“หวานว่าเรื่องที่ตกลงเป็นแฟนกับคุณธีธวัชมันจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม” แม้จะตอบตกลงไปแล้วแต่ชญานิษฐ์ก็ยังไม่ค่อยแน่ใจว่าทุกอย่างมันจะง่ายเหมือนที่วางแผนกันไว้
“ไม่หรอกน่า เราต่างคนต่างก็ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่ายมีเขามาเป็นแฟนก็เหมือนกับมีเกราะป้องกันอย่างดีเลยนะ ผู้ชายที่ตามเนเน่อยู่ตอนนี้ก็อาจจะถอดใจและเลิกยุ่งเลยก็ได้นะ”
“เนเน่ก็หวังจะให้มันเป็นอย่างนั้นนะ”
“หวานก็อยากจะให้เขาเลิกยุ่งและเลิกตามเนเน่สักที” ณัฏฐพิมพ์ไม่อยากเห็นเพื่อนเครียดเรื่องนี้จึงรู้สึกดีใจที่คุณธีธวัชเสนอให้ชญานิษฐ์ไปเป็นแฟนของเขาแม้จะเป็นแค่สามเดือนก็ตาม
“คืนนั้นคงเป็นอุบัติเหตุจริงๆ ใช่ไหมหวาน” ชญานิษฐ์ยังกังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้นมาก
“หวานคิดว่าคงเป็นอุบัติเหตุจริงๆ เพราะถ้าเขาเป็นคนทำเรื่องนั้นพอเห็นข่าวเขาจะต้องมาคอมเมนต์แปลกๆ อีกแน่”
“ถ้าเป็นอุบติเหตุก็แล้วไป”
คืนนั้นหลังจากหลอดไฟระเบิดเธอทั้งสองคนก็รีบเก็บของและเช็กเอาท์เพราะกลัวว่าคนที่ทำเรื่องนี้จะเป็นแฟนคลับที่มักจะส่งของขวัญแปลกๆ มาให้กับชญานิษฐ์
เมื่อออกจากโรงแรมก็รีบขับรถกลับไปคอนโดแต่ระหว่างทางชญานิษฐ์ก็รู้สึกเจ็บข้อเท้าพอก้มลงมองถึงรู้ว่าตัวเองมีแผลบริเวณข้อเท้าจากนั้นก็รีบขับรถมาโรงพยาบาล คุณหมอเห็นว่าแผลค่อนข้างลึกและแผลมันเกิดบริเวณข้อเท้าหมอไม่อยากให้เธอต้องลงน้ำหนักที่เท้ามากจึงรับไว้ในโรงพยาบาล
“แล้วเราจะได้ออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่อยู่ที่นี่เนน่รู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยเลย”
“ไม่ต้องกลัวหรอกน่าคุณธีธวัชเขาเป็นหุ้นส่วนกับโรงพยาบาลนี้หวานว่ามันปลอดภัยที่สุดแล้ว”
“แต่เจ็บข้อเท้าแค่นี้มันไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาลหลายวันนอนเลย”
“หลายวันนั่นแหละเนเน่ก็ถือโอกาสพักไปเลยระหว่างนี้หวานจะค่อยๆ ปล่อยข่าว เรื่องที่เนเน่กับคุณธีธวัชเป็นแฟนกันและอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นมันก็ไม่ใช่เรื่องจริงเพียงแต่เนเน่เป็นคนทำแก้วลงพื้นและเศษแก้วมันกระเด็นมาโดนข้อเท้า แบบนี้โรงแรมของเขาก็ไม่เสียชื่อเสียง”
“หวานคิดว่ามันจะได้ผลใช่ไหม”
“ได้ผลสิ เพราะข่าวแรกที่ออกไปว่าหลอดไฟบริเวณหัวเตียงระเบิดเราไม่ได้ลงรูปไม่มีใครรู้หรอกมันว่ามันเป็นเรื่องจริงเรื่องหรือไม่จริง หวานพลาดเองแหละที่ไปเล่าเรื่องนี้ในไลน์กลุ่ม” ณัฏฐพิมพ์ยอมรับว่าตัวเองพลาดมากที่ไปเล่าเรื่องนี้ในกลุ่มไลน์
“แล้วถ้าคนในกลุ่มไลน์ถามล่ะ”
“หวานก็จะบอกไปว่าตอนนั้นเน่เน่กับคุณธีธวัชกำลังงอนกันก็เลยบอกคนอื่นไปแบบนี้”
“ดีนะที่ทางโรงแรมเขาไม่เอาเรื่องและเรียกร้องค่าเสียหายที่เราทำให้โรงแรมของเขาเสียชื่อเสียง เพราะตอนนั้นเราไม่ได้แจ้งเขาจริงๆ ว่าเราเกิดอุบัติเหตุ ถ้าหากเราแจ้งเขาไปเรื่องมันก็อาจจะไม่เป็นแบบนี้ก็ได้ ตอนนั้นเนเน่ตกใจมากและไม่อยากจะอยู่ตรงนั้นเลย”
“หวานเข้าใจหวานเองก็ตกใจเหมือนกันแหละ”
“แล้วเราจะเอายังไงกันต่อล่ะ”
“หวานติดต่อไปร้านที่เราบอกจะไปรีวิวหรือยัง”
“ติดต่อไปแล้วเขาบอกว่าไม่เป็นไรว่างเมื่อไหร่เราค่อยไปรีวิว”
“แต่อาทิตย์นี้เราจะไม่มีคลิปลงเลยนะ ถ้าไม่มีอะไรลงคยติดตามจะต้องหายไปแน่เลย” ชญานิษฐ์รู้สึกเป็นกังวลเพราะถ้าหากไม่มีคลิปไม่มีความเคลื่อนไหวลงในสื่อโซเชียลเงินค่าโฆษณาและผู้ติดตามก็อาจจะลดน้อยลง
“ไม่ต้องกลัวหรอกน่าอย่าลืมนะว่าเราได้ค่าจ้างจากคุณธีธวัชตั้งหนึ่งล้าน แต่เงินจำนวนนี้หวานจะไม่แบ่งกับเนเน่หรอกนะ”
“ได้ยังไงล่ะปกติเงินทุกอย่างเราก็ต้องหารครึ่งกันอยู่แล้ว เนเน่ไม่อยากเอาเปรียบนะ”
“ที่ผ่านมาเนเน่ทำงานหนักมากกว่าหวานเยอะ หวานเลยคิดว่าต่อไปนี้เงินที่เราหามาได้จะไม่แบ่งครึ่งแล้ว หวานจะเอาแค่สามสิบเปอร์เซ็นต์”
“ไม่นะหวานถ้าไม่มีหวานก็ไม่มีเนเน่ ทุกอย่างต้องหารครึ่ง”
“แต่ถ้าหารครึ่งมันก็เท่ากับว่าหวานได้เงินมาห้าแสนโดยไม่ทำอะไรเลยนะหวานรับไม่ได้หรอก แล้วคนที่เจ็บตัวและต้องไปเป็นแฟนคุณธีธวัชก็คือเนเน่นะ”
“แต่ถ้าหวานไม่รับเงินจำนวนนี้เลย เนเน่ก็รู้สึกว่าตัวเองเอาเปรียบหวานมากๆ และคงไม่สบายใจถ้าหวานไม่รับเนเน่จะโทรไปบอกคุณธีธวัชว่าจะยกเลิก”
“อย่าทำแบบนั้นนะ เงินมากขนาดนั้นเนเน่จะปล่อยให้หลุดมือไปได้ยังไง”
“ก็หวานไม่ยอมรับส่วนแบ่ง”
“ถ้ายังงั้นรับแค่แสนเดียวนะ ได้ไหมอีกเก้าแสนเนเน่จะได้เอาไปโปะคอนโด”
“มันแค่สิบเปอร์เซ็นต์เองนะ”
“แต่มันก็เท่ากับเงินที่เราได้เกือบสองเดือนเลยนะ”
“แต่เนเน่อยากให้หวานรับไปครึ่งหนึ่งจริงๆ ”
“แต่หวานรับไม่ได้หรอก”
“ถ้าอย่างนั้นเงินเดือนที่เขาบอกว่าจะให้หลังจากสามเดือนนี้ละถึงตอนนั้นเราต้องแบ่งครึ่งนะ”
“หวานว่าถึงตอนนั้นเราค่อยมาพูดกัน”
“แต่ตอนนี้รายได้ของเราก็ลดลงด้วยนะ จะเอาไปแค่แสนเดียวจริงเหรอ” ชญานิษฐ์ยังไม่ยอมแพ้ที่จะแบ่งเงินให้เพื่อนเท่าตัวเอง
“อย่าห่วงไปเลย บางทีการที่เนน่เป็นแฟนกับผู้บริหารระดับสูงในเครือโรงแรมใหญ่อาจจะมีสินค้ามาให้เนเน่รีวิวเยอะขึ้นก็ได้”
“ก็ขอให้จริงนะ”
“การนอนอยู่โรงพยาบาลเราไม่ได้ออกไปรีวิวตามคาเฟ่ก็จริงแต่การรีวิวสินค้าบางอย่างมันก็ทำได้นี่ เนเน่พร้อมสำหรับจะทำงานแล้วใช่ไหมล่ะ”
“ถ้ามีงานเข้ามาก็พร้อมรับเสมอแหละ”
“โอเคถ้ายังงั้นเดี๋ยวจะลองปล่อยข่าวเรื่องที่เนน่เป็นแฟนกับคุณธีธวัชก่อนจากนั้นก็จะรอดูว่ามีใครติดต่อให้บ้าง”
ณัฏฐพิมพ์เริ่มโพสต์รูปผู้ชายเอากระเช้าของขวัญและช่อดอกไม้มาเยี่ยมแต่ไม่ได้เปิดเผยใบหน้าเพราะคิดว่าเดี๋ยวคนก็ต้องพยายามสืบกันเองว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร
ส่วนทางด้านธีธวัชเองก็ไปตามคาเฟ่ที่เธอบอกไว้เขาส่งรูปในมุมที่ใกล้เคียงกับชญานิษฐ์ถ่ายมาให้หลายรูป ณัฏฐพิมพ์ซึ่งมีไอดีใน I*******m และสื่อโซเชียลต่างๆ หลายไอดีก็เริ่มโพสต์ภาพปริศนาของชญานิษฐ์กับชายหนุ่มรูปร่างสูงไปไม่นานก็เริ่มคอมเมนต์เข้ามาอย่างมากมายหลายๆ คนก็เข้ามาถามว่าผู้ชายที่โชคดีคนนั้นคือใคร
หญิงสาวสองคนยังไม่ตอบอะไรในตอนนี้เธอจะปล่อยให้ทุกคนสงสัยไปแบบนั้นก่อนและคิดว่าจะเฉลยเรื่องเหล่านี้ในเวลาเที่ยงคืนของคืนนี้
“เนเน่ดูคอมเมนต์พวกนี้สิ ส่วนใหญ่จะไปในทางบวกนะทุกคนอยากรู้ว่าผู้ชายที่เนเน่คบอยู่นั้นเป็นใคร”
“หวานลองดูคอมเมนต์นี้ก่อนสิ” ชญานิษฐ์ส่งมือถือของตนเองให้กับเพื่อนรักดู
‘คุณจะเป็นของใครไม่ได้ทั้งนั้นเนเน่ คุณจะต้องเป็นของผมคนเดียว ผมจะทำให้คนทั้งโลกรู้ว่าคุณคือผู้หญิงของผม’
“บล็อกไปเลยดีมั้ยหวาน”
“หวานว่าเราจะต้องสืบให้ได้วว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร บางทีเรื่องนี้เราอาจจะต้องให้คุณธีธวัชช่วย”
“มันจะไม่รบกวนเขาเกินไปเหรอ”
“ไม่หรอก ถ้าเขาอยากทุกคนเชื่อว่าเนเน่กับเขาเป็นแฟนกันจริงๆ เขาก็ต้องจัดการเรื่องนี้และลากคนที่โพสต์ถึงแฟนเขาออกมาจากมุมมืด” ณัฏฐพิมพ์กล่าวอย่างมั่นใจ
งานแต่งงานของนักธุรกิจหนุ่มกับอินฟลูเอนเซอร์สาว ผ่านไปได้เกือบสองอาทิตย์แล้วชญานิษฐ์รู้สึกว่าสามีของตนเองแปลกไปเขากับเธอนอนด้วยกันครั้งสุดท้ายในคืนเข้าหอ หลังจากนั้นก็ผ่านมาสองอาทิตย์แต่ธีธวัชก็ไม่แตะต้องตัวเธอเลย เขาเลิกงานกลับมาก็อาบน้ำและนั่งทำงานต่อจนกระทั่งดึก จากนั้นก็เข้ามานอน ซึ่งต่างจากก่อนแต่งงานที่เขากับเธอมักจะมีอะไรด้วยกันทุกคืนชญานิษฐ์รู้สึกเป็นกังวลมาก แต่หญิงสาวก็ไม่รู้จะเอาเรื่องนี้ไปบอกใครเธอจึงได้แต่เก็บความน้อยใจไว้คนเดียว เพราะเป็นผู้หญิงการจะพูดเรื่องบนเตียงออกไปมันก็ดูน่าอายถึงแม้ว่าจะแต่งงานกันแล้วก็ตามชญานิษฐ์อดคิดไม่ได้ว่าที่ธีธวัชเปลี่ยนไปเพราะเขาอาจจะมีผู้หญิงคนอื่นหญิงสาวตัดสินใจแล้วคืนนี้จะต้องคุยกับสามีให้รู้เรื่องธีธวัชเลิกงานกลับมาในเวลาหกโมงเย็นจากนั้นทั้งสองก็นั่งรับประทานอาหารค่ำด้วยกันเหมือนปกติเมื่ออาบน้ำแล้วเขาก็เดินเข้าห้องทำงานไปเหมือนอย่างเคย ชญานิษฐ์มองตามแผ่นหลังของเขาด้วยน้ำตาคลอ ไม่คิดเลยว่าเวลาแค่นี้จะทำให้คนรักเปลี่ยนไปหญิงสาวจมอยู่กับความคิดของตนเองอยู่นานก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปหาคนรักในห้องทำงานเพราะไม่อยากจะเก็บความรู้สึกแบบนี้
เย็นวันต่อมาธีธวัชก็พาชญานิษฐ์ไปยังบ้านของตนเองอีกครั้งเพื่อคุยกับบิดามารดาเรื่องกำหนดการแต่งงานหลังจากรับประทานอาหารค่ำแล้วทุกคนก็มารวมตัวกันที่ห้องนั่งเล่น“ตกลงว่าชินแสให้ฤกษ์มาตอนไหนครับแม่” ธีธวัชถามมารดาเพราะตอนนี้เขาอยากจะแต่งงานและสร้างครอบครัวกับชญานิษฐ์มากๆ“ใจร้อนจังเลยนะธี”“แม่ครับบอกผมมาเถอะ”“ชินแสให้มาฤกษ์มาปลายเดือนหน้าน่ะ” คุณเมธีตอบลูกชายเพราะถ้ารอให้มารดาของชายหนุ่มเป็นคนตอบก็คงจะลีลาและไม่ยอมพูดออกสักที“จริงเหรอครับพ่อ”“จริงสิ เนเน่กับธีมีเวลาเตรียมตัวประมาณเดือนครึ่ง พ่อว่าเวลาขนาดนี้คงเตรียมตัวกันได้แบบสบายๆ นะ” เขาถามลูกชายและว่าที่ลูกสะใภ้“ไม่มีปัญหาครับพ่อ”“แล้วเนเน่ล่ะคิดว่าตัวเองเตรียมตัวทันไหม” คุณเมธีหันมาถามชญานิษฐ์บ้าง“น่าจะทันค่ะ งานแต่งงานของเราไม่ได้จัดใหญ่โตใช่ไหมคะคุณพ่อ”“ผิดแล้วเนเน่งานนี้ต้องเป็นงานใหญ่ทุกคนจะต้องพูดถึงไปอีกนานเลยล่ะ” คุณศรีประภาบอกกับว่าที่ลูกสะใภ้ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มผ่อนคลายกว่าเมื่อวานมาก“เนเน่กลัวว่ามันจะเป็นการสิ้นเปลืองเกินไปนะคะคุณแม่”“มันจะสิ้นเปลืองกันแค่ไหนเชียว แม่อนุญาตให้เราสองคนแต่งงานกันแล้วเพราะฉะนั้นเรื่
หลังจากขอชญานิษฐ์แต่งงานโดยมีพยานเป็นแฟนคลับในโลกโซเชียลของหญิงสาวแล้วธีธวัชก็พาเธอไปที่บ้านของตนเองเพื่อแจ้งข่าวเรื่องนี้ให้กับบิดามารดาทราบ บิดาของเขาไม่แปลกใจเท่าไหร่เพราะรู้ว่าลูกชายนั้นรักและจริงจังกับผู้หญิงคนนี้มาก ส่วนมารดาของเขาไม่ค่อยจะพอใจมากนักเนื่องจากคาดหวังว่าลูกสะใภ้ของตนนั้นคือกวินตราลูกสาวเจ้าของโรงแรมที่ธีธวัชช่วยไปสอนงาน“ไม่เร็วไปหน่อยเหรอลูก” คุณศรีประภาถามลูกชายด้วยสีหน้าบึ้งตึง“ไม่หรอกครับแม่ แม่ก็เคยบอกผมว่าอยากอุ้มหลานนี่ครับ” เขารู้ว่ามารดากำลังประวิงเวลาและอาจจะกำลังคิดวางแผนอะไรสักอย่างเพื่อให้เขากับชญานิษฐ์เลิกล้มงานแต่ง แต่ธีธวัชไม่อยากจะรออีกต่อไปแล้วเพราะสำหรับเขาชญานิษฐ์คือคำตอบสุดท้ายถ้าไม่ใช่เธอเขาก็ไม่มีทางจะแต่งงานกับผู้หญิงคนไหนอย่างเด็ดขาด“มันก็ถูกที่แม่อยากจะอุ้มหลาน แต่การจะแต่งงานทั้งทีมันก็ต้องดูฤกษ์ดูยามที่เหมาะสมนะ พรุ่งนี้แม่จะไปดูฤกษ์กับชินแสให้ก็แล้วกันนะ เนเน่เอาวันเดือนปีเกิดของหนูให้แม่ด้วยนะ” เธอหันไปบอกว่าที่ลูกสะใภ้“ได้ค่ะแม่”“เรื่องฤกษ์ผมอยากได้ฤกษ์สะดวกครับแม่” เขาไม่เชื่อเรื่องนี้เท่าไหร่แต่ก็ไม่อยากจะขัดใจมารดามากไปกว่านี้
ตอนที่ 30เล่ห์รักท่านรอง (ตอนจบ)ผ่านมาสองสัปดาห์แล้วที่ชญานิษฐ์ไม่ได้ติดต่อกับธีธวัชอีกเลยหญิงสาวกำลังจะลืมเขาได้และกลับมาใช้ชีวิตตามปกติวันนี้เธอมีนัดรีวิวร้านอาหารเปิดใหม่แห่งหนึ่งบรรยากาศภายในร้านตกแต่งโทนอบอุ่นเหมือนกับการมารับประทานอาหารที่บ้านเพื่อนหลังจากรีวิวอาหารต่างๆ ครบแล้วชญานิษฐ์ก็เดินไปคุยกับเจ้าของร้านถึงรายละเอียดที่เธอจะลงในคลิปส่วนณัฏฐพิมพ์นั่งรอที่โต๊ะอาหารอยู่คนเดียว“คุณแน่ใจนะว่าจะทำอย่างนี้” ณัฏฐพิมพ์ถามธีธวัชที่ยืนแอบอยู่ในมุมหลับตาด้านหลังโต๊ะที่เธอนั่งอยู่“ก็คุณเป็นคนเสนอเองนี่แล้วทำไมตอนนี้จะไม่มั่นใจล่ะ”“ก็หวานกลัวเนเน่โกรธ”“แต่ผมว่าเขาไม่โกรธหรอกเพราะคุณเป็นเพื่อนที่เขารักมาก”“ฉันขอถามอะไรคุณธีอย่างหนึ่งสิ”“ถามมาเลย”“คุณธีจริงจังกับเพื่อนของหวานจริงๆ ใช่ไหม ไม่ใช่ว่าอยากจะทำเพราะเห็นว่าสนุก”“ไม่เลยผมจริงจังกับเนเน่มากๆ ผมรู้ใจตัวเองดีแต่คุณหายไปนานเกือบสามอาทิตย์เลยนะ”“ใช่ผมหายไปเพื่อไปเคลียร์ตัวเอง ผมรู้ว่ามันฟังดูไม่ค่อยมีเหตุผลเท่าไหร่ที่ผมต้องไปสอนงานรุ่นน้องแต่มันก็มีความจำเป็นจริงๆ เพราะครอบครัวของเราสองคนนั้นสนิทกันมากๆ และพ่อของเขาก็ป่วย
แม้จะเป็นคนบอกเลิกธีธวัชเองแต่ชญานิษฐ์กลับเสียใจมากๆเพราะหลังจากวันนั้นชายหนุ่มก็โทรศัพท์มาหาเธออีกเพียงแค่ครั้งเดียวพอเธอไม่รับสายเขาก็ไม่โทรมาอีกเลยแม้กระทั่งไลน์หรือข้อความก็ไม่มีมาสักนิด หญิงสาวก็เลยคิดว่าเขาคงจะทำตามที่เธอบอกคือไปจัดการเรื่องการสอนงานให้กับกวินตราให้เรียบร้อยแล้วค่อยกลับมาคุยกับเธอแต่มันเป็นความคิดที่ผิดมากๆ เพราะเวลาผ่านไปหนึ่งสัปดาห์นอกจากเขาจะไม่ติดต่อมาหาเธอแล้วยังมีภาพข่าวที่ธีธวัชไปร่วมเปิดโรงแรมแห่งหนึ่งซึ่งเธอนะว่าน่าจะเป็นโรงแรมของคุณกวินตรารูปที่ทั้งสองยืนข้างกันขณะที่หญิงสาวเป็นคนตัดริบบิ้นมันดูเหมาะสมมากๆ ซึ่งมันแตกต่างกับตนเองโดยสิ้นเชิง ดูแล้วกวินตราน่าจะเป็นผู้หญิงที่เหมาะสมกับธีธวัชมากที่สุดทั้งสถานะทางสังคมทั้งรูปร่างหน้าตารวมถึงกิจการที่ทั้งสองมีนั้นเหมาะสมกันมากภาพที่เขาถ่ายพร้อมกับกวินตราถูกโพสต์ลงโซเชียลโดยเพจเพจหนึ่งหญิงสาวอ่านหัวข้อข่าวแล้วรู้สึกจิตใจห่อเหี่ยว‘เมื่อผู้บริหารหนุ่มหล่อกับผู้บริหารสาวสวยยืนเคียงข้างกัน มันเป็นภาพที่สวยงามและลงตัวจริงๆ น่าสงสารอินฟลูเอนเซอร์สาวคนนั้นน่ะจู่ๆ ก็อกหักโดยไม่รู้ตัว’ภายใต้ภาพนั้นมีคนเข้ามาแสดงคว
หญิงสาวยิ้มกว้างเมื่อมองลอดช่องเล็กๆ บริเวณประตูแล้วเห็นว่าตอนนี้คนที่ยืนอยู่หน้าห้องนั้นเป็นใคร เธอรีบเปิดประตูออกไปอย่างรวดเร็ว”“พี่ธี” สาวยิ้มกว้าง“คิดถึง” ชายหนุ่มกอดหญิงสาวแน่นด้วยความคิดถึง ตลอดทั้งสัปดาห์งานยุ่งมากๆ จนไม่มีเวลาให้กับชญานิษฐ์เลย เขาก็รู้สึกผิดมากๆ“พี่ธีมาทำไมดึกจังคะ”“พี่คิดถึงเนเน่” เขาเดินมานั่งอยู่บนโซฟาด้วยท่าทางเหนื่อยๆ“ทำไมสภาพพี่ธีเป็นแบบนี้ล่ะคะ” หญิงสาวมองใบหน้าที่ซูบและดวงตาคล้ำของเขาซึ่งปกติแล้วธีธวัชจะเป็นผู้ชายที่ดูแลตัวเองค่อนข้างดีเขาไม่เคยปล่อยให้ตัวเองโทรมมากขนาดนี้มาก่อน“ช่วงนี้พี่ทำงานที่โรงแรมด้วยและก็ต้องสอนงานแฟร์ด้วยน่ะ ก็เลยไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่ พี่ขอโทษเนเน่อาทิตย์นี้เราไม่ได้เจอกันเลยและยังได้คุยโทรศัพท์กันแค่นิดเดียว”“ไม่เป็นไรหรอกค่ะเนเน่เข้าใจว่าพี่ธีทำงานและยุ่งมากๆ แล้วกินอะไรมาหรือยังคะ”“พี่กินมาแล้วครับ”“พี่แค่แวะมาหาเนเน่หรือจะมาค้างคะ”“พี่ตั้งใจจะมาค้างกับเนเน่”“ถ้างั้นไปอาบน้ำนะเดี๋ยวเนเน่เตรียมชุดนอนให้” ชายหนุ่มเอาชุดนอนและชุดทำงานมาทิ้งไว้ที่นี่อยู่หลายชุดเผื่อเวลาที่มาพักจะได้ไม่ต้องขนมาทุกครั้งให้มันวุ่นวาย“เน