LOGINการกระทำของ ดีแลน แบล็กเวลล์ ในศาลและการยอมสละอาณาจักรธุรกิจเพื่อไถ่บาปและพิสูจน์ความรักต่อ อีวา คาร์เตอร์ ถือเป็นการยุติสงครามที่กินเวลานานกว่ายี่สิบปีได้อย่างสมบูรณ์ การให้อภัยที่อีวามอบให้ดีแลนที่สวนกุหลาบไม่ใช่เพียงการยกโทษให้การกระทำที่โหดร้าย แต่เป็นการปลดปล่อยทั้งตัวเธอและเขาออกจากพันธนาการของอดีตที่เต็มไปด้วยความแค้นของตระกูล
ในช่วงหลายเดือนต่อมา ทั้งคู่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันอย่างเรียบง่ายที่บ้านหลังเล็ก ๆ ชายฝั่ง พวกเขาไม่ได้กลับไปสู่ความหรูหราฟุ่มเฟือยของคฤหาสน์แบล็กเวลล์ ดีแลนไม่ได้เป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ผู้ทรงอิทธิพลอีกต่อไป และอีวาไม่ได้เป็นแอร์โฮสเตสที่สง่างาม แต่พวกเขาเป็นเพียงผู้ชายคนหนึ่งกับผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังเยียวยาบาดแผลในอดีต
การปรับความเข้าใจ ของพวกเขาเป็นกระบวนการที่ละเอียดอ่อนและลึกซึ้ง พวกเขาเรียนรู้ที่จะรักกันอย่างเท่าเทียม โดยปราศจากการครอบงำหรือการต่อต้าน
ดีแลน ยอมรับความอ่อนแอของตัวเอง เขาเลิกใช้ความโกรธเป็นเกราะกำบัง และเรียนรู้ที่จะแสดงความรักด้วยความอ่อนโยนและความเคารพ เขาเล่าถึงความโดดเดี่ยวภายใต้อิทธิพลที่เผด็จการของบิดา และความสับสนที่ทำให้เขาทำร้ายคนที่เขารักที่สุด อีวา เปิดใจรับฟัง เธอเข้าใจว่าดีแลนเองก็เป็นเหยื่อของความเกลียดชังที่ถูกปลูกฝังมา เธอให้อภัยเขาสำหรับ 'ปีศาจ'ที่เขาเคยเป็น และหันมาโอบกอด 'ผู้ชาย' ที่อยู่ภายใต้ความเกลียดชังนั้นด้วยความรักที่มั่นคงและบริสุทธิ์แล้ว ขั้นตอนสุดท้ายคือการทำให้ความปรารถนาของคุณย่าแคโรไลน์เป็นจริงอย่างสมบูรณ์
อีวาได้รับที่ดินผืนเก่ากลับคืนมาอย่างสมศักดิ์ศรี ไม่ใช่ในฐานะของเล่นที่แลกมา แต่ในฐานะของขวัญแห่งความรักที่มาพร้อมกับการยอมรับความผิดของอีกฝ่าย
ดีแลนใช้ความรู้ความสามารถทางด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ยังเหลืออยู่แต่คราวนี้เป็นความรู้ที่ใช้เพื่อการบูรณะในการออกแบบและดูแลการสร้าง บ้านคาร์เตอร์ ขึ้นมาใหม่ทั้งหมด มันไม่ใช่การสร้างบ้านหรูหรา แต่เป็นการสร้างบ้านที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณและความทรงจำของตระกูลคาร์เตอร์
เขาได้ทำลายตึกระฟ้าของแบล็กเวลล์ คอร์ป ที่เคยตั้งอยู่บนสวนส้มเก่าตามคำพูดที่ให้ไว้ และมอบพื้นที่ทั้งหมดคืนให้แก่อีวาเพื่อทำโครงการสาธารณะประโยชน์ตามความตั้งใจของเธอ
บ้านใหม่ที่สร้างขึ้นบนฐานรากเดิมนั้นดูเรียบง่ายแต่สง่างาม ตรงกลางสวนมีแปลงกุหลาบสีขาวที่เบ่งบานอย่างสวยงามที่สุด เป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นชีวิตที่สะอาดบริสุทธิ์
ในวันที่ทั้งคู่ย้ายกลับเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนั้น ดีแลน ได้คุกเข่าขออีวาแต่งงาน ไม่ใช่ด้วยเพชรที่ราคาแพง แต่ด้วย กุหลาบขาว ดอกแรกจากสวนที่เขาปลูกเอง
“ฉันขอโอกาสที่จะได้รักเธออย่างเสมอภาคและบริสุทธิ์ตลอดไป อีวา” ดีแลนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรักแท้ “ฉันสัญญากับเธอ... ว่าฉันจะเป็นผู้ชายที่ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย มีเกียรติ และรักเธออย่างไม่มีเงื่อนไข”
อีวาตอบรับคำขอของเขาด้วยน้ำตาแห่งความสุขและความรู้สึกเป็นอิสระ
"ฉันยอมรับความรักของคุณ ดีแลนและฉันให้อภัยทุกอย่างที่เกิดขึ้น เพราะบาดแผลในอดีตได้สอนให้เรารู้จักคุณค่าของความรักที่แท้จริง"
พวกเขาตัดสินใจที่จะแต่งงานและใช้ชีวิตบนพื้นฐานของความรักที่เท่าเทียมกันอย่างสมบูรณ์
ทรัพย์สิน ที่ดินผืนนี้ถูกโอนเป็นชื่อของอีวาแต่เพียงผู้เดียว ตามเจตนารมณ์ของครอบครัว อาชีพ ดีแลนใช้ความสามารถของเขาร่วมกับอีวาในการก่อตั้ง มูลนิธิคาร์เตอร์-แบล็กเวลล์เพื่อความยุติธรรม ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่ช่วยเหลือผู้ที่ถูกเอารัดเอาเปรียบทางการเงินและกฎหมาย เป็นการไถ่บาปในระดับสาธารณะของดีแลน ครอบครัว พวกเขาตัดสินใจที่จะมีลูกและสอนให้ลูก ๆ รู้จักความแตกต่างระหว่าง ความรัก และ ความเกลียดชัง โดยไม่ให้ลูกคนใดคนหนึ่งต้องเติบโตมาด้วยแรงผลักดันจากความแค้น หรือการครอบครองใด ๆ ความรักของ ดีแลน แบล็กเวลล์ และ อีวา คาร์เตอร์ เป็นเรื่องราวที่เริ่มต้นด้วยไฟแค้น การครอบครอง และการทำลายล้างที่ทารุณ แต่กลับจบลงด้วยการไถ่บาป การให้อภัย และการสร้างชีวิตใหม่บนพื้นฐานของ ความยุติธรรม และ ความรักที่เท่าเทียม อีวา ในที่สุดก็ได้กลับคืนสู่รากเหง้าของเธออย่างสมบูรณ์พร้อมกับเกียรติที่ได้รับคืนมา ดีแลน ได้พบกับความสุขที่แท้จริงที่เงินและอำนาจไม่สามารถซื้อได้ทั้งคู่ได้พิสูจน์ว่า แม้แต่ความเกลียดชังที่ฝังรากลึกที่สุด ก็สามารถถูกกำจัดออกไปได้ด้วยพลังแห่งความรักที่บริสุทธิ์ และความรักที่เบ่งบานเหนือซากปรักหักพังนั้น ย่อมแข็งแกร่งและยั่งยืนยิ่งกว่าอาณาจักรใด ๆ ที่เคยสร้างขึ้นมาบนโลกใบนี้
---
---
สวนกุหลาบและบทเพลงของดีแลน
หลายสัปดาห์หลังจากที่อีวายอมรับการไถ่บาปของดีแลน และพวกเขาย้ายกลับเข้ามาในบ้านหลังเก่าที่ถูกบูรณะใหม่ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็เข้าสู่ยุคที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนและความเข้าใจ
ดีแลน ไม่ใช่ปีศาจที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งอีกต่อไป เขาคือผู้ชายที่พยายามทุกวิถีทางเพื่อทำให้ผู้หญิงที่เขารักมีความสุข ความโรแมนติกของดีแลนไม่ได้มาในรูปแบบหรูหรา แต่มันมาจาก ความใส่ใจในรายละเอียด ที่เขาเคยละเลยเช้าวันหนึ่ง ขณะที่อีวากำลังยืนมองสวนกุหลาบที่เริ่มเบ่งบานอย่างสวยงาม ดีแลน เดินเข้ามายืนโอบเธอจากด้านหลัง เขาไม่ได้พูดอะไร แต่ใช้ริมฝีปากจูบที่เรือนผมสีทองของเธออย่างอ่อนโยน
“จำได้ไหม อีวา” ดีแลนกระซิบเบาๆ “วันที่ฉันเข้ามาในบ้านนี้ครั้งแรกในฐานะผู้ชนะ... ฉันไม่เคยเห็นอะไรนอกจากความโลภ แต่ตอนนี้... ฉันมองเห็นแต่ ความงาม”
“คุณเปลี่ยนไปมากแล้ว ดีแลน” อีวาตอบ พร้อมเอนศีรษะพิงแผงอกของเขา
“ความรักเปลี่ยนฉัน นางฟ้าของฉัน” ดีแลนตอบ เขาไม่เคยเรียกเธอด้วยคำว่า 'นางฟ้า' ด้วยความชื่นชมอย่างแท้จริงมาก่อน “ฉันรักเธอตั้งแต่เธอเป็นเด็กสาวขี้แยที่ยืนอยู่ข้างรั้วบ้าน และฉันจะรักเธอตลอดไป”
---
เพื่อให้ฉลองการเริ่มต้นใหม่ ดีแลนจัดเตรียม อาหารค่ำใต้แสงดาว ที่สนามหญ้าหลังบ้าน โดยมีฉากหลังเป็นสวนกุหลาบที่ถูกจัดแสงอย่างโรแมนติก เขาไม่ได้ใช้เชฟส่วนตัว แต่ลงมือทำอาหารง่าย ๆ ที่อีวาชอบด้วยตัวเอง
ค่ำคืนนั้น พวกเขานั่งอยู่ท่ามกลางความเงียบสงบ ไม่มีใครพูดถึงเรื่องธุรกิจ ไม่มีใครพูดถึงอดีตที่เจ็บปวด มีเพียงเสียงเพลงคลาสสิกเบาๆ และเสียงหัวเราะที่อบอุ่น
เมื่อถึงช่วงหนึ่ง ดีแลนลุกขึ้นและจับมืออีวาไว้
“ฉันอยากทำในสิ่งที่ฉันไม่เคยทำมาก่อน... และในแบบที่ฉันควรจะทำมานานแล้ว”
ดีแลนไม่ได้ขอโทษอีกต่อไป เพราะเขาทำมันในศาลไปแล้ว แต่เขาตัดสินใจที่จะ สารภาพรักอย่างบริสุทธิ์ใจ
“อีวา คาร์เตอร์... ความรุนแรงที่ฉันแสดงออกในอดีตคือความกลัวอย่างที่สุดของฉัน... กลัวที่จะยอมรับว่าฉันไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่มีเธอ” ดีแลนจับมือเธอขึ้นมาจูบอย่างแผ่วเบา “เธอคือความสว่างเดียวที่ส่องเข้ามาในชีวิตที่มืดมิดของฉัน... และฉันอยากจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ดูแลเธอ...ด้วยความรักที่ให้เกียรติและเสมอภาค”
เขาหยิบกล่องไม้เล็กๆ ออกมา ภายในนั้นไม่ใช่แหวนเพชรราคาแพง แต่เป็น สร้อยคอจี้รูปกุหลาบขาวเล็กๆ
“นี่คือสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นใหม่ของเรา กุหลาบที่เติบโตจากความพยายามและการให้อภัย”
อีวาน้ำตาไหลอาบแก้ม เธอโผเข้ากอดดีแลนอย่างแนบแน่น การกอดที่เต็มไปด้วยความรักที่ปลดปล่อยจากทุกพันธนาการ
ความโรแมนติกที่แท้จริงของทั้งคู่คือ ความเคารพ ที่ดีแลนมีต่ออีวาอย่างเท่าเทียมเขาไม่เคยสั่งการเธออีกต่อไป แต่ปรึกษาเธอทุกเรื่อง เขาให้ความเคารพในความสามารถทางธุรกิจและไหวพริบของเธอในการจัดการมูลนิธิร่วมกันอย่างเต็มที่
วันหนึ่งขณะที่กำลังวางแผนงานของมูลนิธิ อีวาแสดงความกังวลว่าเธอจะสามารถบริหารจัดการที่ดินผืนใหญ่ที่เธอได้รับคืนมาได้อย่างไร ดีแลนตอบด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความรักและความเข้าใจ
“อย่ากังวล ที่รัก ที่ดินผืนนี้เป็นของเธอและเป็นสิทธิ์ของเธอแต่เพียงผู้เดียว ส่วนฉัน... ฉันมีเกียรติเพียงพอที่จะได้ช่วยผู้หญิงที่ฉันรักในการสร้างสิ่งดีๆ ให้กับโลกใบนี้”
เขาจับมือเธอไว้แน่น “เราไม่ได้เป็น 'ปีศาจและนางฟ้า' อีกต่อไปแล้ว แต่เราคือ คู่ชีวิต ที่จะร่วมกันสร้างความรักที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกนี้... บนรากฐานของความจริง ความรัก และความยุติธรรม”
และนี่คือบทสรุปที่สมบูรณ์แบบ อีวา และ ดีแลน เริ่มต้นชีวิตแต่งงานที่เต็มไปด้วยความรักแท้ การให้อภัย และความเคารพต่อศักดิ์ศรีของกันและกัน ความรักของพวกเขาเป็นหลักฐานว่าบาดแผลในอดีตสามารถกลายเป็นเมล็ดพันธุ์ที่เบ่งบานเป็นความสุขที่ยั่งยืนได้
---
จบบริบูรณ์
บทเสริม: ความท้าทายใหม่—การเป็นผู้นำด้านศีลธรรม การกลับเข้าสู่สาธารณะชนในฐานะผู้ไถ่บาปหลายปีหลังจากที่ ดีแลน แบล็กเวลล์ยุติสงครามกับบิดาและทิ้งอาณาจักรธุรกิจของเขาไป เขาก็ใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบในฐานะคุณพ่อและผู้บริหารมูลนิธิ อย่างไรก็ตาม ชื่อเสียงของเขาในฐานะอดีตซีอีโอที่ยอมสละทุกอย่างเพื่อความถูกต้องและภรรยาของเขา ก็ยังคงดึงดูดความสนใจจากโลกภายนอกอยู่เสมอมูลนิธิคาร์เตอร์-แบล็กเวลล์ ไม่ได้เป็นเพียงองค์กรการกุศล แต่กลายเป็น สถาบันทางความคิด ด้านจรรยาบรรณธุรกิจ ดีแลนและอีวาเริ่มได้รับคำเชิญให้ไปพูดในที่สาธารณะ โดยเฉพาะจากสถาบันการศึกษาและกลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ดีแลนตัดสินใจที่จะกลับเข้าสู่สาธารณชนอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ใช่เพื่อแสวงหาอำนาจ แต่เพื่อ มอบบทเรียนที่เขาได้รับมาจากการไถ่บาปของเขา ปาฐกถาที่มหาวิทยาลัย: บทเรียนจากความมืดมิด วันหนึ่ง ดีแลนได้รับเชิญให้ไปบรรยายที่มหาวิทยาลัยชั้นนำ ซึ่งเป็นสถาบันที่เขาเคยบริจาคเงินจำนวนมหาศาลเพื่อล้างภาพลักษณ์ของตระกูลในอดีต แต่คราวนี้เขามาในฐานะ วิทยากรที่มีความซื่อสัตย์เมื่อดีแลนยืนอยู่บนเวที ห้องประชุมเต็มไปด้วยนักศึกษาและนักธุรกิจที่ต่างจ
บทเสริม: ช่วงเวลาแห่งแสงแดด—ฤดูหนาวในบ้านที่อบอุ่น พลังงานของฤดูหนาว (The Winter Solace)เป็นช่วงกลางฤดูหนาวในคฤหาสน์บนเนินเขาหลังใหม่ของครอบครัวแบล็กเวลล์ แม้ภายนอกจะปกคลุมด้วยความเย็นยะเยือก แต่ภายในบ้านกลับอบอวลไปด้วยไออุ่นจากเตาผิงและกลิ่นหอมของช็อกโกแลตร้อนที่ อีวา กำลังเตรียมอยู่ลูก ๆ ทั้งสามคนกำลังวุ่นวายอยู่กับกิจกรรมของตนเองในห้องนั่งเล่น:อีธาน (วัยเจ็ดขวบ) นั่งอยู่บนพรมหน้าเตาผิง เขากำลังพยายามสานผ้าพันคอสีเข้มให้กับ ดีแลนโดยมีสมาธิอย่างสูง ตามแบบฉบับของเขาที่ชอบทำงานฝีมือที่ละเอียดอ่อนโนอาห์ (วัยหกขวบ) ที่เต็มไปด้วยพลังงานและความคิดสร้างสรรค์ กำลังก่อสร้างป้อมปราการขนาดใหญ่จากหมอนอิงและผ้าห่มกลางห้อง เขามักจะอธิบายถึงโครงสร้างของป้อมปราการอย่างละเอียดด้วยศัพท์ทางวิศวกรรมที่เขาไปค้นคว้ามาลินน์(วัยหกขวบ) ผู้มีจิตใจอ่อนโยนและจินตนาการกว้างไกล กำลังนั่งวาดรูปครอบครัวอยู่บนโต๊ะกาแฟ เธอวาดกุหลาบขาวดอกใหญ่ไว้ที่มุมหนึ่งของภาพเสมอดีแลน กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์เก่า ๆ (เขาไม่สนใจข่าวสารทางธุรกิจอีกต่อไป) แต่ดวงตาของเขากลับมองเลยขอบกระดาษเพื่อเฝ้าดูลูก ๆ ของเขาอย่างเงียบ ๆอีว
บทเสริม: การเดินทางเพื่อรำลึก—การกลับไปสู่จุดเริ่มต้น วันครบรอบ การเดินทางที่ไม่ใช่การหนีเจ็ดปีผ่านไปนับตั้งแต่ ดีแลน แบล็กเวลล์ และ อีวา คาร์เตอร์ เริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนของพวกเขา และครบรอบห้าปีนับตั้งแต่การกำเนิดของลูกแฝด โนอาห์ และ ลินน์ ชีวิตของพวกเขาถูกเติมเต็มด้วยความสุขสงบ และการเติบโตของลูก ๆ ทั้งสามปีนี้ในวันครบรอบ ดีแลนและอีวาตัดสินใจที่จะเดินทางไปพักผ่อนเพียงลำพัง โดยฝาก อีธาน, โนอาห์, และ ลินน์ ไว้กับพี่เลี้ยงที่ไว้ใจได้ การเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่การเดินทางเพื่อการพักผ่อนทั่วไป แต่เป็นการเดินทางเพื่อ รำลึกถึงจุดเริ่มต้น ของพวกเขาจุดหมายปลายทางของพวกเขาคือ ที่ดินเก่าของตระกูลคาร์เตอร์ ที่ตอนนี้ถูกพัฒนาเป็น ศูนย์การเรียนรู้และยุติธรรมสำหรับเยาวชน ภายใต้การดูแลของมูลนิธิ ที่ดินนี้เคยเป็นจุดเริ่มต้นของความแค้นและความเจ็บปวดทั้งหมดของพวกเขาการเดินทางที่เงียบสงบดีแลนขับรถไปอย่างช้า ๆ มือของเขากุมมือของอีวาไว้ตลอดทาง พวกเขาสื่อสารกันด้วยความเงียบมากกว่าคำพูด ความเงียบที่เต็มไปด้วยความเข้าใจและซาบซึ้งในเส้นทางที่พวกเขาได้เดินผ่านมาอีวา: "คุณยังจำได้ไหมคะ ดีแลน วันที่คุณ
บทเสริม: การเติบโต—ปีที่สี่ของแบล็กเวลล์น้อยความวุ่นวายที่มีระเบียบ (Structured Chaos)สี่ปีผ่านไปอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่การกำเนิดของลูกแฝด โนอาห์และ ลินน์ บ้านคาร์เตอร์-แบล็กเวลล์ไม่ได้เป็นเพียงบ้านที่อบอุ่นอีกต่อไป แต่เป็นศูนย์กลางของพลังงานที่ไม่เคยหยุดนิ่ง อีธานตอนนี้อายุห้าขวบ เป็นพี่ชายที่รักน้องและเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของพ่อแม่ ส่วน โนอาห์และ ลินน์ แฝดสี่ขวบ กำลังอยู่ในช่วงของการค้นพบโลกและเต็มไปด้วยคำถามที่ไม่สิ้นสุดดีแลนผู้ที่เคยเป็นซีอีโอที่เคร่งครัด ได้เปลี่ยนบทบาทเป็นคุณพ่อที่อดทนและมีไหวพริบ เขาใช้หลักการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลที่เขาเคยใช้ในบริษัทมาปรับใช้กับการเลี้ยงลูกได้อย่างน่าประหลาดใจในห้องครัวที่เต็มไปด้วยแสงแดด ดีแลน กำลังพยายามทำอาหารเช้าสามอย่างพร้อมกัน (โจ๊กสำหรับอีธาน, แพนเค้กสำหรับโนอาห์, และผลไม้สำหรับลินน์) ในขณะที่ต้องตอบคำถามที่ซับซ้อน:โนอาห์ "คุณพ่อคะ ทำไมพระอาทิตย์ต้องไปนอนด้วยคะ? โนอาห์ไม่เคยไปนอนตอนเที่ยงวันเลย!"ดีแลน"เพราะพระอาทิตย์ต้องให้ดวงจันทร์ได้ทำงานบ้างครับ ลูกชาย มันเหมือนกับการแบ่งปันหน้าที่กันในครอบครัวไงครับ"ลินน์(นั่งวาดรูปอยู่บนเก้า
เนื่องจากข้อจำกัดทางเทคนิคในการสร้างข้อความ ความสุขที่สมบูรณ์แบบของครอบครัว (The Complete Joy) ยามเช้าในบ้านคาร์เตอร์-แบล็กเวลล์: วงจรชีวิตใหม่บ้านคาร์เตอร์-แบล็กเวลล์ในช่วงเช้าไม่ได้เงียบสงบอีกต่อไป แต่เต็มไปด้วยพลังงานที่วุ่นวายและเสียงหัวเราะ ดีแลน ตื่นก่อนใครเสมอ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เพื่ออ่านรายงานการเงิน แต่เพื่อตรวจสอบอุณหภูมิห้อง, เตรียมขวดนมสองขวดที่ผ่านการฆ่าเชื้ออย่างสมบูรณ์แบบ, และเตรียมชาขิงให้กับ อีวาเมื่อลูกแฝด โนอาห์ (มักจะตื่นก่อนและมีเสียงดัง) และ ลินน์ (มักจะตื่นทีหลังและร้องเบา ๆ) เริ่มส่งเสียงร้องขออาหารเช้าจากห้องทารก อีธาน ลูกชายคนโตวัยสามขวบก็จะวิ่งลงจากเตียงและตรงมาที่ห้องพ่อแม่เพื่อขอให้ ดีแลน อุ้มเขาไปดูน้อง ๆดีแลน ที่เคยรังเกียจความวุ่นวายและสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้ ตอนนี้กลับโอบกอดความโกลาหลนี้ไว้ด้วยความสุขเต็มเปี่ยม เขาสามารถอุ้ม อีธาน ไว้ที่สะโพกข้างหนึ่ง ขณะที่ใช้มืออีกข้างผสมนมผงสำหรับแฝดได้อย่างชำนาญการทำงานเป็นทีมที่ไร้ที่ติอีวา ที่ออกมาจากห้องด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน จะเดินตรงไปหา ลินน์ ทันที ขณะที่ดีแลนจัดการกับ โนอาห์ ที่เริ่มส่งเสียงเรียกร้องอย่าง
ความทรงจำของลูคัสและจุดจบของยุคสมัย ความเงียบเหงาที่ถูกควบคุม (The Controlled Solitude)หลังจากที่ ลูคัส แบล็กเวลล์ยอมลงนามในสัญญาการยอมรับความผิด เขาถูกย้ายไปยังสถานที่ดูแลส่วนตัวที่ห่างไกลออกไปภายใต้ข้อตกลงลับกับดีแลน ที่ซึ่งเขายังคงได้รับการดูแลทางการแพทย์และสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดที่เคยมี แต่เขาถูกตัดขาดจากการควบคุมโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิงสถานที่นั้นเป็นคฤหาสน์ขนาดเล็กตั้งอยู่บนเนินเขาที่เงียบสงบ แต่สำหรับลูคัส มันคือ คุกที่เต็มไปด้วยความหรูหรา ไม่มีอินเทอร์เน็ต ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีผู้บริหารคนใดมาเข้าพบ มีเพียงพยาบาลและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ถูกจ้างโดยดีแลนเท่านั้นการเผชิญหน้ากับความว่างเปล่าตลอดชีวิตของลูคัส เขาเคยชินกับการกรอกเวลาทุกวินาทีด้วยการวางแผน การบงการ และการแสวงหาอำนาจ แต่ตอนนี้... เวลาว่างเปล่า ได้กัดกินเขาอย่างช้า ๆเขานั่งอยู่ในห้องสมุดที่เต็มไปด้วยหนังสือที่ไม่เคยเปิดอ่าน มองออกไปนอกหน้าต่างที่เผยให้เห็นทิวทัศน์ที่สวยงาม แต่ความงามเหล่านั้นไม่ได้สร้างความหมายใด ๆ ให้กับเขาเลย“ฉันทำอะไรลงไป?” ลูคัสคิดในใจเป็นครั้งแรกในชีวิต ไม่ใช่การเสียดายที่สูญเสียธุรกิจ







