共有

บทที่ 4 คู่แห่งชะตา

last update 最終更新日: 2025-09-04 15:04:34

บทที่

4

คู่แห่งชะตา

ท่ามกลางเสียงพูดคุยของผู้คนมากมายในช่วงเช้าของวันใหม่ ภายในห้องห้องหนึ่งของอาคารสูงตระหง่าน ซึ่งตั้งอยู่ย่านใจกลางเมืองใหญ่

เสียงครางกระเส่าของชายหนุ่มผู้หนึ่งดังครางเครือออกมาจากริมฝีปากบางสีเรื่ออย่างแผ่วเบา ร่างขาวเนียนที่มีเสื้อผ้าน้อยชิ้นปิดบังกาย ที่กำลังนั่งหอบหายใจอยู่ข้างๆ เตียงกว้างอย่างไร้เรี่ยวแรง ฝ่ามือเรียวลูบไล้เรือนกายของตัวเองไปมาด้วยความกระสันซ่านอย่างช้าๆ

โดยใช้ฝ่ามืออีกข้างสาวรั้งสิ่งนั้นที่แข็งขืนขึ้นมา จนถึงกับมีหยาดน้ำใสไหลปริ่มออกมา ก่อนเจ้าตัวจะพึมพำออกมาว่า “ทำไมล่ะ ทำไมอาการฮีทมันถึงไม่หายไปอีก”

ด้วยเหตุที่ว่าหลังจากที่ตัวเองเข้ามาในห้องพักได้ ศศินที่มีอาการฮีทอย่างรุนแรงเพราะถูกดีแลนเป่าลมหายใจรดลงมาที่ใบหน้า เขาจึงพยายามประคองสติที่เหลือเพียงน้อยนิดคลานเข่ามากินยาระงับอย่างยากลำบาก แต่ดูเหมือนสิ่งที่กินเข้าไปจะลดความกระหายอยากของอารมณ์ปรารถนานี้ไปได้ไม่มากสักเท่าไร

และมันก็เป็นแบบนี้มาเนิ่นนานหลายปีแล้วไม่ยอมแปรเปลี่ยนไป ว่าตัวเขานั้นมีความอ่อนไหวกับดีแลนเช่นนี้ทุกครั้งในยามที่ได้อยู่ใกล้ชิดกันมากเกินไป

จึงทำให้ชายหนุ่มจำต้องหนีกลับมาที่ห้องพัก แล้วใช้ฝ่ามือของตัวเองมาบรรเทาอาการนั้นให้มันกลับมาเป็นปกติดังเดิมอยู่ทุกที

กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกฟรีเซียอันเป็นเอกลักษณ์ของฟีโรโมนของศศินฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศ นัยน์ตากลมโตที่คลอหน่วยไปด้วยหยาดน้ำตากำลังเหม่อมองฝ้าเพดานอย่างเลื่อนลอย

กว่าเจ้าตัวจะปลดปล่อยความสุขสมออกมาได้ และยาที่ตัวเองกินเข้าไปเริ่มออกฤทธิ์ ก็กินเวลาไปแล้วร่วมชั่วโมงกว่าๆ เห็นจะได้

พอความปรารถนาทุเลาเบาบางลง เขาก็จ้องหยาดน้ำสีขาวขุ่นที่อยู่ในฝ่ามือตน แล้วทอดถอนลมหายใจออกมาอย่างระอา ก่อนจะพึมพำออกมาว่า “แค่พกยาอย่างเดียวคงไม่พอ เห็นทีต้องไปปรึกษาพี่หมอขอเพิ่มยาอีกด้วยสินะ ไม่งั้นถ้าได้ไปอยู่บ้านเดียวกับไอ้แดนมันคงไม่ดี”

ว่าเพียงแค่นั้นเจ้าตัวก็หยัดกายลุกขึ้นยืน แล้วสาวเท้าเข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว และพอเสร็จสิ้นจากภารกิจส่วนตัวชายหนุ่มก็คว้าผ้าเช็ดตัวมาพันร่างกายของตัวเองเอาไว้

ทว่าในขณะที่กำลังจะสาวเท้าออกจากห้องไปแล้วเดินไปยังกระจกบานใหญ่ นัยน์ตาสีเข้มก็เหลือบไปเห็นรอยจ้ำแดงๆ ตรงไหปลาร้ารอยหนึ่งสะท้อนเข้ามาในคลองสายตา

ส่งผลให้เรียวคิ้วเข้มถึงกับขมวดมุ่นอย่างไม่เข้าใจ แรกเริ่มเดิมทีผิวของศศินก็ขาวมากอยู่แล้ว พอมีรอยจ้ำแดงปรากฏออกมาจึงเห็นได้ชัดกว่าคนทั่วไป

ศศินจึงยกมือขึ้นมาแล้วใช้ปลายนิ้วลูกไล้ร่องรอยนั้นอย่างแผ่วเบา แต่ก็ต้องสะดุ้งเล็กน้อยราวกับมีกระแสไฟแล่นผ่าน ก่อนเจ้าตัวจะพึมพำออกมาว่า “ไปถูกแมลงที่ไหนกัดมาเนี่ยแดงเชียว” ว่าเพียงแค่นั้นชายหนุ่มก็สาวเท้าออกมาจากห้องน้ำ แล้วเดินไปหยิบขี้ผึ้งที่ไว้ใช้ทาแมลงสัตว์กัดต่อยติดมือมา

ชายหนุ่มสาวเท้าไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง แล้วใช้ขี้ผึ้งที่อยู่ในมือทาลงไปบนจ้ำแดงๆ นั้นอย่างแผ่วเบา ก่อนเจ้าตัวจะวางสิ่งนั้นลง แล้วคว้าขวดสเปรย์ระงับกลิ่นขึ้นมา เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่นี้ตัวเองปล่อยฟีโรโมนมากเกินไป

จากนั้นก็เดินไปที่ตู้เสื้อผ้า แล้วหาเสื้อยืดตัวใหญ่ๆ ออกมา แล้วสวมใส่เอาไว้พร้อมกับบอกเซอร์เน่าๆ หนึ่งตัว เพราะตัวเขานั้นไม่ได้ชอบใส่อะไรที่เป็นทางการมากมายหากไม่ได้เดินทางไปที่ใด

เมื่อจัดการกับตัวเองแล้วเสร็จ ศศินก็กลับมานั่งอยู่บนเตียงกว้าง แล้วเหลียวหน้าหันไปมองโทรศัพท์มือถือที่ถูกโยนทิ้งตอนที่ปลดกางเกงลงมา เขายื่นมือไปคว้าเอาไว้เพื่อโทรหาใครคนหนึ่งที่รู้เรื่องร่างกายของเขาเป็นอย่างดี

ทว่ายังไม่ทันที่จะกดตัวเลขลงไป ก็มีเสียงของบานประตูถูกใครบางคนเคาะลงมา จึงทำให้เขาต้องวางโทรศัพท์มือถือลงบนเตียงกว้างอีกครั้ง แล้วเอ่ยถามออกไป “ใคร”

หลังจากที่ศศินพูดจบลง ก็มีน้ำเสียงที่แสนคุ้นเคยของดีแลนดังให้ได้ยินว่า “ศินนี่ฉันเอง”

ส่งผลให้ชายหนุ่มถึงกับทอดถอนลมหายใจออกมาอย่างระอา แต่ก็ต้องก้าวลงจากเตียงกว้าง แล้วสาวเท้าไปเปิดประตูให้อีกฝ่ายอย่างเกียจคร้านด้วยเช่นกัน

พอเปิดบานประตูเปิดอ้าออกมา ศศินก็เห็นชายหนุ่มอยู่ในเสื้อผ้าแบรนด์ดังที่แสนสุภาพราวกับจะไปเปิดงานตัดริบบิ้นที่ไหน

ชายหนุ่มกวาดตามองคนตรงหน้าอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะอ้าปากถามออกไปว่า “มีอะไรของแกอีกวะไอ้แดน เมื่อเช้าเจอหน้ากันไม่พอรึไง”

สิ้นเสียงดังกล่าวดีแลนที่เอาแต่มองคนตรงหน้าแต่งตัวไม่เรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นเสื้อคอย้วยจนเห็นร่องรอยที่เขาแอบตีตราบนผิวขาวเนียนเอาไว้เมื่อคืนวาน หรือแม้แต่ต้นขาอ่อนที่อยากจะสำรวจเข้าไปถึงข้างในนั้น ก็ถึงกับสะดุ้งน้อยๆ อย่างตกใจ แล้วเอ่ยแบบขอไปทีว่า “ไปซื้อของกัน”

“ซื้อของ” ศศินพูดพึมพำออกมาเบาๆ อย่างไม่เข้าใจ แล้วช้อนสายตาเงยมองคนตรงหน้าอีกที ก่อนเจ้าตัวจะถามออกไปว่า “ทำไมฉันต้องไปกับแก แกไม่ได้เป็นเด็กที่ต้องมีผู้ปกครองรึเปล่าวะ”

ดีแลนที่เพิ่งคิดโปรแกรมอยากท่องเที่ยวกับคู่รักมาได้หมาดๆ แบบปัจจุบันทันด่วน ก็พยายามหาข้ออ้างอยู่ในใจ นัยน์ตาสีเข้มกลอกกลิ้งไปมาอย่างใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะมีรอยยิ้มบางๆ เผยให้เห็น

เมื่อตนเองสามารถหาข้ออ้างจะพาคนตัวเล็กกว่าไปข้างนอกได้ว่า “แกอย่าลืมสิว่าพรุ่งนี้แกต้องไปอยู่บ้านฉันในฐานะโอเมก้า จนถึงตอนนี้แกยังไม่มีเลยนะปลอกคอ ฉันก็เลยคิดว่าจะพาแกไปซื้อปลอกคอน่ะ ถ้าแกไม่ใส่แม่ฉันและคนในครอบครัวฉันต้องสงสัยเอาน่ะสิ”

“หา...” ศศินโพล่งเสียงดังอย่างตกใจ หลังจากเจ้าตัวได้ยินสิ่งที่ดีแลนพูดออกมา แล้วอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมาลูบต้นคอของตนอย่างเผลอใจ

ด้วยเหตุที่ว่าหลายปีมาแล้วตั้งแต่ที่ตนเองสูญเสียคนในครอบครัวไปจนไม่มีใครคอยคุ้มกะลาหัว เขาก็ไม่เคยได้สัมผัสกับเครื่องที่บ่งบอกความเป็นชนชั้นสภาพร่างกายเขาเอาไว้ให้อยู่ในฐานะโอเมก้าคนหนึ่งชิ้นนั้นอีกเลย

ส่งผลให้คนที่เห็นท่าทางเช่นนั้นถึงกับเบิกตากว้างอย่างตกใจ เนื่องจากเข้าใจผิดไปว่าคนตรงหน้าอาจไม่พอใจขึ้นมา

เพราะแต่ไหนแต่ไรมาเพื่อนของเขาคนนี้ก็อ่อนไหวเรื่องที่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นโอเมก้าอยู่บ่อยๆ ถ้าต้องให้ใส่ปลอกคอเข้าไปโดยที่เจ้าตัวไม่ชอบ คงทำให้เจ้าแมวน้อยตรงหน้าเกิดพองขนอย่างโมโหขึ้นมาคนไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไร

จึงทำให้ดีแลนถึงกับต้องรีบโบกไม้โบกมือไปมาอย่างจ้าล่ะหวั่น ก่อนเจ้าตัวจะรีบละล่ำละลักออกไปว่า “ตะ...แต่แกไม่ต้องห่วง ฉันไม่ให้แกใส่ตลอดเวลาหรอกนะศิน แค่ให้ใส่ตอนอยู่ต่อหน้าแม่ฉันและครอบครัวของฉันเฉยๆ พอ ออกมาอยู่ข้างนอกแกก็ถอดมันออกก็ได้”

พอได้เห็นท่าทางลนลานของคนตรงหน้า ศศินที่กำลังนึกเรื่องราวเรื่อยเปื่อยก็อดไม่ได้ที่จะส่ายศีรษะไปมา แล้วพูดออกไปว่า “ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อยนี่ เพราะฉันทำเพื่อเงิน เอ๊ย...ฉันรับปากแกไปแล้วว่าจะช่วยแกนี่”

ว่าจบศศินก็ยังเห็นดีแลนทำหางลู่หูตกต่อหน้า เขาก็อดขยับยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยกับท่าทางนั้นไม่ได้ พร้อมกับพูดต่ออีกหน่อย “แล้วอีกอย่างนะแดน เรื่องแค่นี้แกไม่ต้องมาบอกฉันหรอก จะซื้อแบบไหนแกก็ซื้อมาเถอะ ฉันใส่ได้อยู่แล้ว แกไม่ต้องมาชวนฉันไปก็ได้”

“ได้ไงล่ะ” ดีแลนเงยหน้าขึ้น แล้วพูดออกมาทันที นัยน์ตาสีเข้มจ้องมองใบหน้าหมดจดของคนตรงหน้า จากนั้นจึงส่งสายตาใสๆ ที่มีประกายระยิบระยับออกไป “แกเป็นคนใส่ ฉันจะซื้อสุ่มสี่สุ่มห้าให้ได้ยังไงล่ะ ไปกับฉันเถอะนะ นะ นะ”

จึงทำให้ศศินที่ได้เห็นท่าทางดังกล่าวก็อดไม่ได้ที่จะหลุดยิ้มขำออกมา จากการที่ได้เห็นท่าทางออดอ้อนของอีกฝ่าย แล้วพูดออกไปว่า “ก็ได้ ก็ได้...แกนี่นะให้มันได้ยังนี้สิวะ” ก่อนเจ้าตัวจะตัดสินใจเปิดประตูให้อ้ากว้างเล็กน้อย แล้วหันไปมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูอีกที พร้อมกับกล่าวเสียงเรียบออกไป “เข้ามาก่อนสิ เดี๋ยวฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”

ส่งผลให้คนที่ได้ยินคำพูดดังกล่าวอย่างดีแลน ถึงกับดีใจจนหางกระดิก เขาคลี่ยิ้มบางๆ ออกมาทันที ก่อนเจ้าตัวจะรีบสาวเท้าเข้าไปในห้องของคนตัวเล็กตรงหน้าอย่างรวดเร็ว

ทว่าพอก้าวขาเข้ามาด้านใน ดีแลนก็ได้กลิ่นของฟีโรโมนของโอเมก้าผสมเจือจางกับกลิ่นสเปรย์ปรับอากาศฟุ้งกระจายอยู่ภายในห้องทันใด แม้จะเจือจางบิดเบือนไปจนแยกไม่ออกว่าเป็นกลิ่นอะไร แต่ก็ทำให้ดีแลนที่เพิ่งอัดยาระงับมากถึงสามเท่าถึงกับลมหายใจสะดุด ขนแขนขนขาลุกชันอย่างควบคุมไม่ไม่ได้

ชายหนุ่มจึงรีบล้วงยาระงับขึ้นมากินอีกหนึ่งเม็ด แล้วใช้มือถูปลายจมูกไปมาพร้อมกับพูดออกไปว่า “ไอ้ศินนี่แกอย่าบอกนะว่าเอาโอเมก้ามานอนในห้องอีกแล้วเหรอวะ ไอ้ห่านี่”

แล้วอดไม่ได้ที่จะหันไปมองเพื่อนชายคนสนิทอย่างไม่ชอบใจ แต่ก็ไม่อาจจะทำสิ่งใดได้อย่างใจต้องการ แม้ว่าอยากจะเดินไปกระชากคอคนตัวเล็กกว่าแล้วสั่งห้ามอย่างเด็ดขาดก็ตามที

แต่เป็นเพราะตัวของศศินเองก็เป็นอัลฟ่าคนหนึ่งด้วยเช่นกัน การที่จะพาโอเมก้าสักคนหนึ่งเข้ามาภายในห้องทำเรื่องอย่างว่านั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไร เชาเลยได้แต่พูดออกไปว่า “ทำไมไม่ฉีดสเปรย์เยอะๆ หน่อยวะไอ้นี่ฉันรัทขึ้นมาจะทำยังไงวะ”

ส่งผลให้คนที่ได้ยินถึงกับหางคิ้วกระตุกสองที ก่อนเจ้าตัวจะพยายามดมกลิ่นฟีโรโมนที่ฟุ้งอยู่ในอากาศ แต่ดูเหมือนตัวเขาเองก็แทบจะสัมผัสไม่ได้ด้วยซ้ำว่ากลิ่นอะไร แล้วเอ่ยออกไปว่า “แกเป็นหมารึไงเนี่ยไอ้ห่าแดน ได้กลิ่นที่คนอื่นไม่ได้กลิ่นกันเนี่ย ฉันยังไม่ได้กลิ่นอะไรเลย แถมฉีดสเปรย์ดับกลิ่นไปแล้วนะ” เพราะเขามั่นใจแล้วว่าตัวเองปกปิดฟีโรโมนที่ฟุ้งออกมาแล้วจริงๆ แต่ไม่รู้เพราะอะไรคนตรงหน้านี้ยังได้กลิ่นพวกนี้อยู่ได้

ดีแลนจึงเอามือถูจมูกไปมาแรงๆ อยู่หลายทีด้วยใบหน้าที่เริ่มแดงก่ำออกมา แล้วเอ่ยออกไปว่า “ก็มันได้กลิ่นจริงๆ นี่หว่า คราวหน้าคราวหลังแกจะเอาโอเมก้ามาเข้ามาจู๋จี๋กันในห้อง แกต้องเตรียมสเปรย์ไว้สักสามกระป๋องไม่งั้นมันก็ไม่หายไปหรอกไอ้เพื่อนบ้าเอ๊ย”

“ไอ้แดนฉันว่าแกน่าจะหาหมอดูหน่อยนะ ว่าเกิดอะไรขึ้นจมูกแกเป็นอะไร ไม่อย่างนั้นแกเดินไปไหนมาไหนแล้วเจอโอเมก้าฮีทต่อหน้าแกจะคุมสติตัวเองไม่ได้ไปเล่นจ้ำจี้กับเขากลางถนนจะทำยังไงไอ้ห่านี่” ศศินตอบกลับไปแบบขอไปที แล้วเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าจากนั้นจึงหยิบกางเกงตัวเองออกมา

ดีแลนจึงควักยาระงับออกมาอีกหนึ่งเม็ดแล้วโยนเข้าปากไป ก่อนจะหันหน้ามามองคนตัวเล็กที่กำลังเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าที่อยู่ไม่ไกล แล้วจึงพูดออกไปว่า “เอาเถอะ เอาเถอะ เดี๋ยวฉันพาแกไปซื้อปลอกคอ แล้วแวะไปหาหมอเลยก็แล้วกัน แต่ตอนนี้ฉันขอออกไปรอข้างนอกนะ ไม่ไหวว่ะ”

“อืม” สิ้นเสียงดังกล่าวดีแลนจึงรีบเดินออกไปทันที

หลังจากที่ศศินจัดการกับตัวเองจนแล้วเสร็จ คนตัวโตกว่าก็พาเขาขึ้นรถแล้วเดินทางมายังห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในย่านใจกลางเมืองใหญ่

ศศินถูกดีแลนจูงมือเข้าร้านนั้นออกร้านนี้อยู่พักใหญ่ข้าวของพะรุงพะรังมากมาย ทั้งๆ ที่แรกเริ่มเดิมทีเจตนาเดิมควรจะมาซื้อเพียงแค่ปลอกคอให้เขาเพียงแค่อันเดียวเท่านั้น

แต่มาบัดนี้มีทั้งเสื้อผ้าแบรนด์ดัง รวมไปถึงปลอกคอมากกว่าหนึ่งอัน แต่ละอันล้วนมีราคาที่สูงลิบลิ่วชนิดที่เรียกว่า ศศินสามารถใช้เงินที่จ่ายออกไปเหล่านี้ใช้ชีวิตอยู่ได้ร่วมสามเดือน

ซื้อมาหลายอันเข้า ศศินก็อดมองถุงปลอกคอยี่ห้อดังในมือของคนตัวใหญ่ที่มีถึงเจ็ดใบไม่ได้ แล้วถามออกมาอย่างไม่เข้าใจ “แกจะซื้อปลอกคอให้ฉันหลายอันทำไมวะ แค่อันเดียวก็พอแล้วไหม แกอย่าลืมสิฉันเป็นอัลฟ่านะ”

ก่อนจะเสียงของดีแลนพูดตอบกลับมาว่า “ถึงจะเป็นการใช้ชีวิตคู่แบบหลอกๆ แต่ฉันก็ไม่อยากให้แกน้อยหน้าใครว่ะ เพราะถึงยังไงก่อนจะมีการแต่งงานเกิดขึ้นจริงๆ แกกับฉันต้องไปอยู่ร่วมกันให้ชายคาเดียวกันตั้งหลายเดือนนะศิน”

ว่าเพียงแค่นั้นชายหนุ่มก็ชะงักฝีเท้าเอาไว้ แล้วหันกลับมาเผชิญหน้ากับคนที่ตัวเล็กกว่าที่ตัวเองเป็นคนจูงมือเดินไปเดินมาอยู่ทางด้านหลัง

นัยน์ตาสีเข้มจ้องมองเข้าไปในดวงตากลมโตของอีกฝ่าย แล้วเอ่ยเสียงเรียบออกมาว่า “ถึงจะเป็นแค่การหลอกลวง แต่อย่างน้อยๆ ก่อนจะมีงานแต่ง ฉันก็อยากให้แกใส่แบบนี้เพื่อบอกทุกคนว่าแกจะไม่ยอมให้ฉันสลักพันธะลงไปก่อนแต่งอย่างเด็ดขาด และช่วงเวลานั้นฉันก็ไม่อยากให้ใครมาดูถูกแก”

สิ้นเสียงดังกล่าวศศินที่ได้ฟังคนตรงหน้าพูดออกมา ก็อดไม่ได้ที่จะถอนใจอย่างเล็กน้อยให้กับความคิดมากของเพื่อนตัวเองตรงหน้า แล้วเอ่ยออกไปว่า “ฉันว่าแกคิดเยอะเกินไปแล้วมั้งไอ้แดน ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดที่ให้ใครมาซุบซิบนินทาไม่ได้สักหน่อย อีกอย่างฉันก็ไม่ได้เป็นโอเมก้านะอย่าลืม”

ดีแลนจึงตอบกลับไปทันทีว่า “แต่คำดูถูกพวกนั้นเป็นของจริง การที่โอเมก้าคนหนึ่งมาใช้ชีวิตอยู่กับอัลฟ่าโดยที่ยังไม่ได้แต่งงาน มักจะถูกผู้คนมองว่าเป็นแค่เครื่องมือระบายความใคร่เท่านั้น อย่าลืมสิ”

ได้ยินเช่นนั้นศศินจึงช้อนสายตาเงยมองคนตรงหน้าแล้วคลี่ยิ้มออกมาบางๆ พร้อมกับพูดออกมาอย่างดีใจว่า “ขอบใจที่แกคิดเผื่อได้ถึงขนาดนี้”

ส่งผลให้คนที่ได้เห็นท่าทางดังกล่าว เผลอยิ้มออกมา แล้วรีบหันหน้ากลับไปก่อนที่ตัวเองจะเผลอไปรวบร่างเล็กๆ เข้ามากอดเอาไว้ พร้อมกับพูดขึ้นว่า “มันเป็นเรื่องปกติของว่าที่สามีในอนาคตของแกที่จะต้องใส่ใจสิ ถึงแม้ว่าจะเป็นการอยู่ร่วมกันแบบปลอมๆ ก็เถอะ แต่ฉันก็อยากทำให้ดี” ว่าจบเจ้าตัวก็กระตุกข้อมือผอมบางให้เดินมาด้วยกันที่ร้านร้านหนึ่งอีกที

จนศศินต้องชะงักฝีเท้าเอาไว้ แล้วร้องห้ามออกมา “พอแล้วไอ้ห่านี่ แกจะซื้อให้ฉันเอาไว้ถมที่หรือไงวะ”

พอศศินพูดจบลงดีแลนก็หันมาทำเสียงดุออกไปว่า “อย่าขัดใจฉันเลยว่ะ” ว่าจบเจ้าตัวก็กระตุกข้อมือของคนที่อยู่ทางด้านหลังให้เดินตามมา โดยที่คนตัวเล็กกว่าทำได้เพียงกลอกสายตาขึ้นลงอย่างระอา แล้วเดินตามชายหนุ่มไปอย่างจำยอม

ใช้เวลาไปเกือบสองชั่วโมงการซื้อของแบบกระเป๋าฉีกในครั้งนี้ก็สิ้นสุดลง ดีแลนจึงเหลียวหน้าหันไปมองคนที่เดินอยู่เคียงกัน แล้วยื่นมือไปดึงถุงมากมายในมือมาถือเอาไว้ให้

และเมื่อเดินมาถึงรถที่จอด ดีแลนจึงนำข้าวของมากมายนำไปเก็บเอาไว้ที่กระโปรงท้ายรถอย่างรวดเร็ว ก่อนเจ้าตัวจะหันไปถามศศินว่า “หิวไหม”

ได้ยินเช่นนั้นศศินที่กำลังยื่นของให้ ก็ช้อนสายตาเงยมองคนตัวใหญ่กว่าอีกที แล้วเอ่ยออกไปว่า “ฉันว่าแกต้องไปหาหมอก่อนนะแดน แล้วค่อยไปกินข้าว ยังมีเวลาอีกเยอะ”

“กินข้าวก่อนไม่ได้เหรอวะ อีกอย่างอาการนั้นก็ไม่มีแล้วนี่” ดีแลนพูดเสียงอ่อยออกมาทันที หลังจากได้ยินสิ่งที่ศศินร้องเตือน ก่อนเจ้าตัวจะเหลียวหน้าหันไปมองชายตัวเล็กกว่าที่เดินอยู่ข้างกัน “นะ นะ นะ”

พอเห็นท่าทางดังกล่าว ศศินจึงกล่าวเสียงแข็งออกไปว่า “ไม่ได้ เดี๋ยวลืม ถ้าแกไม่ไป แล้วอาการกำเริบขึ้นมาจะทำยังไง ฉันยังไม่อยากเห็นแกไปเล่นจ้ำจี้กับโอเมก้าที่ข้างถนนเพราะควบคุมตัวเองไม่ได้ แกต้องหาสาเหตุที่จมูกดีเกินไปก่อน นี่ก็ใกล้ค่ำแล้วยาที่แกกินกันไว้ก็คงใกล้หมดฤทธิ์แล้วเหมือนกัน”

จึงทำให้ดีแลนอดไม่ได้ที่จะลอบถอนลมหายใจออกมาอย่างอ่อนแรง ก่อนเจ้าตัวตัวจะเหลียวหน้าหันไปมองคนตัวเล็กอีกที แล้วพูดออกไปว่า “ก็ได้ วันนี้ฉันจะตามใจแกสักวัน”

หลังจากที่ทำธุระหลายๆ อย่างแล้วเสร็จ ดีแลนก็ถูกศศินลากมาโรงพยาบาลจนได้ แม้เจ้าตัวจะพยายามอิดออดบ่ายเบี่ยงไม่อยากเจอนายแพทย์ที่ศศินพามาคนนี้อย่างไร มิหนำซ้ำยังพูดออกไปว่า “ไม่ไปหาพี่เตมินทร์ได้ไหม เป็นหมอคนอื่นไม่ได้เหรอวะศิน”

แต่ก็มีเพียงคำพูดสั้นๆ ของเพื่อนชายคนสนิทตอบกลับให้ได้ยินกลับมาว่า “เอาน่า แกจะอะไรกับพี่เขานักหนา ไปหาหมอที่รู้จัก อย่างน้อยๆ แกจะได้ปรึกษาเขาแบบเปิดอกได้ยังไงล่ะ”

‘เพราะรู้จักดีนั่นแหละฉันถึงไม่อยากไป’

ดีแลนสบถในใจอย่างอ่อนแรง แล้วอดไม่ได้ที่จะทอดถอนลมหายใจออกมาอย่างลำบาก เนื่องจากว่าตัวเขานั้นไม่อยากจะเจอกับนายแพทย์คนนั้นสักเท่าไร แต่ถึงจะไม่อยากไป เขาก็ยังยอมสาวเท้าตามเพื่อนชายคนสนิทไปอยู่ดี

เมื่อก้าวขาเข้ามาในโรงพยาบาลได้ ศศินก็ลากเพื่อนชายคนสนิทไปพบแพทย์ที่ตัวเองรู้จักมักคุ้นเป็นอย่างดี เพื่อหมายจะเข้าไปปรึกษาคนคนนี้ต่อจากดีแลนด้วยเช่นกัน

“ผมฝากดูเพื่อนผมด้วยนะครับพี่เต” ศศินพูดออกมาด้วยรอยยิ้มบางๆ เมื่อตัวเองลากเพื่อนเข้ามาในห้องตรวจได้สำเร็จ แล้วอดไม่ได้ที่จะเหลียวหน้ามองคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยสายตาเห็นอกเห็นใจ

เพราะเขาจำได้ว่าตั้งแต่สองคนนี้รู้จักกันมาจวบจนกระทั่ง เตมินทร์เจอคู่แห่งโชคชะตามีลูกน้อยสองคนไปแล้ว  เตมินทร์ก็ยังไม่เลิกทำหน้าเคร่งขรึมใส่ดีแลนสักที

“ได้” เตมินทร์พูดขึ้นทันทีหลังจากที่เด็กน้อยในปกครองของตัวเองเอ่ยขึ้นมา แล้วหันไปมองชายหนุ่มตรงหน้า พร้อมกับพูดออกมาว่า “พี่จะดูแลเพื่อนเราให้เป็นอย่างดี” ว่าจบก็ส่งรอยยิ้มที่ดีแลนเห็นแล้วรู้สึกขนลุกชัน

ทว่ารอยยิ้มดังกล่าวกลับไม่ส่งผลกระทบต่อศศินสักเท่าไร เจ้าตัวจึงไม่ได้รับรู้ถึงบรรยากาศกดดันที่ดีแลนรับรู้ได้นี้ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเล็กๆ ออกไปว่า “ครับ” จากนั้นจึงพยักหน้าลงเล็กน้อย แล้วยื่นมือไปตบบ่าเพื่อนชายคนสนิทอีกที

ก่อนเจ้าตัวจะก้มหน้าลงพร้อมกับเอ่ยเสียงกระซิบว่า “เอาน่า...ฉันรู้ว่าแกไม่ค่อยชอบหน้าพี่เต เพราะพี่เตชอบแกล้งแกตั้งแต่เด็กๆ แต่ยังไงเขาก็เป็นหมอที่ฉันไว้ใจ”

“อะ...อืม” ดีแลนยิ้มเจื่อนๆ ออกมาบางๆ แล้วหันไปยิ้มแหยกับเตมินทร์หมอหนุ่มผู้เป็นอัลฟ่าเลือดผสมที่เขารู้จักมานานด้วยสีหน้าเกรงอกเกรงใจ ก่อนจะเหลียวมองเพื่อนชายคนสนิทเดินออกจากห้องไปด้วยสายตาเว้าวอน

ด้วยเหตุที่ว่าตั้งแต่รู้จักกับศศินมาเขาก็กลัวอัลฟ่าเลือดผสมคนคนนี้ที่เป็นคนที่เลี้ยงดูเพื่อนสนิทมาตั้งแต่เด็กๆ เป็นชีวิตจิตใจ เนื่องจากว่าเตมินทร์นั้นมีนิสัยเข้มงวดจนดีแลนรู้สึกขยาด ความดุดันและแข็งแกร่งพอๆ กับอัลฟ่าเลือดบริสุทธิ์ที่มีอยู่อย่างน้อยนิดในโลกใบนี้

และถึงเขาจะเป็นอัลฟ่าเลือดบริสุทธิ์ก็ตามที แต่เขาก็ยังรู้สึกเกรงใจปนเคารพพอๆ กับหวาดกลัวด้วยเช่นกัน แม้ตอนนี้เพื่อนสนิทของเขาจะไม่ได้อยู่ในการดูแลของคนคนนี้แล้วก็ตาม แต่ความน่ากลัวของอัลฟ่าเลือดผสมคนนี้ก็ยังติดตราตรึงใจดีแลนอยู่ดี

เพราะเตมินทร์มองออกว่าตัวเขานั้นมีใจให้ศศินตั้งแต่แรกที่ได้เจอกัน จึงทำให้ชายคนนี้มีอาการหวงคนในปกครองอย่างศศินอยู่พอประมาณ เนื่องจากทั้งสองคนยังเป็นเพียงแค่เด็กน้อยอายุสิบกว่าขวบซ้ำยังเป็นอัลฟ่าด้วยกันทั้งคู่

แต่พอนานวันเข้าเตมินทร์ได้เห็นความจริงใจและมุ่งมั่นของเขาที่มีต่อน้องบุญธรรมของตน ความกดดันที่ต้องเจอคล้ายพ่อตาที่มีต่อลูกเขยก็ลดน้อยลงด้วยเช่นกัน

“ว่าไงมีอะไรถึงทำให้เจ้าศินลากนายมาหาฉัน” เตมินทร์เป็นฝ่ายเปิดปากเอ่ยเสียงเรียบออกมา หลังจากที่ศศินเดินจากไป แล้วดีแลนเอาแต่นั่งเหงื่อซึมอยู่ตรงหน้า

ส่งผลให้คนที่ตกอยู่ในห้วงความคิดมากมายอย่างดีแลนถึงกับสะดุ้งโหยงอย่างตกใจ ก่อนเจ้าตัวจะเอ่ยออกไปว่า “คะ...ครับ” พร้อมกับส่งรอยยิ้มแหยๆ ไปให้อย่างหวาดๆ

ก่อนจะมีเสียงทอดถอนลมหายใจออกมาอย่างระอาแล้วเอ่ยออกไปอีกทีว่า “นายนี่นะ” ว่าเพียงแค่นั้นก็ส่ายศีรษะไปมาอย่างระอา พร้อมกับถามออกไปอีกครั้งให้คนที่ไม่ยอมฟังอย่างใจเย็นว่า “ฉันถามนายว่าเป็นอะไรมาถึงถูกเจ้าศินลากมาที่นี่ได้ล่ะ”

“อะ...อ้อ คะ...คือพอดีจมูกผมมีปัญหา” ดีแลนพูดออกไปด้วยท่าทางประหม่า ก่อนเจ้าตัวจะสูดลมหายใจเข้าไปให้เต็มปอด เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับตน เมื่อได้เห็นเรียวคิ้วเข้มของคนตรงหน้าขมวดมุ่น จากนั้นจึงเอ่ยออกไปว่า “พอดีจมูกผมแค่ได้กลิ่นฟีโรโมนของโอเมก้าก็รัทขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ ทั้งๆ ที่กินยาระงับแล้วก็ยังเป็น”

“นายรัททั้งๆ ที่กินยาระงับแล้วงั้นเหรอ”

“ครับ” ดีแลนพยักหน้าลงทันที หลังจากที่เตมินทร์พูดจบลง ก่อนเจ้าตัวจะอดไม่ได้ที่จะลอบถอนลมหายใจออกมาเบาๆ หนึ่งทีอย่างโล่งใจ ที่อัลฟ่าเลือดผสมตรงหน้าไม่มีท่าทีแปลกประหลาดให้เห็น

ทว่าดีใจได้เพียงครู่เดียวใบหน้าหล่อเหลาของคนตรงหน้าก็คลี่ยิ้มเยือกเย็นออกมา แล้วพูดเสียงเรียบว่า “แล้วนายรู้ไหมว่าโอเมก้าที่ปล่อยฟีโรโมนออกมาคนนั้นเป็นใคร”

ดีแลนจึงรีบพูดออกไปทันทีว่า “ไม่ครับผมไม่รู้เลย เพราะส่วนใหญ่ผมแค่ได้กลิ่นฟีโรโมนของโอเมก้ารอบๆ ตัวของไอ้ศินมันเท่านั้นครับ”

สิ้นเสียงของดีแลน เตมินทร์ก็ถามกลับไปอีกครั้งว่า “แล้วอาการแบบนี้เกิดขึ้นกับโอเมก้าทุกคนหรือเปล่า” ก่อนเจ้าตัวจะเงยหน้าจ้องมองคู่สนทนาด้วยแววตานิ่ง

“เป็นเฉพาะกับโอเมก้าที่อยู่รอบๆ ตัวของไอ้ศินครับ ผมเลยคิดว่าคงจะเป็นฟีโรโมนของโอเมก้าที่ไอ้ศินไปติดพันคนนั้นคนเดียวที่มีผลกับผม นอกนั้นต่อให้มาฮีทตรงหน้าก็ไม่รู้สึกอะไร” ดีแลนตอบกลับไปทันที ที่เตมินทร์เอ่ยถามออกมา ก่อนเจ้าตัวจะหลุบสายตามองฝ่ามือของตน “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง”

“อ้อ” เตมินทร์ลากเสียงยาวเล็กน้อยอย่างเข้าใจ ก่อนเจ้าตัวจะก้มหน้าลงมองแผ่นชาร์ตคนไข้บนโต๊ะตรงหน้า แล้วถามออกไปว่า “แล้วเป็นแบบนี้มานานเท่าไร”

“เอาเวลาแน่นอนไม่ได้ครับ แต่ช่วงหลังๆ อาการมันรุนแรงขึ้นจนบางครั้งแค่ได้กลิ่นไอ้นั่นก็ตั้งแล้ว”

ทว่าในขณะที่ดีแลนพูดจบประโยคลง ก็มีเสียงของเตมินทร์เอ่ยให้ได้ยิน “จมูกนายไม่ได้พังหรอก นายแค่เจอคู่แห่งโชคของตัวเองเท่านั้นแหละ คู่แห่งโชคชะตานี้ต่อให้นายพยายามระงับใจหรือกินยาระงับแล้วแค่ไหนก็ควบคุมตัวเองไม่อยู่หรอก”

ได้ยินเช่นนั้นนัยน์ตาสีเข้มบนใบหน้าหล่อเหลาก็เบิกกว้างอย่างตกใจ แล้วโพล่งออกไปอย่างไม่เชื่อหูว่า “พี่ว่าไงนะ คู่แห่งโชคชะตาอย่างงั้นเหรอ” ว่าจบดีแลนก็เอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้อย่างอ่อนแรง นัยน์ตาสีเข้มกลอกกลิ้งไปมาอย่างไม่อยากจะเชื่อสักเท่าไร

ก่อนจะมีเสียงของเตมินทร์ดังอย่างหยอกเย้าออกมาว่า “นายเจอคู่แห่งโชคชะตาก็ดีแล้วไม่ใช่หรือไง จะได้มีคู่กับเขาเป็นตัวเป็นตนสักที”

“ดีกับผีน่ะสิครับพี่เต พี่ก็รู้ว่าผมชอบ...”

“ชอบเจ้าศินมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว” เตมินทร์ต่อคำพูดของดีแลนให้ครบจบประโยคดี นัยน์ตาสีเข้มจับจ้องมองใบหน้าของคนตรงหน้าด้วยแววตานิ่ง สิ่งที่เห็นมีเพียงความไม่พอใจฉายชัดออกมา

จากนั้นเตมินทร์จึงถามออกไปอีกทีว่า “นายจะบอกฉันว่าต่อให้เจอคู่แห่งโชคชะตาอยู่ตรงหน้านายก็ไม่สนใจอย่างนั้นน่ะเหรอ เพราะใจของนายมีแต่น้องชายบุญธรรมของฉันอยู่เต็มหัวใจว่างั้น”

“ใช่ ผมไม่สนใจคู่แห่งโชคชะตาอะไรนั่น ต่อให้มาฮีทอยู่ตรงหน้าผมก็จะฝืนชะตาที่ลิขิตไว้นี้ให้ดู ต่อให้ต้องทำร้ายตัวเองเพื่อเรียกสติ ผมก็ยอม” ดีแลนตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

จึงทำให้แววตาของเตมินทร์มีท่าทีที่อ่อนลง แล้วหันไปมองชาร์ตคนไข้ตรงหน้า พร้อมกับเปรยออกมาลอยๆ ว่า “นายก็น่าจะเห็นว่าตอนที่นายได้กลิ่นฟีโรโมนของโอเมก้าคนนั้น นายรัทตลอดเลยไม่ใช่หรือไง แล้วแบบนี้นายจะระงับความต้องการของตัวเองไหวเหรอ...”

“ต่อให้ต้องกินยาระงับเป็นกำผมก็จะทำ” ดีแลนโพล่งเสียงดังออกมาทันที ที่เตมินทร์พูดยังไม่ทันจบประโยคดีเสียด้วยซ้ำ นัยน์ตาสีเข้มจ้องมองคู่สนทนาด้วยแววตามุ่งมั่นและตั้งใจ

จนคนที่ได้เห็นสายตาดังกล่าวถึงกับสบถอยู่ในใจว่า ‘ถึงจะมุ่งมั่นแต่ก็ยังซื่อบื้ออยู่ดี นี่น่ะเหรอทายาทของตระกูลดังผู้มีอิทธิพลครอบงำประเทศนี้ แม้แต่เจ้าศินเป็นโอเมก้าแถมยังเป็นคู่แห่งโชคชะตาของตัวเองก็ยังดูไม่ออก แบบนี้ฉันจะฝากชีวิตน้องชายฉันได้ยังไงวะ’

คิดได้เพียงแค่นั้นชายหนุ่มก็ส่ายศีรษะไปมาน้อยๆ อย่างระอาใจอยู่หลายต่อหลายที ก่อนเจ้าตัวจะเคาะปากกาในมือลงบนโต๊ะตัวใหญ่ แล้วอ่านข้อมูลต่างๆ ที่พยาบาลขีดเขียนประวัติคนไข้เบื้องต้นมาให้ แล้วเตรียมจะอ้าปากถาม

แต่ก็มีเสียงของดีแลนพูดออกมาเสียก่อนว่า “พี่เต พี่พอจะมียาระงับแรงๆ บ้างไหมครับ ถ้ามีก็จัดยาให้ผมเถอะ ผมไม่ได้ต้องการที่จะเอาคู่แห่งโชคชะตานั่นมาเป็นคู่ของตัวเอง”

ได้ยินเช่นนั้นเตมินทร์ก็เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วมองคู่สนทนาตรงหน้า ก่อนเจ้าตัวจะพูดออกมาว่า “นายแน่ใจแล้วเหรอที่พูดออกมาแบบนั้นน่ะ ไม่แน่บางทีถ้านายได้เจอคู่แห่งโชคชะตาตัวเอง นายอาจเปลี่ยนใจก็ได้นะ”

ส่งผลให้ดีแลนตอบกลับไปแบบไม่ต้องคิดเลยว่า “คนที่อยู่ในใจผมมาตั้งแต่เล็กจนโต พี่เตก็น่าจะรู้ว่าผมมีแต่หมอนั่นเพียงคนเดียวเท่านั้น เรื่องของคู่แห่งโชคชะตาอะไรนั่นถ้ามันเลี่ยงไม่ได้ก็จะลองเปิดอกคุยกับคนคนนั้นสักครั้ง แล้วขอร้องให้คนคนนั้นอยู่ให้ห่างๆ พวกเรา ซึ่งเรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องของอนาคตครับ แต่ถึงอย่างงั้นผมก็ไม่ยอมให้ไอ้ศินมันเสียใจ”

สิ้นเสียงดังกล่าวเตมินทร์ก็ถึงกับทอดถอนลมหายใจออกมาอย่างอ่อนแรง แล้วอดไม่ได้ที่จะพึมพำออกไปเบาๆ ว่า “นายรู้ใช่ไหม ว่ากว่าจะมีวันนี้เจ้าศินต้องสู้ชีวิตมากแค่ไหน”

“ผมรู้ ผมถึงอยากได้ยาระงับที่แรงขนาดต่อให้เป็นคู่แห่งโชคชะตาบ้าบอนั่นมายืนอยู่ต่อหน้าก็ไม่รู้สึกยังไงล่ะ” ดีแลนตอบกลับชายหนุ่มทันทีด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างมุ่งมั่นและตั้งใจ เขาให้สัตย์สาบานกับตัวเองมาเนิ่นนานตั้งแต่แรกเจอกับว่าจะมีแค่ศศินเพียงคนเดียวในใจเท่านั้นไม่มีวันแปรเปลี่ยนไป

“งั้นก็ดี” เตมินทร์พูดพึมพำเบาๆ ก่อนเจ้าตัวจะหวนระลึกถึงเรื่องราวในอดีตที่ได้พบเจอกับเด็กน้อยโอเมก้าคนหนึ่งเมื่อครั้งยังวัยเยาว์

この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード

最新チャプター

  • เมื่อผมแอ็บเป็นอัลฟ่าแต่ดันถูกสามีผีบ้าจับได้ซะงั้นOmegavers   บทที่ 12 สติที่ขาดสะบั้น NC

    บทที่12สติที่ขาดสะบั้นท่ามกลางแสงแดดอ่อนที่สาดกระทบลงมาบนผ้าม่านที่ปิดกั้นประตูบานเลื่อนตรงระเบียงด้านหลัง กลิ่นหอมอ่อนจาง จากเรือนกายของชายหนุ่มที่เคยพร่ำบอกว่าตัวเองเป็นอัลฟ่าเลือดผสมลอยฟุ้งหอมละมุนอยู่ในอากาศ ชวนให้คนที่ได้กลิ่นเหล่านี้ใจเต้นไม่เป็นส่ำแม้แต่ตัวดีแลนเองที่เพิ่งจะขบริมฝีปากตัวเองจนปริแตก ก็ยังรู้สึกริมฝีปากแห้งผาก ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายกระหน่ำเต้นแทบไม่เป็นจังหวะจวนเจียนจะกระดอนออกมาอยู่รอมร่อชายหนุ่มล้วงมือที่ค่อนข้างสั่นเทาเข้าไปในกระเป๋ากางเกง แล้วควักยาระงับของตัวเองที่พกไว้ขึ้นมาโยนใส่ปากอีกเม็ดหนึ่งทันทีเขาพยายามสงบสติอารมณ์ได้วูบหนึ่ง ก็สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ อีกที แล้วสาวเท้าเข้าไปหาชายตัวเล็กกว่าซึ่งกำลังนั่งขดอยู่ตรงมุมผนังพอเดินไปถึงชายหนุ่มก็ค่อยๆ ยอบกายลงนั่ง ก่อนจะยื่นมือไปคว้าเอาตุ๊กตาหมีที่อีกฝ่ายกำเอาไว้ไม่ยอมปล่อย แล้วพูดเสียงเบาอย่างปลอบประโลมออกไปว่า “ให้ฉันช่วยเถอะศินแกดูเหมือนจะไม่ไหวแล้ว”สิ้นเสียงดังกล่าวศศินที่ถูกห้วงอารมณ์ปรารถนากลืนกินจิตใต้สำนึกไปมากกว่าครึ่ง ก็ค่อยๆ เงยหน้ามองคนพูดอย่างเชื่องช้าแล้วยืนมือไปผลักใบหน้าของเพื่อนสนิทที่

  • เมื่อผมแอ็บเป็นอัลฟ่าแต่ดันถูกสามีผีบ้าจับได้ซะงั้นOmegavers   บทที่ 11 ต่อหน้า

    บทที่11ต่อหน้า“ปะ...เปล่าฉันไม่ได้เป็นอะไร”สิ้นเสียงของคนตรงหน้าเรียวคิ้วเข้มบนใบหน้าหล่อเหลาของดีแลนก็เลิกขึ้นเล็กน้อยอย่างชั่งใจ ชายหนุ่มจ้องมองใบหน้าที่แดงจัดของอีกฝ่ายอยู่พักใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจตรวจดูอาการอีกสักหนแม้จะถูกฝ่ามือของศศินผลักไสให้ถอยห่างออกมาเพียงใด แต่ความสนใจของดีแลนในตอนนี้ไปอยู่ที่อาการของอีกฝ่าย จึงทำให้ในยามที่ถูกผลักไสร่างกายเลยแทบไม่ขยับเขยื้อนไปทางใดมิหนำซ้ำชายหนุ่มยังคงกระชับอ้อมกอดของตัวเองให้แนบแน่นขึ้นกว่าเดิมอีกเป็นเท่าตัว เพื่อให้คนตัวเล็กจอมพยศยืนอยู่นิ่งๆ จนกว่าเขาจะแน่ใจแล้วว่า ศศินไม่ได้เป็นไข้อย่างที่ตัวเองเป็นกังวลเนื่องจากว่าในตอนนี้นั้นใบหน้าของคนในอ้อมกอดแดงจัดราวกับลูกตำลึงสุก ไม่ต่างจากคนที่กำลังจะเป็นไข้ ดีแลนจึงไม่อาจวางใจปล่อยอีกฝ่ายให้เป็นอิสระได้อย่างใจก่อนเจ้าตัวจะตัดสินใจยื่นมือไปประคองใบหน้าของคนในอ้อมกอดที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตา ให้เงยหน้าขึ้นมาเผชิญหน้ากันส่งผลให้ศศินที่อยู่ในสภาวะจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอยู่แล้ว พอถูกจับใด้เขาก็ได้แค่เงยหน้าขึ้น จนดวงตาสอดประสานกับนัยน์ตาคมกริบของอีกฝ่ายที่จ้องมองมาจึงทำให้เขาก็ถึงกับลุกลี้ล

  • เมื่อผมแอ็บเป็นอัลฟ่าแต่ดันถูกสามีผีบ้าจับได้ซะงั้นOmegavers   บทที่ 10 ชิดใกล้

    บทที่10ชิดใกล้“ฉันขอโทษแกจริงๆ ว่ะ ฉันไม่นึกว่าคุณแม่จะเอาแต่ใจขนาดนี้”ดีแลนพูดเป็นรอบที่สิบ เมื่อพวกเขาทั้งสองคนได้ก้าวขาขึ้นมานั่งอยู่ภายในสปอร์ตคาร์ เพื่อที่จะเดินกลับไปเก็บข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นของศศินให้ย้ายเข้ามาอยู่ภายในบ้านหลังใหญ่เพราะหลังจากที่ถูกสตรีหมายเลขหนึ่งของบ้าน บอกให้ศศินกลับขนข้าวขนของมาพักอยู่ที่คฤหาสน์อย่างเอาแต่ใจ สุดท้ายตัวเขาเองก็ไม่อยากขัดใจอีกฝ่ายจึงต้องยอมทำตามอย่างว่าง่ายโดยที่คุณหญิงอารียาให้เหตุผลแบบง่ายๆ และมัดมือชกว่า ต้องการจะฝึกให้ว่าที่สะใภ้ในอนาคตรู้จักการเข้าสังคมหมู่มากและวางตัวให้เหมาะสมก่อนแต่งเข้ามาอยู่ภายในบ้านหลังนี้จริงๆส่งผลให้คนที่ถูกมัดมือชกอย่างศศินที่ได้ฟังความต้องการของว่าที่แม่ย่าในอนาคตถึงกับคิ้วกระตุกอยู่สองที แต่ก็ไม่อาจจะสรรหาคำแก้ต่างโต้แย้งกลับไปได้สุดท้ายพอไม่สามารถโต้เถียงกลับไปได้ และเพื่อไม่ให้มีเรื่องบาดหมางในเวลาต้องอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน ศศินจึงข้อสรุปว่าตัวของเขานั้นจำต้องย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านของดีแลนตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไปเขาที่พูดไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก จำต้องตามใจคุณหญิงอารียาอย่างไม่มีข้อแม้ใดๆ จำต้องย้ายมาพักอ

  • เมื่อผมแอ็บเป็นอัลฟ่าแต่ดันถูกสามีผีบ้าจับได้ซะงั้นOmegavers   บทที่ 9 เกือบ

    บทที่9เกือบหลังจากที่ได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย ดีแลนก็เลิกเรียวคิ้วขึ้นหนึ่งข้าง มองใบหน้าที่หมดจดของอีกฝ่ายที่กำลังจ้องมองตอบมาด้วยสายตาที่ค่อนข้างออดอ้อนอยู่ภายใน เพื่อขออนุญาตกลายๆ อีกครั้งถึงแม้สิ่งที่ทำจะเป็นเพียงการแสดงอย่างหนึ่งที่ศศินทำออกมา แต่คนที่ถูกสายตาดังกล่าวของอีกฝ่ายจ้องมองก็อดไม่ได้ที่จะอมยิ้มอย่างเผลอใจดีแลนที่ได้เห็นท่าทางของคนที่อยู่ในอ้อมแขนอยู่ครู่ใหญ่ กว่าจะดึงสติกลับมาได้ก็กินเวลาไปร่วมสองนาที เลยทำทีเป็นมองใบหน้าของคนตัวเล็กกว่าอย่างชั่งใจ แล้วเอ่ยเสียงเย้าออกมาว่า “แน่ใจนะว่าตอนแกคุยกับแม่ฉัน แกจะไม่เอาเล็บคมๆ ของแกตะปบแม่ฉันน่ะ”จึงทำให้ศศินอดไม่ได้ที่จะถลึงตาใส่เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังยืนอมยิ้มบางๆ ออกมา พร้อมกับพูดออกไปว่า “คนนะไม่ใช่แมวจะได้ใช้เล็บตะปบเอาน่ะ” พูดจบเจ้าตัวก็เบี่ยงหน้าหนี เพื่อซ่อนรอยยิ้มบางที่ผุดขึ้นมาแบบกะทันหัน แล้วปรับสีหน้าให้กลับเป็นปกติอย่างรวดเร็วก่อนเจ้าตัวจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับสติอารมณ์ของตัวเองให้ใจเย็นที่สุดเท่าที่ทำได้ จากนั้นจึงหันไปมองใบหน้าบึ้งตึงของคุณหญิงอารียาที่พยายามเชิดใบหน้าขึ้นอย่างถือตัว แล้วพูดออกไ

  • เมื่อผมแอ็บเป็นอัลฟ่าแต่ดันถูกสามีผีบ้าจับได้ซะงั้นOmegavers   บทที่ 8 คู่เคียง

    บทที่8คู่เคียงหลังจากที่ได้พาศศินหนีออกมาจากความวุ่นวายของครอบครัวตัวป่วนมาได้ ชายหนุ่มก็พาคนที่ตัวเองกำลังใช้มือสองข้างปิดใบหูเล็กๆ น่ารักเอาไว้ เดินไปยังสวนหย่อมที่อยู่ทางด้านหลัง ซึ่งไม่ไกลจากบ้านหลังใหญ่เพื่อหมายจะพาคนที่อยู่ในอ้อมแขน ไปนั่งเล่นอยู่ในศาลาที่ตั้งอยู่ท่ามกลางสวนหย่อมเล็กๆ แล้วให้อีกฝ่ายได้ผ่อนคลายจากอาการกดดันเมื่อครู่นี้ และไม่ให้ศศินได้ยินเสียงสองสามีภรรยาคู่นั้นจู๋จี๋กันอย่างออกนอกหน้าทว่าเมื่อเขาพาศศินเดินทางมาถึงที่หมาย แล้วปล่อยมือทั้งสองข้างออกจากใบหูเล็กๆ น่ารักของอีกฝ่าย ก็มีเสียงเย็นยะเยือกจากคนข้างกายดังให้ได้ยินว่า “แกเป็นบ้าอะไรวะถึงได้เอามือมาปิดหูฉันเนี่ย” ก่อนเจ้าตัวจะส่งค้อนวงใหญ่ไปให้ แล้วสาวเท้าไปนั่งอยู่ในศาลาด้วยท่าทางที่ไม่ชอบใจส่งผลให้ดีแลนอดผวาไม่ได้ แล้วรีบละล่ำละลักออกมาว่า “ฉะ...ฉันแค่ไม่อยากให้แกได้ยินพ่อแม่ฉันทะเลาะแล้วเอาแต่ด่าแกนี่หว่า” ก่อนเจ้าตัวจะรีบสาวเท้าเข้าไปหาคนที่นั่งอยู่ไม่ไกลแล้วลอบมองใบหน้าตึงๆ ของอีกฝ่าย แล้วส่งเสียงออดอ้อนออกไป “อย่าโกรธฉันเลยนะ ศินยกโทษให้ฉันเถอะนะ นะ นะ” จบคำชายหนุ่มก็ยอบกายลงนั่ง ก่อนจะคว้าข้อมื

  • เมื่อผมแอ็บเป็นอัลฟ่าแต่ดันถูกสามีผีบ้าจับได้ซะงั้นOmegavers   บทที่ 7 ครอบครัวของดีแลน

    บทที่7ครอบครัวของดีแลนหนึ่งวันผ่านไป...หลังจากที่คนทั้งคู่ผ่านช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานกับการที่ต้องไปพบเจอกับพี่ชายบุญธรรมของศศินอย่างเตมินทร์มาและผ่านช่วงเวลานั้นมาได้อย่างทุลักทุเลแล้วในวันนี้ก็เป็นวันหนึ่งที่คนทั้งคู่จะต้องไปเผชิญชะตากรรมกับครอบครัวของดีแลนที่ดูเหมือนจะยากลำบากพอๆ กันจึงทำให้ศศินที่นั่งมาในสปอร์ตคาร์คันหรูของเพื่อนชายคนสนิท แม้นัยน์ตาสีเข้มจะจับจ้องมองท้องถนนที่แน่นขนัดไปด้วยรถมากมายหลากยี่ห้อและกลุ่มฝุ่นมลพิษที่ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศด้วยแววตานิ่งเพียงใดแต่ภายในใจของชายหนุ่มกลับมีความกังวลเล็กๆ ผุดขึ้นกลางใจ จนอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมาสัมผัสกับปลอกคอที่สวมใส่อย่างแผ่วเบาจนคนที่ทำหน้าที่เป็นสารถีอย่างดีแลนที่มองเห็นการกระทำดังกล่าวถามออกไปว่า “กังวลหรือไง” แล้วเหลือบสายตามองไปยังลำคอขาวที่สวมใส่ปลอกคอสีดำสนิทเอาไว้ จนเจ้าตัวอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคออย่างลำบากแรกเริ่มเดิมทีรูปร่างของศศินก็ตัวเล็กกว่าอัลฟ่าเลือดบริสุทธิ์อยู่มาก แต่ด้วยความที่เจ้าตัวเป็นคนเอ่ยออกมาว่าตัวเองเป็นอัลฟ่าเลือดผสมรูปร่างที่เล็กเกินมาตรฐานเหล่านี้จึงถูกปัดตกไปแต่พอวันที่ตัวเองไ

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status