"คุณหนู คุณหนูเจ้าขา" เสียงสาวใช้คนสนิทร้องเรียกมาแต่ไกล จนอันชิงเหมยที่กำลังปักถุงหอมอยู่ ต้องละสายตาเงยหน้าขึ้นมามอง
" มีอะไร แล้วทำไมวิ่งหน้าตาตื่นมาอย่างนั้นเล่า วิ่งเร็วแบบนั้น เดียวก็หกล้มหรอก "
" ข่าวดี ข่าวดีเจ้าค่ะคุณหนู ท่านรอง ท่านรองแม่ทัพ กลับมาแล้วเจ้าค่ะ ตอนข้าไปตลาดขบวนเคลื่อนผ่าน เห็นท่านรองแม่ทัพนั่งอยู่บนหลังม้า ผู้คนแห่ไปต้อนรับกันเยอะแยะไปหมดเลยเจ้าค่ะ นี่ขบวนก็น่าจะใกล้ถึงจวนของเราแล้ว "
ซีหว่านพูดไปหอบก็หอบไป
เสิ่นหว่านอี้ ท่านกลับมาแล้วอย่างนั้นเหรอ แล้วทำไม ถึงไม่ส่งจดหมายมาบอกข้าก่อน หรือว่าเขาต้องการให้ข้าแปลกใจนะ
นึกถึงอดีต เสิ่นหว่านอี้เป็นเพียงนายกองเล็กๆ แต่เพราะสร้างผลงานในการรบครั้งก่อน นำกองกำลังบุกตีฝ่าวงล้อมข้าศึก ไปช่วยกองทัพเอาไว้ได้ทัน ทำให้ได้รับชัยชนะ แต่ศึกครั้งนั้นก็ทำให้รองแม่ทัพฟู่ต้องตาย ส่วนแม่ทัพอันบิดาของนาง ก็ได้เขารับคมหอกคมดาบแทน จนเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสหนัก นอนรักษาตัวอยู่แรมเดือน ขาของเขาถูกตัดเส้นเอ็นขาดไปบางส่วน แม้จะหายดีแต่ก็ไม่เหมือนเดิม ขาของเขาเวลาเดินก็จะกะโผลกกะเผลก
ด้วยความชอบของเขาในครั้งนั้น กอปรกับตำแหน่งรองแม่ทัพว่าง หลังพิธีศพของรองแม่ทัพฟู่ ฮ่องเต้ก็ได้มีราชโองการประทานยศเลื่อนขั้นให้ นายกองเสิ่นหว่านอี้ดำรงตำแหน่งรองแม่ทัพ
ช่วงที่เขาบาดเจ็บพักรักษาตัว นางได้แวะเวียนไปดูแลเขาที่จวนแทบทุกวัน เพื่อตอบแทนที่เขาช่วยชีวิตบิดาของนาง ด้วยความใกล้ชิด ทำให้เขากับนางมีใจให้กัน บิดาของนางก็ดูออก จึงเอ่ยปากยกนางให้หมั้นหมายกับเขา
เมื่อเขาหายดี จึงได้ส่งแม่สื่อมาทาบทามขอหมั้นพร้อมสินสอดอีกหลายหีบ ทรัพย์สินเงินทองล้วนได้มาจากที่ฮ่องเต้พระราชทานรางวัลให้ เขาเอามามอบให้นางทั้งหมด
ตั้งแต่นั้นมาทั่วทั้งเมืองหลวงต่างก็รับรู้ ว่าเขากับนางเป็นคู่รักที่หมั้นหมายกันแล้ว นางไม่รังเกียจเขา ที่เวลาเขาเดิน ขาจะลากพื้นต้องเดินกะโผลกกะเผลก เขาเองก็ดูแลเอาใจใส่นางเป็นอย่างดี มาหานางที่จวนทุกวัน การกระทำของเขาเสมอต้นเสมอปลายมาตลอด
จนกระทั่งเกิดศึกที่เมืองหนานหยาง ทำให้เขาต้องออกศึก นางจำคำมั่นสัญญาที่เขาให้ไว้กับนางก่อนไปได้ดี
" เหมยเอ๋อ พี่ไปครานี้ไม่รู้จะได้กลับมาเมื่อไหร่ แต่พี่อยากให้เจ้าจำเอาไว้ ไม่ว่าพี่จะอยู่ที่ไหน แต่ใจของพี่จะอยู่ที่เจ้า "
" เจ้าจงรอพี่ เสร็จศึกกลับมาครานี้ เราจะแต่งงานกันทันที พี่สัญญาว่าจะรักและซื่อสัตย์กับเจ้า จะมีเพียงเจ้าเป็นภรรยาของพี่แค่คนเดียว "
" คุณหนู รีบไปหน้าจวนเร็วเถอะเจ้าค่ะ ไปรอรับท่านรองแม่ทัพกัน "
ซีหว่านจูงมืออันชิงเหมยเร่งเดินไปหน้าจวน
เมื่อมาถึงหน้าจวน ขบวนกองทัพก็มาถึงพอดี อันชิงเหมยสบตากับตาคมของเสิ่นหว่านอี้ที่หันมามองนางพอดี เสิ่นหว่านอี้กระตุกเชือกม้าดึงเข้าข้างทาง กระโดดลงจากหลังม้า เดินยิ้มเข้ามาหานาง
" เหมยเอ๋อ พี่กลับมาแล้ว "
" ท่านไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนใช่ไหม "
อันชิงเหมยใช้สายตาสำรวจทั่วตัวของคนรัก เขาดูซูบไป ผอมลงนิดหน่อย ผิวก็คล้ำลงไปมาก รอยบากที่หน้านั่นเป็นรอยแผลเป็นใหม่แน่ นางเอามือลูบแผลเป็นบนใบหน้าของเขาเบาๆ เสิ่นหว่านอี้จับมือของนางมากุมเอาไว้
" แผลนี้ ข้าได้มาเมื่อหลายเดือนก่อน ตอนนี้มันกลายเป็นแผลเป็นแบบนี้ เจ้ารังเกียจพี่หรือเปล่าที่พี่อัปลักษณ์ "
อันชิงเหมยส่ายหน้า ต่อให้เขาต้องพิการหรืออัปลักษณ์กว่านี้ นางก็ยังรักเขาเหมือนเดิม
" พี่ต้องเข้าวังไปเฝ้าฮ่องเต้ ตอนเย็นๆพี่จะมาหาเจ้า"
" ไม่ต้องเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าไปหาท่านที่จวนท่านเอง ข้าทำขนมเอาไว้มาก ตั้งใจจะเอาไปฝากท่านป้าอยู่พอดี "
" งั้นก็ได้ ถ้าอย่างนั้นพี่ไปก่อนนะ"
" เจ้าค่ะ"
อันชิงเหมย เหลือบไปเห็นรถม้าจอดอยู่ไม่ไกลผ้าม่านในรถเปิดออก หญิงสาวนางหนึ่งชะโงกหน้าออกมามอง สายตาสบเข้ากับนางพอดี ไม่รู้ว่านางคิดไปเองหรือเปล่า นางเห็นแววตาไม่พอใจปรากฎออกมา ก่อนที่สตรีนางนั้นจะปิดผ้าม่านลง รถม้าก็เคลื่อนไปพร้อมกับเสิ่นหว่านอี้
" ข้าเห็นรถม้าคันนั้น มาพร้อมกับขบวนกองทัพด้วย พอท่านรองแม่ทัพมาหาคุณหนู รถม้าก็ไปจอดรออยู่ตรงมุมนั้น ในรถม้านั่นมีสตรีนางหนึ่งด้วยเจ้าค่ะ เหตุใดจึงมาด้วยกันได้ "
พอซีหว่านพูดมาแบบนั้น นางก็รู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ
อันซือหรูมาที่จวนของเสิ่นหว่านอี้ มีการตกแต่งจวนรอรับการกลับมาของเสิ่นหว่านอี้ นางเดินเข้าไปที่ห้องโถง เท้าสองข้างก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อได้สบตากับสตรีคนนั้นอีกครั้ง สตรีที่อยู่บนรถม้า เหตุใดนางถึงได้มาอยู่ที่นี่ นางเป็นใครกัน
" เหมยเอ๋อมาแล้วเหรอ มาๆมานั่งตรงนี้ "
เสิ่นเย่วชิง มารดาของเสิ่นหว่านอี้กวักมือเรียกอันชิงเหมยไปนั่งข้างๆ นางเดินไปนั่งลงตามคำชวน สายตายังคงจับจ้องหญิงคนนั้นไม่วาง หญิงคนนั้นก็มองนางไม่ยอมถอนสายตาเช่นกัน ต่างคนต่างไม่ยอมละสายตาไปไหน ไม่มีคำพูดจาใดๆมีแต่สายตาเชือดเฉือนกัน จนบรรยากาศเริ่มตึงเครียด
เสิ่นเย่วชิงเลิ่กลั่ก นางไม่รู้จะบอกกับอันชิงเหมยอย่างไรดี เรื่องที่บุตรชายของนางพาสตรีอีกคนมาด้วย เอาไว้ให้เขาอธิบายกับนางเองละกัน นางได้แต่ภาวนาให้บุตรชายของนางกลับมาเร็วๆ
สวรรค์ช่วยนางแล้ว เสิ่นหว่านอี้มานู่นแล้ว
" ข้าแค่อยากบอกว่านิสัยของท่านอ๋อง เรื่องส่วนตัวของเขา แม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังบังคับเขาไม่ได้ ในเมื่อคุณหนูฝูบอกว่าท่านแต่งงานกับท่านอ๋องแล้ว ก็แสดงว่าท่านอ๋องรักท่านถึงได้เลือกท่าน ฉะนั้น ต่อให้มีสตรีอื่นอีกนับพันหรือจะงดงามราวเทพธิดาเขาก็ไม่สนใจ ส่วนเรื่องของข้า เขาก็แค่รู้สึกผิดที่เคยนอกใจข้า ก็เลยอยากขอโทษข้าก็แค่นั้นพวกท่านไม่ต้องกังวล คนอย่างข้าอันชิงเหมย เลิกแล้วก็คือเลิก ไม่นิยมกลับไปกินของเก่า"อันชิงเหมยพูดจบก็ยกเหล้าบ๊วยในจอกขึ้นดื่มก่อนจะเดินออกไป ตงฟางเห็นสวี่หานเดินมาทางนี้เลยรีบเดินไปจับแขนอันชิงเหมยยื้อยุด" จะทำอะไร ปล่อยข้า"ตงฟางบีบแผลที่มือของอันชิงเหมยอย่างแรงจนเลือดซึม อันชิงเหมยก็ไม่ยอมบีบแขนของตงฟางที่เป็นเเผลเช่นกัน ยื้อยุดกันไปมาตู้มมมม ตกลงไปในน้ำทั้งคู่ " ช่วยด้วย ช่วยด้วย ฟางเอ๋อตกน้ำ ใครก็ได้ช่วยที"สวี่หานที่เดินมากับฝูชิงเย่ว ตกลงกันว่าจะเล่นหมากล้อมแต่ขอไปชวนฝูอี้หนิวก่อน พอฝูชิงเย่วเข้าไปในเรือนของฝูอี้หนิวเขาก็ได้ยินเสียงร้องเรียกให้ช่วย จึงวิ่งตามเสียงไปเห็นฝูฮูหยินยืนอยู่ริมสระน้ำร้องเรียกให้ช่วยด้วย เขามองซ้ายขวาบ่าวรับใช้ไปไหนกันหมด" ช่วยด้วย ท่านอ
" ข้าว่าตอนนี้ให้พวกนางไปทำแผลกันก่อนดีกว่า เรื่องอื่นค่อยว่ากันอีกที"" เจ้า ข้าไม่ปล่อยเจ้าแน่"ฝูซือฟานชี้หน้าหวังเหลียน เฉาซื่อไม่พอใจกำลังจะเดินเข้าไปจัดการ แต่ช้ากว่าหม่าอี้หยวนที่กระโดดถีบฝูซือฟานจนกระเด็น ทุกคนต่างตกใจที่เห็น ไม่คิดว่ากุนซือหม่าอี้หยวนที่สุขุมใจเย็นจะทำเช่นนี้ เพียงเพื่อปกป้องสาวใช้คนหนึ่ง" โทษที เท้าข้ามันไวไปหน่อย ไม่รู้เมื่อกี้อะไรมาเกะกะเท้าข้า ข้ารำคาญก็เลยสะบัดเท้าแรงไปนิดนึง เจ้าไม่เป็นไรหรอกใช่ไหม "พูดจบก็แสยะยิ้มแล้วดึงแขนหวังเหลียนออกไป อันเฟยเทียนก็ยิ้มเยาะเย้ยแล้วจูงมืออันชิงเหมยไปเช่นกันฝูอี้หนิวมองตามแล้วพูดขึ้น" ข้าว่าหม่าอี้หยวนกับสาวใช้คนนั้นความสัมพันธ์ไม่ธรรมดาแน่ พึ่งจะรู้ว่าคนอย่างเขาก็หวงของรักไม่ต่างกับอันเฟยเทียนเหมือนกัน"" เขาเป็นสหายสนิทกัน แทบจะตัวติดกันตลอดเวลา เรื่องนิสัยใจคอย่อมคล้ายกันอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่หนักเท่าอันเฟยเทียน ข้าขอเตือนพวกเจ้าอย่าทำอะไรอีก หากเกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูอัน รวมทั้งสาวใช้คนนั้นพวกเจ้ามีจุดจบไม่สวยแน่"ฝูชิงเย่วพูดกับฝูอี้หนิว ก่อนจะหันไปบอกตงฟางกับสาวใช้ทั้งสองและฝูซือฟานหมอเดินออกไป ฝูกุ้ยอิงก็เข้าม
ตงฟางเดินมาถึงเรือนตะวันออก เสียงสนทนาที่ดังออกมาทำให้นางหยุดชะงัก" เจ้าว่าท่านอ๋องจะง้อพระชายาสำเร็จไหม"" เฮ้ย อย่าไปเรียกแบบนั้นให้แม่ทัพอันเฟยเทียนได้ยินนะ รายนั้นหน่ะยิ่งขึ้นชื่อเรื่องหวงน้องสาวยังกะอะไรดี นางกับท่านอ๋องหย่ากันนานแล้ว"" ข้าว่าท่านอ๋องต้องทำทุกทางเพื่อให้ได้นางกลับมา เห็นว่าเมื่อคืนก็บุกไปหานางที่เรือนเหลียนฮวา แต่ถูกแม่ทัพอันไล่ออกมา"" นางงดงามน่าหลงใหลถึงเพียงนั้น เป็นข้าข้าก็ไม่ยอมปล่อยนางไปหรอก ยังไงก็ต้องง้อนางคืนมาให้ได้"" ดูก็รู้ว่าท่านอ๋องรักนางมากไม่อย่างงั้นคงไม่ไปขอพระราชทานสมรสด้วยตัวเองหรอก ตอนที่นางจากไปพวกเจ้าไม่เห็นรึว่าท่านอ๋องตามหานางอย่างบ้าคลั่ง ผ่านไปเป็นปียังไม่ยอมหยุดตามหานาง จนตรอมใจล้มป่วย "" แต่ว่าที่นางไปจากท่านอ๋องครั้งนั้น ใครๆก็พูดกันว่านางไปกับรองแม่ทัพเซี่ย ยังพูดกันว่านางกับรองแม่ทัพเซี่ยมีความสัมพันธ์กัน เรื่องนี้ท่านอ๋องก็รู้"" แล้วยังไง ในเมื่อตอนนี้รองแม่ทัพเซี่ยก็ตายไปแล้ว ยังไงท่านอ๋องก็ไม่สนหรอก"" ใช่ๆ ข้าว่านะถ้ารองแม่ทัพเซี่ยยังอยู่ทั้งสองต้องต่อสู้กันแย่งชิงนางกันแน่ๆ"" ท่านอ๋องไปไหนพวกเจ้าเห็นไหม"" ท่านอ๋องออกไ
อันชิงเหมยลุกจากเตียงไปจุดเทียน สวี่หานเดินเข้าไปโอบกอดนาง นางพยายามดิ้นแต่เขาก็ไม่ยอมปล่อย" ทำไม ทำไมต้องหนีข้ามา ทำไมต้องทิ้งข้าด้วย"นางสัมผัสได้ถึงน้ำอุ่นๆหยดลงมา" ท่านกับข้าเราจบกันไปตั้งนานแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะรื้อฟื้น อย่าลืมว่าเราหย่ากันแล้ว"" ไม่ ข้าไม่ยอมรับ ข้ายังไม่ได้ลงชื่อในหนังสือนั่น เจ้ายังคงเป็นภรรยาของข้า"" ท่านลืมไปหรือเปล่าว่านั่นคือราชโองการถึงท่านไม่ลงชื่อ ข้อความในนั้นก็ย่อมมีผล"" ไม่ข้าไม่รับ ยังไงข้าก็ไม่รับ ราชโองการอะไรข้าไม่สนทั้งนั้น"ยิ่งพูดก็ยิ่งไม่รู้เรื่อง นางดิ้นรนให้เขาปล่อยแต่เขาก็ยิ่งกอดแน่น" ปล่อยข้า"" ไม่ปล่อย ข้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไปอีก"" ท่านทำแบบนี้เพื่ออะไร ท่านก็รู้ว่าข้ากับพี่เซี่ย"" ข้ารู้ว่าเจ้าก็แค่ประชดข้า เจ้าโกรธข้าเรื่องหว่านลู่ซือ แต่เจ้าเข้าใจข้าผิด ข้ากับนางไม่ได้มีอะไรเลย ข้าเห็นนางเป็นเพียงสหายคนหนึ่งเท่านั้น ข้า"" พอแล้ว ข้าไม่อยากฟัง "นางไม่สนใจ ไม่อยากรับรู้เรื่องที่ผ่านมาอีกแล้ว" แล้วอีกอย่าง ข้าไม่ได้ประชด ข้ารักพี่เซี่ยถึงได้ยอมอยู่กับเขา เขาเป็นคนเดียวที่เข้าใจข้า อยู่เคียงข้างข้าในทุกช่วงเวลา ไม่ว่าจะเ
ฝูกุ้ยอิงเห็นตงฟางมองอันชิงเหมย ก็คีบอาหารใส่ถ้วยข้าวให้นางบ้าง" ฟางเอ๋อ ปลานึ่งซีอิ๊วของโปรดเจ้ากินเยอะๆนะ"" ผัดปลาเปรี้ยวหวานนี่ก็น่าอร่อย ฟางเอ๋อชิมดู"ฝูซือฟานก็คีบเนื้อปลาใส่ถ้วยข้าวให้ตงฟาง" ขอบคุณเจ้าค่ะท่านแม่ พี่สาม"เฉาซื่อมองหน้าตงฟางด้วยความสงสัย" ฟางเอ๋อทำไม"ฝูกุ้ยอิงยิ้มแย้มพูดขึ้น" คือว่าอย่างงี้ ข้าเองมีแต่บุตรชายไม่มีบุตรสาว ช่วงเวลาที่ฟางเอ๋ออยู่ที่นี่นางก็ช่างน่ารักช่างเจรจา มีนางอยู่ด้วยข้าไม่เหงาเลยพอรู้ว่าบิดามารดานางเสียชีวิตไปแล้วนางต้องอยู่ตัวคนเดียว ข้าก็อดสงสารนางไม่ได้เลยรับนางเป็นบุตรบุญธรรม เรื่องนี้ต้องขออภัยคุณชายเฉาด้วยที่ไม่ได้ขอท่านก่อน อย่างน้อยท่านก็เป็นพี่ชายของนาง""ฝูฮูหยินกับท่านเจ้าเมืองรับนางเป็นบุตรบุญธรรมถือว่าเป็นวาสนาของนาง ข้าเองยังเป็นกังวลเวลาไปทำหน้าที่ ท่านก็รู้ว่าทหารอย่างข้าชีวิตไม่แน่นอน แต่ตอนนี้เห็นนางมีที่พึ่งข้าก็สบายใจได้แล้ว"" ฮ่าฮ่าฮ่า ฟางเอ๋อนางเป็นเด็กดีน่ารัก มีนางอยู่ด้วยฮูหยินของข้ามีชีวิตชีวามากขึ้นเลยทีเดียว นางเองก็อยากมีบุตรสาวมาตั้งนานแล้ว แต่ก็มีแต่บุตรชายอยากจะตั้งท้องอีกสุขภาพนางก็ไม่ดี ได้ฟางเอ๋อมาทำให้
" ปล่อย "อันชิงเหมยพูดเสียงเย็นชา พยายามดันตัวเขาออก" อยู่นิ่งๆสิ เดี๋ยวทหารพวกนั้นรู้นะว่าเราแอบอยู่ตรงนี้"อันเฟยเทียนโบกมือบ๊ายบายพวกทหาร เดินนวยนาดออกมา สายตาก็เหลือบไปเห็นอันชิงเหมยถูกสวี่หานกอดรัดอยู่ เขามองหาก้อนหินแล้วหยิบมันขึ้นมาดีด โป้ก โอ้ยสวี่หานปล่อยอันชิงเหมยเอามือลูบหน้าผากที่ปูดบวมขึ้นมา " เตรียมพร้อมนะ ยาเริ่มออกฤทธิ์แล้ว"" อืม แล้วคุณหนูของข้าหล่ะ"" ไม่ต้องห่วง เฟยเทียนไม่ปล่อยให้นางเป็นอะไรหรอก "หม่าอี้หยวนกุมมือหวังเหลียนเอาไว้ มือหนาใหญ่และอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วทั้งหัวใจของนาง หม่าอี้หยวนมองดูพวกทหารพากันวิ่งเอามือปิดตูด เสียงตดดัง ปู้ดป้าด แปร้ดพริบตาเดียว หน้าประตูเมืองก็โล่ง เขาหันมามองหน้าหวังเหลียนที่ขึ้นสีแดงระเรื่อก็ขมวดคิ้ว " คิดอะไรอยู่ ไปได้แล้ว"้เขาจูงมือนางรีบวิ่งออกไป อันเฟยเทียนจูงมืออันชิงเหมยวิ่งมาอีกทาง มีสวี่หานกับเฉาซื่อตามมาติดๆ เฉาซื่อกับสวี่หานรีบไปเปิดประตูเมือง ทุกคนก็พากันวิ่งหนีออกมา ทหารคนหนึ่งนั่งขี้อยู่ไม่ไกล เห็นกลุ่มคนเปิดประตูเมืองออกไปก็รีบร้องบอก" เร็วเข้ามีคนหนีออกไปแล้ว รีบตามไปเร็ว"ไม่มีเสียงตอบรับ เพราะทหารแต่ละคนต่าง