Share

ตอนที่5

last update Last Updated: 2025-09-04 08:17:53

ตอนที่5

...นอกแคว้นฉู่... 

ห่างออกไปราวสามร้อยลี้ ใกล้พลบค่ำแล้วแต่ขบวนรถม้าของสองย่าหลานสกุลจางกลับยังไปไม่ถึงที่พักม้าสักครา ทำเอาท่านพ่อบ้านใหญ่แซ่ฝู่มีนามว่าเผย บุรุษวัยสี่สิบเอ็ดหนาวรู้สึกร้อนใจไม่น้อย เพราะทางเส้นนี้โจรปล้นม้ามีไม่น้อยนั่นเอง แต่ให้เร่งเช่นไรก็เหมือนจะยิ่งช้า 

“ฝู่เผยเกิดอันใดขึ้น” 

เหล่าฮูหยินจางเปิดผ้าม่านบังด้านหน้ารถม้าออกมาสอบถามเมื่อพบว่ารถม้านั้นชะลอความเร็วลงอีกเป็นรอบที่แปดนับจากออกเดินทางมาจากประตูเมืองแคว้นฉู่ ยิ่งพอนางมองเห็นบรรยากาศที่เริ่มเข้าสู่พลบค่ำก็ชักสีหน้าไม่พึงใจทันที 

“สลักล้อรถม้าคันที่สามชำรุดขอรับ” 

ฝู่เผยตอบแล้วเช็ดหยาดเหงื่อบนใบหน้าไปพลาง ทำสีหน้าลำบากใจที่การเดินทางล่าช้าลงไปอีก แต่จะทำเช่นไรได้คงมีเพียงเร่งมือบ่าวประจำรถม้าคนที่ขนเสบียงไปช่วยกันซ่อมสลักเท่านั้น แต่ยิ่งเร่งก็เหมือนยิ่งช้า ที่สำคัญฟ้าฝนก็เริ่มตั้งเค้ามาเยือน ซึ่งต่อมาไม่ถึงสองเค่อเม็ดฝนก็เทลงมาอย่างหนักแม้แต่ม้ากับวัวลากรถม้ายังสะดุ้งด้วยความเจ็บที่ถูกเม็ดฝนสาดซัดโดยไร้ที่กำบัง 

“ท่านย่าฝนตกหนักเช่นนี้เราจะทำเช่นไรกันดีเจ้าคะ” 

จางเยว่ซินกุมมือผู้เป็นท่านย่าเอาไว้แน่นเพราะรอบกายนี้นอกจากป่าเขาก็มีแต่ความมืดปกคลุมไปทั่ว กิริยาห้าวหาญจนถึงขนาดหยิบดุ้นฟืนขึ้นไปฟาดศีรษะน้องสาวฝาแฝดไม่พอยังช่วยกันกับท่านพ่อหนุ่มใหญ่เช่นฝู่เผยจับร่างไร้สติโยนลงไปในบึงบัวกลับไม่หลงเหลือ มีเพียงกิริยาหวาดกลัวชวนสงสารให้เหล่าฮูหยินจางเอ็นดูเท่านั้น 

“โจรปล้นม้าบุกแล้ว...หากรักชีวิตเร่งวางอาวุธให้หมด!” 

พอสายฝนซา เม็ดภัยร้ายที่ท่านพ่อบ้านหนุ่มใหญ่กังวลก็มาเยือนเข้าจนได้ เสียงตะโกนโห่ร้อง ผสานไปกับเสียงกรีดร้องของสตรีต่างวัยสองย่าและหลานสาวรวมไปถึงสาวใช้อีกหกนางดังสะท้อนก้องไปทั้งหุบเขา 

“พวกเจ้าต้องการทรัพย์สินเท่าใดก็จงเร่งเอาไป หากต้องการสตรีตอบสนองราคะ สาวใช้พวกนั้นข้ายินดียกให้ขอเพียงพวกเจ้าละเว้นเราสองคนย่าและหลานไปเท่านั้น” 

คำกล่าวเห็นแก่ตนทำเอา ‘โจรปล้นม้า’ จำเป็นถึงกับนึกชิงชังสตรีเฒ่าจิตใจอำมหิตอย่างยิ่ง แต่ในเมื่อพวกเขามีคำสั่งเพียงปล้นทรัพย์สินกับทำลายโฉมของคุณหนูสี่สกุลจาง และตัดมือเจ้าพ่อบ้านชั่วซึ่งบังอาจแตะต้องสตรีของ’ สวีฉีเฟิ่ง’ เพียงเท่านั้น ส่วนข่มขืนสาวใช้ผู้ไม่เกี่ยวข้องซั่วเจามิได้รับ ‘คำสั่ง’ เขาย่อมไม่แตะต้องเด็ดขาด 

“ผู้ใดแซ่ฝู่นามว่าเผย” 

พอพังรถม้าทั้งสามคันจนแน่ใจว่ามิอาจใช้การได้แล้ว ซั่วเจาในฐานะหัวหน้ากลุ่มโจรก็เดินตามหาเป้าหมายแรกทันที และแน่นอนคนในขบวนรถม้าไปต่างเมืองนี้เป็นคนของสกุล ‘สวี’ ถึงสามส่วน ย่อมหาคนที่ต้องการได้ไม่ยากเย็น 

“เจ้านี่เองที่ไปแตะต้องคนซึ่งไม่สมควรเข้า” 

มองไปที่ท่านพ่อบ้านหนุ่มใหญ่แล้วยิ้มเหี้ยมโหดออกมาหนึ่งสาย ไม่ทันกะพริบตาดาบยาวคมกริบก็ตวัดตัดฉับเอาข้อมือข้างขวาจนฝู่เผยกรีดร้องโหยหวนดิ้นทุรนทุราย เขาเขี่ยมือในส่วนที่ขาดโยนให้ลูกน้องอีกคนเก็บใส่ถุงผ้ากลับไปเป็นหลักฐานว่า ‘คำสั่ง’ ของ ‘นายท่าน’ นั้นสำเร็จไปด้วยดีนั่นเอง 

“กรี๊ด!...อย่านะ...อย่าทำอันใดข้านะ” 

จางเยว่ซินถอยกายไปกอดผู้เป็นท่านย่าเอาไว้แน่น ดวงใจใกล้จะหยุดเต้นเพราะความหวาดกลัว ราวกับร่างของหัวหน้าจอมโจรผู้นี้คือพญายมที่กำลังจะมาพรากเอาลมหายใจของนางไปก็มิปาน ซั่วเจามองสาวน้อยที่งดงามไร้รอยตำหนิ กึ่งสมเพช กึ่งสาแก่ใจ เพราะจางเยว่ซินผู้นี้งดงามก็จริง แต่กลับมีดวงใจอำมหิตยิ่งนัก เพียงคิดจะเอาชีวิตตนเองรอด แม้นแต่น้องสาวที่อาศัยครรภ์เดียวกันถึงสิบเดือนนางกลับสังหารได้ลงไม่มีลังเลแม้แต่น้อย 

“กลัวหรือ?” 

เขาคุกเข่าข้างหนึ่งแล้วจึงส่งมือแกร่งไปบีบปลายคางเรียวแสยะรอยยิ้มโหดร้ายให้นางหนึ่งสาย แล้วจึงสั่งให้คนของตนจับเหล่าฮูหยินจางแยกออกไปกับเรียกอีกสองคนมาจับล็อกกายอรชรงดงามเอาไว้จนดิ้นรนหนีไม่ได้ 

“ในใจของเจ้ามันโสมมเกินไป ใบหน้างดงามนี้ของเจ้าไม่สมควรเป็นของเจ้าอีก” 

กล่าวจบเขาก็ตวัดเอามีดสั้นที่ตนเองพกเอาไว้ตรงเอวออกมาแล้วค่อย ๆ จรดปลายมีดสั้นกรีดลงไปบนใบหน้าซีกขวาของจางเยว่ซิน หญิงสาวกรีดร้องจนเสียงแหบแห้ง ทว่าซั่วเจานั้นใจเย็นกรีดสลักที่แก้มเป็นคำว่า ‘ทรยศ’ แล้วจึงย้ายไปกรีดสลักที่หน้าผากงดงามว่า ‘แพศยา’ ซึ่งกว่าเขาจะสลักสำเร็จจางเยว่ซินที่ทานทนต่อความเจ็บ และหวาดกลัวไม่ไหวจนปล่อยของเสียออกมาไม่พอ สุดท้ายนางยังถึงกับหมดสติลงก่อนที่ซั่วเจาจะสลักตัวอักษรสุดท้ายเสร็จเสียอีก 

คงมิต้องกล่าวถึงเหล่าฮูหยินจางที่ทานทนต่อภาพสยดสยองไม่ไหวเป็นลมหมดสติไปนับจากซั่วเจายังสลักคำตรงแก้มซีกขวายังไม่สำเร็จดี เมื่อแลเห็นผลงานลุล่วงไปด้วยดีทุกสิ่งซั่วเจาจึงสั่งถอนกำลังปล่อยให้คนของสกุลจางและสองย่ากับหลานสาวนอนสลบอยู่กลางสายฝนมิใส่ใจสักนิด ซึ่งพอกลุ่มโจรจำเป็นจากไปได้ครึ่งชั่วยามคนของท่านนายอำเภอจางก็ตามมาจนพบสองคนสำคัญของจวนสกุลจาง 

แต่ดูเหมือนจะช้ากว่าอีกกลุ่มไปเสียแล้วเมื่อสภาพขบวนไปถือศีลยังยอดเขากั๋วไถ่ซานจึงย่อยยับ รวมไปถึงเหล่าฮูหยินจางและคุณหนูสี่สกุลจางที่ใบหน้างดงามถูกกรีดกลายเป็นสตรีอัปลักษณ์ลงเพียงไม่กี่ชั่วยามเท่านั้น 

“เร่งพาคุณหนูสี่กับเหล่าฮูหยินจางกลับจวนเร็วเข้า!” 

มือปราบหวู่สั่งคนใต้บังคับบัญชาในคราแรกเขาคิดจะติดตามเหล่าคนร้ายไป ทว่าพอเห็นมือปราบรุ่นน้องไปจับกายคุณหนูสี่พลิกนอนหงายกลับเบือนหน้าหนีเขาจึงต้องเร่งเข้าไปดูด้วยตนเอง 

แล้วสภาพใบหน้าสยดสยอง ข้อมือข้อเท้านั้นถูกตัดเส้นเอ็นจนหมด เส้นผมที่เคยนุ่มสวยเงางามยาวเลยสะโพกก็ถูกตัดกร่อนจนเว้าแหว่ง แต่ที่มือปราบผู้อื่นเบือนหน้าหนีเห็นทีคงจะเป็นกลิ่นของเสียที่เจ้าของร่างถ่ายออกมานั่นเอง สุดท้ายเขาจำต้องตัดใจไม่ตามคนร้ายแต่หันมาจัดการกับบุตรของผู้เป็นนายจนสะอาดแล้วจึงแบกนางขึ้นม้าเร่งกลับเข้าเมืองฉู่ทันที 

แล้วกลางดึกคืนนั้นจวนสกุลจางก็วุ่นวายเดือดพล่านไปหมด เมื่อบุตรสาวคนโตแต่เกิดเป็นลำดับที่สี่และเหล่าฮูหยินจางนั้นถูกโจรมาดักปล้นกลางทางระหว่างแคว้นฉู่ และเทือกเขากั๋วไถ่ซานจนคนหนึ่งหมดสติไม่ยอมฟื้น ส่วนอีกคนก็บาดเจ็บสาหัสไปจนถึงเข้าขั้นเสียโฉมนั่นเอง 

“ท่านหมอฟางใบหน้าของอาซินนี้? ...” 

เมื่อทราบอาการของมารดาวัยเจ็ดสิบนางเพียงหมดสติเพราะกลัวเกินไปไม่มีอันใดเป็นอันตราย จางเสียนอีจึงเร่งมาดูบุตรสาวที่สภาพย่ำแย่เกินบรรยาย ดวงตาของนายอำเภอเฒ่าว้าวุ่นกลัดกลุ้มเกินจะบรรยาย 

“เรื่องใบหน้าท่านนายอำเภออย่าเพิ่งวิตกจนเกินไป คนเราใบหน้าเสียโฉมนั้นยังใช้ชีวิตได้ปกติ ทว่าหากนางเดินเหินไม่ได้นั่นมิน่าวิตกกว่าหรอกหรือ?” 

ท่านหมอฟางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งไร้วี่แววหยอกเย้าอารมณ์ดีเช่นปกติ “ท่านหมอฟางหมายความว่าเช่นไรเจ้าคะ?” จางเยว่เซียงเองก็เร่งรุดออกมาดูสภาพของพี่สาวมหาภัยกับท่านย่าใจเหี้ยมของร่างกายนี้ด้วยเช่นกันจึงอดจะถามกับท่านหมออาวุโสเสียมิได้ 

“ขาทั้งสองข้างตรงข้อเท้าถูกตัดเส้นเอ็นไปหกส่วนเช่นนี้ต่อให้คุณหนูสี่หายแล้วก็เดินได้ไม่ปกติแล้วขอรับ” 

จางเยว่เซียงเห็นสภาพของเจ้าพ่อบ้านตัวดีที่ช่วยกันลงมือสังหารเจ้าของกายนี้แล้วว่าสาหัสเพียงใด บัดนี้มาพบพี่สาวฝาแฝดกลับมีสภาพย่ำแย่กว่า บางสิ่งพลันสะกิดใจให้นางคิดว่าเหตุการณ์ปล้นนี้ไม่ธรรมดาเสียแล้วเป็นแน่ 

“ท่านพ่อ” 

หลังดูท่านหมอฟางพยายามต่อเส้นเอ็นแล้วคิดว่าพวกตนคงจะไปขัดขวางการทำงานของท่านหมอผู้เฒ่า จางเยว่เซียงจึงหันไปสะกิดบิดาให้ไปพูดคุยกันในห้องหนังสือเป็นการส่วนตัวย่อมดีกว่า 

“ข้ามองว่าการปล้นนี้ไม่ธรรมดา” 

กายสูงสง่าของท่านนายอำเภอจางถอนหายใจเสียงหนักแล้วทรุดกายลงไปนั่งด้านหลังโต๊ะไม้ตัวใหญ่ ทำให้จางเยว่เซียงเองก็ต้องทรุดนั่งลงไปที่เก้าอี้ฝั่งตรงกันข้าม 

“หากเป็นโจรปล้นม้าจริง สาวใช้หกนางคงไม่มีสภาพที่ดีกลับมาเช่นนี้ พี่สาวของเจ้าก็ด้วย พวกโจรเหล่านั้นลงมือจริงสังหารสิ้นไม่เว้นแม้แต่ม้าแก่หนึ่งตัว แต่นี่เพียงทำร้ายร่างกายให้กลับมารักษาได้...นับว่าเขาลงมือสถานเบาแล้ว” 

จางเยว่เซียงมิคาดว่าบิดาจะใจกว้างไม่โกรธบุรุษเช่นสวีฉีเฟิ่งที่ลงมือทำร้ายบุตรสาวในไส้ของตนจนมีสภาพเช่นนี้ นางจึงมองจ้องอีกฝ่ายอึ้งไปเป็นครู่ เห็นกิริยาบุตรคนกลางของตนมองด้วยสายตากังขา เขาจึงถอนหายใจอีกครั้งแล้วนั่งตัวตรงพร้อมอธิบายให้บุตรสาวได้เข้าใจความเป็นจริง

“เจ้าต้องเข้าใจนะอาเซียง ต่อให้เราสงสัยว่าสวีฉีเฟิ่งนั้นวางแผนเอาไว้แต่แรกเริ่มก็จริง” 

จางเยว่เซียงนั่งฟังนิ่งแต่ก็คิดตามที่อีกฝ่ายอธิบายทุกคำทุกประโยค 

“แต่ความจริงแท้ก็มีเพียงพวกเราที่คาดเดาเท่านั้น ทว่าความจริงที่พี่สาวของเจ้ากระทำการหยามหมิ่นศักดิ์ศรีของบุรุษผู้องอาจคนหนึ่งด้วยการหนีพิธีแต่งงานไปกับพ่อบ้านสูงวัยเช่นฝู่เผยนั่นคือการหยามเกียรติอย่างถึงแก่นเพียงใด” 

แล้วจางเสียนอีก็เล่าไปเรื่อย ๆ ทำให้นางค่อย ๆ ดึงความทรงจำของร่างกายนี้ขึ้นมาได้ทีละน้อยว่าชาวต้าเหลียงนั้น หากเป็นบุรุษอื่นมาพาว่าที่เจ้าสาวของเขาผู้นั้นหนีไปแล้วครอบครัวฝ่ายเจ้าบ่าวติดตามไปพบทั้งสอง มีเพียงสังหารบุรุษสารเลวทิ้งเสีย ส่วนฝ่ายหญิงนั้นกฎเกณฑ์ของชาวต้าเหลียงนั้นเปิดโอกาสให้ตัวเจ้าบ่าวสามารถให้สตรีแพศยานางนั้นไปเป็นสตรีบำเรอในจวน มิอาจออกจากจวนได้หากฝ่ายเจ้าบ่าวไม่อนุญาต 

ช่างเป็นกฎเกณฑ์ที่ผู้เป็นบุรุษนั้นคงออกมาเองอย่างแน่นอน นางแน่ใจหาไม่คงไม่ร้ายแรงกับสตรีเช่นนี้หรอกก็สังหารฝ่ายชายชู้ก็เพียงตายไปทุกสิ่งก็จบลงแล้ว ทว่าสตรีเหล่านั้นต้องทนทุกข์เป็นสตรีบำเรอที่หากมีแขกคนสำคัญมาในจวนบุรุษของนางเอ่ยปากยกให้ สตรีผู้นั้นก็ต้องอดทนเป็นของบุรุษอื่นไปจนกว่าบุรุษเจ้าชีวิตจะปลดปล่อย 

“เช่นนี้ก็หมายความว่าเขาจะไม่ตามมาเอาความกับพี่สี่แล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ” 

เขาปล่อยจางเยว่ซินทิ้งไว้ให้คนของบิดานางไปเจอนั่นหมายความว่าเขาลงทัณฑ์นางจนสาสมใจแล้วกระมัง หาไม่เขาย่อมพานางกลับจวนไปด้วยแล้วเป็นแน่ นี่นับว่าเขามีเมตตาแล้วเช่นนั้นหรือ? 

...เมตตาได้อำมหิตเสียจริง!!!... 

“ถึงสวีฉีเฟิ่งผู้นั้นขึ้นชื่อในทางเสื่อมเสีย อำมหิต ทำแต่การค้า และกิจการสีเทาไปจนถึงสีดำ แต่เขาก็นับเป็นบุรุษหนุ่มผ่าเผยผู้หนึ่ง” 

ฟังแล้วเหมือนจะชมก็ไม่สุดจะด่าก็ไม่เต็มปาก จางเยว่เซียงก็ให้ตื้นตันใจอย่างยิ่งกับว่าที่สามีเหลือกำลัง ยิ่งคิดไปถึงสภาพของจางเยว่ซินกับฝู่เผยพ่อบ้านใหญ่ ก็ชวนให้ขนในกายของนางลุกตั้งชันไปหมด นี่ยังไม่ได้ตบแต่งให้เขายังเจอความอำมหิตสุดจิตสุดใจของหนานเฉิงกั๋วกง หากแต่งเข้าจวนเขาแล้วนางจะไม่กินข้าวผสมโลหิตคนหรือไร? ... 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนที่11

    ตอนที่11หลังจากได้ทำความรู้จักกับ ‘ญาติ’ ของสวีฉีเฟิง และส่งเขาไปทำกิจธุระแล้ว คราวนี้ก็ถึงคราวที่นางจะต้องไปทำความรู้จักกับเหล่าข้าทาสบริวารของสามีที่แน่นอนว่าต่อไปนี้คนเหล่านั้นจะต้องเป็นข้าทาสบริวารของนางด้วยเช่นกัน “นายหญิงเชิญที่เรือนกลางขอรับ” ท่านพ่อบ้านซูโค้งกายชี้นำทางให้แก่นางอย่างนอบน้อม และให้เกียรติ แต่เพราะเด็กสาววัยสิบเจ็ดหนาวตรงหน้านั้นครอบครองตำแหน่ง ‘นายหญิงสวี’ เขาที่เป็นพ่อบ้านใหญ่ย่อมต้องแสดงให้บริวารทั้งหลายได้เห็นเป็นตัวอย่างเอาไว้ มิให้คนใต้ปกครองได้กำเริบเสิบสานไม่เคารพผู้เป็นนายได้ในภายภาคหน้านั่นเอง “รบกวนท่านพ่อบ้านซูแล้ว” จางเยว่เซียงเองนั้นก็ต้องรู้จักวางตัวเช่นกัน มาถึงวันนี้ความทรงจำร่างนี้แทบไม่มี แต่ความทรงจำของ ‘ตะวันฉาย’ นั้นก็พอจะเอาตัวรอดได้อยู่บ้าง เพราะในยุคนี้นอกบ้านสามียิ่งใหญ่ ทว่าในบ้านภรรยาต้องควบคุมให้สงบ สามีจะแต่งอนุภรรยาอีกกี่นาง จะมีบุตรต่างภรรยาอีกกี่คน ผู้ที่เป็นภรรยาเอกเฉกเช่นนางจะต้อง ‘จัดการ’ ให้ได้ และมิใช่เพียงต้อง ‘ได้’ แต่จะต้องดีที่สุดอีกด้วย “พวกนางเหล่านี้คือสาวใช้ทั้งหมดที่จวนรอง ส่วนทางฝั่งนี้คือบ่าวชายกับคนงานทั้งห

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนที่10

    ตอนที่10ช่วงต้นยามอิ๋นสายฝนก็เทกระหน่ำลงมาราวกับท้องฟ้าพิโรธ อากาศเย็นสาดเข้ามากระทบคนไม่ชอบอากาศหนาวจนนางต้องตื่นขึ้นมา ก็พอดีกับที่ประตูห้องถูกเปิดเข้ามา “ข้าทำเจ้าตื่นหรือ?” คนตัวโตที่เพิ่งปิดประตูลงด้วยกิริยาระวัง แต่คนบนเตียงนางก็ยังขยับกายตื่นลุกขึ้นมานั่งได้อยู่ดีเอ่ยถามขึ้น“มิได้เจ้าค่ะ ข้าตื่นเพราะเสียงฟ้าฝนด้านนอกที่แรงยิ่งนักนั่น ซ้ำละอองเย็นจากน้ำฝนก็สาดเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดทิ้งเอาไว้เมื่อช่วงหัวค่ำเจ้าค่ะ” สวีฉีเฟิ่งหันไปก็เห็นจริงจึงเดินไปปิดมันลงเสียแล้วกลับมาปลดอาภรณ์ตัวนอกออกจนหมดเปลี่ยนมาเป็นเสื้อคลุมสวมใส่ในยามนอนเพียงตัวเดียว จากนั้นเขาก็เก็บนั่นเก็บนี่จนเรียบร้อยจึงเดินตรงไปที่เตียงสอดกายสูงใหญ่นั้นเบียดเข้ามาในผ้าห่มผืนเดียวกับนาง ทว่าเพียงเท่านั้นก็ทำให้จางเยว่เซียงจับสังเกตได้แล้ว ว่าสวีฉีเฟิ่งผู้นี้เป็นบุรุษที่มีระเบียบจัดอย่างที่สตรีบางคนยังต้องอับอายผู้หนึ่งเลยทีเดียว “พรุ่งนี้มีเวลาให้เจ้าพักผ่อนหนึ่งวัน มะรืนหลังจากกลับไปยกน้ำชาให้แก่ท่านพ่อของเจ้าแล้ววันต่อไปพวกเราคงต้องเดินทางไปยังชายแดนแคว้นอี้ด้วยกัน เพราะการค้าที่นั่นมีปัญหาให้ข้าต้องไปดูแลแก้

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนที่9

    ตอนที่9ผ่านไปครู่หนึ่งสภาพของ ‘นายท่าน’ ที่ปรากฏต่อหน้าติงฮ่าว และฟางปี้เหลียนนั้นกลับช่างน่าอนาถอย่างยิ่ง ทว่าจะน่าอนาถเพียงใดพวกเขาก็ทำได้เพียงก้มหน้ากลืนความขบขันลงท้องเท่านั้น “มิต้องตามหมอแน่นะเจ้าคะ?” จางเยว่เซียงนั้นที่ยังแตกตื่นเอ่ยถามคนที่นอนหงายหนุนตักของนางอยู่ด้วยความกังวลที่เจ้าบ่าวของตนเองนั้นเลือดกำเดาพุ่งออกมาราวกับน้ำพุเมื่อครู่ไม่หาย อากาศที่แคว้นฉู่นี้ต่อให้ช่วงนี้เป็นฤดูฝนแต่ก็หนาวจนคนที่มาจากยุคที่อยู่ได้ด้วยเครื่องปรับอากาศยังรู้สึกเย็นสบายไม่ต้องเปิดหน้าต่างนอนเลยสักคืน แต่บางทีหนานเฉิงกั๋วกงผู้นี้เขาคงเป็นโรคร้อนในเป็นแน่จึงเลือดกำเดาออกง่ายเช่นนี้ “ไม่ต้องหรอกพวกเจ้าก็ไปนอนกันได้แล้วข้านอนพักสักครู่ก็หายดีแล้ว” ขืนต้องไปตามหมอกันกลางดึกด้วยสาเหตุผู้เป็นเจ้าบ่าวนั้นเลือดกำเดาไหล เห็นทีชื่อเสียงเลวร้ายที่สะสมมาถึงสิบปีคงได้มลายหายไปจนสิ้นเป็นแน่ สวีฉีเฟิ่งคิดในใจด้วยความทดท้อไม่หายเพราะเพียงต้องขายหน้าท่านพ่อบ้านใหญ่กับอีกหนึ่งสาวใช้กับหนึ่งคนสนิทนี้เขาก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปซ่อนไว้ที่ใดกันแล้ว “ขอรับนายท่าน อาเหลียน อาฮ่าวตามข้ามา” ซูจิ้งเหยาเรียกคนรับใช้ชาย

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนที่8

    ตอนที่8ดังนั้นเมื่อสวีฉีเฟิ่งเห็นว่าได้เวลาสมควรแล้วเขาจึงขอตัวจากแขกที่คุ้นเคย เตรียมตัวไปหาเจ้าสาวในห้องหอจึงพบว่าเจ้าสาวคนงามของตนเองนอนหลับสนิทหมดสภาพไปเสียแล้ว “นายท่าน/นายท่าน” ติงฮ่าว และฟางปี้เหลียนเห็นผู้เป็น ‘เจ้าบ่าว’ ถูกเพื่อนฝูงโดยแกนนำคือคุณชายตู้พากันมาส่งจนถึงหน้าประตูเรือนหอ ทว่าเจ้าสาวกลับยังนอนหลับได้ไม่ไหวติงเสียแล้วพวกเขาจึงทำได้เพียงโค้งกายให้แก่ ‘นายท่าน’ จนศีรษะแทบโขกพื้นเท่านั้น ไม่มีใครกล้าไปปลุก ‘เจ้าสาว’ ที่หลับประหนึ่ง ‘ซ้อมตาย’ เลยสักคน “ติงฮ่าวไปเตรียมน้ำ เจ้าปี้เหลียนสินะไปจัดเตรียมอาภรณ์ให้ข้า” ทว่าสวีฉีเฟิ่งนั้นมิได้เดือดร้อนในเมื่อนางอยากจะหลับก็ให้หลับไปเขาไม่รีบร้อนอยู่แล้ว กายกำยำปลดอาภรณ์ชุดเจ้าบ่าวเนิบนาบโดยมีติงฮ่าวคอยช่วยเหลือผ่านไปครู่ได้ เขาจึงเดินออกมาด้วยเสื้อคลุมสีดำตัวใหญ่เพียงเท่านั้นไม่มีอาภรณ์ใดอยู่ภายในอีกเลย “พวกเจ้าไปพักผ่อนได้แล้ว ติงฮ่าวเจ้าพาปี้เหลียนไปส่งที่ห้องพักของนางด้วย พรุ่งนี้หากข้าไม่เรียกก็ไม่ต้องเร่งเข้ามาที่เรือนนี้อีก” “ขอรับ/เจ้าค่ะ” สองคนสนิทจัดการงานหน้าที่เสร็จแล้วรับคำสั่ง จากนั้นก็เร่งจากไปไม่อยู่ข

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนที่7

    ตอนที่7และแล้ววันวิวาห์ยิ่งใหญ่ระหว่างคุณหนูห้าของท่านนายอำเภอจางและหนานเฉิงกั๋วกงสวีฉีเฟิ่งก็บังเกิดขึ้นในวันที่ท้องฟ้าของต้นเดือนหกนั้นแสนจะแจ่มใจเป็นใจต่อฤกษ์มงคลนี้เสียเป็นยิ่งนัก ชาวบ้านเองต่างร่ำลือกันไปทั่วถึงการที่เจ้าสาวถูกเปลี่ยนไป แต่เพราะอำนาจและเงินทองของฝ่ายเจ้าบ่าวผู้ใดเล่าจะกล้าสงสัยความต้องการของเขา ดังนั้นพิธีต่าง ๆ จึงเริ่มดำเนินไปตามธรรมเนียมของชาวต้าเหลียงอย่างเคร่งครัดนั่นก็คือ ฝ่ายเจ้าสาวที่จะต้องไปอยู่บ้านเจ้าบ่าวนั้น จะต้องเตรียมสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ ติดตัวไปด้วย รวมทั้งสิ่งของที่ต้องใช้ในงานพิธี ร่วมไปกับสินเดิมซึ่งมีดังต่อไปนี้ หนึ่งนั่นก็คือเอี๊ยมแต่งงาน เป็นเอี๊ยมผ้าแพรสีแดง มีกระเป๋าเล็ก ๆ ตรงหน้าอกเสื้อ ปักคำว่า ‘แป๊ะนี้ไห่เล่า’ ซึ่งมีความหมายสื่อว่า อยู่กินกันจนแก่เฒ่าซึ่งจางเยว่เซียงนางก็เพิ่งได้ทดลองสวมดูว่าต้องแก้ไขหรือไม่ไปเมื่อวันก่อนนี้นี่เอง ชิ้นที่สองคือเชือกแดงผูกเอี๊ยม ติดตัวหนังสือ และมีแผ่นหัวใจสีแดงสำหรับติดเครื่องประดับเช่นไข่มุกหรือทองคำแท้ แล้วแต่ว่าฐานะของเจ้าบ่าว และเจ้าสาวจะร่ำรวยเพียงใด ซึ่งในกรณีของจางเยว่เซียงนับว่าเจ้าบ่าว แ

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนที่6

    ตอนที่6...จวนรองสกุลสวียังแคว้นฉู่... “นายท่าน” ซั่วเจามาพร้อมถุงผ้าเปื้อนเลือดวางลงตรงหน้าคนที่ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตวัดพู่กันอยู่ที่โต๊ะไม้ตัวใหญ่ทั้งที่ก็เข้าสู่ต้นยามจื่อแล้วโดยแท้ สวีฉีเฟิ่งตวัดพู่กันลงไปบนตัวอักษรสุดท้ายแล้วจัดการพับเรียบร้อยเป็นจดหมายลับส่งออกไปกับพิราบสื่อสารสีขาวตัวอ้วนพี “เรียบร้อยดีทุกสิ่งใช่หรือไม่อาเจา” “เป็นไปตามบัญชาของนายท่านขอรับ” “ดี!” เรียวปากสวยเกินบุรุษแย้มยิ้มงดงามแล้วหยิบถุงผ้ามาเปิดออกเห็นสิ่งที่อยู่ภายในก็ไม่พูดสิ่งใด เดินออกจากห้องหนังสือในคฤหาสน์ของสกุลสวีแล้วมุ่งตรงไปยังสวนด้านหลังเรือนดอกท้อก็พบกับกรงขนาดใหญ่ที่มีเสือดำตัวใหญ่นอนอย่างเกียจคร้านอยู่ภายในถึงสองตัว “อาลี่” เจ้าตัวที่ใหญ่กว่าขยับหัวขึ้นดูแต่ไม่ได้ลุกขึ้นมา กลับเป็นตัวที่เล็กกว่าที่ลุกขึ้นมาแล้วบิดตัวราวปวดเมื่อยอย่างยิ่ง แล้วเดินยักย้ายส่ายสะโพกมารับเอามือของมนุษย์คาบไปนอนแทะเล่นยังอีกมุมหนึ่งของกรงราวกับกินของว่างมื้อดึก ซึ่งพอส่ง อาหาร ‘ขบเคี้ยว’ ยามดึกให้เสือดำกำลังตั้งครรภ์เรียบร้อยสวีฉีเฟิ่งก็เดินไปล้างมือในอ่างด้านข้างที่บ่าวชายถือรอเอาไว้ “นายท่านจะกลับเรือนนอน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status