…THE PRINCE...
มีสมาชิกวงทั้งหมดห้าคน แนวเพลง เค-ป็อปผสม อาร์แอนด์บีและฮิปฮอปรวมไปถึงร็อกอีกด้วย เป็นบอยแบนด์ที่โด่งดังไม่แพ้ต่างประเทศ มีฐานแฟนคลับทั่วโลก …THE PRINCE..ถูกก่อตั้งมาจากบริษัทTEมีหัวหน้าค่ายยักษ์ใหญ่ที่เป็นอดีตนักร้องนักแต่งเพลงและนักดนตรีชื่อดัง นายธยศ ศรีอำนาจ…. …THE PRINCE..ถูกรับคัดเลือกมาจากการแข่งขัน แต่งเพลง เล่นดนตรีและเต้น คนคนหนึ่งจะต้องมีความสามารถครบถ้วนตามที่ธยศต้องการ …THE PRINCE..ถูกก่อตั้งมาได้3ปีเต็ม และได้ผลตอบรับตั้งแต่ครั้งแรกที่่เปิดตัว เจ้าชายทั้ง5ของTHE PRINCE …THE PRINCE….คือคนที่เหนือกว่าคนธรรมดา นำทีมโดย…. 1.เจ้าชาย….สุขุมนุ่มลึกแห่งราชอาณาจักรอันดับหนึ่ง ไดร์ฟผู้ที่ถูกแฟนคลับและเพื่อนๆในวงต่างเรียกขานเขาว่า ท่านไดร์ฟราชาแห่งเดอะพริ้นซ์ เจ้าชายเหนือเจ้าชาย ไดร์ฟมีหน้าที่เป็นลีดเดอร์ของวงรวมไปถึงร้องหลักอีกด้วยและแร็ปนำ เขาจะแต่งเพลงและแร็ปเองรวมไปถึงทำเมโลดี้ของเพลงเองด้วยบางทีก็คิดค้นท่าเต้นเอง เขามีความเป็นผู้นำสูงมีอายุมากกว่าเพื่อนๆในวงแค่ไม่กี่เดือน เขาจึงถูกเพื่อนๆในวงตั้งให้เป็น ลีดเดอร์ของวง 2.เจ้าชาย…เจ้าพ่อคำคมขวัญใจสาวๆแห่งราชอาณาจักรอันดับสอง ฟีฟ่า ฟีฟ่ามีหน้าที่ร้องนำและเต้นเสริม 3.เจ้าชาย….เจ้าพ่อตลก นักสร้างเสียงหัวเราะของวงแห่งราชอาณาจักรอันดับสาม กวิน หนุ่มอีสานบ้านเฮา เขามีหน้าที่เต้นหลักและร้องเสริม 4.เจ้าชาย…หล่อเลอค่าเขามีหน้าที่แค่ทำหน้าหล่อ เจ้าพ่อศัลยกรรมและเจ้าพ่อนำแฟชั่นแห่งราชอาณาจักรอันดับสี่ ธามไฟท์ เขามีหน้าที่แค่เป็นหน้าเป็นตาของวงเพราะการแต่งตัวของเขาก็โดดเด่นพออยู่แล้ว 5.เจ้าชาย…ขี้เล่น ยิ้มหวานเอาใจเก่งแห่งราชอาณาจักรอันดับห้า เอพริ้ว หนุ่มลูกครึ่งฝรั่งเศสไทย หน้าตาคมคาย เขาอายุน้อยที่สุดแต่เป็นตัวสร้างสีสันของวง เอพริ้วมีหน้าที่เป็นหนุ่มตัวน้อยของพี่ๆและแฟนคลับ เขาจะเต้นนำและแร็ปเสริม มหาลัยประจำนานาชาติ QW อาคารกิจกรรม การดนตรี…. พรึบ “ไอ้ไดร์ฟ!”เสียงเข้มตึงของผู้ชายวัยรุ่นที่อยู่ในชุดกีฬาพร้อมทำกิจกรรมเอ่ยเรียกผู้ชายวัยรุ่นอีกคนที่เขาตั้งหน้าตั้งตาจดโน้ตเพลงและเเต่งเนื้อเพลงรวมไปถึงทำนองด้วยสีหน้ามุ่งมั่นและตั้งใจ “ว่า?”ไดร์ฟเด็กหนุ่มวัยยี่สิบปีเศษเรือนผมสีน้ำตาลเข้มใบหน้าเรียวไข่ได้รูปผิวขาวใสริมฝีปากสีชมพูสดดวงตาชั้นเดียวเงยหน้าขึ้นไปมองเพื่อนสนิทที่เป็นรูมเมทของเขาอย่างสงสัยที่เห็นเพื่อนวิ่งหน้าตาตื่นตะหนกมาแบบนั้น “มีโทรศัพท์เข้ามาหามึง”ชาญเอ่ยบอกไดร์ฟเพื่อนสนิทของเขาไป ไดร์ฟก็ขมวดคิ้วหนาเข้าหากันอย่างงุนงงว่าใครกันที่โทรมาหาเขา “ใครวะ?” “ไม่รู้….รู้แต่ว่าเรื่องสำคัญ…”ชาญทำสีหน้าจริงจังพร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ตัวยาวตัวเดียวกันกับไดร์ฟเพื่อนของเขาด้วยท่าทางเหนื่อยหอบจากการวิ่งมาด้วยระยะทางที่ไกลพอสมควร “อ่า…เคๆชอบใจมาก…”ไดร์ฟยื่นมือไปตบไหล่ชาญพร้อมกับเอ่ยขอบคุณและเริ่มเก็บของของเขาลงในกระเป๋าเป้เพื่อจะไปยังห้องพักของอาจารย์ที่นั่นเป็นที่ให้นักศึกษาได้ใช้โทรศัพท์สนทนากับทางบ้านได้ ไดร์ฟก็แอบแปลกใจว่าทำไมคนนั้นไม่โทรเข้าเบอร์มือถือของเขาล่ะ “ดรัณภพครับ….”ไดร์ฟเอ่ยขึ้นในขณะที่เขาเดินมาถึงห้องพักของอาจารย์แล้ว “อ่ะ…สายของเธอจ้ะ…” “ขอบคุณครับ…อาจารย์^_^”ไดร์ฟเอ่ยพร้อมคลี่ยิ้มอย่างสดใสขอบคุณอาจารย์ที่ทำหน้าที่เฝ้าห้องนี้ไปพร้อมกับเดินไปนั่งที่โต๊ะและหยิบโทรศัพท์ของมหาลัยขึ้นมาพูดใส่ปลายสายไป “ฮัลโหล…สวัสดีครับ..ผมไดร์ฟพูดสายอยู่ครับ”ไดร์ฟเอาโทรศัพท์แนบหูและเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงสุภาพ ปลายสายที่เงียบเพื่อรอการตอบรับก็เอ่ยตอบกลับมาทันทีที่ได้ยินเสียงของไดร์ฟ (ไดร์ฟ!…นี่ป้าพร…ป้าข้างบ้านของไดร์ฟนะ)ปลายสายร้อนรนเอ่ยพูดออกมาจนรัวเร็ว ทำให้ไดร์ฟรู้สึกงุนงงและสงสัยว่าป้าพรป้าข้างบ้านที่อาศัยอยู่ติดกับบ้านของเขาโทรมามีธุระด่วนอะไร “ครับ…ป้าพรสวัสดีครับ…” (ไดร์ฟ…ทำใจดีๆไว้นะลูก…) (แม่ของไดร์ฟ…ผูกคอตายแล้ว….) ตุ๊บ ไดร์ฟตกตะลึงเผลอปล่อยโทรศัพท์ของทางมหาลัยหลุดมือ เขากำลังอยู่ในอาการช็อคสุดขีด ทันทีที่เขาได้ยินว่าแม่ของเขาผูกคอตายเหมือนโลกทั้งใบในตอนนี้หยุดหมุนและพังทลายลงเพราะเขารู้ดีว่าแม่ของเขา ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรงแล้ว แต่ในการเสียใจในครั้งนี้ทำให้ไดร์ฟกำหมัดแน่นแววตาดุดันอย่างโกรธจัดน้ำตาสีใสเอ่อคลอรอบดวงตาคู่สวย เขาขบกรามแน่นนึกโกรธคนเป็นพ่อที่รู้ว่าแม่ของเขาป่วย แต่กลับไม่พาไปรักษาแถมยังให้เขากลับมาอยู่ที่มหาลัยประจำอีก เขาจะกลับบ้านไปหาแม่ของเขาได้ก็ต่อเมื่อมหลาลัยปิดเทอมหรือมีวันหยุดเยอะๆ งานศพของแม่ไดร์ฟ…… “แม่…แม่ครับ…หลับให้สบายนะครับ…”ไดร์ฟพยายามกลั้นน้ำตาที่มันไหลอยู่เต็มด้านในอกของตัวเองไว้ในวันสุดท้ายที่เขาจะส่งแม่ของเขาไปสวรรค์โดยที่ไร้เงาของผู้ชายที่แม่ของเขารักนักรักหนา “วันสุดท้ายของแม่แล้วแท้ๆ…แต่เขาก็ยังไม่มา….”ไดร์ฟเอ่ยขึ้นพร้อมกับความคับแค้นที่อยู่ในใจ เมื่อนึกถึงหน้าของผู้ชายคนนั้นที่ยังคงออกโทรทัศน์ด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มไม่สะทกสะท้านกับการจากไปของแม่เขาเลยสักนิด “เราจะกลับมาอยู่ที่นี้เลยหรือเปล่าล่ะไดร์ฟ…?”เสียงอบอุ่นจากป้าพรเพื่อนข้างบ้านเอ่ยถามไดร์ฟที่เขายืนเกาะอยู่ข้างโลงศพของเขาแม่เขาอยู่จึงต้องค่อยๆละใบหน้าหล่อไปมองหน้าของป้าพร คนเดียวที่มางานศพของแม่เขา “ครับ….ผมคงไม่กลับไปเรียนแล้ว….” “ทำไมล่ะไดร์ฟ…” “ป้าว่าแม่ของไดร์ฟไม่อยากให้ไดร์ฟหยุดเรียนนะ…” “ครับ….ถ้าผมไม่หยุดเรียนก็คงกลับมาอยู่บ้านนะครับ…และหางามเสริมทำเอา…” “อืม…ป้าก็เห็นด้วยนะ….” “อยู่ให้ได้นะ….” “ขอบคุณครับ…ป้าพร…”ไดร์ฟยกมือไหว้ป้าพรไปอย่างเคารพ เพราะเขาอยู่กับแม่เขามาแค่สองคนตลอดเวลา โดยแม่ของเขาทำงานอย่างหนักเพื่อส่งเสียเขาเรียนจนพักหลังๆมา แม่ของเขามีอาการโรคซึมเศร้าทำให้แม่ของเขาต้องหยุดทำงานและรักษาตัวอยู่ที่บ้าน โดยตลอดเวลาคนที่ขึ้นชื่อว่าพ่อของเขากลับไม่เคยมาเยี่ยม เพียงแค่ส่งเงินมาให้เขากับแม่แค่นั้นเอง โดยที่เขาก็แทบจะจำหน้าพ่อตัวเองไม่ได้แล้ว….ถ้าไม่เห็นทางโทรทัศน์นั้น เคยไหมครับ…? อยู่ดีๆก็นึกเบื่อ…? เบื่อโลก…. เบื่อคนรอบตัว…. เบื่อตัวเอง…. เหนื่อย…และล้ากับการ…ที่จะหายใจ เบื่อแม้กระทั่งที่จะมีชีวิตอยู่บนโลกที่เงียบเหงาเช่นนี้…. เหมือนตัวคนเดียวทั้งๆที่มีผู้คนมากมายรายล้อมรอบๆตัว…“ค่อยๆนะคะ…ไอกลัวเจ็บ…”ฉันเอ่ยบอกไดร์ฟไป เขาที่มองจุดเชื่อมของเราอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมามองหน้าฉันด้วยสีหน้าเป็นกังวล“ไอกลัวเจ็บ…แต่ไดร์ฟกลัวทำไม่เป็น…”ไดร์ฟตอบพร้อมใบหน้าเศร้าลง แววตาของเขาดูเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด“ไอก็ทำไม่เป็น….เราจะทำไปพร้อมๆกันไงคะ…”“ครับ….”“ใส่เข้ามาสิคะ….”“ครับ…”ไดร์ฟตอบรับคำฉันและค่อยๆดันลำกายใหญ่ที่มีขนาดใหญ่โตเท่าท่อนเเขนของฉันเข้ามาในร่องสวาทของฉันอย่างช้าๆ“อื้ออออ!!”ฉันกัดริมฝีปากล่างด้วยความเจ็บจี๊ดที่แก่นกายความเป็นสาวในขณะที่ไดร์ฟดันท่อนเอ็นร้อนของเขาเข้ามาได้เพียงแค่ส่วนหัวยังไม่ถึงกลางลำเลยฉันก็เจ็บปวดมากขนาดนี้ เพราะด้านในของฉันถึงจะมีน้ำหล่อลื่อไหลออกมาตลอดแต่ฉันยังเวอร์จิ้นอยู่ช่องทางรักของฉันมันจึงคับแน่นไม่ยอมเปิดทางให้สิ่งแปลกปลอมสอดแทรกเข้าไปข้างในได้อย่างง่ายๆ“เจ็บเหรอครับ….”ไดร์ฟถามฉันเสียงทุ้มนุ่มละมุน ที่เขาเห็นว่าฉันสั่นสะท้านไปทั้งร่างขาทั้งสองข้างของฉันสั่นระริก“อืม!”ฉันพยักหน้าตอบไดร์ฟไปพร้อมกับใบหน้าเหยเก ไดร์ฟก็ก้มหน้าลงมาหาหน้าอกของฉันและจัดการใช้ปลายลิ้นร้อนแตะลงบนยอดปทุมถันของฉันและตวัดปลายลิ้นสากที่ร้อนรุ่มของเขาขึ้นลงสร้างค
ไอริส อันฤดี…. พรึบฉันเอนตัวลงนอนราบไปบนที่นอนของไดร์ฟหลังจากที่ฉันกับไดร์ฟช่วยกันใช้กระดาษทิชชูเช็ดชำระน้ำรักของไดร์ฟที่เลอะเปรอะเปื้อนที่หน้าของฉันออกไปจนหมดแล้ว“มาสิคะ….”ฉันเอ่ยเชื้อเชิญไดร์ฟอย่างหน้าไม่อาย ซึ่งฉันเองก็รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่สิหรือตัวตนจริงๆของฉันเป็นแบบนี้นะพรึบ“ไอริส….”ไดร์ฟเรียกฉันเสียงแหบพร่าแววตาสีดำเข้มของเขาสั่นไหวเล็กน้อยและจับจ้องมาที่ความเป็นสาวของฉันที่มีผ้าสีขาวปกปิดอยู่อย่างไม่วางตา สายตาของไดร์ฟทำให้ฉันใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา“น้ำของไอ…เยอะจัง…”ไดร์ฟเอ่ยเสียงอ่อนพลางละสายตาจากความเป็นสาวของฉันขึ้นมามองหน้าฉัน ฉันก็คลี่ยิ้มละมุนให้เขาก่อนจะค่อยๆจับกางเกงจีสตริงที่เป็นบิกินี่ของฉันให้มาอยู่รวมกันตรงใจกลางกลีบกุหลาบของฉัน ความเป็นสาวที่เนื้อนูนโหนกอวบอูมไร้ขนนุ่มปกคลุมถูกเนื้อผ้าบางแนบติดไปจนเห็นเป็นรูปเป็นร่างได้อย่างชัดเจน“อื้ออออ”ฉันครางเสียงหวานอย่างเสียวซ่านเมื่อใช้ปลายนิ้วชี้ของตัวเองแตะสัมผัสลงบนใจกลางกลีบกุหลาบงามของฉันพร้อมกับเกี่ยปลายนิ้วเล่นกับคริสตอริสติ่งเสียวของตัวเองจนร่างของฉันสะท้านไปทั้งร่างด้วยความเสียว แต่ฉันคิดว่ามันยังเสียว
“แผล๊บๆๆๆ…”“อะไอ..มันสกปรกนะครับ!”ไดร์ฟร้องเสียงหลงและตกใจที่ไอริสยื่นปลายลิ้นเล็กของเธอออกมาตวัดเลียไปรอบๆแท่งท่อนเอ็นยักษ์ของเขาอย่างไม่รังเกียจ“ไอไม่รังเกียจหรอกค่ะ…ไดร์ฟจะได้มีความสุขไง…”ไอริสเงยหน้าและเอ่ยบอกไดร์ฟ ไดร์ฟก็มองหน้าเธออย่างสงสัยและเป็นห่วงเธอที่จะใช้ลิ้นปรนเปรอความเป็นชายให้เขา“ทำแบบนี้….มันมีจะความสุขมากจริงๆเหรอ?”ไดร์ฟถามไอริสตาใสแป๋วอย่างหนุ่มอ่อนประสบการณ์“ไดร์ฟไม่เคยช่วยตัวเองเหรอคะ?”ไอริสถามไป เธอถามเขาด้วยแววตานิ่งเฉยไม่ได้ตกใจและไม่ได้อายเธอทำเหมือนเจนจัดเรื่องอย่างว่า ทั้งที่จริงแล้วเธอไม่ได้มีประสบการณ์อะไรเลย แต่เธอเป็นพวกมีพรสวรรค์จินตนาการติดตัวมาตั้งแต่เด็กทำให้เธอแต่งนิยายและโด่งดังในหมวดนิยายอีโรติก“มะไม่เคย…”ไดร์ฟตอบไอริสไปเสียงอ้อมแอ้มอย่างเขินอาย แต่มันคือความจริงว่าเขาไม่เคยช่วยตัวเองจริงๆมีก็แต่ตอนอายุสิบห้าที่เขาฝันเปียกแค่ครั้งเดียวเพราะเขาไม่ได้มีเวลามาคิดเรื่องอย่างว่า ชีวิตของเขาก็ทุกข์ทนมากพออยู่แล้ว ทุกวันเขาคิดแค่หาวิธีเย้ยหยันคนเป็นพ่อแค่นั้นเอง“งั้น….เดี๋ยวไอจะทำให้ไดร์ฟเองค่ะ…ไดร์ฟนอนเฉยๆก็พอ…”ไอริสยิ้มละมุนหวานให้ไดร์ฟ เขาก็พยัก
พรึบ “ไดร์ฟคะ….”เสียงหวานกระเส่าครวญครางที่ข้างหูของไดร์ฟพร้อมกับใช้ปลายจมูกโด่งของเธอซุกไซ้คลอเคลียไปกับซอกคอขาวของเขา ทำให้ร่างหนาของไดร์ฟสั่นสะท้านด้วยความสยิว เขาหลับตาพริ้มซู้ดปากขึ้นอย่างเสียวซ่านเมื่อลมหายใจอุ่นๆเป่ารดต้นคอของเขา“ไอริส….”ไดร์ฟเอ่ยเรียกชื่อผู้หญิงที่นั่งอยู่บนตักเขาเสียงแหบพร่าเช่นกัน มือหนาของเขาลูบไล้ไปตามสัดส่วนที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งของเธอ“อื้ออออ”ไอริสครางเสียงหวานอย่างเสียวซ่านเมื่อเธอไปเบียดเสียดเรือนร่างที่ท่อนบนเปลือยเปล่าของเธอไปกับแผงอกแกร่งที่ไร้เสื้อผ้าปกปิดของไดร์ฟทำให้ยอดปทุมถันสีชมพูสดหวานของเธอที่เริ่มแข็งชูชันและไวต่อความรู้สึกเสียดสีไปกับเนื้อเนียนของร่างหนาทำให้ภายในใจของทั้งคู่เต็มไปด้วยไฟร้อนรุ่มที่กำลังแผดเผาเรือนร่างของเขาทั้งสองคน“อื้อออ”ไดร์ฟเองก็ครวญครางกระเส่าไม่ต่างจากคนบนร่าง“จ๊วฟฟฟ”ไดร์ฟยื่นใบหน้าหล่อของเขาคลอเคลียซุกไซ้ไปกับซอกคอของไอริสพร้อมกับสูดดมกลิ่นกายหอมๆของเธอ เขาค่อยๆเลื่อนริมฝีปากมาเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ที่ริมฝีปากอวบอิ่มของไอริส เขาไม่รอช้าประกบริมฝีปากของเธออย่างนุ่มนวล“จ๊วฟฟฟ”คนสองคนจูบกันอย่างดูดดื่มไปตามสัญชาตญาณข
“อื้อออ”ฉันร้องท้วงขึ้นและรีบใช้มือผลักร่างของไดร์ฟให้เขาถอดถอนริมฝีปากออกไปจากริมฝีปากของฉัน“ไดร์ฟ…”ฉันเรียกไดร์ฟเสียงหลงที่รับรู้ได้ถึงความเย็นของร่างกายฉัน ที่ตอนนี้เสื้อคลุมอาบน้ำสีชมพูของฉันได้หลุดออกไปจากเรือนร่างของฉันแล้วหลงเหลือไว้เพียงบิกินี่ตัวจิ๋วสีขาวของฉันที่ปดปิดเพียงหน้าอกหน้าใจที่มันใหญ่โตจนโผล่พ้นขอบของชั้นในออกมาและกางเกงตัวจิ๋วที่ปกปิดจิมิของฉันอยู่แค่เนินสามเหลี่ยมเอง“ไอริส….”ไดร์ฟพึมพำเรียกชื่อฉันเสียงแหบพร่าก่อนที่เขาจะลอบกลืนน้ำลายลงคอดังอึกใหญ่ที่เขาเอาแต่จ้องเรือนร่างของฉันตาไม่กระพริบ“จ้องขนาดนี้….กลืนกินเลยดีไหม?”ฉันเอ่ยถามไดร์ฟไปอย่างทีเล่นทีจริงที่เห็นสายตาหวานเยิ้มของเขาที่จ้องมองร่างกายของฉันอยู่“กินได้เหรอ….?”ไดร์ฟเอ่ยถามฉันพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมามองหน้าฉันด้วยแววตาสงสัย ฉันก็ถึงกับหัวเราะออกมา ฉันเชื่อแล้ว…ว่าไดร์ฟของฉันยังไม่เคยผ่านมือหญิงใดมาก่อนจริงๆอย่างที่เขาเคยบอกฉันนั่นแหละพรึบ“เเล้ว….ไดร์ฟว่ายังไงล่ะค่ะ…?”ฉันขยับร่างของฉันเข้าไปแนบชิดร่างกายที่เปลือยเปล่าร้อนระอุของไดร์ฟพร้อมกับยื่นมือทั้งสองข้างไปโอบรอบคอของเขาและค่อยๆดันร่างของไดร์ฟที่อ้
“ค่ะ…งั้นขอบคุณค่ะคุณป้า….คุณป้าไปทำงานอย่างอื่นต่อเถอะค่ะ…เดี๋ยวที่เหลือไอจัดการเอง…” “ค่ะ…ขอบคุณมากค่ะ…” “ค่ะ^_^”ฉันยิ้มให้ป้าแม่บ้านก่อนจะหันมาให้ความสนใจจานชามในซิงค์ตรงหน้าของฉันต่อ ในใจก็นึกสงสัยกับความสัมพันธ์ของไดร์ฟและเจ้าของค่ายเพลงคนนั้น ว่ามันเป็นมายังไงกันแน่ ความสัมพันธ์ของสองคนนี้….แต่มองเหมือนไดร์ฟจะไม่ค่อยชอบผู้ชายคนนั้นเลยนะ…แววตาดุดันที่เขาใช้มองชายคนนั้นน่ะ… “ทำไมต้องเกิดมา…มีพ่อแบบนี้?”ฉันเบิกตาโตขึ้นด้วยความตกใจที่ฉันนึกคิดประโยคคำพูดของไดร์ฟที่เขาอาละวาดในคืนวันนั้นได้ ใช่เขาพูดประโยคนี้ งั้นแสดงว่า…. “สองคนนี้เป็นพ่อลูกกัน”ฉันเอ่ยออกมาพร้อมกับทำสีหน้าตกใจและแปลกใจปะปนกันไป งงกันไปหมด…ฉันจะต้องรู้ให้ได้ว่าทำไมไดร์ฟถึงมีอาการป่วยซึมเศร้าได้ และต้นเหตุมันคืออะไร เพราะถ้าเราไม่รักษาตั้งแต่ต้นเหตุ ปลายเหตุก็ไม่มีทางหายได้หรอก…ฉันเชื่อแบบนั้นและฉันนี่แหละจะอาสาเป็นคนรักษาตั้งแต่ต้นเหตุเอง เพราะฉันทนเห็นไดร์ฟทนอยู่กับความทุกข์ทรมานจากโรคซึมเศร้าไม่ได้อีกแล้ว….ฉันไม่อยากให้ใครต้องมาสูญเสียไปเพราะโรคนี้อีกแล้ว….10.00น.ห้องนอนไดร์ฟไอริส อันฤดี….พรึบ “ประวัติ