Share

บทที่ 8

Author: Karawek House
last update Last Updated: 2025-08-20 22:57:09

รถม้าสีดำสนิทเทียมม้าขาวลักษณะดีเคลื่อนผ่านประตูรั้วเหล็กดัดแสนกว้างขวาง มุ่งหน้าเข้าหาคฤหาสน์หลังเขื่อง ซึ่งซุกตัวอยู่ท่ามกลางสวนวงกตและพันธุ์ไม้ไร้ดอกอย่างเชื่องช้า ทันทีที่รถม้าเคลื่อนถึงประตูทางเข้าคฤหาสน์ ไซรัสก็พบว่าเจ้าบ้านจัดให้คนรับใช้และทหารในสังกัดออกมายืนเรียงแถวรอต้อนรับแขกที่ได้รับเชิญอย่างเป็นระเบียบ

                ทันทีที่รถม้าจอดสนิท ลูคัสก็รีบถือกล่องของกำนัลลงจากรถม้า แล้วยืนรอไซรัสด้วยท่าทีเคารพยิ่ง

                “ไซรัส เจ้าของกิจการอัญมณีและแพรพรรณ” ไซรัสแนะนำตัวสั้นๆ ให้ชายเครางามที่ดูคล้ายจะเป็นหัวหน้าคณะต้อนรับแขก แล้วชายคนนั้น ก็ขานชื่อเขาเสียงดังกังวาน

                “ไซรัส เจ้าของกิจการอัญมณีและแพรพรรณ ผู้ปราดเปรื่องและกว้างขวาง”

                ประโยคนั้นดึงความสนใจจากแขกเหรื่อได้ทั้งงาน

                ไม่ทันที่คนรับใช้ชายจะนำทางไซรัสเดินเข้าข้างใน นายทหารร่างท้วมที่เคยได้รับแหวนเพชรเป็นของกำนัลก็รีบปราดเข้ามาจับมือทักทายเขาอย่างสนิทสนม

                “มาเสียที” เขาสวมกอดไซรัสราวกับเป็นมิตรสหายที่รักใคร่กันมานาน “ไป ไปพบท่านเจ้ากรมการคลังกับคนอื่นๆ กัน ใครใครก็อยากรู้จักคุณทั้งนั้น” ก้าวขาไปได้สักพัก ชายร่างท้วมก็ดูคล้ายจะนึกบางอย่างขึ้นได้ “ผมชื่อโรเบิร์ต โรเบิร์ต เมอร์สัน คุณเรียกผมโรเบิร์ตก็ได้”

                ใบหน้านิ่งเฉยดั่งหน้ากากยิ้มน้อยๆ แทนการรับคำ

                เจ้าของกิจการ ‘ผู้ปราดเปรื่องและกว้างขวาง’ ปล่อยให้โรเบิร์ตพาเขาไปแนะนำให้ เจ้ากรมการคลัง วิลสัน วิลส์ตัน และชนชั้นสูงคนอื่นๆ ด้วยความเต็มใจ เขามอบกล่องของกำนัลให้เจ้าของงานในวินาทีที่ทุกคนเข้ารุมล้อม ส่งผลให้เกิดเสียงฮือฮาดังก้องยามขุนคลังวัยสามสิบปลายๆ เปิดกล่องไม้ หยิบของข้างในออกมา

                “ทับทิมนี่ยังไม่ได้เจียระไนรึ?” ขุนนางผู้ยังดูหนุ่มแน่นถามอย่างอดไม่ได้

                “ครับ ตอนผมได้ทับทิมก้อนนี้มา มันก็กลมสวยเนื้อใสแบบนี้อยู่แล้ว”

                “ล้ำค่าเกินไป” ท่านเจ้ากรมการคลังเก็บทับทิมก้อนใหญ่ลงกล่องไม้แล้วส่งคืนให้เจ้าของ แต่ไซรัสก็รู้วิธีเล่นเกมนี้ดี

                หากจะมอบของกำนัลให้ขุนนางใหญ่ต่อหน้าธารกำนัล ก็ต้องทำให้การกระทำนั้นดูสมเหตุสมผล มีเหตุอันควรให้ผู้รับรับของไว้...

                “ถือเสียว่านี่เป็นสิ่งที่ผมส่งเข้าร่วมระดมทุน” ไซรัสเอ่ยด้วยท่าทีสุขุม “แม้เป็นเพียงพ่อค้า แต่ผมก็พอรู้มาว่าตอนนี้สถานการณ์แถบชายแดนน่ากลัวนัก เพื่อป้องกันชายแดนและกวาดล้างพวกเผ่าพันธุ์โบราณน่าหวาดหวั่นในดินแดนเร้นลับหลังแนวเขาต่อไปในอนาคต เราต้องใช้ทุนทรัพย์ไม่น้อย”

                “คุณช่างมีน้ำใจคิดถึงอาณาจักร” ท่านเจ้ากรมการคลังมองเขาด้วยแววตาชื่นชม

                ขุนนางใหญ่ส่งกล่องทับทิมให้โรเบิร์ตนำไปเก็บ ก่อนจะรับช่วงดูแลแนะนำพ่อค้าหนุ่มให้คนอื่นๆ รู้จักในฐานะ ‘สหาย’

                ไซรัสมิได้รังเกียจพฤติกรรมสนิทสนมนี้ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนเป็นผลดี และเขาก็พอใจจะทำความรู้จักกับทุกคนภายใต้การแนะนำอย่างยกยอจากเจ้าของงาน

                งานเลี้ยงระดมทุนดำเนินไปโดยมีพ่อค้าหน้าใหม่เป็นศูนย์กลางอยู่นาน จวบจนพ่อบ้านขานชื่อเจ้ากรมการเมืองแกรนเทรนท์และภรรยา ตลอดจนบุตรสาวทั้งสอง ทุกสายตาจึงจับจ้องไปทางนั้น คล้ายไม่คาดฝันว่าตระกูลเก่าแก่ที่กำลังตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ตระกูลนี้จะมาปรากฏตัว

                “ประกาศสี่ แต่มีห้าไม่ใช่รึ อย่าบอกเชียวนะ ว่าเอาลูกนอกสมรสมาออกงาน” ภรรยาขุนนางคนหนึ่งยกพัดป้องปากกระซิบกระซาบกับภรรยาขุนนางอีกคน แต่ไม่เบาพอที่คนหูดีอย่างไซรัสจะไม่ได้ยิน

                ‘ลูกนอกสมรส’ คำนั้นดึงความสนใจจากเขาได้ทันที 

                ไม่ทันที่ใครจะได้พูดอะไรมากไปกว่านี้ หญิงสาวอ่อนเยาว์ผิวขาวผ่องดั่งหิมะแรกของฤดูหนาวในชุดราตรีกระโปรงยาวกรอบเท้าสีขาวสะอาดตาก็ก้าวขาเข้ามายืนท่ามกลางสมาชิกครอบครัวแกรนเทรนท์ ราวกับคนกลุ่มนั้น ต้องการเปิดตัวเจ้าหญิงที่เฝ้าฟูมฟักมาเป็นเวลานาน

                สตรีผู้ไม่ได้รับการขานชื่อใช้ดวงตาสีนิลเปล่งประกายซื่อใสดั่งลูกกวางกวาดมองไปรอบๆ โถงกว้างอย่างเชื่องช้า เหมือนประหม่าและไม่เคยคุ้น ขับให้ใบหน้าสวยคมดูอ่อนหวานน่ารักขึ้นด้วยในคราวเดียวกัน

                “เปิดตัวรึ?” กลุ่มภรรยาขุนนางเริ่มซุบซิบนินทา ในขณะที่ฝ่ายสามีและบุตรชายมัวเหม่อมองจนลืมใส่ใจห้ามปราม ส่งผลให้ทั้งงานเกิดเสียงซุบซิบดังเซ็งแซ่

                ไซรัสไม่ชอบที่การปรากฏตัวของเธอดึงความสนใจจากบรรดาลูกค้าหน้าใหม่และกลุ่มคนที่ตนกำลังผูกไมตรี และยิ่งไม่พอใจที่ดวงตาส่องประกายแวววาวเหมือนท้องฟ้าในยามนี้ดึงดูดให้เขาเผลอละความสนใจจากเป้าหมาย ใบหน้าซึ่งปกติถ้าไม่คลี่ยิ้มบางๆ ก็นิ่งเฉย จึงพลันเครียดขึงขึ้นทันตา

                ดวงตาอ่อนโยนใสซื่อดั่งเนื้อทรายเหลียวมาสบตาเขาเข้าพอดี

                ชั่วพริบตานั้น เขาแน่ใจว่าดวงตาคู่งามดูแข็งกร้าวฉายแววดุดั่งนางเสือสาวที่พร้อมจะขย้ำคอเขาให้ขาดกระเด็น ก่อนจะเปลี่ยนกลับเป็นแววตาประหม่าของคนอ่อนต่อโลก รับกันกับใบหน้ารูปหัวใจ ดูสวยหวาน น่ารัก น่าถนอม

                น่าสนใจ

                เขาพยายามจะไม่สนใจ แต่สุดท้ายความพยายามนั้นก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 8

    รถม้าสีดำสนิทเทียมม้าขาวลักษณะดีเคลื่อนผ่านประตูรั้วเหล็กดัดแสนกว้างขวาง มุ่งหน้าเข้าหาคฤหาสน์หลังเขื่อง ซึ่งซุกตัวอยู่ท่ามกลางสวนวงกตและพันธุ์ไม้ไร้ดอกอย่างเชื่องช้า ทันทีที่รถม้าเคลื่อนถึงประตูทางเข้าคฤหาสน์ ไซรัสก็พบว่าเจ้าบ้านจัดให้คนรับใช้และทหารในสังกัดออกมายืนเรียงแถวรอต้อนรับแขกที่ได้รับเชิญอย่างเป็นระเบียบ ทันทีที่รถม้าจอดสนิท ลูคัสก็รีบถือกล่องของกำนัลลงจากรถม้า แล้วยืนรอไซรัสด้วยท่าทีเคารพยิ่ง “ไซรัส เจ้าของกิจการอัญมณีและแพรพรรณ” ไซรัสแนะนำตัวสั้นๆ ให้ชายเครางามที่ดูคล้ายจะเป็นหัวหน้าคณะต้อนรับแขก แล้วชายคนนั้น ก็ขานชื่อเขาเสียงดังกังวาน “ไซรัส เจ้าของกิจการอัญมณีและแพรพรรณ ผู้ปราดเปรื่องและกว้างขวาง” ประโยคนั้นดึงความสนใจจากแขกเหรื่อได้ทั้งงาน ไม่ทันที่คนรับใช้ชายจะนำทางไซรัสเดินเข้าข้างใน นายทหารร่างท้วมที่เคยได้รับแหวนเพชรเป็นของกำนัลก็รีบปราดเข้ามาจับมือทักทายเขาอย่างสนิทสนม “มาเสียที” เขาสวมกอดไซรัสราวกับเป็นมิตรสหายที่รักใคร่กันมานาน “ไป ไปพบท่านเจ้ากรมการคลังกับคนอื่นๆ กั

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 7

    ภายในห้องโดยสารบนรถม้า ไซรัสเคาะบัตรเชิญงานเลี้ยงที่คฤหาสน์เจ้ากรมการคลังในมือไป ภายในใจก็จินตนาการภาพงานเลี้ยงระดมทุนไป ยิ่งจินตนาการมากเท่าไหร่ก็ยิ่งสงสัย ว่าคืนนี้ เขากับ ลูคัส ที่วันนี้รับบทผู้ติดตาม จะต้องอดทนเข้าสังคมชั้นสูงของเวเนเซียนานแค่ไหน พ่อค้าหนุ่มเหลียวมองผู้ติดตามที่นั่งตัวเกร็งอยู่บนที่นั่งฝั่งตรงข้ามแล้วเหยียดยิ้ม อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าแม้แต่ลูคัสที่ดูจะมีท่าทีสงบ คุ้นชินเรื่องวิถีชนชั้นสูงที่สุดในบรรดาผู้ติดตามทั้งหมด แถมยังเข้ากันกับลูกค้าชั้นสูงได้อย่างดีเยี่ยม ยังรู้สึกอึดอัดกังวลได้ขนาดนี้ คำเล่าลือที่ว่าอาณาจักรนี้เป็นอาณาจักรบ้าพิธีรีตองจนน่าเบื่อ คงเป็นเรื่องจริง“ทำใจให้สบายเถอะ ถ้าอึดอัดก็เดินเข้าไปในงานแค่พอเป็นพิธี ทนไม่ไหวเมื่อไหร่ก็หลบออกมานั่งรอที่รถม้าก็ได้” ไซรัสบอกผู้ติดตามเรียบๆ เรียกรอยยิ้มโล่งใจให้ผุดพรายบนใบหน้าคนฟังท่ามกลางความเงียบงันในบทสนทนา รถม้าเนื้อไม้สีดำสนิท แกะสลักขอบบนและล่างตัวห้องโดยสารด้วยลวดลายคล้ายน้ำเต้า...ผลไม้จากแดนใต้เรียงซ้อนกันเป็นแถวตามแนวยาว เคลื่อนไปตามถนนปูอิฐอย่างไม่เร่งรีบ ส่งผลให้ผู้โดยสารทันได้ยินเสียงน

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 6

    ไซรัสนึกภาพตามได้ไม่ยาก “แล้วเรื่องนั้นมีมูลความจริงสักกี่มากน้อย?” “ไม่มีมูลเลยสักนิด” อารีตอบโดยไม่ต้องคิด “หลังรู้ข่าวว่าผู้หญิงคนนั้นโดนเผาทั้งเป็น คงเพราะค้างคาใจ ลูคัสถึงได้ค่อยๆ เลียบๆ เคียงๆ ถามผู้คนไปทั่ว เจ้านั่นเที่ยวสืบเสาะจนรู้ว่าพยานที่มาให้การล้วนเป็นพวกละโมบโลภมาก ส่วนหลักฐานที่พวกเขาใช้ปรักปรำผู้หญิงโชคร้ายนั่นก็เป็นข้าวของที่ไม่เคยมีใครในหมู่บ้านรู้เห็นว่าเป็นของผู้หญิงคนนี้...พยานคนหนึ่งยังเคยหลุดปากพูดตอนลูคัสหลอกเลี้ยงเหล้า ว่าเมื่อไม่นานมานี้เพิ่งมีลาภลอย เพราะจู่ๆ ก็มีคนที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าใครมาจ้างวานให้ไปให้การคดีที่เขาไม่รู้เรื่องอะไรด้วย...แค่ยอมไปตอบว่า ‘ใช่ขอรับ’ เท่านั้น ก็ได้ของมีค่ามากมาย” “ช่างหยาบช้าดีแท้” ไซรัสออกความเห็นเรียบๆ สีหน้าไม่ทุกข์ไม่ร้อน “ตอนนี้มนุษย์ประนามว่าสิ่งมีชีวิตที่ครอบครองดินแดนเร้นลับหลังแนวเขาเป็นปีศาจร้ายกาจจอมเจ้าเล่ห์ พอได้ยินเจ้าพูดแบบนี้แล้ว ก็อดคิดไม่ได้ ว่าใครกันแน่ที่ชั่วร้ายมากเล่ห์กว่ากัน” พูดแล้วไซรัสก็อดนึกถึงสภาพน่าขันของโลกนี้ไม่ได้ทั้งๆ ที่โลกนี้มีสิ่งมีชีวิตอื่นอี

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 5

    “ไม่น่าเชื่อ ว่าพวกนั้นจะยอมง่ายๆ” เสียงจากอารี เรียกให้ชายร่างสูงท่าทีภูมิฐานในห้องทำงานเรียบหรูดูกว้างขวาง ละความสนใจจากเอกสารบัญชีเขาวางปากกาหมึกซึมด้ามจับเงางาม เงยหน้ามองชายผิวสีตรงหน้า แล้วขยับริมฝีปากหยัก ดูคมคาย ถามด้วยท่าทีสงบนิ่งดั่งรูปปั้น“พวกพ่อค้าอัญมณีรายย่อยทั้งหมดตอบรับแล้วใช่ไหม”“ทุกอย่างเป็นไปตามที่ท่านต้องการ มีสองสามรายลังเลไม่อยากเซ็นชื่อในสัญญาค้าขายกับท่านเพราะระแวงว่าวิธีการที่ท่านกำหนดให้กระจายสินค้าจะทำให้พวกเขาเสียประโยชน์ แต่พอข้าจะขอตัวกลับเท่านั้น พวกเขาก็รีบตอบรับ ยอมเซ็นสัญญาทันที”อารีตอบพลางก้าวเข้ามายื่นปึกหนังสือสัญญาให้เขา“ไม่เปิดม่านรึ?” ชายผิวสีถามพลางเหลียวมองม่านสีดำหนาทึบด้วยความประหลาดใจ “ท่านนี่ก็แปลก ฝั่งตรงข้ามมีหอนางคณิกาเลื่องชื่อ มีสาวๆ สวยๆ อยู่นับไม่ถ้วน กลับไม่ชายตาแลสักนิด พวกนางรึออกจะคอยสอดส่องมองท่านอยู่เนืองๆ โดยเฉพาะซามีร่า ดูท่านางจะพึงใจท่านไม่น้อย ลือกันว่าถ้าภายในหนึ่งเดือนหลังจากนี้ท่านไม่ชายตาแล นางจะงัดเอายาปลุกกำหนัดที่ช่วงนี้ซื้อขายกันลับๆ ในตลาดมืดมามอมเมาท่านทีเดียว”“ผู้หญิงมักมาพร้อมเรื่องยุ่งยาก” เจ้าของห้องต

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 4

    เสียงพิณหวานปนเศร้าดังขึ้นในวินาทีนั้นเมื่อคนเป็นนักดนตรีบรรเลงเพลงได้สักพัก อัยน์นาก็สังเกตเห็นหยาดเหงื่อเม็ดโตค่อยๆ ผุดพรายบนใบหน้า เธลม่า แกรนเทรนท์ ทั้งๆ ที่ท่านผู้หญิงเจ้ากรมการเมืองคนนี้ มักฉาบเครื่องสำอางเอาไว้อย่างแน่นหนาดูท่า ท่านผู้หญิงเองก็คงเคยได้ยินนิทานเพลงเรื่องนี้มาก่อน‘ภาคกลางมีท่านหญิงดอกกุหลาบทะเลทราย... มารดานางตายจากแต่ยังเยาว์’“หยุดนะ” เสียงสั่งจากภรรยาเจ้าบ้าน ทำเอานักแสดงทั้งสองหยุดชะงักแต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้น เพราะทันทีที่การแสดงหยุดลง ขุนนางสูงวัยก็ออกคำสั่งให้รีบแสดงต่อทันที“เอาใหม่ ร้องให้จบ” ท่านเจ้ากรมการเมืองสั่งเสียงเข้ม‘ภาคกลางมีท่านหญิงดอกกุหลาบทะเลทรายมารดานางชิงตายจากแต่ยังเยาว์บิดามากภาระฝากแม่เลี้ยงเลี้ยงดูเจ้า เรื่องน่าเศร้าจึงเกิดขึ้นกับโฉมตรู’ “นี่มันอะไรกันคะ ริชาร์ด คุณเรียกกวีสกปรกนี่มาทำไม?” ท่านผู้หญิงแกรนเทรนท์กำมือแน่น ท่าทางจะโกรธจัด แต่ยังพยายามรักษาสมบัติผู้ดี “ฟังต่อให้จบ” ขุนนางสูงวัยสั่งเสียงเข้ม สีหน้าเครียด ดูเคร่งขรึม “นิทานเรื่องนี้กำลังเป็นที่นิยมเชียวล่ะ

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 3

    เธอทำสำเร็จ อัยน์นาแน่ใจว่าอย่างนั้นตั้งแต่วินาทีที่หญิงรับใช้ในคฤหาสน์มาแจ้งว่าท่านเจ้ากรมการเมือง ริชาร์ด แกรนเทรนท์ ประกาศเรียกตัวเธอ กับท่านผู้หญิงเธลมา แกรนเทรนท์ และสองศรีพี่สาวต่างมารดาของเธออย่างท่านหญิงพริสซิลล่ากับท่านหญิงแอนนาเบล ให้ไปรวมตัวกันที่ห้องหนังสือ เพื่อฟังนิทานที่นักขับลำนำคนหนึ่งพกพามายังคฤหาสน์แม่คะ...ดูอยู่ใช่ไหม เธอถามภาพหญิงสาวอ่อนเยาว์ คิ้วเรียวเข้ม ตาคม ริมฝีปากรูปกระจับสีแดงระเรื่อดูอิ่มสวยเหมือนกลีบกุหลาบแรกแย้ม ไม่เพียงใบหน้าดูงดงามสมบูรณ์แบบเหมือนภาพวาด สตรีในสายตาเธอมีเส้นผมสีดำสนิทยาวหยักศกทิ้งตัวอย่างเป็นระเบียบจรดบั้นท้าย มองแล้วชวนให้นึกถึงนางพรายผิวขาวผ่องในตำนานของนักเดินเรืออัยน์นาไม่เคยเห็นหน้าแม่ แต่เธอคิดว่าแม่ผู้ให้กำเนิดคงหน้าตาไม่ต่างจากภาพสะท้อนในกระจกเงาตรงหน้าสักเท่าไหร่...“คุณหนูจะแต่งตัวแบบนี้จริงๆ เหรอคะ” หญิงรับใช้ถามเสียงเครียด “คุณท่านกำชับให้ดิฉันจัดหาเสื้อผ้าที่เหมาะสมให้คุณหนูสวมก่อนไปพบท่านนะคะ”“ทำไมล่ะคะ”‘คุณหนู’ ลดสายตาลงมองชุดกระโปรงยาวสีขาวประดับลูกไม้ขาดๆ ด้วยแววตาเหมือนกวางน้อย ดวงตาอ่อนโยนคู่นั้นช่างดูซื่อใส เหมือ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status