ระหว่างเดินทางกลับบ้าน คิมหันต์กำลังจะไปส่งไข่มุกกลับบ้าน เธอยืนอยู่บนรถประจำทางโดยมีคิมหันต์ยืนหันหน้าเข้าหาเธอ มือสองข้างจับราวโหนข้างบน ขวางเธอไว้ไม่ให้ใครเข้าใกล้และไม่ให้เธอหนีไปไหนด้วย
หญิงสาวยืนจับราวพนักเก้าอี้เบื้องหน้าก้มหน้าหลบสายตาคิมหันต์ เธอจำได้ว่าเขาถูกเพื่อนแซวว่าเป็นเกย์ แถมพูดจาแข็งๆ ใส่เธออีก ทำไมมาคราวนี้ถึงบดบังเธอให้ห่างไกลจากคนอื่น และเก็บเธอเอาไว้ใกล้ตัวเขา
หัวใจหญิงสาวเต้นระรัว จนหน้าไข่มุกรู้สึกร้อนชา เผลอขบกัดฟันกรามอย่างลืมตัว ไม่กล้าจะเงยหน้าสบตาคิมหันต์ กลัวจะคิดมากไปเองว่าเขาจะลักลอบจูบเธอ ถ้ามันเป็นแบบนั้น... ไข่มุกจะทำยังไงดี...
“ลงป้ายนี้หรือเปล่า?” คิมหันต์ถามไข่มุก เพราะเขาไม่รู้จักบ้านเธอ... หญิงสาวรีบบอกทันที
“รีบลงกันเถอะ เดี๋ยวมันจะเลยป้ายบ้านฉันนะ” ไข่มุกบอกพยายามจะก้าวเดินหนีห่างจากเขา แต่คิมหันต์มิปล่อยให้เธอลงรถป้ายนี้ เพราะว่าสุดทางรถเมล์ เขาอยากพาเธอไปสถานที่แห่งหนึ่งก่อนจะวกกลับมาส่งบ้าน
“ไม่ลงหรอ? เลยป้ายจะต่อรถไปบ้านฉันแล้วนะ” น้ำเสียงไข่มุกเริ่มจะแย่ลง ชายหนุ่มยังคงคุมตัวหญิงสาวไว้ในอ้อมกาย โดยไม่ให้ห่างไกลไปไหน
“ไหนว่าจะมาส่งบ้านฉันไง?” เธอคิดว่าเขาอาจจะคิดไม่ดีต่อเธอเหมือนกับกัปตัน...
“จะพาไปที่ๆ หนึ่ง เธอจะต้องชอบแน่ๆ” คิมหันต์อยากจะผูกมิตรกับไข่มุก และอีกอย่างเขาเริ่มจะชอบเธอนิดๆ แล้ว ความชอบของคิมหันต์ที่มีต่อไข่มุก มันก็เริ่มจะทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ เมื่อปราศจากเพื่อนตัวป่วนอีกหกคน...
“เอ๋...?” ไข่มุกเริ่มจะแปลกใจว่าทำไมคิมหันต์นึกจะมาใจดีกับเธอ
******
สุดทางป้ายรถประจำทาง คิมหันต์ปล่อยให้ไข่มุกเป็นอิสระได้แปบเดียว มือหนากำข้อมือเธอเอาไว้แน่น เพื่อให้เดินตามเขาต่อรถมอร์ไซค์ขึ้นไปด้วยกันคันเดียว แวะไปยังที่หอพักเขาสักนิด
“ฉันรอตรงนี้ก็ได้นะ ขอไม่เข้าไปล่ะกัน” ไข่มุกตอบน้ำเสียงสั่นๆ หวาดหวั่นว่าจะเกิดขึ้นแบบเดียวกับหอพักของกัปตัน
“ถ้างั้นรอนี่แปบนึงนะ” คิมหันต์รีบวิ่งขึ้นไปยังหอพัก เสียงกุญแจดังแผ่วออกมา พร้อมประตูห้องเปิดปึง... ไม่นานเสียงรื้อค้นของภายในห้องดังแผ่วๆ และเสียงประตูปิดดังกระเทือนก้องออกมา ยามเย็นแถวนี้เหมือนจะวังเวง อ้างว้างน่ากลัวพิกล ไข่มุกคิดอยู่ว่าคิมหันต์มาอยู่ในสถานที่น่ากลัวๆ แบบนี้ได้ไง
“มีของจะให้น่ะ เดี๋ยวจะแวะไปส่งถึงบ้านเลยนะ” คิมหันต์ส่งของในมือให้ไข่มุก มันเป็นสเปย์พริกไทยของพี่สาวเขา เพื่อเอาไว้ใช้ป้องกันตัว แต่ปรากฏว่าเธอใช้ไปแล้วดันได้ผัว ไม่ทันจะฉีดออกไป เลยต้องเสียสาวให้แฟนหนุ่มเสียเอง
“นี่มัน... อาวุทป้องกันตัว สเปย์พริกไทย” ไข่มุกอ่านฉลากและรับมันเอาไว้ สายตาเงยขึ้นมองคิมหันต์ หลังจากเขาส่งมาให้เธอ ชายหนุ่มยิ้มแย้มก่อนจะเล่าเรื่องตลกๆ ให้เธอฟัง
“ของพี่สาวผมเอง มันเหลือก็เลยให้ผมเอาไว้ใช้ ป้องกันสาวๆ มาวุ่นวาย”
“ขอบคุณนะ คิมหันต์” ไข่มุกเก็บมันในกระเป๋า นึกอยากจะชักเท้ากลับแต่ต้องหันกายโผเข้ากอดคิมหันต์อย่างจริงใจ”
“ไข่...มุก...” คิมหันต์ตกใจเมื่อหญิงสาวในชุดนศ. ผมยาวโผกอดเขาแนบกายหนุ่มยามเย็น
“ฉันไม่อยากกลับบ้านเร็วเสียแล้วสิ...” ไข่มุกรู้สึกอุ่นใจเมื่อได้อยู่กับเขา คิมหันต์จึงชวนเข้าห้องเพื่อไปกินมาม่าด้วยกันก่อนจะไปส่งเธอกลับบ้าน ไข่มุกยิ้มแย้มอย่างยินดี เธอก็หิวมาม่าเหมือนกัน...
******
คิมหันต์ติดกาต้มน้ำร้อนไฟฟ้า ระหว่างรอมันร้อนเขากำลังแกะห่อมาม่ารสดั้งเดิมอยู่สองชาม ช่วงนี้ไข่มุกค่อนข้างจะสนใจกับของภายในห้องพักของคิมหันต์ซึ่งเขาอยู่คนเดียว
“อยู่ที่นี่คนเดียวรึ?”
“อืม... เห็นว่าเช่าถูกแค่หกร้อยบาท” คิมหันต์ตอบน้ำเสียงตายด้าน มันเป็นเส้นทางค่อนข้างเปลี่ยว และไม่ค่อยมีคนผ่านไปมา ถ้าฟ้ามืดแล้วไม่ต้องคิดออกไปไหนคนเดียวเลย ถ้าไม่ใช่ผี ก็คงจะเป็นโจรมาปล้นฆ่าปิดปากนั้นแหละ
“น่ากลัวชะมัดเลย กลิ่นหอมจัง...” ไข่มุกรู้สึกหิวข้าวเย็น เมื่อได้กลิ่นต้มมาม่าด้วยน้ำร้อน และคิมหันต์กำลังรอให้มันเซ็ทตัวเพื่อจะนั่งกินกับไข่มุกตามลำพังสองคน
“ทานอิ่มแล้ว ผมจะลงไปส่งนะ”
“ขากลับมาคนเดียวไม่กลัวรึ?” ไข่มุกย้อนถาม คงเป็นเพราะเขาพาเธอมาที่นี่ เพื่อมารับสเปย์พริกไทยให้ป้องกันตัว คงไม่อยากให้เธอต้องเจอเรื่องแบบเดียวตอนอยู่กับกัปตัน...
“ไม่หรอก” แววตาเขาจรดจ้องมายังไข่มุก และแปรเปลี่ยนไปสนใจชามมาม่า เขาหยิบขึ้นมาพร้อมใช้ตะเกียบคีบมันกินโดยไม่สนใจไข่มุกอีก ขืนเขามองเธอนานๆ คงได้วางทุกสิ่งทุกอย่าง และจับตัวเธอมาเปลื้องผ้า กกกอดให้หน่ำใจเสียแทน
โดยที่หญิงสาวไม่รู้อะไร คิดว่าเขาคงไม่ชอบเธอ ไข่มุกนั่งทานมาม่าจนเส้นหมดแต่ไม่ได้ยกน้ำซด เธอวางลงและตั้งใจจะเดินทางกลับคนเดียว มันยังไม่มืดมากคิดว่ากลับตอนนี้น่าจะทัน
******
“ขอโทษที่รบกวนนะคะ ขอบคุณสำหรับมาม่าและสเปย์พริกไทยนะ คิมหันต์ ฉันต้องกลับจริงๆ แล้วล่ะ” ไข่มุกลุกขึ้นยืนพร้อมเดินทางกลับ... ชายหนุ่มตั้งใจจะเดินไปส่ง แต่เธอยกมือห้ามเขาพร้อมจะเดินทางกลับไปเพียงลำพัง...
คิมหันต์รู้สึกไม่พอใจ เวลาเขาอยากจะทำดีกับไข่มุก ทำไมเธอจะต้องปฏิเสธเขาด้วยนะ ชายหนุ่มเริ่มสันดานอารมณ์ดิบ เมื่อได้อยู่กับไข่มุกตามลำพัง พอได้กลิ่นกายหอมหวนเบาๆ ลอยออกมาจากไข่มุก มือหนาดันคว้าตัวเธอเหวี่ยงไปลงนอนเตียงทันที
“คิมหันต์... จะทำอะไรน่ะ?” หญิงสาวเริ่มหวาดหวั่น เมื่อสักครู่เขายังใจดีอยู่เลย ทำไมตอนนี้เขาถึงเปลี่ยนไป...
“ผมอยากจะ... อยากจะ...” แววตาเขาหันมองไข่มุกอย่างมาดมั่นว่าเขาคงจะห้ามตัวเองไม่ไหวอีกแล้ว หลังจากไปชิงเธอมาจากกัปตัน
“อะไร?”
“ถอดกระโปรง !!! ถอดช่วงล่างให้หมดนะ!!!” คิมหันต์เริ่มออกเสียงดังขึ้น แววตาหญิงสาวเริ่มจะไม่แน่ใจแล้วว่า คิมหันต์นี่เป็นคนยังไงกันแน่... เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย...
“คิมหันต์ ฉันจะกลับบ้าน!!!” ไข่มุกพูดเสียงดังแข็ง เผื่อเขาจะได้สติ นี่เขาเป็นอะไรกันแน่...?
“ถ้างั้นผมจะถอดให้เอง!” คิมหันต์จู่โจมเข้าหากายสาวบนเตียงเขา มือบอบบางพยายามคลานไปเอื้อมหยิบสเปย์พริกไทยขึ้นมา หวังจะฉีดใส่หน้าเขา แต่ช้าไปเมื่อเขายันข้อมือบางทั้งสองเอาไว้ได้ และทับร่างเล็กเอาไว้เบื้องล่าง
ช่วงหัวเข่าชายแทรกแหวกเรือนต้นขา และข้อมือทั้งสองของไข่มุกถูกพันธนาการไว้เหนือหัว...
“คิมหันต์ ปล่อยเค้านะ !!!” สเปย์พริกไทยหลุดมือไปแล้ว ชายหนุ่มมีเรี่ยวแรงมากมายจนเธอไม่อาจสู้ได้ ราวกับเขาเป็นคนละคนเมื่อสักครู่ ยังเป็นคนใจดีอยู่เลย... เธอไม่เคยสู้กับแรงผู้ชายแบบนี้มาก่อน เพราะเขาอยู่ข้างบน และขัดขวางไม่ให้เธอหนีได้...
“อย่าขัดขืนเลย... ฉันจะทำให้เธอมีความสุขเอง” น้ำเสียงเขาก็เปลี่ยน ทำให้หญิงสาวรู้สึกกลัวว่า นี่เธอไปเจออะไรในตัวเขา...
******
หลังจากนางสร้อยเงินเดินทางกลับมาถึงบ้าน พบเห็นว่าลูกสาวอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า นั่งเย็บปักถักร้อยอยู่ภายในห้องขอตัวเอง โดยไม่ออกมาด้านนอกตามที่ตนสั่ง นางสร้อยเงินแวะไปเยี่ยมนายปวรุตม์เสียหน่อยว่ากำลังทำงานอยู่หรือเปล่าพบเห็นว่าชายหนุ่มดังกล่าว กำลังนั่งปอกเปลือกมะพร้าว และกำลังผ่าฟืนตามสั่ง เพื่อเป็นเชื้อเพลิงให้นางสร้อยเงิน ทำอาหารมื้อเย็นและเช้าวันถัดไป“ทำงานอยู่รึ ระวังมีดบาดนะ”“ครับ ผมทำงานใกล้จะเสร็จแล้วครับ” ปวรุตม์ยิ้มแย้มก่อนจะตั้งใจทำงานต่อไป แววตาของนางสร้อยเงินมองชายหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจ ระหว่างที่ไม่อยู่นางน่าจะพากลิ่นจันทร์ไปด้วย แต่อยากให้ลูกสาวประหลาดใจ เมื่ออีกไม่กี่วันบิดาของเธอจะกลับมาวันเวลาผ่านไปราวอาทิตย์หนึ่ง ปรากฏร่างของชายหนุ่มสูงวัย เดินทางมาถึงบ้านของนางสร้องเงิน ปวรุตม์กำลังขุดดินปลูกต้นไม้อยู่ข้างบ่อน้ำ เขาถอดเสื้อสวมผ้าถุงสีทึบเพียงชิ้นเดียว ปวรุตม์พบเห็นร่างของชายดูดีมีภูมิฐาน เขารู้สึกกลัวขึ้นมาในทันใด หน้าตาก็คล้ายๆ กับกลิ่นจันทร์“ไอ้หนุ่ม... เอ็งเป็นใครมาจากไหน มาอยู่บ้านข้าวะ?” แววตาที่ดุดันมองมายังชายหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจ“สวัสดีครับ ผมชื่อ ปวรุตม์ คุณส
หลังจากนั้นเป็นต้นมา... ปวรุตม์จึงเปลี่ยนเสื้อผ้า ทำตัวกลมกลืนกับคนที่บ้านของกลิ่นจันทร์ ช่วยเหลืองานบ้าน และงานสวน ทำให้สร้อยเงินรู้สึกพอใจว่า ชายแปลกหน้าจากกรุงเทพฯ ซึ่งหาบ้านยายแสงดาวไม่เจอ กลายเป็นคนงานคนสวนไปโดยปริยายชายหนุ่มอาศัยอยู่ในเรือนรับรองเล็กๆ อีกแห่งของเขตบ้าน เพราะนางสร้อยเงินไม่ยอมให้อยู่ในบ้านเดียวกับลูกสาว หวังว่าจะไหว้วานผู้ใหญ่บ้าน ช่วยเขียนจดหมายไปบอกสามีในเมืองว่า ช่วยแวะกลับมาบ้าน เรื่องไอ้หนุ่มกรุงเทพฯ มาอาศัยอยู่ในบ้าน“แม่เดินทางปลอดภัย โชคดีนะจ๊ะ” หลังจากที่แอบลักลอบได้เสียกับปวรุตม์ เธอระมัดระวังตัวมิให้มารดารู้ว่า ลูกเสียสาวไปแล้วกับชายแปลกหน้า แต่เขาทำให้กลิ่นจันทร์มีความสุขยามเมื่อได้สวมกอด และบางสิ่งที่ทำให้เธอหลงใหล“แม่จะรีบไปรีบกลับนะ อยู่ดูแลบ้านดีๆ ล่ะ” นางสร้อยเงิน ใช้แรงงานทาสขับเกวียนไปส่งนางที่บ้านผู้ใหญ่ หวังจะขอให้ผู้มีความรู้เขียนจดหมายส่งไปให้สามีทราบเรื่องที่บ้านทีหลังจากนั้นเมื่อไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อน กลิ่นจันทร์จึงเดินไปที่เรือนรับรองของปวรุตม์ เพื่อขอมีอะไรด้วยกันเพราะความคิดถึงมากมาย...ชายหนุ่มกำลังรอเวลานี้ที่จะได้อยู่กับกลิ่นจันท
เรือนกายหญิงสาวยืนพิงหลังต้นไม้ใหญ่ บดบังเรือนร่าของเธอและปวรุตม์ให้พ้นสายตาใครอื่น สองแขนหญิงสาวซึ่งกันเอาไว้ระหว่างอกเขาและกายบางได้ลดลง แขนบางทั้งสองโอบกอดตอบรับชายหนุ่มเบื้องหน้าทำให้ปวรุตม์ดีใจเหลือเกินเมื่อเธอยินยอมเขาแล้ว มือของชายหนุ่มทั้งสองจึงทำงานปลดตะขอกางเกง ทำให้แววตาหญิงสาวตกใจว่า นี่เขาจะแก้ผ้าทำไมกันนะ...“ปวรุตม์ คุณจะทำอะไรรึ?” เธอไม่เข้าใจว่า เขากำลังทำอะไรแปลกๆ ออกมา หลังจากบอกรักเธอ ต้องแก้ผ้าด้วยรึ?“ผมอยากได้คุณ ปลดผ้าถุงสิ” เขาบอกให้เธอทำบ้าง หญิงสาวยังรู้สึกสับสนว่า ทำไม แต่ถ้าลองดูก็อาจจะคลายความสงสัยได้บ้างเพียงช่วงล่างเปล่าเปลือยปวรุตม์ไม่เห็นมีที่ร่วมรักใดได้ คิดเสียว่าคงต้องเลือกท่ายืนนอกสถานที่ในป่าลับเช่นนี้เขาโอบอุ้มเธอเอาไว้ใต้สองแขน ทำให้กายบางหญิงสาวลอยสูง ปลายเท้าไม่แตะพื้นและช่วงต้นขาของเธอต้องกางออก เพราะเขาดึงร่างบางเข้าหาชายหนุ่ม เรือนหน้าหญิงสาวตกใจและหน้าแดงก่ำ เธอรู้สึกอายจริงๆ“อย่าตกใจนะ กลิ่นจันทร์... ผมจะทำให้คุณรู้สึกดีเอง” ชายหนุ่มพยายามกระซิบข้างหู มิให้เธอตกใจดิ้นหลุดจากแขนเขา เธอกลัวจนตัวสั่น ระหว่างถูกดึงเข้าหาร่างชายหนุ่ม ต้นข
หลังจากเขาแนะนำตัวเองกับแม่ของกลิ่นจันทร์ เธอชื่อสร้อยเงิน กำลังทำอาหารกับทาสสองคน สีหน้าของเธอไม่ค่อยไว้ใจที่มีผู้ชายแปลกหน้ามาคุยกับลูกสาว“แม่ อย่าไปว่าเขาสิ เขาคงหลงทางมาถึงบ้าน ถามหายายแสงดาว แม่พอจะรู้จักคุณยายแสงดาวไหม” กลิ่นจันทร์ถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม คิดว่าหากช่วยเหลือเขาไปแล้ว เธอกับแม่จะได้บุญ และเขาคงจะไปทำธุระเรื่องครอบครัวได้เสียที“โอ๊ย...อยู่มาตั้งนาน ไม่เคยได้ยินยายชื่อแสงดาวอะไรนั้นเลยนะ พ่อหนุ่มมาจากกรุงเทพฯ ลองไปถามญาติตัวเองใหม่เถอะ... กลับไปได้แล้ว ลูกสาวฉันจะเสียชื่อหมด” นางสร้อยเงินตอบปัด จึงอยากให้ทาสพาเขาออกจากเรือน“ไม่เป็นไรจ้าแม่... ให้ทาสช่วยแม่ทำอาหารเถอะ ฉันจะไปส่งเขาเองจ๊ะ” กลิ่นจันทร์รับอาสาเอง เพราะคิดว่าตนคงเป็นเหตุนำพาเรื่องวุ่นวายเข้าบ้าน คิดเสียว่าแนะนำให้เขาไปคุยกับผู้ใหญ่บ้าน เผื่อจะได้รับความช่วยเหลือที่ดีกว่านี้“ขอโทษนะครับ คุณแม่สร้อยเงิน ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” ปวรุตม์รู้สึกเสียใจที่ไม่ได้พบญาติหรือแม่ ทุกคนหายไปไหนหมด อีกทั้งทุกๆ คนที่นี่ใส่ชุดสมัยร.๕ทั้งนั้น เขามาหลงอยู่บ้านใครกันเนี่ย... ชายหนุ่มแอบคิด******กลิ่นจันทร์พาเขาเดินออกจากบร
รุ่งเช้าท่ามกลางเสียงโวกเวกโวยวาย ผู้คนเดินไปมา สลับวิ่งจนพื้นไม้ภายในบ้านสั่นสะเทือน ปวรุตม์รู้สึกว่าถูกรบกวนจากการนอนแสนสบาย จึงลืมตาปรือตื่น หันมองว่าร่างของแม่ข้างๆ หายไป คงจะสมทบกับญาติ ซึ่งกำลังทำอะไรสักอย่าง“เร็วๆ เข้า!!! อุ้มคุณแม่ขึ้นรถ!!!” เสียงของผู้หลักผู้ใหญ่กำลังวุ่นวาย กับการนำร่างของคุณยายซึ่งเริ่มหายใจช้าลง หลับตาโดยไม่มีการตอบสนอง ครอบครัวญาติฝ่ายแม่ตกใจมากพวกเขาพาร่างของคุณยายขึ้นรถ ออกตัวจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงญาติทุกๆ ต่างคนกลับไปที่รถของตัวเอง ต่างขับรถแห่ไปทีละคันจนหมดบ้าน...เหลือไว้เพียงเขายังยืนงงอยู่ภายในบ้านคนเดียว“ไปกันหมดเลย” ปวรุตม์ไม่อาจจะพูดถามใคร ในช่วงเวลาอันฉุกละหุกได้เลย ว่าเขาควรทำตัวอย่างไร พ่อแม่เขาค่อนข้างวุ่นวายกับการพาร่างของคุณยายขึ้นรถ และรีบพาไปร.พ. ในขณะที่ญาติๆ คนอื่นๆ ต่างแยกย้ายขับรถตามไป“กลิ่นจันทร์ไปกับเขาด้วยหรือเปล่านะ?” ปวรุตม์ยังคงนึกถึงสาวเมื่อคืนนี้ หากไม่อยู่ในพุ่มไม้มืด เขาอาจจะจำหน้าเธอได้ชัดกว่านี้ ตะวันในเช้านี้ทอแสงนวลแผ่วเบา แต่ท้องเขานี่สิ ร้องออกมาอย่างหิวโหย ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเหลืออะไรใหเขากินได้บ้าง******ช
ในความเงียบภายในรถยนต์ ระหว่างเดินทางออกมาตจว. นอกเขตเมือง สู่ชนบทในท้องนา ภาพบรรยากาศของตึกราบ้านช่องหายไปจากสายตาของชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนหนุ่มสมัยใหม่ อาศัยอยู่ในเมืองเขาจำใจต้องเดินทางมากับพ่อแม่ เพื่อไปบ้านของยายแสงดาวซึ่งอยู่ตจว. เขาเบื่อมากกับการไปอยู่บ้านนอก โบราณ คนแก่หัวเก่าๆ ซึ่งมันไม่มีอะไรน่าสนใจสำหรับเขาเลยปวรุตม์ (ปะ-วะ-รุด) หยิบมือถือสมาร์ทโฟนขึ้นมาเพื่อแชทกับเพื่อน และนัดกันว่ากลับบ้านจากญาติแล้ว จะไปดื่มเหล้าเที่ยวผับ ควงสาวมาฟันให้สนุกแก้เบื่อเสียเลย เขายิ้มเงียบๆ โดยมิให้พ่อซึ่งกำลังขับรถหันมาดุได้อีกแม่ของเขานั่งอยู่หน้ารถ กำลังชี้ทางบอกไปทางคุณยาย คือคุณแม่ของเธอค่อนข้างมีอายุมากแล้ว พวกเขาทั้งครอบครัวถูกเรียกให้มาบ้านญาติตจว. เพื่อให้มารับทราบว่า คุณยายใกล้จะไปสบายดีแล้ว ญาติคนอื่นๆ เรียกพ่อแม่และปวรุตม์ ให้มาดูใจกันครั้งท้าย ก่อนคุณยายจะเสีย“ทำตัวดีๆ นะแกไอ้รุตม์ เดี๋ยวจะไม่ได้รับมรดกกันพอดี” คุณพ่อของเขา เป็นลูกเขยของญาติข้างแม่ ชายหนุ่มอายุราวยี่สิบสองปี ทำตัวสงบเสงี่ยมเจียมตัวเรียบร้อย อย่างน้อยเขาอยากจะกลับเมือง มากกว่านอนค้างอยู่บ้านนอกตจว.แบบนี้