Beranda / วาย / เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde / บทที่ 17 ความชั่วร้ายเป็นฝ่ายชนะ

Share

บทที่ 17 ความชั่วร้ายเป็นฝ่ายชนะ

last update Terakhir Diperbarui: 2025-07-06 13:00:20

เสียงฝีเท้าอันน่าเกรงขามของมาร์คัสดังก้องภายในโกดังร้างพร้อมด้วยเสียงหัวเราะเย้ยหยัน ใบหน้าของมาร์คัสเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจที่เขาไม่อาจเก็บซ่อน

“แกสองคนไม่รู้เลยใช่ไหมว่ากำลังอยู่ในกับดักของฉัน” มาร์คัสเอ่ยขึ้น ขณะเดินออกมาจากเงามืด เขาโบกมือให้กลุ่มลูกน้องที่ติดอาวุธหนักเข้ามาล้อมวงไอเดนและพ่อของเคลอย่างไม่เปิดโอกาสให้หลบหนี

ไอเดนที่ยังคงบาดเจ็บจากการปะทะกับพ่อของเคลมองมาร์คัสด้วยสายตาเต็มไปด้วยความสงสัยและโกรธ “นี่นายกำลังทำอะไร มาร์คัส?”

มาร์คัสหัวเราะลั่น “ฉันกำลังทำในสิ่งที่ควรทำตั้งนานแล้ว ฉันจะกำจัดแก ไอ้เด็กกำพร้าจอมแสแสร้ง และแก อัศวินเฒ่าจอมอวดดี พวกแกไม่มีทางรอดไปจากที่นี่แน่!”

มาร์คัสยืนเด่นเป็นสง่า ราวกับนักแสดงหลักบนเวทีที่มีแสงสปอร์ตไลต์ส่องลงมา เขายกมือขึ้นเบา ๆ ราวกับเชิญชวนให้ทุกสายตาในโกดังนี้จับจ้องมาที่เขา ขณะที่เขาก้าวไปข้างหน้า เสียงรองเท้าบูตกระทบพื้นซีเมนต์อย่างจงใจ ท่วงท่าของเขาราวกับราชาผู้กำลังกล่าวสุนทรพจน์ในวาระสำคัญ

“คืนนี้…” มาร์คัสเริ่มพูด เสียงของเขาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ “เป็นค่ำคืนที่ยอดเยี่ยม! พวกแกรู้หรือไม่ว่าฉันได้ทำอะไรลงไปบ้าง?”

เขาหยุดเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะเยาะ ราวกับความคิดที่เพิ่งพูดออกมานั้นเป็นเรื่องตลกขบขันที่สุดในชีวิต “วิกเตอร์…ท่านพ่อที่ฉันรักสุดหัวใจ! ตอนนี้เขาไปอยู่ในที่ที่สงบสุขแล้ว ฉันช่วยส่งเขาไปด้วยมือของฉันเองเชียวนะ!”

เขาเว้นจังหวะให้คำพูดสะท้อนไปทั่วโกดัง ใบหน้าเต็มไปด้วยความสะใจ ก่อนจะมองตรงไปยังไอเดนและพูดต่อ “และแน่นอน พวกคนสนิทของแกด้วย ไอ้พวกมดปลวกที่คอยล้อมรอบแก…โดยเฉพาะเคียแรน พี่ชายที่แสนดีของแก! ฉันจัดการพวกมันหมดแล้ว ตอนนี้แน่ใจแล้วว่าไม่มีใครเหลือรอดมาขวางทางฉันได้อีก!”

ไอเดนเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดจากคำพูดเมื่อครู่

“นาย…นายกำจัดพวกเขา?!” เสียงไอเดนสั่นเครือ ราวกับไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เพิ่งได้ยิน

มาร์คัสยักไหล่ ราวกับสิ่งที่เขาทำเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย “ใช่ ฉันกำจัดพวกมันหมดแล้ว ไอ้พวกมดปลวกที่กล้าขัดขวางเส้นทางของฉัน ไม่ควรมีชีวิตรอด และแกรู้ไหม ฉันก็คิดว่า…ควรทำเรื่องนี้มาตั้งนานแล้วด้วยซ้ำ! รู้แบบนี้ไม่รอจนถึงตอนนี้แน่!”

เขาก้าวเข้ามาใกล้ไอเดน ใบหน้าเต็มไปด้วยความสะใจ “และตอนนี้…ถึงตาแกแล้ว ไอเดน ฮ่า ๆ อย่าห่วงไป ฉันจะส่งแกไปสมทบกับไอ้พวกนั้นในนรกเร็ว ๆ นี้ แกไม่ต้องรอนานแน่นอน!”

มาร์คัสเดินวนไปรอบ ๆ เหล่าลูกน้องของเขามองมาด้วยความหวาดหวั่น เขายกมือขึ้นราวกับเป็นนักมายากลที่กำลังเริ่มทำการแสดง

“พวกแกรู้ไหม ฉันอยากบอกพวกมันสักคำก่อนที่ฉันจะส่งพวกมันลงนรก…” เขาหยุดและหันไปมองที่ว่างราวกับกำลังพูดกับวิญญาณที่มองไม่เห็น “เตรียมพรมแดงไว้ต้อนรับไอเดนให้ดีนะ! เพราะเขากำลังจะตามไปสมทบกับพวกแก!”

เสียงหัวเราะสะใจของมาร์คัสดังลั่น เสียงสะท้อนของมันราวกับเป็นเสียงหัวเราะของปีศาจในนรกที่ส่งมายังโลกมนุษย์เพื่อฉลองการทำลายล้าง “ตอนนี้ไม่มีใครหยุดฉันได้อีกต่อไปแล้ว! ไม่ใช่พ่อ ไม่ใช่เคียแรน และแน่นอน ไม่ใช่แก ไอ้เด็กกำพร้าจอมแสแสร้ง!”

เขาชี้นิ้วไปที่ไอเดน ราวกับกำลังตัดสินโทษครั้งสุดท้าย “แกคือมดปลวกตัวสุดท้ายในแผนการของฉัน และฉันจะบี้แกให้แหลกด้วยมือคู่นี้เอง!”

มาร์คัสหัวเราะอีกครั้ง คราวนี้ราวกับเสียงสะท้อนของมันจะไม่หยุดลงง่าย ๆ เขาหันกลับไปยังลูกน้องและสั่งการเสียงดัง

“จัดการซะ! ทำให้มันจบ!” เสียงคำสั่งของมาร์คัสดังก้อง “ฆ่ามันให้หมด!”

เสียงนั้นเหมือนสายฟ้าฟาดกลางโกดังร้างที่มืดมิด เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ดังก้อง กลิ่นควันจากคบไฟอวลในอากาศ บรรยากาศภายในโกดังเต็มไปด้วยรังสีของการฆ่าฟันและเอาตัวรอด

เคร้ง!

ดาบแรกที่ฟาดลงมาสร้างเสียงโลหะกระทบกันดัง ไอเดนยกดาบขึ้นป้องกันโดยสัญชาตญาณ แขนของเขาสั่นสะท้านจากแรงกระแทก ความเจ็บปวดจากบาดแผลก่อนหน้านี้ย้ำเตือนให้รู้ว่าตัวเขาไม่มีเวลาพักหายใจ

กลิ่นเหล็กในอากาศเริ่มอบอวล เลือดหยดลงพื้นเป็นจุด ๆ พร้อมเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด เสียงโลหะเสียดสีกันดังไปทั่ว เสียงร้องตะโกนของผู้คนที่ต่อสู้กันดังระงม ปะปนไปกับเสียงของการฟาดฟัน

ไอเดนสะบัดดาบไปด้านข้างอย่างแรง ดาบของเขาฟันเฉียดใบหน้าของชายคนหนึ่งจนเกิดรอยเลือดซึม ขณะที่เขาหมุนตัวกลับเพื่อตั้งรับการโจมตีที่มาจากอีกทิศหนึ่ง เสียงหายใจหอบหนักผสมกับเสียงหัวใจเต้นดังตุบ ๆ ในหูเหมือนกลองรบ เขารู้ดีว่ายามนี้ไม่สามารถพลาดได้แม้แต่ครั้งเดียว

“ฉันไม่ยอมแพ้หรอก!” ไอเดนคำราม ขณะฟาดดาบใส่ศัตรูตรงหน้า แรงปะทะทำให้ดาบของอีกฝ่ายกระเด็นหลุดจากมือ เขาไม่รอช้า หมุนตัวและกระแทกดาบลงบนดาบของอีกคน เสียงโลหะดังสะเทือนพื้นใต้ฝ่าเท้า

พ่อของเคลถูกวงล้อม ใบหน้าของเขาเปื้อนไปด้วยหยาดเหงื่อ เลือดและฝุ่นจากการต่อสู้ แต่ดวงตายังคงเปี่ยมด้วยความตั้งใจ แม้ร่างกายจะเหนื่อยล้า มือที่จับดาบของเขายังคงมั่นคงเหมือนหินผา เขาปัดป้องการโจมตีจากศัตรูที่เข้ามาใกล้อย่างชำนาญ

ปัง!

เสียงดาบฟาดลงบนโล่ของศัตรูดังสนั่น สะเทือนจนมือของคู่ต่อสู้ชาดิก

“แกไม่มีวันชนะ! ฉันยังไม่หมดแรงง่าย ๆ หรอกโว้ย!” เขาตะโกน ทั้งที่ใจเริ่มรู้ว่าพลังของตนกำลังถดถอย

มาร์คัสยืนอยู่เหนือการต่อสู้ เหมือนผู้บัญชาการบนบัลลังก์แห่งความวุ่นวาย รอยยิ้มเยาะปรากฏบนใบหน้า เสียงหัวเราะลอดผ่านเสียงคำสั่ง

“พวกแกมันไร้ค่าจริง ๆ ไอเดน แกคงคิดว่าตัวเองจะเอาชนะฉันได้งั้นสิ? จะบอกอะไรให้นะ คืนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายของแก!”

“จัดการมันซะ!” เขาชี้ไปที่ไอเดนพร้อมตะโกนสั่งลูกน้อง

ลูกน้องหลายคนพุ่งหาไอเดนพร้อมอาวุธในมือ เสียงโห่ร้องและเสียงคำรามดังขึ้นเหมือนสัตว์ป่าที่ล่าเหยื่อ

ไอเดนและพ่อของเคลต้องต่อสู้เคียงข้างกัน แม้ว่าความเข้าใจผิดระหว่างพวกเขาจะยังไม่ได้รับการคลี่คลาย แต่ในสถานการณ์เช่นนี้พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น การป้องกันจากทุกทิศทางทำให้เสียงดาบกระแทกดังต่อเนื่องกัน

ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วแขนของไอเดนเมื่อรับการโจมตีจากศัตรูอีกคนหนึ่ง เขากัดฟันไว้ ขณะที่เสียงร้องเจ็บปวดจากลูกน้องเขาดังแว่วมาในอากาศ ความสิ้นหวังพยายามเกาะกินหัวใจ แต่เขาปลุกตัวเองให้ลุกขึ้นสู้

“ฉันต้องรอด!”

พ่อของเคลที่ฟาดฟันศัตรูหลายคนเริ่มแสดงอาการเหนื่อยล้าชัดเจน เขาถูกดาบฟันเข้าที่แขน แต่ยังคงฝืนตัวเองลุกขึ้นสู้ เสียงโลหะที่กระแทกกันดังสะท้อนไปทั่ว เขากัดฟันแน่นขณะที่สายตาจับจ้องไปยังมาร์คัสที่ยืนหัวเราะอยู่ไกล ๆ

“แกคือความชั่วร้ายที่ฉันต้องกำจัด!” พ่อของเคลตะโกนด้วยเสียงที่แหบพร่า

“ข้าแค่ใช้ประโยชน์จากความมืดในใจแก และมันสนุกกว่าที่ข้าคิดไว้ซะอีก!” มาร์คัสเพียงหัวเราะและยักไหล่

การต่อสู้ในโกดังร้างยังคงดำเนินต่อไป ไอเดนเริ่มรู้สึกถึงขีดจำกัดของร่างกาย แต่เขายังคงกวัดแกว่งดาบ ขณะที่พ่อของเคลเองก็เริ่มหมดแรง และศัตรูของพวกเขาดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด

ในขณะที่ความหวังเริ่มเลือนราง เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ดังมาจากนอกโกดัง ใครบางคนกำลังมา และนั่นอาจเป็นความหวังเดียวที่เหลืออยู่สำหรับพวกเขา...

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde   บทที่ 33 วิหารเงาแสงสะท้อนแสงแห่งชีวิต

    ทุกคนเดินไปยังเขต วิหารเงาแสง ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของสวน รินไม่เคยมาเยือนเขตนี้มาก่อน จ้องมองรอบๆ ด้วยความตื่นเต้น วิหารตั้งอยู่กลางพื้นที่ที่ล้อมรอบด้วยต้นไม้สูงใหญ่กิ่งก้านแผ่ขยายทับซ้อนจนแทบไม่เห็นท้องฟ้า ยกเว้นช่องเล็ก ๆ ที่แสงจันทร์ลอดผ่านลงมา แสงเหล่านั้นตกลงบนตัววิหารที่ทำจากหินขาวเรืองรอง ราวกับมีแสงสว่างในตัว“วิหารนี้เหมือนกับ...ลมหายใจของสวน” รินพึมพำ “สมัยเด็ก ผมได้แต่มองมันจากระยะไกล ไม่เคยได้เข้ามาเลย”เคลที่เดินอยู่ข้าง ๆ เอื้อมมาจับมือรินเบา ๆ “ตอนนี้คุณได้เห็นด้วยตัวเองแล้ว และคุณก็เป็นเจ้าของที่แท้จริงของมัน”“หวานกันอีกแล้ว...จินเจอร์ ถ้าเราไม่มีของกิน ให้ไปกัดขาเคลนะ” เอร่าไม่พลาดที่จะแซวจินเจอร์ร้องเหมียวเสียงยาว เหมือนจะเห็นด้วยเคียแรนส่ายหน้าและหัวเราะเบา ๆ “เอร่า นายจะช่วยสงบสักนิดได้ไหม? ตอนนี้พวกเราจริงจังอยู่นะ”เอร่าหันมามองเคียแรน พร้อมยักคิ

  • เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde   บทที่ 32 อาณาจักรของสวนรัตติกาล

    เช้าวันใหม่เริ่มต้นพร้อมกับความกระตือรือร้นในสวนรัตติกาล ทุกคนรวมตัวกันที่โต๊ะไม้ตัวใหญ่กลางสวน ริน เคล เอร่า และเคียแรนล้อมวงฟังเอลดรินที่กำลังเปิดตำราโบราณอย่างระมัดระวัง หน้ากระดาษที่เก่าแก่เปราะบางเหมือนจะขาดได้ทุกเมื่อ เสียงนกร้องเป็นฉากหลังที่สงบ แต่บรรยากาศรอบโต๊ะเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและคาดหวัง“ตำราเล่มนี้บันทึกเรื่องราวของสวนรัตติกาลอย่างละเอียดที่สุด” เอลดรินเริ่มพูด พร้อมเปิดไปยังหน้าที่มีแผนที่โบราณของสวน ตัวอักษรจางหายไปบางส่วนจากกาลเวลา “นี่เป็นผลงานของอัศวินผู้พิทักษ์สวนคนแรก ๆ ที่อาศัยอยู่ในยุคสร้างหัวใจแห่งอาราเลีย”เคลเลื่อนตัวเข้ามาใกล้ แววตาเต็มไปด้วยความสนใจ “นี่คือแผนที่ของสวนทั้งหมดหรือครับ? ดูละเอียดกว่าที่ผมเคยเห็นมาอีก”เอลดรินพยักหน้า “ใช่ มันไม่เพียงแค่บอกทาง แต่ยังอธิบายถึงพลังและความเชื่อมโยงของพื้นที่ในสวนด้วย”เคียแรนที่เพิ่งมาอยู่สวนได้ไม่นานขมวดคิ้วเล็กน้อย “แล้วสวนนี้แบ่งเป็นเขตชัดเจนเลยหรือครับ? ผ

  • เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde   บทที่ 31 ปัญหาเรื่องเดิมอีกครั้ง

    หลังจากการพูดคุยอย่างเคร่งเครียดเกี่ยวกับหัวใจแห่งอาราเลียและแผนการของมาร์คัส รินที่มองเอลดรินสังเกตเห็นความเหนื่อยล้าบนใบหน้าของชายชรา เขาจึงเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง “เอลดริน ท่านดูเหนื่อยมากเลย ท่านเดินทางไกลมาขนาดนี้แล้ว ยังต้องเล่าเรื่องที่หนักหนาอีก ท่านควรพักก่อนดีไหม?”เอลดรินยิ้มอ่อน เมื่อเห็นความกังวลในสายตาของริน “ผมสบายดี แต่ก็ยอมรับว่าร่างกายไม่เหมือนเก่าแล้ว”“ถ้าอย่างนั้น” รินหันไปมองทุกคน “พวกเราควรพักก่อนดีไหม? การตามหาหัวใจแห่งอาราเลียไม่น่าจะเร่งด่วนถึงขนาดรอไม่ได้ เราเตรียมตัวให้พร้อมและเริ่มกันพรุ่งนี้เช้าดีกว่า”“ผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง! พูดตรงๆ นะ ตอนนี้ผมหิวสุดๆ ถ้าพรุ่งนี้เช้าต้องเริ่มตามหาทันที โดยที่ไม่มีมื้อเย็นนี่ ผมคงหมดแรงแน่ๆ” เอร่ายกมือขึ้นเห็นด้วยทันทีเคลที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รินพยักหน้าเห็นด้วย “ฟังดูเข้าท่า แต่เราต้องเตรียมที่พักให้เอลดรินด้วย มีห้องว่างอยู่ท้ายสวน มันค่อนข้างเงียบสงบและมีข้าวของเครื่องใช้ครบ

  • เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde   บทที่ 30 หัวใจแห่งอาราเลีย

    เอลดรินนั่งลงข้างโต๊ะหินกลางสวนรัตติกาล ท่ามกลางแสงแดดอ่อนที่ลอดผ่านใบไม้ลงมา ท่าทางของเขาเคร่งขรึมและดวงตาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ริน เคล เคียแรน และเอร่าล้อมรอบเขา บรรยากาศเงียบสงบในสวนดูเหมือนจะถูกแทนที่ด้วยความตึงเครียด“ท่านดูเหมือนคนที่ผ่านอะไรมาเยอะ ทำไมท่านถึงมาที่นี่ในเวลานี้?” รินมองเอลดรินด้วยความสงสัยเอลดรินถอนหายใจยาว น้ำเสียงของเขาแฝงด้วยความกังวล “ผมไม่มีทางเลือก ผมต้องรีบเตือนพวกท่าน กลุ่มซินดิเคทกำลังสืบหาเบาะแสเกี่ยวกับหัวใจแห่งอาราเลีย และพวกมันไม่สนใจว่าวิธีการนั้นจะชั่วร้ายแค่ไหน คนของผมหลายคนถูกทำร้าย บางคน...ก็ตาย หนังสือโบราณจำนวนมากถูกพวกมันแย่งชิงไป”คำพูดของเอลดรินเหมือนเปลวไฟที่จุดประกายความโกรธ รินลุกขึ้นทันที ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด “มาร์คัสอีกแล้ว! มันเป็นปีศาจ ทำร้ายผู้บริสุทธิ์แค่เพราะต้องการอำนาจ! ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงยังไม่หยุด”“และตอนนี้พุ่งเป้ามาที่สวน ถ้าเขาคิดว่าพวกเราจะยอมให้เขาได้หัวใจแ

  • เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde   บทที่ 29 อำนาจที่ไม่เคยได้รับ ความรักที่ไม่เคยได้ชม

    หลังจากคืนกวาดล้างครั้งใหญ่ มาร์คัสยืนอยู่บนยอดของอำนาจ เขามองลงไปยังซากปรักหักพังของกลุ่มคนที่ครั้งหนึ่งเคยยืนอยู่ข้างไอเดนและต่อต้านเขา ความพึงพอใจฉายชัดในแววตา ราวกับว่าเขาได้ปลดปล่อยพันธนาการที่เคยกดขี่มาตลอดชีวิตในห้องโถงใหญ่ของฐานทัพซินดิเคท มาร์คัสจัดงานเลี้ยงฉลองที่เต็มไปด้วยความหรูหราและมัวเมา บรรดาลูกน้องและพวกขุนนางชั้นต่ำที่หวังเกาะกระแสอำนาจของเขาต่างร่วมยินดี แต่ในใจของทุกคนแฝงไปด้วยความกลัวต่อความโหดเหี้ยมของชายผู้ไร้ความปรานีมาร์คัสไม่เสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว หลังจากกำจัดไอเดนและควบคุมกลุ่มซินดิเคท เขาเริ่มสั่งให้ทำการกวาดล้างทุกคนที่เขาสงสัยว่าอาจทรยศ สายลับและนักฆ่าถูกส่งไปยังเมืองต่าง ๆ เพื่อกำจัดศัตรูเก่าและใหม่ รวมถึงผู้ที่เคยช่วยไอเดนหนีรอดในอดีต“ฉันไม่ต้องการสิ่งที่ไม่สมบูรณ์แบบ” มาร์คัสกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ ขณะมองดูรายชื่อเป้าหมายการลอบสังหารที่ยาวเหยียดในมือของเขา “หากพวกมันไม่ก้มหัวให้ฉัน ก็ไม่มีความจำเป็นที่พวกมันจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป”&nbs

  • เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde   บทที่ 28 ผู้อาวุโสผู้มาพร้อมกับข่าวร้าย

    เช้าวันหนึ่งที่แสงอาทิตย์สาดแสงอ่อนโยนทอดผ่านกลีบดอกไม้ที่แบ่งบาน สวนเต็มไปด้วยเสียงนกร้องเพลงคลอเคล้ากับเสียงลมพัดเบา ๆ ทว่าความเงียบสงบนั้นถูกทำลายโดยกระแสลมแปลกประหลาดที่พัดวูบหนึ่ง ใบไม้ปลิวไหวในทิศทางที่ไม่มีใครคาดคิด กลิ่นหอมสดชื่นของดอกไม้ถูกแทนที่ด้วยกลิ่นชื้นคล้ายควันไม้และกลิ่นหญ้าหลังฝนตกเสียงฝีเท้าหนักแน่นดังขึ้นจากส่วนลึกของสวน ทั้งที่ไม่มีใครเปิดประตูให้ เสียงนั้นเหมือนจะสะท้อนในอากาศราวกับมาจากทุกทิศทาง เคลสัมผัสถึงบางสิ่งผิดปกติในทันที เขาขยับตัวมาข้างหน้า มือจับด้ามดาบแน่น ดวงตาคมมองตรงไปยังต้นเสียง ขณะที่เคียแรนก้าวมาข้างหน้าเพื่อปกป้องริน“ใครกันที่กล้าบุกรุกมาที่นี่?” เคลเอ่ยด้วยน้ำเสียงต่ำเย็น ดวงตาจับจ้องไปยังเงาที่ค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้นจากเงามืดในหมู่แมกไม้ ชายชราผู้หนึ่งก้าวออกมาช้า ๆ เสื้อคลุมสีมอมแมมของเขาปลิวไสวไปตามลม แม้เสื้อผ้าจะดูธรรมดา แต่ตัวเขากลับมีบางสิ่งดึงดูดความสนใจได้ในทันที มือถือไม้เท้าที่มีลวดลายแกะสลักงดงาม เรืองแสงเบาบางเหมือนกับมีพลังบางอย่างซ่อนอยู่

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status