เมื่อเพื่อนขอร้องมาว่าอยากให้แต่งงานกับมันในฐานะไม้กันหมา แลกกับเงินก้อนโต มีหรือคนหน้าเงินอย่างศศินโอเมก้าตัวน้อยที่หลอกคนทั้งโลกว่าเป็นอัลฟ่าจะไม่ยอมตกลง เอาก็เอาวะเพื่อเงิน...เอ๊ยเพื่อเพื่อนที่รัก
View Moreบทนำ
ฉันเป็นอัลฟ่านะ
ท่ามกลางกลิ่นควันพิษจากท่อไอเสียของรถมากมายหลากยี่ห้อที่ขับเคลื่อนผ่านถนนเลนใหญ่ เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มไปทั่วทุกทิศทาง บวกกับเสียงตะโกนดังลั่นโหวกเหวกของผู้คนที่สัญจรย่างผ่านไปมา ชวนให้มหานครแห่งนี้ดูไม่เงียบเหงาจนเกินไป
ชายหนุ่มรูปร่างผอมบางสูงราวหนึ่งร้อยเจ็ดสิบแปดเซนติเมตร เขาใส่เสื้อยืดสีเทาหม่นคู่กับกางเกงยีนทรงสลิปเปอร์สียีนแต่งขาด สวมรองเท้าผ้าใบสีขาวสะอาดตา ใบหน้าหมดจดหล่อเหลาชวนให้ใครก็ตามที่พบเจอเป็นต้องเหลียวหลังจนคอแทบเคล็ดไปซะทุกที
มือข้างหนึ่งซุกเข้าไปในกระเป๋ากางเกงตัวเก่ง ส่วนอีกข้างก็ถือแว่นตากันแดดเอาไว้ หากมองเผินๆ ก็ไม่ต่างจากชายหนุ่มเจ้าสำราญที่มั่งมีเงินทองซึ่งพบเห็นทั่วไป
หากไม่ใช่ฝ่าเท้าข้างหนึ่งของชายหนุ่มผู้นี้ กำลังกระทืบอัลฟ่าหนุ่มด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี ก่อนเจ้าตัวจะสบถออกมาอย่างเหลืออดเหลือทนว่า “ผมเป็นอัลฟ่า หัดแหกตาก่อนจะฉุดด้วยครับไอ้ฉิบหาย เพราะไม่งั้นแทนที่คุณจะได้โอเมก้ามาเป็นเมีย คุณก็จะได้ส้นตีนจากอัลฟ่าอย่างผมแทน” ว่าจบชายหนุ่มก็ใช้ฝ่าเท้าเตะเข้าไปที่ร่างของคนที่นอนคลุกฝุ่นอย่างเต็มแรงอีกที
ก่อนจะมีเสียงฝีเท้า วิ่งตามเข้ามา จากนั้นเจ้าของเสียงฝีเท้าก็ร้องห้ามออกไปว่า “พอแล้วไอ้ศิน...ไอ้บ้า แกกำลังจะกระทืบมันตายอยู่แล้ว” ว่าจบเจ้าของคำพูดดังกล่าวก็ยื่นมือไปดึงร่างแบบบางของคนที่กำลังกระทืบผู้เคราะห์ร้ายอย่างเต็มกำลัง
ส่งผลให้คนที่ถูกรั้งมาด้วยพละกำลังของอัลฟ่าเลือดบริสุทธิ์ ที่มีพละกำลังมหาศาล ถึงกับถลาไปกระแทกกับแผ่นอกกว้างอย่างไม่ได้ตั้งใจ
ศศินหรือศินจึงช้อนสายตาเงยมองคนที่มายุติการทะเลาะวิวาทหนนี้ด้วยสายตาที่ไม่พอใจ ก่อนเจ้าตัวจะโพล่งออกไปว่า “อะไรของแกวะไอ้แดน จู่ๆ ก็มาห้ามกันเนี่ย แกไม่เห็นเหรอว่าไอ้บ้าตัณหาเนี่ยมันฉุดฉัน”
สิ้นเสียงดังกล่าวดีแลนหรือแดนอัลฟ่าเลือดบริสุทธิ์ก็หลุบตามองคนที่ตัวเตี้ยกว่า พร้อมกับอดไม่ได้ที่จะเอ่ยเสียงเย้าออกไปว่า “ก็ใครใช้ให้แกตัวเล็กกว่าอัลฟ่าทั่วไปได้ขนาดนี้ แถมยังหน้าหวานอีกต่างหาก นี่ถ้าแกมีกลิ่นฟีโรโมนเวลาเข้าใกล้ด้วย เชื่อสิแม้แต่ฉันเองก็ยังเข้าใจผิดเลย”
ว่าจบเจ้าตัวก็อดไม่ได้ที่จะฝังปลายจมูกลงไปบนต้นคอขาวอย่างเผลอใจ แล้วเงยหน้าขึ้นทันที ก่อนเจ้าตัวจะพูดต่อว่า “น่าเสียดายที่ไม่ว่าฉันจะดมกี่ทีก็ไม่มีกลิ่นของโอเมก้า...”
ทว่าดีแลนเอ่ยออกมาได้เพียงแค่นั้นก็ถูกฝ่ามือเรียวเล็กของคนตรงหน้าผลัดใบหน้าเขาออกอย่างเต็มแรง แล้วพูดเสียงดังลั่นออกไปอย่างไม่พอใจ “แกทำห่าอะไรของแกวะไอ้แดน”
ว่าจบเจ้าตัวก็กระโดดหนีออกมาทันที พร้อมกับยกมือของตัวเองลูบต้นคอไปมา นัยน์ตาสีเข้มหรี่ลงจับจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างไม่พอใจ แล้วเตรียมจะมีเรื่องอย่างเต็มที่ พร้อมกับตวาดออกไปว่า “ฉันบอกแกกี่ครั้งแล้ววะว่าฉันไม่ชอบ”
จนคนที่ถูกจ้องหน้าเห็นคนที่ตัวเล็กกว่ากำลังขู่ฟ่อๆ ไม่ต่างกับแมวน้อยที่กำลังพองขน เขาจึงรีบยกมือทั้งสองอย่างยอมแพ้ แล้วพูดออกมา “โถ่...ขอโทษ ฉันแค่เผลอล้อเล่นเท่านั้นแหละน่า ไม่ได้คิดอะไรจริงๆ”
ด้วยเหตุที่ว่าดีแลนนั้นรู้ดีอยู่แก่ใจว่าคนตรงหน้าไม่ชอบให้ใครมาเข้าใจผิดและปฏิบัติต่อตัวเองที่เป็นอัลฟ่า แต่กลับมาหาว่าเป็นโอเมก้าที่บอบบางน่าทะนุถนอมเหล่านั้น
เพราะถึงแม้ศศินจะเป็นอัลฟ่า แต่เขาก็มีเลือดของมารดาที่เป็นโอเมก้าที่ผ่านเรื่องราวมามากมายผสมอยู่ครึ่งหนึ่งด้วยเช่นกัน ชายหนุ่มจึงไม่ต้องการให้ผู้ใดมาดูถูกและปฏิบัติไม่ดีต่อโอเมก้าเหล่านั้นให้เห็นต่อหน้าต่อตา
หลังจากที่เห็นดีแลนยืนขอโทษแล้วทำหางลู่หูตกต่อหน้า พร้อมกับพูดขอโทษขอโพยขึ้นมา ศศินจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขำออกมา แล้วพูดออกไปว่า “เออๆ ช่างเถอะ ช่างเถอะ วันนี้แกต้องไถ่โทษด้วยการเลี้ยงข้าวฉันก็แล้วกัน”
พอได้เห็นคนตรงหน้าอารมณ์เย็นขึ้นมาอยู่บ้าง ดีแลนก็หลุบตามองคนที่นอนกองอยู่เบื้องล่าง แล้วเอ่ยถามออกไปว่า “แล้วนี่แกจะทำยังไงกับหมอนี่ต่อล่ะ”
ศศินจึงหันหน้ากลับไปมองร่างของชายหนุ่มที่ถูกตัวเองกระทืบลงจนจมฝ่าเท้าอีกที แล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า “ทิ้งไว้ตรงนี้แหละเดี๋ยวพอได้สติมันก็ลุกขึ้นกลับบ้านเอง” ว่าจบชายหนุ่มก็สาวเท้าเดินไปหาเพื่อนสนิทที่ยืนอยู่ไม่ไกล “ไปเถอะ ฉันหิวข้าวแล้ว อย่าลืมล่ะว่าวันนี้นายต้องเลี้ยง”
จากนั้นจึงยืนมือไปตบแผ่นหลังของคนที่ตัวใหญ่กว่า เพื่อให้เดินออกไป แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรดีแลนก็ไม่ขยับสักที เรียวคิ้วเข้มจึงขมวดมุ่นอย่างไม่ชอบใจ ศศินจึงพูดออกไปว่า “แกจะดูจนมันท้องเลยไหมไอ้แดน ไปได้แล้ว” เมื่อเห็นว่าคนตัวโตกว่าไม่ยอมจากไปไหน
สิ้นเสียงดังกล่าวดีแลนก็เอ่ยออกไปว่า “คนนะไม่ใช่ปลากัดสักหน่อย” ก่อนเจ้าตัวจะสาวเท้าไปเท้าเดินเคียงข้างกับเพื่อนสนิทของตน เพื่อพากันไปยังร้านอาหารตามเป้าหมายเดิมของคนทั้งคู่ก่อนที่เจ้าแมวตัวเล็กจะถูกอัลฟ่าตัวใหญ่ฉุดไปจนมีเรื่องขึ้นมา
หลังจากที่คนทั้งสองมาถึงสวนอาหารแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล ศศินก็จัดการสั่งอาหารแบบไม่เกรงใจ แล้วยื่นเมนูอาหารคืนไปให้พนักงานเสิร์ฟที่ยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดกับรายการอาหารตรงหน้าพร้อมกับพูดออกมาว่า “สั่งขนาดนี้จะทานหมดเหรอครับ”
ก่อนจะมีเสียงของดีแลนตอบอย่างขำๆ ว่า “หมดสิครับ คุณเห็นเขาตัวเล็กแค่นี้แต่กินล้างกินผลาญนะคุณ รีบๆ ไปทำอาหารมาเถอะถ้าเขาโมโหหิวขึ้นมา เดี๋ยวหมอนี่จะวิ่งไปกินผนังร้านแทน”
ได้ยินเช่นนั้นศศินถึงกับถลึงตาจ้องมองดีแลนอย่างไม่ชอบใจ แล้วหันไปพูดกับพนักงานเสิร์ฟแบบทีเล่นทีจริงด้วยรอยยิ้มว่า “อย่าไปเชื่อมันครับ ไอ้นี่มันโกหก ผมน่ะเวลาหิวจะไล่ขบหัวมันมากกว่า”
พนักงานเสิร์ฟที่เห็นรอยยิ้มทรงเสน่ห์ส่งมาให้ก็ถึงกับตาพร่า จึงรีบก้มหน้าลงพอเป็นพิธี “ครับ” ก่อนจะรีบหมุนกายพร้อมกับสาวเท้าเดินจากไป
เมื่อเห็นว่าพนักงานในร้านเดินจากไปไกลศศินจึงอดไม่ได้ที่จะหันกลับมาส่งค้อนวงใหญ่ให้เพื่อนสนิทของตัวเองอีกที
ก็เห็นอีกฝ่ายตอบกลับมาโดยการยกมือทั้งสองข้างขึ้นอย่างยอมแพ้ เขาจึงพูดต่อทันทีว่า “ว่าแต่วันนี้นึกครึ้มอะไรมาชวนฉันกินข้าวเย็น ทุกทีเวลานี้แกไม่ไปเที่ยวหว่านเสน่ห์ตกโอเมก้าหนุ่มๆ ก็ต้องไปเที่ยวแล้วสิ”
ได้ยินเช่นนั้น ดีแลนจึงไม่คิดที่จะพูดอ้อมค้อมให้เสียเวลา เขาจึงเอ่ยออกไปว่า “ฉันอยากให้แกช่วยอะไรฉันอย่างหนึ่งว่ะ”
“เรื่องอะไรของแกดูมีลับลมคมใน” ว่าจบชายหนุ่มก็ยื่นมือไปยกแก้วน้ำที่วางอยู่ไม่ไกล หมายจะดื่มเพื่อดับกระหาย
และเมื่อคนตรงหน้าตั้งคำถามขึ้นมา ดีแลนก็โน้มตัวเล็กน้อยมาจ้องหน้า จากนั้นจึงเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “แกช่วยแต่งงานกับฉันทีได้หรือเปล่า”
“หา”
ตอนพิเศษ2แพ้ท้องหลายวันผ่านไปไวเหมือนโกหกจากหนึ่งวันแปรเปลี่ยนเป็นหนึ่งอาทิตย์ สุดท้ายก็กลายเป็นหลายเดือนที่ตัวเองได้เหยียบย่างเข้ามาอยู่เป็นครอบครัวใหญ่แม้ความกดดันที่เกิดจากคนในครอบครัวของดีแลนจะหายไปแปรเปลี่ยนมาเป็นการเอาอกเอาใจเขาเป็นอย่างดี แต่ก็ไม่เท่ากับความผิดปกติที่ตัวเองนั้นเผลอฮีททุกๆ ครั้งทั้งๆ ที่กินยาเข้าไปในตอนแรกศศินไม่ได้คิดอะไรมากมาย เพราะอย่างไรเสียเขาก็รู้ได้ว่าที่ตัวเองฮีทขึ้นมาเป็นเพราะว่าตัวของเขานั้นเป็นพันธะคู่กับอีกฝ่ายมิหนำซ้ำพวกเขาทั้งคู่ก็แต่งงานและได้ใช้ชีวิตร่วมกันในฐานะสามีภรรยาแล้ว การจะมีสัมพันธ์ต่อกันจึงไม่ใช่เรื่องประหลาดอะไร เขาจึงไม่ค่อยได้ใส่ใจที่จะตั้งคำถามนอกจากจะแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายหลังเท่านั้นแต่พอนานวันเข้าความสงสัยก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นมาอย่างช้าๆ เพราะตัวเขาเองนั้นก็เป็นโอเมก้าคนหนึ่งที่ได้ร่ำเรียนมาและรู้เกี่ยวกับพันธะคู่อยู่บ้าง ว่าต่อให้ถึงจะเป็นพันธะคู่กัน พอกินยาระงับเข้าไปมากมายถึงเพียงนั้นก็ใช่ว่าควบคุมไม่อยู่เลยซะทีเดียวศศินจึงเก็บความสงสัยนี้เอาไว้ในใจแล้วหมายจะขึ้นไปตรวจสอบดูยาที่ตัวเองกินอีกที หลังจากกินข้าวพร้อมกับค
ตอนพิเศษ1ความฝันของโอเมก้าที่อยากขึ้นควบอัลฟ่าสักหนหลังจากที่ถูกเพื่อนสนิทสารภาพรัก หนึ่งเดือนให้หลังงานแต่งงานระหว่างคนทั้งสองก็ถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย แต่พอเอาเข้าจริงถึงจะไม่ได้เชิญใครมามากมายนอกเสียจากมิตรสหายและญาติผู้ใหญ่ที่รู้จักถึงอย่างนั้นคนที่มาเข้าร่วมงานก็ยังมีอย่างคนมางานแต่งนี้มากมายอยู่ดี กว่างานแต่งในครั้งนี้จะสิ้นสุดลงก็เล่นเอาคนในครอบครัวของคนทั้งคู่ถึงกับหน้ามืดตาลายไปตามๆ กันเมื่อคนทั้งคู่ได้เข้ามาใช้ชีวิตร่วมภายใต้ชายคาเดียวกันในฐานะสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ดีแลนก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างไม่มีข้อบกพร่องและในค่ำคืนนี้ก็เช่นกัน แม้ตลอดช่วงเช้าของวันที่ผ่านมาชายหนุ่มจะหัวหมุนกับงานของตัวเองมาอย่างหนักหนาสาหัสสากรรจ์เพียงใด เขาก็ไม่ยอมให้ภรรยาตัวน้อยได้อยู่อย่างเงียบเหงาอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย“อื้อ…เบา…อ่า…เบา…หะ…หน่อย” น้ำเสียงกระท่อนกระแท่นที่พ่นออกมาจากริมฝีปากบางของศศิน ที่พยายามบอกให้คนที่อยู่ตรงหน้าผ่อนแรงลงอีกหน่อย หลังจากที่ถูกกระแทกกระทั้นอย่างหนักหน่วงเกือบครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้แต่ดูเหมือนคนที่ควบคุมจังหวะเร่าร้อนของบทเรียนรักในครั้งนี้ จะไม่ได้
บทที่17ขอบคุณนะที่ให้ฉันได้มีโอกาสได้รักหลังจากที่เคี่ยวกรำเจ้าของร่างผอมบางจนอิ่มเอมใจ ดีแลนก็จัดการชำระล้างร่างกายของศศินจนสะอาดหมดจดเรียบร้อยดีแล้ว ชายหนุ่มก็สาวเท้าไปหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำที่แขวนอยู่ในตู้ที่ตั้งอยู่ข้างๆ ประตูห้องน้ำมาสวมใส่ให้คนตัวเล็กกว่าอีกทีจากนั้นจึงโอบอุ้มเจ้าของร่างผอมบางที่หลับใหลไม่ได้สติเดินออกมาจากห้องอาบน้ำอย่างเชื่องช้า แล้ววางร่างของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิทลงบนเตียงกว้างอย่างเบามือ ก่อนเจ้าตัวจะยอบกายลงนั่งข้างๆ กันนัยน์ตาสีเข้มจับจ้องมองร่างผอมบางที่อยู่ในชุดคลุมสีขาวอย่างหลงใหล ทว่าจ้องมองได้ไม่ทันไร จู่ๆ ก็มีเสียงคนเคาะประตูดังขึ้นมาอย่างแผ่วเบาชายหนุ่มที่เอาแต่นั่งมองใบหน้าของภรรยาตัวน้อยในอนาคตอย่างหลงใหล ก็คล้ายสะดุ้งเล็กน้อยอย่างตกอกตกใจ ก่อนเจ้าตัวจะพยายามข่มอาการของตัวเองเอาไว้ แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “ใคร”สิ้นเสียงดังกล่าวก็มีเสียงที่แสนคุ้นเคยของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นบุพการีดังขึ้นมาว่า “แม่เอง เปิดประตูให้หน่อย”ส่งผลให้ดีแลนที่ไม่อยากละสายตาจากคนตัวเล็กกว่าตรงหน้า ก็อดไม่ได้ที่จะทอดถอนลมหายใจออกมา แต่ก็จำต้องหยัดกายยืนขึ้นเพื่อไปเ
บทที่16คำสารภาพหลังจากที่โอบอุ้มคนตัวเล็กกว่า แล้วเดินเข้ามาภายในห้องน้ำได้ นัยน์ตาสีเข้มก็สอดส่ายไปมาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงตัดสินใจวางร่างของศศินให้มานั่งลงตรงบนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าส่งผลให้คนที่ถูกโอบอุ้มเข้ามาในห้องน้ำอย่างถือวิสาสะ ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่เข้าใจ แต่ตัวเองก็เลือกที่จะไม่ใส่ใจว่าดีแลนทำเช่นนี้ต้องการอะไรแต่เป็นเพราะกลัวว่าตัวเองจะฮีทขึ้นมาอีกหน เขาจึงต้องรีบร้อนอาบน้ำอาบท่า ล้างเนื้อล้างตัวให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ หากปล่อยไว้นานเกินไปคงไม่ใช่เรื่องดีศศินจึงรีบพูดออกไปทันทีว่า “ขอบใจที่อุตส่าห์อุ้มมาส่ง ที่เหลือฉันจัดการเองได้ แกออกไปเถอะถ้าฉันฮีทขึ้นมาอีกมันจะยุ่งอีก” ก่อนเจ้าตัวจะขยับร่างกายเพื่อลงจากเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้านี้ทว่ายามที่ศศินก้มหน้าก้มตาขยับกายได้เพียงแค่นิดเดียวอยู่นั้น ศีรษะก็ชนเข้ากับแผ่นอกเปลือยเปล่าของอีกฝ่าย จนตัวเองอดไม่ได้เงยหน้าจ้องมองใบหน้าของดีแลนอย่างไม่เข้าใจแต่พอเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นเพียงนัยน์ตาสีเข้มบนใบหน้าหล่อเหลาจ้องมองกลับมาแบบไม่ละสายตาไปทางใด จนตัวเขาเองที่จะต้องเป็นฝ่ายก้มหน้าลงเพื่อหลบเลี่ยงสายตาคมกริบจ้องม
บทที่15แผนการสำเร็จหลังจากที่ออกจากห้องนอนของตัวเองกลับเข้ามานั่งอยู่ในทำงานได้พักใหญ่ ดีแลนที่ยังคงใจจดจ่ออยู่กับผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ก็เอาแต่ยกข้อมือของตัวเองขึ้นมา เพื่อมองดูนาฬิกาไม่รู้ว่าเป็นรอบที่เท่าไรอีกครั้ง นัยน์ตาสีเข้มจับจ้องมองเข็มบนหน้าปัดกระดิกไปอย่างเชื่องช้า ก็เห็นว่าตั้งแต่ที่ศศินได้กินยาบำรุงของเขาเข้าไป เวลาก็ล่วงเลยพ้นผ่านมาแล้วเกือบหนึ่งชั่วโมงเห็นจะได้เมื่อถึงเวลาที่คิดว่าน่าจะเหมาะสม ชายหนุ่มจึงไม่รอช้าเขาจึงสะบัดข้อมือเล็กน้อย แล้วรีบหยัดกายลุกขึ้นจากเก้าอี้ ก่อนจะสาวเท้าเดินไปยังห้องนอนของตัวเองทันทีพอไปถึงหน้าบานประตูไม้ที่ปิดกั้น ดีแลนก็ได้กลิ่นอ่อนจางของฟีโรโมนที่หอมสดชื่นอันเป็นเอกลักษณ์ของศศินลอยออกมาจากด้านในซึ่งเป็นกลิ่นที่ตัวเขานั้นมักได้กลิ่นอยู่ในห้องของศศินเกือบทุกครั้งที่ก้าวขาเข้าไป และเป็นฟีโรโมนที่ทำให้เขาเกิดอาการรัทแบบไม่มีสาเหตุด้วยเช่นกันพอคิดมาถึงตรงนี้ดีแลนก็อดไม่ได้ที่จะพึมพำออกมาว่า “ฉันน่าจะรู้ตัวเร็วกว่านี้ ว่าแกเป็นโอเมก้า แถมยังเป็นคู่แห่งชะตาของฉันอีก ฉันคงไม่ต้องใช้วิธีพิเรนทร์พิเรนทร์แบบนี้ขอโทษนะศิน” พูดจบชายหนุ่
บทที่14แผนการลับฉบับเปลี่ยนยาเมียหลังจากคืนวันนั้นกว่าศศินจะปรับอารมณ์ให้กลับมาเป็นปกติได้ ก็ใช้เวลาไปอีกหลายวัน และด้วยเหตุนี้เองก็ทำให้ดีแลนไม่อาจเข้าใกล้เพื่อนสนิทของตัวเองได้อย่างที่ใจต้องการสักเท่าไรเนื่องจากว่าแท้จริงแล้วศศินไม่ต้องการให้หัวใจของตัวเองเผลอใจไป เขาจึงพยายามหลบหน้าหลบตาเพื่อนตัวดีทุกครั้งที่เจอหน้ากัน แม้แต่ตอนนอนเขาก็หนีเข้าไปนอนหลับในห้องก่อนทุกครั้งดีแลนจึงทำได้เพียงทอดถอนลมหายใจเฮือกใหญ่ออกมาหนึ่งที ก่อนจะล้มตัวลงนอนข้างกายโดยที่ไม่ได้พูดคุยกันเลยสักคำโดยที่ดีแลนนั้นถึงแม้เจ้าตัวจะพยายามหาทางใกล้ชิดอีกฝ่ายมากมายอย่างไร แต่ดูเหมือนว่าศศินจะหาข้ออ้างหลบเลี่ยงไม่ยอมมาเผชิญหน้ากันพอหลายวันเข้าชายหนุ่มที่มีสภาพเหมือนภรรยาน้อยที่ถูกสามีทอดทิ้ง ก็เอาแต่นั่งเขี่ยปากการาคาแพงเล่นไปมาจนผู้เป็นมารดาที่ถือแก้วกาแฟมาส่งให้ที่โต๊ะทำงาน มาเห็นสภาพห่อเหี่ยวนี้เข้าก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกไป “เป็นอะไรของแกตาแดน ทำหน้าเหมือนคนกำลังอกหัก”ยามได้ยินสิ่งที่ฝ่ายพูดออกมา ดีแลนก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้น แล้วใช้สายตาที่กำลังคลอไปด้วยหยาดน้ำตาสบมองใบหน้าผู้เป็นมารดาด้วยใบหน้าหมอ
Comments