิมซึ่งมีดังต่อไปนี้ หนึ่งนั่นก็คือเอี๊ยมแต่งงาน เป็นเอี๊ยมผ้าแพรสีแดง มีกระเป๋าเล็ก ๆ ตรงหน้าอกเสื้อ ปักคำว่า ‘แป๊ะนี้ไห่เล่า’ ซึ่งมีความหมายสื่อว่า อยู่กินกันจนแก่เฒ่าซึ่งจางเยว่เซียงนางก็เพิ่งได้ทดลองสวมดูว่าต้องแก้ไขหรือไม่ไปเมื่อวันก่อนนี้นี่เอง ชิ้นที่สองคือเชือกแดงผูกเอี๊ยม ติดตัวหนังสือ และมีแผ่นหัวใจสีแดงสำหรับติดเครื่องประดับเช่นไข่มุกหรือทองคำแท้ แล้วแต่ว่าฐานะของเจ้าบ่าว และเจ้าสาวจะร่ำรวยเพียงใด ซึ่งในกรณีของจางเยว่เซียงนับว่าเจ้าบ่าว แ

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนที่6

    ตอนที่6...จวนรองสกุลสวียังแคว้นฉู่... “นายท่าน” ซั่วเจามาพร้อมถุงผ้าเปื้อนเลือดวางลงตรงหน้าคนที่ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตวัดพู่กันอยู่ที่โต๊ะไม้ตัวใหญ่ทั้งที่ก็เข้าสู่ต้นยามจื่อแล้วโดยแท้ สวีฉีเฟิ่งตวัดพู่กันลงไปบนตัวอักษรสุดท้ายแล้วจัดการพับเรียบร้อยเป็นจดหมายลับส่งออกไปกับพิราบสื่อสารสีขาวตัวอ้วนพี “เรียบร้อยดีทุกสิ่งใช่หรือไม่อาเจา” “เป็นไปตามบัญชาของนายท่านขอรับ” “ดี!” เรียวปากสวยเกินบุรุษแย้มยิ้มงดงามแล้วหยิบถุงผ้ามาเปิดออกเห็นสิ่งที่อยู่ภายในก็ไม่พูดสิ่งใด เดินออกจากห้องหนังสือในคฤหาสน์ของสกุลสวีแล้วมุ่งตรงไปยังสวนด้านหลังเรือนดอกท้อก็พบกับกรงขนาดใหญ่ที่มีเสือดำตัวใหญ่นอนอย่างเกียจคร้านอยู่ภายในถึงสองตัว “อาลี่” เจ้าตัวที่ใหญ่กว่าขยับหัวขึ้นดูแต่ไม่ได้ลุกขึ้นมา กลับเป็นตัวที่เล็กกว่าที่ลุกขึ้นมาแล้วบิดตัวราวปวดเมื่อยอย่างยิ่ง แล้วเดินยักย้ายส่ายสะโพกมารับเอามือของมนุษย์คาบไปนอนแทะเล่นยังอีกมุมหนึ่งของกรงราวกับกินของว่างมื้อดึก ซึ่งพอส่ง อาหาร ‘ขบเคี้ยว’ ยามดึกให้เสือดำกำลังตั้งครรภ์เรียบร้อยสวีฉีเฟิ่งก็เดินไปล้างมือในอ่างด้านข้างที่บ่าวชายถือรอเอาไว้ “นายท่านจะกลับเรือนนอน

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status