Share

บทที่ 33

Author: Karawek House
last update Last Updated: 2025-08-28 23:58:53

“ถ้าคุณต้องการสิ่งยืนยัน ผมสามารถจัดแจงให้สิ่งมีชีวิตที่พวกคุณเรียกว่า ‘ปีศาจ’ มาพบคุณได้ทุกเมื่อ เพื่อยืนยันว่าทุกอย่างที่ผมพูดเป็นความจริง และเพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งมีชีวิตเก่าแก่โบราณที่ว่านี้ ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่มนุษย์เข้าใจ”

“นานมาแล้วมีข่าวเล่าลือว่า นายพลวิลเลียม วิลส์ตัน บิดาของเจ้ากรมการคลัง กับพี่ชายเขาอีกสองคน ตายจากไปอย่างลึกลับที่แนวเขาสลับซับซ้อนทางตอนเหนือ มาคิดๆ ดู ก็น่าจะเป็นเพราะสิ่งมีชีวิตเก่าแก่โบราณที่คุณพูดถึง...ถึงจะไม่ค่อยแสดงออก แต่เจ้ากรมการคลังก็เกลียดชังและสาปส่งดินแดนหลังแนวเขาตลอดจนสิ่งที่เชื่อกันว่าเป็นเทพ เทวดามาตั้งแต่ตอนนั้น เกลียดชังถึงขั้นเรียกที่นั่นว่า ‘ดินแดนของพวกปีศาจร้าย’ ก่อนที่ใครต่อใครจะพากันเรียกอย่างทุกวันนี้เสียอีก ต่อให้มีผลประโยชน์มากมายรออยู่ คนชิงชังสิ่งมีชีวิตเก่าแก่โบราณในพื้นที่หลังแนวเขาอย่างเขาจะไม่มีวันร่วมมือกับพวกที่ตัวเองเกลียดชังเป็นแน่” ขุนนางสูงวัยพึมพำคล้ายจะเอ่ยกับตัวเองมากกว่า

“ผมเพิ่งทราบว่าท่านเจ้ากรมการคลังมีความเป็นมาแบบนี้...”

บางทีนี่อาจเป็นอีกสาเหตุ ที่เจ้ากรมการคลังสนับสนุนให้ก่อสงครามกวาดล้างทุกชีวิตในดินแดนเร้นลับหลังแนวเขา

ไม่ว่าเรื่องการตายของคนในครอบครัวจะส่งผลต่อการตัดสินใจเจ้ากรมการคลังอย่างไร แต่เรื่องนี้ก็เป็นข้อมูลใหม่ที่ไซรัสนับว่าเป็นผลดีต่อตัวเองในยามนี้

อย่างน้อยๆ มันก็ทำให้เจ้ากรมการเมืองยอมเชื่อใจเขาง่ายขึ้น

“ช่วงนี้การติดต่อกับสิ่งมีชีวิตที่ได้ชื่อว่าแตกต่างจากมนุษย์มีความเสี่ยง แค่ต้องสงสัยเท่านั้น บางคนกลับโดนประชาทัณฑ์ โดนตราหน้าว่าเป็นกบฏ...รู้อย่างนี้แล้ว คุณยังกล้ายืนยันเรื่องที่พูดไหม” ขุนนางสูงวัยยังคงซักต่อไป

“ผมทราบเรื่องนี้ดี และกล้ายืนยันในสิ่งที่ตัวเองพูด”

“ดี” ท่านเจ้ากรมการเมืองลุกขึ้นยืนประชันหน้ากับเขา “ผมต้องการหลักฐานยืนยัน ว่าเรื่องที่คุณเล่าเป็นความจริง”

“ถ้าอย่างนั้น ผมจะจัดแจงนัดแนะให้เพื่อนรายที่ว่าส่งคนมาพบคุณเป็นการส่วนตัวในอีกเจ็ดวันข้างหน้า”

“ไม่” เจ้าบ้านปฏิเสธทันที “อย่างที่ผมเพิ่งบอกไป การติดต่อกับพวกเผ่าพันธุ์เก่าแก่โบราณจากดินแดนเร้นลับเป็นเรื่องเสี่ยง ผมจะไม่ยอมตายหรือถูกทำลายลงทั้งๆ ที่บ้านเมืองกำลังยุ่งเหยิงแบบนี้”

“ผมไม่เคยคิดจะทำร้ายคุณ” ไซรัสยืนยัน

“ผมเชื่อคุณ ไซรัส แต่ประสบการณ์มันสอนให้ผมรู้ ว่าไม่ควรเชื่อความรู้สึกตัวเองมากเกินไป”

“ถ้าอย่างนั้น คุณต้องการให้ผมทำยังไง”

ขุนนางสูงวัยเหลียวมองภาพวาดฝูงนกบินเหนือปราสาทหลังงามด้วยสีหน้าพึงพอใจ

“เพื่อนที่คุณพูดถึง เขาเป็นสิ่งที่ตอนนี้ผู้คนเรียกว่า ‘ปีศาจ’ ใช่ไหม”

“ครับ”

“ปีกสีดำ บินได้เหมือนนก รูปร่างหน้าตาคล้ายมนุษย์”

“ครับ เป็นอย่างที่ท่านเจ้ากรมว่า”

เจ้าบ้านพยักหน้าน้อยๆ ก่อนเอ่ยประโยคที่ฟังดูคล้ายคำท้าทาย

“ถ้าอย่างนั้น อีกเจ็ดวันให้หลัง ตอนเที่ยงคืน ให้เพื่อนคุณส่งพรรคพวกสักตนมาบินผ่านคฤหาสน์หลังนี้จากทิศตะวันออกไปทางทิศตะวันตก เขาจะทิ้งหลักฐานยืนยันอะไรไว้ก็ได้...แน่นอนว่าต้องมีหลักฐาน หามาสักอย่างให้ผมเชื่อว่าเขาเป็นหนึ่งในพวกเผ่าพันธุ์โบราณจากดินแดนเร้นลับ และตั้งใจมาพบผมก็เพราะคุณ”

“ครับ”

“ยังมีอีก” ขุนนางสูงวัยไม่ลืมกำชับเรื่องสำคัญ “ไม่ว่าจะอย่างไร ห้ามเพื่อนคุณบินเข้าใกล้คฤหาสน์หลังนี้ให้เป็นที่สงสัยเด็ดขาด ถ้ามีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้น ผมคงต้องทำอย่างที่สังคมคาดหวังให้ทำ”

ไซรัสขมวดคิ้วเล็กน้อย เป็นเชิงถาม แล้วอีกฝ่ายก็ตอบให้อย่างไม่ลังเล

“ผมต้องขับไล่ปีศาจ เพื่อป้องกันไม่ให้ใครใช้เรื่องนี้มาทำลายจอมขัดคออย่าง เจ้ากรมการเมืองริชาร์ด แกรนเทรนท์

“ครับ” ไซรัสรับคำทันที “เป็นการดีที่คุณบอกข้อจำกัดชัดเจน...ดีต่อทั้งคุณ ผม แล้วก็สหายจากดินแดนเร้นลับที่ต้องมาปรากฏตัวในเมืองหลวง”

“จบเรื่องบ้านเมืองก็เหลือเรื่องในเรือน” คราวนี้ขุนนางสูงวัยยกมือขึ้นกอดอก วางสีหน้าเอาเรื่อง “วันนี้ก่อนลงจากเรือนหลังใหญ่ ผมเห็นคุณอยู่กับลูกสาวสองคน คนแรกลูกสาวคนโต อีกคน ลูกสาวคนเล็ก”

บทสนทนาเหนือความคาดหมายทำให้พ่อค้าผู้เข้าสังคมเก่งกาจ พูดจาลื่นไหล ถึงกับนิ่งไปทันที

“คุณควรรู้ว่าผมรักลูกสาวมากแค่ไหน ผู้คนชอบพูดว่าผมลำเอียงรักลูกสาวคนโตกับคนรองมากกว่า แต่นั่นไม่จริงเลย ผมรักลูกสาวสามคนเท่ากันเสมอ รักเหมือนแก้วตาดวงใจ” คนเป็นพ่อคน เอ่ยโดยไม่ละสายตาดุๆ ไปจากเขา “ผมแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวเสมอ แต่จำเอาไว้ให้ดี ไซรัส ถ้าคุณทำร้ายหรือทำให้ลูกสาวคนหนึ่งคนใดของผมเสียใจ ผมจะไม่มีวันให้อภัยคุณเด็ดขาด”

ไซรัสประทับใจในความเอาจริงเอาจังนั้น ความจริงเขาถึงกับตกใจจนเผลอกลืนน้ำลายลงคอเลยด้วยซ้ำ

“ผมจะจำใส่ใจเอาไว้ครับ” ตอบแล้ว คนโดนขู่ก็นึกถึงช่วงเวลาชวนหวามไหวในสระน้ำพุกับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ขึ้นมา...

เขาไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ทำคือการทำร้ายหรือเปล่า ความจริงแล้ว ต้นเหตุของทั้งสองหนมันเริ่มจากการยื่นมือเข้าช่วยเหลือเธอด้วยซ้ำ

ห้ามทำร้าย...ห้ามทำให้เสียใจ พ่อค้าหนุ่มลองวิเคราะห์ประโยคเหล่านั้นในใจ

ห้ามทำร้าย ห้ามทำให้เสียใจ...แต่ไม่ได้ห้ามแตะต้อง?

ความคิดฟุ้งซ่านที่วาบขึ้นในห้วงคิด ทำให้คนโดนขู่แทบกลั้นยิ้มไม่ไหว

ดูเหมือนท่านเจ้ากรมการเมืองจะลืมห้ามเรื่องสำคัญไปเรื่องหนึ่ง...แต่แน่นอน ไซรัสไม่คิดจะเตือนเจ้ากรมสูงวัยในข้อนี้

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 61

    “ขออภัย ขอผมอกไปสูดอากาศข้างนอกสักครู่” นี่เป็นคำพูดตัดบทขอปลีกตัวที่ไซรัสมองว่าช่างฟังดูทื่อและเสียมารยาทที่สุดเท่าที่เขาเคยทำหลุดจากริมฝีปาก แต่ตอนนี้สมองเขาเริ่มตื้อตันเกินกว่าจะนึกอะไรไหว“สีหน้าคุณดูไม่ดีเลย ไม่สบายหรือเปล่าคะ เราติดต่อขอความช่วยเหลือมหาดเล็กขอให้เขาช่วยจัดห้องพักให้คุณดีไหม”“อย่าให้ใครต้องลำบากเลยครับ ผมแค่มึนหัวนิดหน่อยเท่านั้น” เขาเริ่มนึกถึงสวน นึกถึงต้นไม้รกครึ้ม ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไม่ปกติก็ยิ่งอยากซ่อนตัวมากขึ้นเท่านั้น“ถ้าอย่างนั้น เราออกไปที่อุทยานกลางดีไหมคะ” สิ่งที่พริสซิลล่าเสนอ ตรงใจเขาพอดี “นะคะ เดินออกไปทางประตูตะวันออก แป๊บเดียวก็ถึงแล้ว เดี๋ยวดิฉันจะพาไป”“เปลี่ยนเป็นบอกทางดีกว่าครับ หายไปด้วยกัน ใครเห็นเข้าจะดูไม่ดี”พริสซิลล่ากัดริมฝีปากอย่างขัดใจ“แต่คุณบอกว่ามึนหัวนี่คะ” เธอจ้องหน้าเขา แววตาบ่งบอกว่าจะไม่ยอมทำตามที่บอกแน่ๆบทจะดื้อ ก็ดื้อดึงขึ้นมาแววตาท่านหญิงผมทองยามนี้ ดูรั้น ไม่ยอมคน คล้ายอัยน์นาอย

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 60

    “ตาถั่วน่ะสิ” แอนนาเบลถลึงตาใส่ “เถียงคำไม่ตกฟาก แค่ถามว่าฉันทำหายที่ไหนแล้วช่วยกันหาไม่ได้หรือไง นั่นของแพงมากนะยะ”“แล้วคุณพี่ไปทำตกไว้ที่ไหนล่ะคะ”คำถามสั้นๆ จากอันย์นา ทำเอาท่านหญิงคนรองสะอึกหล่อนกลอกตา ก่อนตอบ“ในสวน”“ในสวน...? สวนไหนคะ”“ก็สวนใกล้ๆ นี่น่ะสิ!” แอนนาเบลแหวใส่ “เอาเป็นว่าหล่อนต้องมาช่วยฉันหา เดี๋ยวนี้!” บอกแล้ว คนอ้างว่าทำของหายก็เดินนำเธอมุ่งหน้าเข้าหาอุทยานที่เต็มไปด้วยพุ่มไม้ดอก ไม้ดัด และซุ้มไม้เลื้อยนานาชนิดแสงสลัวรางจากเสาติดตะเกียง ส่องให้คุณหนูทั้งสองจากตระกูลแกรนเทรนท์เห็นว่าอุทยานแห่งนี้กว้างขวางจนน่าตกใจ“คุณพี่ไปทำหายบริเวณไหนคะ” อัยน์นาถามหลังกวาดสายตามองไปรอบๆเธอแน่ใจว่าคนอย่างแอนนาเบลไม่มีทางทิ้งงานเลี้ยงหรูหราลงมาที่อุทยานซึ่งทั้งมืดสลัว ทั้งกว้างขวาง ทั้งเงียบเชียบ แบบนี้คนเดียวแน่ แต่ครั้นจะพูดว่ารู้ทัน ประเดี๋ยวพี่สาวจอมโวยวายรายนี้ ก็คงส่งเสียงแหลมแสบแก้วหูปฏิเสธคอเป็นเอ็น กลาย

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 59

    “คุณจืดชืดจนใครต่อใครอิจฉา...จืดชืดเสียจนผมละสายตาจากคุณไม่ได้”กระทั่งคำพูดเชิงลบแบบนี้ ยังใช้เกี้ยวพาราสีผู้หญิงได้...เชื่อเขาเลยอัยน์นาพยายามเตือนตัวเองว่าชายคนนี้เป็นจอมเสแสร้ง ทั้งที่เกิดขัดเขินขึ้นมาจนแก้มตึง“ข่าวว่าท่านผู้หญิงสั่งตัดชุดราตรีสีฟ้าสดใสให้คุณสวมมางานนี้...เพราะอะไรถึงกลายเป็นสีทองไปได้” จู่ๆ เขาก็ชวนเปลี่ยนหัวข้อพูดคุยเสียอย่างนั้นไม่เปลี่ยนเรื่องเปล่า ยังมองเสไปทางอื่นชั่วครู่อีกด้วยคุณหนูเจ้ากรมการเมืองไม่ถึงกับรับความเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ทัน เพียงแต่รู้สึกชัดเจน ว่าเขาจงใจพาเธอออกจากบทสนทนาเกี้ยวพาราสีที่ตัวเขาเองเป็นคนเริ่ม ชวนให้สงสัยว่าภายใต้ใบหน้าสวมหน้ากากยิ้มแย้ม เป็นมิตร พ่อค้ารายนี้ คิดอะไรอยู่ในใจท่ามกลางบรรยากาศคลอเคล้าเสียงดนตรี อัยน์นาเผลอจ้องมองนัยน์ตาสีดำ นิ่ง นาน“ความลับค่ะ” เธอเลือกตอบสั้นๆ เพราะไม่อยากพูดเรื่องตัวเองให้ใครฟังเกินจำเป็น“น่าเสียดาย ที่ผมจะไม่มีโอกาสทำความรู้จักช่

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 58

    คิดได้ไม่เท่าไหร่ สายตาคมกริบก็สังเกตเห็นชายหนุ่มร่างสูง ผิวขาว รูปร่างสมส่วน สวมชุดสีดำ ขลิบขอบปกคอเสื้อไล่ยาวมาถึงชายด้วยดิ้นเงิน ดูเข้มขรึม น่าเกรงขามเธอจำเขาได้ดี...ถึงวันนี้เขาจะแต่งกายเป็นทางการผิดหูผิดตา แต่นัยน์ตาสีดำกับเส้นผมยาวเหยียดสีเดียวกันและท่าทีทรงอำนาจดุจราชาอย่างนี้ จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกเสียจากพ่อค้าน่าสงสัยวันนี้ไซรัสไม่ได้รวบผมต่ำอย่างทุกที แต่ปล่อยให้มันพลิ้วสยาย ติดจะดูเป็นทรงผมที่ดูสบายๆ เกินเหตุ แต่กลับน่ามองอย่างที่สุดเธอส่งยิ้มให้แล้วเดินตรงไปหาเขาทันที‘วันนี้คุณหนูอัยน์นาก็ยังต้องเป็นมิตรที่ดีต่อไซรัส’ นั่นเป็นสิ่งที่เธอบอกตัวเอง เมื่อเกิดแปลกใจที่สองขาพาร่างกายเข้าใกล้เขาโดยไม่แม้แต่จะหยุดคิดไซรัสเองก็คลี่ยิ้มน้อยๆ ให้เธอเช่นกันภาพเหล่านี้ ทำให้บรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ในวงสังคมพึงพอใจ...นัยว่าหมดคู่แข่งไปอีกราย แต่ไม่ใช่พริสซิลล่าตอนเห็นอัยน์นาเต้นรำกับเจ้าชาย เธออาจจะริษยา แต่ก็ยังรู้สึกดีกว่าตอนนี้ ตอนที่น้องสาวต่างมารดาพุ่งตรงเข้าหาผู้ชายที่เธอพึงใจโดยไม่หยุดคิดเล

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 57

    นานมากแล้วที่เสียงเพลงหวานซึ้งจากเครื่องสายดังกังวานใสขับกล่อมผู้คน และทำหน้าที่ต่างเสียงบอกจังหวะก้าวขาให้คู่เต้นรำที่เหลืออยู่เพียงคู่เดียวเท่านั้น“เธอเต้นเก่งมาก” คู่เต้นหนุ่มกระซิบแผ่วเบาในจังหวะที่อัยน์นาต้องหมุนตัวเข้าใกล้เขาอย่างช่วยไม่ได้“ไม่หรอกค่ะ เพราะคุณเต้นเก่งมากกว่า” เธอหมายความตามนั้นจริงๆถ้ามีใครมาถามว่าชายตรงหน้าเต้นรำเก่งแค่ไหน อัยน์นากล้าบอกทันทีว่าชายคนนี้เต้นเก่งมาก มากจนสามารถเปลี่ยนให้คนเต้นรำพอได้อย่างเธอกลายเป็นคนที่เหมือนเต้นเก่งได้ในพริบตาอยู่ในวงแขนเขา เธอก็ไม่ต่างจากขนนก ได้แต่ล่องลอยพลิ้วไหวไปตามสายลมทุกฝีเท้า ทุกการก้าวเดิน ทุกท่วงท่าการหมุนที่เขาชี้นำ ทำให้เธอได้รับเสียงปรบมือจากแขกในงานเป็นระยะเวลานี้ ใครต่อใครล้วนไม่กล้าก้าวขาเข้ามาเต้นเทียบเคียง พวกเขาเอาแต่เฝ้ามองเธอกับคู่เต้น...นั่นเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดที่สุด“ฉันไม่เคยเห็นหน้าเธอมาก่อน” นักเต้นหนุ่มบอกพลางยกแขนส่งให้เธอหมุนตัวใต้การควบคุมอีกครั้ง “

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 56

    กว่าตระกูลแกรนเทรนท์จะมาถึงประตูท้องพระโรงที่ใช้เป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงหนนี้ งานเลี้ยงก็เริ่มไปนานแล้วอย่างที่ท่านผู้หญิงว่า สร้างความพึงพอใจให้ท่านผู้หญิง พริสซิลล่า และแอนนาเบลไม่น้อยงานเลี้ยงหนนี้ จัดเป็นงานเลี้ยงเต้นรำอย่างที่อัยน์นาเคยได้ข่าวมันเป็นงานเลี้ยงขนาดใหญ่ ภายในท้องพระโรงกว้างขวางปูพรมสีแดงจัดผู้คนมากมายในชุดหรูหราต่างจับคู่เต้นรำ บ้างก็พูดคุย ยิ้มแย้มผู้คนและการแต่งกายว่าน่าประทับใจแล้ว ต้นเสาและเพดานโค้งสีขาวสลักลายละเอียดอ่อน โคมไฟระย้าคริสตัลขนาดใหญ่ใจกลางเพดาน สายประดับคริสตัลที่ห้อยทิ้งตัวเป็นสาย ช่อดอกลิลลี่สีขาวดอกใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วน ทหารยืนยามและบริกรในชุดหรูหรา วงดนตรีเล่นสดขนาดมหึมา เครื่องดื่มสีสันแปลกตามากกว่าสิบชนิด ม้านั่งบุกำมะหยี่สีแดงเข้มขาตั้งฉลุลายแบบเดียวกับเพดานดูเรียบหรูรับกับพื้นพรมและผนัง อาหารและของว่างนับร้อยชนิดจัดไว้เป็นคำๆ ประดับประดาด้วยผงสีทองสวยเด่น แต่ละรายละเอียดในงานเลี้ยงล้วนดูสวยงามมีระดับจนไม่อาจนิยามเพียงสั้นๆ ได้ว่า ‘น่าประทับใจ’“เข้าไปตอนนี้ต้องเด่นแน่ๆ ”

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status