LOGINเมื่อความรักคือปาฏิหาริย์ การปกป้องมันคือสงคราม
ดีแลน แบล็กเวลล์ ได้ทำลายอาณาจักรของบิดาเพื่อไถ่บาปและสร้างชีวิตใหม่กับ อีวา คาร์เตอร์ บนผืนดินแห่งความยุติธรรม แต่เงาของอดีตที่เต็มไปด้วยอำนาจและความแค้นไม่เคยตาย ลูคัส แบล็กเวลล์ ผู้ถูกลูกชายทรยศ กำลังรอคอยโอกาสที่จะทวงคืนทุกสิ่ง และทำลายความสุขเดียวที่ดีแลนมี ด้วยเกมที่สกปรกกว่าเดิม
พวกเขาจะปกป้องความรักที่บริสุทธิ์และลูกแฝดที่กำลังจะเกิดได้อย่างไร... เมื่อศัตรูที่แท้จริงคือมรดกที่พวกเขาพยายามหนีมาตลอด?
ความสงบที่ถูกคุกคาม (The Fragile Peace)
การสร้าง 'เอเดนใหม่' (The New Eden)
บ้านคาร์เตอร์เก่าที่ถูกบูรณะใหม่ด้วยความรักและความยุติธรรม ตั้งตระหง่านอย่างสงบเงียบภายใต้แสงแดดยามเช้าที่สาดส่อง ดีแลน แบล็กเวลล์ยืนอยู่หน้าต่างบานใหญ่ในห้องนอนที่เคยเป็นจุดเริ่มต้นของความบาดหมางทั้งหมดของเขา แต่ตอนนี้มันกลับเป็นห้องที่เต็มไปด้วยความรักและความเข้าใจ
หกเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว อีวาตอนนี้มีครรภ์แฝดที่นูนออกมาอย่างเห็นได้ชัด ทำให้เธอมีบุคลิกที่อ่อนโยนและสง่างามยิ่งกว่าเดิม ดีแลนไม่สนใจอีกแล้วว่าโลกภายนอกจะมองเขาอย่างไร เขาทิ้งตำแหน่ง, อำนาจ, และความทะเยอทะยานทางธุรกิจทั้งหมดไว้เบื้องหลัง และทุ่มเทตัวเองให้กับบทบาทใหม่: สามีผู้ซื่อสัตย์และคุณพ่อที่เปี่ยมด้วยความรัก
ทุกรายละเอียดในบ้านหลังนี้คือสัญลักษณ์ของการไถ่บาปของเขา พื้นไม้โอ๊กที่เขาขัดด้วยตัวเอง, ห้องทารกที่เขาออกแบบโดยเน้นความปลอดภัยและความอบอุ่น, และที่สำคัญที่สุดสวนกุหลาบขาวที่เบ่งบานเต็มพื้นที่ กลิ่นหอมอันเย้ายวนของมันลอยเข้ามาถึงห้องนอน เป็นกลิ่นที่เตือนใจอีวาเสมอว่าความรักสามารถเติบโตได้จากผืนดินที่เคยเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
ความละเอียดอ่อนของดีแลนดีแลนหันกลับมามองอีวาที่ยังคงนอนหลับอยู่บนเตียงใหญ่ เขาไม่เคยตื่นสายกว่าเธอเลยแม้แต่วันเดียว เพราะเขารู้ว่าช่วงเช้าเป็นช่วงที่อีวาต้องการการดูแลเป็นพิเศษเนื่องจากอาการแพ้ท้องที่ยังคงมีอยู่บ้างสำหรับลูกแฝด
เขาเดินเข้าไปอย่างเงียบเชียบ มือของเขาวางลงบนหน้าท้องที่เต็มไปด้วยชีวิตเบา ๆ ก่อนจะก้มลงจูบที่หน้าผากของเธอ
“คุณคือปาฏิหาริย์ที่ผมไม่เคยคิดว่าจะได้ครอบครองเลย อีวา” ดีแลนคิดในใจ ภาพของเธอที่อุ้มลูกแฝดสองคนเป็นเหมือนภาพวาดที่สมบูรณ์แบบที่เขาปรารถนามาตลอด มันคือความสมบูรณ์ที่เขาไม่เคยได้รับจากอำนาจ เงินทอง หรือการแก้แค้น
ดีแลนเดินเข้าไปในครัวที่สว่างไสว เขาไม่ใช่ซีอีโอที่ดื่มกาแฟดำรสเข้มและอ่านรายงานการเงินขณะรับประทานอาหารเช้าอีกต่อไป แต่เขาคือกุ๊กส่วนตัวที่ใส่ใจสุขภาพของภรรยา เขาเตรียมชาขิงอุ่น ๆ สำหรับอีวา (สำหรับอาการคลื่นไส้) และน้ำผักผลไม้รวมที่อุดมไปด้วยวิตามิน
เขายังต้องเตรียมอาหารเช้าที่ละเอียดอ่อนสำหรับ อีธาน ลูกชายคนโตวัยสองขวบ ซึ่งตอนนี้เป็นเหมือนกระจกที่สะท้อนความบริสุทธิ์ของความรักในบ้านหลังนี้ อีธานเติบโตมาภายใต้ความรักที่เท่าเทียมและอ่อนโยน ซึ่งตรงกันข้ามกับวัยเด็กที่เต็มไปด้วยความกดดันและความคาดหวังของดีแลนอย่างสิ้นเชิง
วงจรชีวิตที่เปลี่ยนไปของอดีตปีศาจการเปลี่ยนแปลงของดีแลนไม่ได้มีแค่ภายนอก แต่ยังรวมถึง ตารางชีวิต ที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ในอดีต วันของดีแลนเริ่มต้นด้วยการโทรศัพท์ทางธุรกิจข้ามทวีปตั้งแต่ตีห้า การประชุมที่ดุเดือด และการตัดสินใจที่ต้องแลกมาด้วยความเลือดเย็น
ในปัจจุบันวันของเขาเริ่มต้นด้วยการดูแลครอบครัว
การอ่านนิทานและตารางการเตะ หลังจากที่อีวาตื่นและทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว ดีแลนจะพาลูกชายอีธานมานั่งข้าง ๆ ท้องของอีวา และพยายามอ่านหนังสือภาพให้ลูกแฝดฟังผ่านหน้าท้องของแม่ ดีแลนเชื่ออย่างแรงกล้าว่าลูกแฝดของเขามีพัฒนาการที่ก้าวกระโดด เขาจะจดบันทึก "ตารางการเตะประจำวัน" (Daily Kick Chart) อย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่าทั้ง โปรเจกต์อัลฟ่าและ โปรเจกต์เบต้ามีการเคลื่อนไหวที่สมดุลกัน
งานมูลนิธิที่เต็มไปด้วยความหมายดีแลนใช้ความเฉลียวฉลาดทางธุรกิจทั้งหมดที่มีในการบริหาร มูลนิธิคาร์เตอร์แบล็กเวลล์เพื่อความยุติธรรม เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในการพบปะกับผู้ด้อยโอกาสทางกฎหมาย ให้คำปรึกษา และมอบความหวังให้แก่พวกเขา เขาพบว่าความสุขที่แท้จริงไม่ได้มาจากการเอาชนะคู่แข่งในตลาด แต่มาจากการได้เห็นรอยยิ้มของผู้ที่ได้รับความยุติธรรมคืนมา
การฝึกฝนความอ่อนโยนดีแลนยังคงฝึกฝนความอ่อนโยนอย่างต่อเนื่อง เขาฝึกการพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลกับอีธาน ไม่ใช่แค่กับอีธาน แต่กับทุกคนรอบข้าง นี่คือการต่อสู้กับสัญชาตญาณเก่าที่เคยสั่งการและควบคุมทุกอย่าง
ความรู้สึกของอีวาต่อการเปลี่ยนแปลงอีวาเองก็รู้สึกถึงความปลอดภัยและความสมบูรณ์แบบที่โอบล้อมพวกเขาไว้ ความกลัวที่เคยมีต่อดีแลนได้หายไปจนหมดสิ้น เหลือไว้เพียงความรักและความเคารพ เธอรู้ว่าการที่ผู้ชายที่เคยเย่อหยิ่งและหยิ่งผยองขนาดนี้ยอมลงมาทำสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยความรักเช่นนี้ ต้องใช้ความพยายามอย่างมหาศาล
“เขาไม่เคยรักใครมาก่อน และตอนนี้เขาก็กำลังมอบความรักทั้งหมดให้กับฉันและลูก ๆ ของเรา”อีวาคิดในใจเสมอ ความรักของดีแลนคือสิ่งที่บริสุทธิ์และมีค่าที่สุด เพราะมันแลกมาด้วยการสละทุกสิ่งที่เขาเคยครอบครอง
ความสมบูรณ์แบบที่เปราะบาง (The Fragile Edge)
ความสงบสุขที่พวกเขาได้รับนั้นแทบจะสมบูรณ์แบบ แต่ก็ยังคงมีความ เปราะบางซ่อนอยู่ใต้ผิวเผิน
ลูคัส แบล็กเวลล์ ผู้เป็นบิดาของดีแลน ถูกบีบให้ออกจากบริษัทและถูกฟ้องร้องจากผู้ถือหุ้นรายย่อยอย่างหนักหลังจากการให้การของดีแลนในศาล แต่ลูคัสใช้เงินประกันตัวออกมาและ เก็บตัวเงียบสนิท ในคฤหาสน์เก่าของเขาเอง
สำหรับดีแลน นี่คือสัญญาณอันตรายที่สุด
“พ่อผมไม่เคยอยู่นิ่ง ๆ อีวา” ดีแลนเคยสารภาพกับภรรยาของเขาในค่ำคืนหนึ่ง “การที่เขาเงียบแบบนี้หมายความว่าเขากำลัง วางแผนสิ่งที่ใหญ่กว่า... สิ่งที่พ่อผมรักที่สุดคืออำนาจและศักดิ์ศรีของตระกูล... และผมคือคนที่ทำลายมัน”
ความวิตกกังวลของดีแลนแม้ภายนอกดีแลนจะดูสงบ แต่เขายังคงต่อสู้กับ บาดแผลทางใจ (PTSD) จากอดีตอยู่บ้างเป็นครั้งคราว
ฝันร้าย บางครั้งดีแลนยังคงฝันถึงการปะทะครั้งสุดท้ายกับบิดาในห้องทำงานของเขา ฝันถึงความเยือกเย็นของลูคัส และเสียงคำรามที่เต็มไปด้วยความแค้น ดีแลนจะตื่นขึ้นมากลางดึกด้วยความรู้สึกตื่นตระหนก และต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าความจริงที่ว่าเขาได้หลุดพ้นจากอิทธิพลนั้นแล้วจะกลับมา
การเฝ้าระวัง ดีแลนติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีที่สุดในบ้าน แต่เขาก็ยังคงตรวจสอบมันด้วยตัวเองทุกคืน เขามักจะเดินตรวจตราสวนกุหลาบในความมืดเพียงลำพัง ราวกับกำลังรอให้เงาที่เขาหนีมาตลอดปรากฏตัวขึ้น
จุดเริ่มต้นของการคุกคาม (The First Ripple)
ขณะที่อีวาตั้งครรภ์เข้าสู่ช่วงเดือนที่เจ็ด และความสุขในครอบครัวกำลังถึงขีดสุด ความสงบสุขก็ถูกกระชากออกไปอย่างรุนแรง
วันนั้นเป็นวันที่ดีแลนกำลังช่วยอีธานสร้างปราสาททรายเล็ก ๆ ในสวนหลังบ้าน (โดยใช้วัสดุที่อ่อนนุ่มที่สุดเพื่อความปลอดภัย) บุรุษไปรษณีย์ก็ได้นำ ซองจดหมายขนาดใหญ่ ที่ส่งมาจากสำนักงานทนายความมาวางไว้ที่กล่องจดหมาย
ดีแลนเปิดซองจดหมายนั้นด้วยความประหลาดใจ เพราะเขาคิดว่างานด้านกฎหมายของเขาน่าจะจบลงแล้วหลังจากคดีความของมูลนิธิ
ทันทีที่เขาอ่านหัวกระดาษของจดหมาย ใบหน้าของดีแลนก็แข็งทื่อ เลือดในกายของเขารู้สึกเย็นยะเยือก
จดหมายนั้นไม่ได้มาจากทนายความของลูคัสโดยตรง แต่มาจากสำนักงานกฎหมายที่ชื่อว่า มอร์แกน แอนด์ พาร์ทเนอร์ส ซึ่งเป็นที่รู้จักในวงการว่ามีความสามารถในการค้นหาช่องโหว่ทางกฎหมายที่ไม่มีใครคาดคิด และมีจรรยาบรรณที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินที่สุด
เนื้อหาของจดหมายระบุอย่างชัดเจนว่า
“ขอแจ้งให้ท่านทราบว่า สำนักงานของเราในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากผู้บริจาคที่ไม่เปิดเผยนาม กำลังดำเนินการตรวจสอบทางกฎหมายครั้งใหญ่ต่อมูลนิธิคาร์เตอร์แบล็กเวลล์ของท่าน โดยมุ่งเน้นที่ความโปร่งใสในการใช้เงินชดเชยที่ได้รับจากคำตัดสินของศาล และความเหมาะสมในการบริหารจัดการองค์กรที่เน้นความยุติธรรม…”
ดีแลน กำกระดาษแผ่นนั้นแน่นจนมันยับยู่ยี่ เขารู้ทันทีว่านี่คือฝีมือของบิดาเขา ลูคัส แบล็กเวลล์ กำลังเริ่มเกมใหม่ และคราวนี้เขาไม่ได้โจมตีที่ทรัพย์สิน แต่โจมตีที่ จิตวิญญาณของดีแลนและอีวานั่นคือ ความซื่อสัตย์สุจริต และ มูลนิธิที่เป็นสัญลักษณ์ของการไถ่บาปของพวกเขา
ดีแลนเงยหน้าขึ้นมองอีวาที่กำลังอุ้มอีธานอยู่ใต้แสงแดดอ่อน ๆ รอยยิ้มที่บริสุทธิ์ของลูก ๆ คือแรงผลักดันเดียวที่ทำให้เขาต้องยืนหยัดต่อสู้กับเงามืดที่กำลังคืบคลานเข้ามานี้
---
บทเสริม: ความท้าทายใหม่—การเป็นผู้นำด้านศีลธรรม การกลับเข้าสู่สาธารณะชนในฐานะผู้ไถ่บาปหลายปีหลังจากที่ ดีแลน แบล็กเวลล์ยุติสงครามกับบิดาและทิ้งอาณาจักรธุรกิจของเขาไป เขาก็ใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบในฐานะคุณพ่อและผู้บริหารมูลนิธิ อย่างไรก็ตาม ชื่อเสียงของเขาในฐานะอดีตซีอีโอที่ยอมสละทุกอย่างเพื่อความถูกต้องและภรรยาของเขา ก็ยังคงดึงดูดความสนใจจากโลกภายนอกอยู่เสมอมูลนิธิคาร์เตอร์-แบล็กเวลล์ ไม่ได้เป็นเพียงองค์กรการกุศล แต่กลายเป็น สถาบันทางความคิด ด้านจรรยาบรรณธุรกิจ ดีแลนและอีวาเริ่มได้รับคำเชิญให้ไปพูดในที่สาธารณะ โดยเฉพาะจากสถาบันการศึกษาและกลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ดีแลนตัดสินใจที่จะกลับเข้าสู่สาธารณชนอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ใช่เพื่อแสวงหาอำนาจ แต่เพื่อ มอบบทเรียนที่เขาได้รับมาจากการไถ่บาปของเขา ปาฐกถาที่มหาวิทยาลัย: บทเรียนจากความมืดมิด วันหนึ่ง ดีแลนได้รับเชิญให้ไปบรรยายที่มหาวิทยาลัยชั้นนำ ซึ่งเป็นสถาบันที่เขาเคยบริจาคเงินจำนวนมหาศาลเพื่อล้างภาพลักษณ์ของตระกูลในอดีต แต่คราวนี้เขามาในฐานะ วิทยากรที่มีความซื่อสัตย์เมื่อดีแลนยืนอยู่บนเวที ห้องประชุมเต็มไปด้วยนักศึกษาและนักธุรกิจที่ต่างจ
บทเสริม: ช่วงเวลาแห่งแสงแดด—ฤดูหนาวในบ้านที่อบอุ่น พลังงานของฤดูหนาว (The Winter Solace)เป็นช่วงกลางฤดูหนาวในคฤหาสน์บนเนินเขาหลังใหม่ของครอบครัวแบล็กเวลล์ แม้ภายนอกจะปกคลุมด้วยความเย็นยะเยือก แต่ภายในบ้านกลับอบอวลไปด้วยไออุ่นจากเตาผิงและกลิ่นหอมของช็อกโกแลตร้อนที่ อีวา กำลังเตรียมอยู่ลูก ๆ ทั้งสามคนกำลังวุ่นวายอยู่กับกิจกรรมของตนเองในห้องนั่งเล่น:อีธาน (วัยเจ็ดขวบ) นั่งอยู่บนพรมหน้าเตาผิง เขากำลังพยายามสานผ้าพันคอสีเข้มให้กับ ดีแลนโดยมีสมาธิอย่างสูง ตามแบบฉบับของเขาที่ชอบทำงานฝีมือที่ละเอียดอ่อนโนอาห์ (วัยหกขวบ) ที่เต็มไปด้วยพลังงานและความคิดสร้างสรรค์ กำลังก่อสร้างป้อมปราการขนาดใหญ่จากหมอนอิงและผ้าห่มกลางห้อง เขามักจะอธิบายถึงโครงสร้างของป้อมปราการอย่างละเอียดด้วยศัพท์ทางวิศวกรรมที่เขาไปค้นคว้ามาลินน์(วัยหกขวบ) ผู้มีจิตใจอ่อนโยนและจินตนาการกว้างไกล กำลังนั่งวาดรูปครอบครัวอยู่บนโต๊ะกาแฟ เธอวาดกุหลาบขาวดอกใหญ่ไว้ที่มุมหนึ่งของภาพเสมอดีแลน กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์เก่า ๆ (เขาไม่สนใจข่าวสารทางธุรกิจอีกต่อไป) แต่ดวงตาของเขากลับมองเลยขอบกระดาษเพื่อเฝ้าดูลูก ๆ ของเขาอย่างเงียบ ๆอีว
บทเสริม: การเดินทางเพื่อรำลึก—การกลับไปสู่จุดเริ่มต้น วันครบรอบ การเดินทางที่ไม่ใช่การหนีเจ็ดปีผ่านไปนับตั้งแต่ ดีแลน แบล็กเวลล์ และ อีวา คาร์เตอร์ เริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนของพวกเขา และครบรอบห้าปีนับตั้งแต่การกำเนิดของลูกแฝด โนอาห์ และ ลินน์ ชีวิตของพวกเขาถูกเติมเต็มด้วยความสุขสงบ และการเติบโตของลูก ๆ ทั้งสามปีนี้ในวันครบรอบ ดีแลนและอีวาตัดสินใจที่จะเดินทางไปพักผ่อนเพียงลำพัง โดยฝาก อีธาน, โนอาห์, และ ลินน์ ไว้กับพี่เลี้ยงที่ไว้ใจได้ การเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่การเดินทางเพื่อการพักผ่อนทั่วไป แต่เป็นการเดินทางเพื่อ รำลึกถึงจุดเริ่มต้น ของพวกเขาจุดหมายปลายทางของพวกเขาคือ ที่ดินเก่าของตระกูลคาร์เตอร์ ที่ตอนนี้ถูกพัฒนาเป็น ศูนย์การเรียนรู้และยุติธรรมสำหรับเยาวชน ภายใต้การดูแลของมูลนิธิ ที่ดินนี้เคยเป็นจุดเริ่มต้นของความแค้นและความเจ็บปวดทั้งหมดของพวกเขาการเดินทางที่เงียบสงบดีแลนขับรถไปอย่างช้า ๆ มือของเขากุมมือของอีวาไว้ตลอดทาง พวกเขาสื่อสารกันด้วยความเงียบมากกว่าคำพูด ความเงียบที่เต็มไปด้วยความเข้าใจและซาบซึ้งในเส้นทางที่พวกเขาได้เดินผ่านมาอีวา: "คุณยังจำได้ไหมคะ ดีแลน วันที่คุณ
บทเสริม: การเติบโต—ปีที่สี่ของแบล็กเวลล์น้อยความวุ่นวายที่มีระเบียบ (Structured Chaos)สี่ปีผ่านไปอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่การกำเนิดของลูกแฝด โนอาห์และ ลินน์ บ้านคาร์เตอร์-แบล็กเวลล์ไม่ได้เป็นเพียงบ้านที่อบอุ่นอีกต่อไป แต่เป็นศูนย์กลางของพลังงานที่ไม่เคยหยุดนิ่ง อีธานตอนนี้อายุห้าขวบ เป็นพี่ชายที่รักน้องและเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของพ่อแม่ ส่วน โนอาห์และ ลินน์ แฝดสี่ขวบ กำลังอยู่ในช่วงของการค้นพบโลกและเต็มไปด้วยคำถามที่ไม่สิ้นสุดดีแลนผู้ที่เคยเป็นซีอีโอที่เคร่งครัด ได้เปลี่ยนบทบาทเป็นคุณพ่อที่อดทนและมีไหวพริบ เขาใช้หลักการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลที่เขาเคยใช้ในบริษัทมาปรับใช้กับการเลี้ยงลูกได้อย่างน่าประหลาดใจในห้องครัวที่เต็มไปด้วยแสงแดด ดีแลน กำลังพยายามทำอาหารเช้าสามอย่างพร้อมกัน (โจ๊กสำหรับอีธาน, แพนเค้กสำหรับโนอาห์, และผลไม้สำหรับลินน์) ในขณะที่ต้องตอบคำถามที่ซับซ้อน:โนอาห์ "คุณพ่อคะ ทำไมพระอาทิตย์ต้องไปนอนด้วยคะ? โนอาห์ไม่เคยไปนอนตอนเที่ยงวันเลย!"ดีแลน"เพราะพระอาทิตย์ต้องให้ดวงจันทร์ได้ทำงานบ้างครับ ลูกชาย มันเหมือนกับการแบ่งปันหน้าที่กันในครอบครัวไงครับ"ลินน์(นั่งวาดรูปอยู่บนเก้า
เนื่องจากข้อจำกัดทางเทคนิคในการสร้างข้อความ ความสุขที่สมบูรณ์แบบของครอบครัว (The Complete Joy) ยามเช้าในบ้านคาร์เตอร์-แบล็กเวลล์: วงจรชีวิตใหม่บ้านคาร์เตอร์-แบล็กเวลล์ในช่วงเช้าไม่ได้เงียบสงบอีกต่อไป แต่เต็มไปด้วยพลังงานที่วุ่นวายและเสียงหัวเราะ ดีแลน ตื่นก่อนใครเสมอ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เพื่ออ่านรายงานการเงิน แต่เพื่อตรวจสอบอุณหภูมิห้อง, เตรียมขวดนมสองขวดที่ผ่านการฆ่าเชื้ออย่างสมบูรณ์แบบ, และเตรียมชาขิงให้กับ อีวาเมื่อลูกแฝด โนอาห์ (มักจะตื่นก่อนและมีเสียงดัง) และ ลินน์ (มักจะตื่นทีหลังและร้องเบา ๆ) เริ่มส่งเสียงร้องขออาหารเช้าจากห้องทารก อีธาน ลูกชายคนโตวัยสามขวบก็จะวิ่งลงจากเตียงและตรงมาที่ห้องพ่อแม่เพื่อขอให้ ดีแลน อุ้มเขาไปดูน้อง ๆดีแลน ที่เคยรังเกียจความวุ่นวายและสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้ ตอนนี้กลับโอบกอดความโกลาหลนี้ไว้ด้วยความสุขเต็มเปี่ยม เขาสามารถอุ้ม อีธาน ไว้ที่สะโพกข้างหนึ่ง ขณะที่ใช้มืออีกข้างผสมนมผงสำหรับแฝดได้อย่างชำนาญการทำงานเป็นทีมที่ไร้ที่ติอีวา ที่ออกมาจากห้องด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน จะเดินตรงไปหา ลินน์ ทันที ขณะที่ดีแลนจัดการกับ โนอาห์ ที่เริ่มส่งเสียงเรียกร้องอย่าง
ความทรงจำของลูคัสและจุดจบของยุคสมัย ความเงียบเหงาที่ถูกควบคุม (The Controlled Solitude)หลังจากที่ ลูคัส แบล็กเวลล์ยอมลงนามในสัญญาการยอมรับความผิด เขาถูกย้ายไปยังสถานที่ดูแลส่วนตัวที่ห่างไกลออกไปภายใต้ข้อตกลงลับกับดีแลน ที่ซึ่งเขายังคงได้รับการดูแลทางการแพทย์และสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดที่เคยมี แต่เขาถูกตัดขาดจากการควบคุมโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิงสถานที่นั้นเป็นคฤหาสน์ขนาดเล็กตั้งอยู่บนเนินเขาที่เงียบสงบ แต่สำหรับลูคัส มันคือ คุกที่เต็มไปด้วยความหรูหรา ไม่มีอินเทอร์เน็ต ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีผู้บริหารคนใดมาเข้าพบ มีเพียงพยาบาลและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ถูกจ้างโดยดีแลนเท่านั้นการเผชิญหน้ากับความว่างเปล่าตลอดชีวิตของลูคัส เขาเคยชินกับการกรอกเวลาทุกวินาทีด้วยการวางแผน การบงการ และการแสวงหาอำนาจ แต่ตอนนี้... เวลาว่างเปล่า ได้กัดกินเขาอย่างช้า ๆเขานั่งอยู่ในห้องสมุดที่เต็มไปด้วยหนังสือที่ไม่เคยเปิดอ่าน มองออกไปนอกหน้าต่างที่เผยให้เห็นทิวทัศน์ที่สวยงาม แต่ความงามเหล่านั้นไม่ได้สร้างความหมายใด ๆ ให้กับเขาเลย“ฉันทำอะไรลงไป?” ลูคัสคิดในใจเป็นครั้งแรกในชีวิต ไม่ใช่การเสียดายที่สูญเสียธุรกิจ







