Home / วาย / เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde / บทที่ 32 อาณาจักรของสวนรัตติกาล

Share

บทที่ 32 อาณาจักรของสวนรัตติกาล

last update Last Updated: 2025-07-21 13:00:46

เช้าวันใหม่เริ่มต้นพร้อมกับความกระตือรือร้นในสวนรัตติกาล ทุกคนรวมตัวกันที่โต๊ะไม้ตัวใหญ่กลางสวน ริน เคล เอร่า และเคียแรนล้อมวงฟังเอลดรินที่กำลังเปิดตำราโบราณอย่างระมัดระวัง หน้ากระดาษที่เก่าแก่เปราะบางเหมือนจะขาดได้ทุกเมื่อ เสียงนกร้องเป็นฉากหลังที่สงบ แต่บรรยากาศรอบโต๊ะเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและคาดหวัง

“ตำราเล่มนี้บันทึกเรื่องราวของสวนรัตติกาลอย่างละเอียดที่สุด” เอลดรินเริ่มพูด พร้อมเปิดไปยังหน้าที่มีแผนที่โบราณของสวน ตัวอักษรจางหายไปบางส่วนจากกาลเวลา “นี่เป็นผลงานของอัศวินผู้พิทักษ์สวนคนแรก ๆ ที่อาศัยอยู่ในยุคสร้างหัวใจแห่งอาราเลีย”

เคลเลื่อนตัวเข้ามาใกล้ แววตาเต็มไปด้วยความสนใจ “นี่คือแผนที่ของสวนทั้งหมดหรือครับ? ดูละเอียดกว่าที่ผมเคยเห็นมาอีก”

เอลดรินพยักหน้า “ใช่ มันไม่เพียงแค่บอกทาง แต่ยังอธิบายถึงพลังและความเชื่อมโยงของพื้นที่ในสวนด้วย”

เคียแรนที่เพิ่งมาอยู่สวนได้ไม่นานขมวดคิ้วเล็กน้อย “แล้วสวนนี้แบ่งเป็นเขตชัดเจนเลยหรือครับ? ผมเห็นแต่พื้นที่กว้างใหญ่เหมือนไม่มีที่สิ้นสุด”

เอร่าที่กำลังหยอกล้อกับจินเจอร์หยุดชะงัก ยิ้มอย่างขี้เล่น “อ้อ ถ้าพูดถึงเขตต่าง ๆ ของสวนละก็ เตรียมฟังยาวเลยนะ เพราะสวนรัตติกาลไม่ได้มีแค่ดอกไม้สวย ๆ กับต้นไม้ยักษ์หรอกนะ”

เอลดรินหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเริ่มอธิบาย “สวนรัตติกาลแบ่งออกเป็นห้าเขตสำคัญ แต่ละเขตมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับพลังเวทมนตร์ของสวนทั้งหมด เขตแรกคือ สวนกลาง ตรงที่พวกเรานั่งอยู่นี่แหละ”

สวนกลางเป็นหัวใจสำคัญของสวนรัตติกาล ต้นวิลโลว์โบราณที่สูงตระหง่านตั้งอยู่กลางพื้นที่ รากของมันแตกแขนงไปทั่วพื้นดินราวกับเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงสวนทั้งผืน ใบไม้สีเขียวมรกตของมันเปล่งประกายสะท้อนแสงอาทิตย์ในยามกลางวัน และเรืองแสงอ่อนโยนในยามค่ำคืน กลิ่นหอมจากดอกไม้นานาชนิดที่ผลิบานตลอดปีอบอวลในอากาศ สร้างความรู้สึกสงบและอบอุ่นในหัวใจของผู้มาเยือน ทุกย่างก้าวในพื้นที่นี้ดูเหมือนจะมีเสียงกระซิบของธรรมชาติแว่วมากับสายลม ราวกับสวนกำลังพูดคุยกับทุกคนที่ก้าวเข้ามา

ในเขตนี้ เวทมนตร์ของสวนเข้มข้นที่สุด เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การทำสมาธิ หรือค้นหาความสงบในจิตใจ ดอกไม้นานาชนิดที่แบ่งบานที่นี่ไม่ได้เพียงแต่สวยงาม แต่ยังมีพลังเวทมนตร์ที่ช่วยฟื้นฟูและเสริมพลังให้กับผู้ที่อยู่ในสวน

“มันดูเงียบสงบ แต่ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ข้างใน” รินเอียงศีรษะมองต้นวิลโลว์

“ใช่แล้ว” เคลเสริม “มันเป็นต้นไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในสวน เชื่อกันว่ารากของมันเชื่อมโยงไปถึงหัวใจแห่งอาราเลียด้วย”

“แล้วที่อื่นล่ะ? นอกจากตรงนี้?” เคียแรนเลิกคิ้วขึ้น

“ทางตะวันตกคือ ป่าเวทมนตร์” เอลดรินอธิบายต่อ “ที่นั่นเต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่และเถาวัลย์ที่ดูเหมือนมีชีวิต มันเป็นเขตที่พลังเวทมนตร์เข้มข้นที่สุด มีลำธารเล็ก ๆ ที่คนพูดกันว่ามีฤทธิ์ในการรักษา”

เขตที่เต็มไปด้วยความลึกลับและความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ ต้นไม้สูงเสียดฟ้าโอบล้อมทั่วพื้นที่ แสงแดดที่ลอดผ่านใบไม้ทอเป็นประกายทองระยิบระยับ ขณะที่เถาวัลย์เวทมนตร์เลื้อยพันไปตามลำต้น เสมือนสิ่งมีชีวิตที่เฝ้าดูแลผืนป่า

เสียงนกร้องก้องในป่าผสมผสานกับเสียงไหลรินของลำธารเล็ก ๆ ที่ไหลผ่านกลางเขตนี้ เชื่อกันว่าป่าแห่งนี้มีสิ่งมีชีวิตลึกลับอาศัยอยู่ เช่น ผีเสื้อแสงดาว ที่จะปรากฏตัวในคืนเดือนมืดเพื่อชี้นำทางแก่ผู้ที่หลงทาง

พลังของหัวใจแห่งอาราเลียแผ่กระจายผ่านเขตนี้อย่างชัดเจน เหล่าอัศวินผู้พิทักษ์สวนเชื่อว่าป่าเวทมนตร์คือหนึ่งในสถานที่ที่หัวใจของสวนสะท้อนพลังมากที่สุด

“แต่ระวังนะ ถ้าหลงเข้าไปละก็ มีสิทธิ์เดินวนทั้งคืน ผมเคยลองมาแล้ว เหนื่อยแทบตาย” เอร่ายิ้มเจ้าเล่ห์

“คุณคงไม่ได้ตั้งใจหรอกใช่ไหม?” รินหัวเราะ

“ก็...อยากสำรวจนิดหน่อย” เอร่าตอบยิ้ม ๆ ก่อนจะหันไปหยอกจินเจอร์

เอลดรินส่ายหน้าอย่างอ่อนโยน “ถ้าพูดถึงความสงบ ต้องพูดถึง ทะเลสาบกระจกเงา ที่อยู่ทางทิศเหนือ ผืนน้ำที่นั่นใสราวกระจก คืนเดือนเพ็ญน้ำในทะเลสาบจะเปล่งแสงราวกับมีดวงดาวซ่อนอยู่”

ทะเลสาบกระจกเงาเป็นดินแดนแห่งความเงียบสงบ น้ำในทะเลสาบใสราวกับกระจกสะท้อนท้องฟ้าและธรรมชาติรอบด้านอย่างชัดเจนจนดูเหมือนภาพวาดที่ไร้ที่ติ ในคืนเดือนเพ็ญ ผิวน้ำจะเปล่งแสงเรืองรอง ราวกับมีกลุ่มดาวอยู่ใต้ผิวน้ำ

ตำนานเล่าขานว่า เทพแห่งชีวิตเคยเสด็จมายังที่นี่เพื่อสร้างสมดุลในโลกมนุษย์ และฝากร่องรอยแห่งพลังไว้ที่ก้นทะเลสาบ ผู้เฒ่าที่เคยมาเยือนกล่าวว่า เมื่อใดที่ยามวิกฤตมาถึง ทะเลสาบจะเป็นกุญแจสำคัญในการไขปริศนาของหัวใจแห่งอาราเลีย

“เราต้องไปที่นั่นให้ได้” รินมองเคลตาเป็นประกาย

“แน่นอน ผมจะพาคุณไป” เคลพยักหน้า

“แล้วที่อื่นล่ะ?” เคียแรนถามต่อ “ยังมีอีกใช่ไหม?”

“ใช่ ยังมี วิหารเงาแสง ทางทิศตะวันออก เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ครั้งหนึ่งใช้ประกอบพิธีกรรมสำคัญของสวน พลังจากหัวใจแห่งอาราเลียสะท้อนออกมาที่นี่อย่างชัดเจน” เอลดรินยิ้มพลางอธิบายเสริม

สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ครั้งหนึ่งเคยใช้เป็นที่ประกอบพิธีกรรมโดยอัศวินและผู้พิทักษ์สวน วิหารสร้างขึ้นจากหินสีขาวบริสุทธิ์ที่เรืองแสงอ่อนโยนในยามค่ำคืน ผนังด้านในประดับด้วยจารึกอักษรโบราณที่ยังไม่มีใครสามารถแปลได้ทั้งหมด เชื่อกันว่าเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม วิหารแห่งนี้จะเปิดเผยความลับบางอย่างเกี่ยวกับหัวใจแห่งอาราเลีย

เอร่าแทรกขึ้นมา “แต่ที่โปรดของผมคงเป็น ทุ่งดอกไม้แห่งการรำลึก ที่อยู่ทางใต้ ที่นั่นดอกไม้จะเปลี่ยนสีตามอารมณ์ของสวน มันเหมือนมีชีวิตเลยนะ”

สถานที่เงียบสงบที่เต็มไปด้วยดอกไม้สีสันสดใส แต่กลับแฝงไปด้วยความเศร้าในเวลาเดียวกัน ดอกไม้เหล่านี้เปลี่ยนสีตามอารมณ์ของสวน สะท้อนถึงพลังและความสมดุลของหัวใจแห่งอาราเลีย

ใต้ทุ่งดอกไม้แห่งนี้คือ สถานที่ฝังร่างของอัศวินและผู้พิทักษ์สวนในอดีต ทุกกลีบดอกที่ผลิบานเหมือนจะเป็นคำกล่าวขอบคุณจากพลังของสวนที่ยังคงสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน

“ฟังดูเหมือนนิทานเลย” เคียแรนกล่าวด้วยรอยยิ้ม แต่ก็แฝงไปด้วยความจริงจัง “แต่พอมาเห็นที่นี่จริง ๆ มันก็น่าเหลือเชื่อ”

เอลดรินพยักหน้า “สวนนี้เป็นส่วนหนึ่งของพลังและตำนานของอาราเลีย ทุกเขตมีความสำคัญ และบางทีคำตอบที่เราตามหาอาจจะซ่อนอยู่ในพื้นที่เหล่านี้”

“ในตำรานี้ยังบอกว่า หัวใจแห่งอาราเลียไม่ได้ถูกเก็บไว้ในสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง แต่มันฝังอยู่ในแก่นแท้ของสวนรัตติกาล” เอลดรินกล่าว พลางชี้ไปยังสัญลักษณ์บนแผนที่ที่ดูเหมือนต้นไม้ใหญ่

“มันซ่อนอยู่ในเขตไหนหรือเปล่า?” เอร่าถามพลางเอนตัวมองแผนที่อย่างใกล้ชิด

“อาจจะอยู่ในเขตสวนกลาง หรืออาจเป็นที่ทะเลสาบกระจกเงา” เอลดรินตอบ “แต่ตามบันทึกนี้ มีคำใบ้ว่า ‘แสงแห่งชีวิตจะชี้ทางให้ผู้คู่ควร’ ซึ่งอาจหมายถึงช่วงเวลาที่แสงอาทิตย์หรือแสงจันทร์ทำปฏิกิริยากับพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งในสวน”

เคียแรนที่กำลังจดบันทึกอย่างขมักเขม้นเงยหน้าขึ้น “แล้วถ้าเราเริ่มต้นที่วิหารเงาแสงล่ะ? ที่นั่นน่าจะมีเบาะแสที่ชัดเจนสุด”

“มันสมเหตุสมผล วิหารนั้นเคยเป็นที่จัดพิธีกรรม เราอาจพบอะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่” เคลพยักหน้าเห็นด้วย

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde   บทที่ 33 วิหารเงาแสงสะท้อนแสงแห่งชีวิต

    ทุกคนเดินไปยังเขต วิหารเงาแสง ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของสวน รินไม่เคยมาเยือนเขตนี้มาก่อน จ้องมองรอบๆ ด้วยความตื่นเต้น วิหารตั้งอยู่กลางพื้นที่ที่ล้อมรอบด้วยต้นไม้สูงใหญ่กิ่งก้านแผ่ขยายทับซ้อนจนแทบไม่เห็นท้องฟ้า ยกเว้นช่องเล็ก ๆ ที่แสงจันทร์ลอดผ่านลงมา แสงเหล่านั้นตกลงบนตัววิหารที่ทำจากหินขาวเรืองรอง ราวกับมีแสงสว่างในตัว“วิหารนี้เหมือนกับ...ลมหายใจของสวน” รินพึมพำ “สมัยเด็ก ผมได้แต่มองมันจากระยะไกล ไม่เคยได้เข้ามาเลย”เคลที่เดินอยู่ข้าง ๆ เอื้อมมาจับมือรินเบา ๆ “ตอนนี้คุณได้เห็นด้วยตัวเองแล้ว และคุณก็เป็นเจ้าของที่แท้จริงของมัน”“หวานกันอีกแล้ว...จินเจอร์ ถ้าเราไม่มีของกิน ให้ไปกัดขาเคลนะ” เอร่าไม่พลาดที่จะแซวจินเจอร์ร้องเหมียวเสียงยาว เหมือนจะเห็นด้วยเคียแรนส่ายหน้าและหัวเราะเบา ๆ “เอร่า นายจะช่วยสงบสักนิดได้ไหม? ตอนนี้พวกเราจริงจังอยู่นะ”เอร่าหันมามองเคียแรน พร้อมยักคิ

  • เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde   บทที่ 32 อาณาจักรของสวนรัตติกาล

    เช้าวันใหม่เริ่มต้นพร้อมกับความกระตือรือร้นในสวนรัตติกาล ทุกคนรวมตัวกันที่โต๊ะไม้ตัวใหญ่กลางสวน ริน เคล เอร่า และเคียแรนล้อมวงฟังเอลดรินที่กำลังเปิดตำราโบราณอย่างระมัดระวัง หน้ากระดาษที่เก่าแก่เปราะบางเหมือนจะขาดได้ทุกเมื่อ เสียงนกร้องเป็นฉากหลังที่สงบ แต่บรรยากาศรอบโต๊ะเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและคาดหวัง“ตำราเล่มนี้บันทึกเรื่องราวของสวนรัตติกาลอย่างละเอียดที่สุด” เอลดรินเริ่มพูด พร้อมเปิดไปยังหน้าที่มีแผนที่โบราณของสวน ตัวอักษรจางหายไปบางส่วนจากกาลเวลา “นี่เป็นผลงานของอัศวินผู้พิทักษ์สวนคนแรก ๆ ที่อาศัยอยู่ในยุคสร้างหัวใจแห่งอาราเลีย”เคลเลื่อนตัวเข้ามาใกล้ แววตาเต็มไปด้วยความสนใจ “นี่คือแผนที่ของสวนทั้งหมดหรือครับ? ดูละเอียดกว่าที่ผมเคยเห็นมาอีก”เอลดรินพยักหน้า “ใช่ มันไม่เพียงแค่บอกทาง แต่ยังอธิบายถึงพลังและความเชื่อมโยงของพื้นที่ในสวนด้วย”เคียแรนที่เพิ่งมาอยู่สวนได้ไม่นานขมวดคิ้วเล็กน้อย “แล้วสวนนี้แบ่งเป็นเขตชัดเจนเลยหรือครับ? ผ

  • เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde   บทที่ 31 ปัญหาเรื่องเดิมอีกครั้ง

    หลังจากการพูดคุยอย่างเคร่งเครียดเกี่ยวกับหัวใจแห่งอาราเลียและแผนการของมาร์คัส รินที่มองเอลดรินสังเกตเห็นความเหนื่อยล้าบนใบหน้าของชายชรา เขาจึงเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง “เอลดริน ท่านดูเหนื่อยมากเลย ท่านเดินทางไกลมาขนาดนี้แล้ว ยังต้องเล่าเรื่องที่หนักหนาอีก ท่านควรพักก่อนดีไหม?”เอลดรินยิ้มอ่อน เมื่อเห็นความกังวลในสายตาของริน “ผมสบายดี แต่ก็ยอมรับว่าร่างกายไม่เหมือนเก่าแล้ว”“ถ้าอย่างนั้น” รินหันไปมองทุกคน “พวกเราควรพักก่อนดีไหม? การตามหาหัวใจแห่งอาราเลียไม่น่าจะเร่งด่วนถึงขนาดรอไม่ได้ เราเตรียมตัวให้พร้อมและเริ่มกันพรุ่งนี้เช้าดีกว่า”“ผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง! พูดตรงๆ นะ ตอนนี้ผมหิวสุดๆ ถ้าพรุ่งนี้เช้าต้องเริ่มตามหาทันที โดยที่ไม่มีมื้อเย็นนี่ ผมคงหมดแรงแน่ๆ” เอร่ายกมือขึ้นเห็นด้วยทันทีเคลที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รินพยักหน้าเห็นด้วย “ฟังดูเข้าท่า แต่เราต้องเตรียมที่พักให้เอลดรินด้วย มีห้องว่างอยู่ท้ายสวน มันค่อนข้างเงียบสงบและมีข้าวของเครื่องใช้ครบ

  • เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde   บทที่ 30 หัวใจแห่งอาราเลีย

    เอลดรินนั่งลงข้างโต๊ะหินกลางสวนรัตติกาล ท่ามกลางแสงแดดอ่อนที่ลอดผ่านใบไม้ลงมา ท่าทางของเขาเคร่งขรึมและดวงตาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ริน เคล เคียแรน และเอร่าล้อมรอบเขา บรรยากาศเงียบสงบในสวนดูเหมือนจะถูกแทนที่ด้วยความตึงเครียด“ท่านดูเหมือนคนที่ผ่านอะไรมาเยอะ ทำไมท่านถึงมาที่นี่ในเวลานี้?” รินมองเอลดรินด้วยความสงสัยเอลดรินถอนหายใจยาว น้ำเสียงของเขาแฝงด้วยความกังวล “ผมไม่มีทางเลือก ผมต้องรีบเตือนพวกท่าน กลุ่มซินดิเคทกำลังสืบหาเบาะแสเกี่ยวกับหัวใจแห่งอาราเลีย และพวกมันไม่สนใจว่าวิธีการนั้นจะชั่วร้ายแค่ไหน คนของผมหลายคนถูกทำร้าย บางคน...ก็ตาย หนังสือโบราณจำนวนมากถูกพวกมันแย่งชิงไป”คำพูดของเอลดรินเหมือนเปลวไฟที่จุดประกายความโกรธ รินลุกขึ้นทันที ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด “มาร์คัสอีกแล้ว! มันเป็นปีศาจ ทำร้ายผู้บริสุทธิ์แค่เพราะต้องการอำนาจ! ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงยังไม่หยุด”“และตอนนี้พุ่งเป้ามาที่สวน ถ้าเขาคิดว่าพวกเราจะยอมให้เขาได้หัวใจแ

  • เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde   บทที่ 29 อำนาจที่ไม่เคยได้รับ ความรักที่ไม่เคยได้ชม

    หลังจากคืนกวาดล้างครั้งใหญ่ มาร์คัสยืนอยู่บนยอดของอำนาจ เขามองลงไปยังซากปรักหักพังของกลุ่มคนที่ครั้งหนึ่งเคยยืนอยู่ข้างไอเดนและต่อต้านเขา ความพึงพอใจฉายชัดในแววตา ราวกับว่าเขาได้ปลดปล่อยพันธนาการที่เคยกดขี่มาตลอดชีวิตในห้องโถงใหญ่ของฐานทัพซินดิเคท มาร์คัสจัดงานเลี้ยงฉลองที่เต็มไปด้วยความหรูหราและมัวเมา บรรดาลูกน้องและพวกขุนนางชั้นต่ำที่หวังเกาะกระแสอำนาจของเขาต่างร่วมยินดี แต่ในใจของทุกคนแฝงไปด้วยความกลัวต่อความโหดเหี้ยมของชายผู้ไร้ความปรานีมาร์คัสไม่เสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว หลังจากกำจัดไอเดนและควบคุมกลุ่มซินดิเคท เขาเริ่มสั่งให้ทำการกวาดล้างทุกคนที่เขาสงสัยว่าอาจทรยศ สายลับและนักฆ่าถูกส่งไปยังเมืองต่าง ๆ เพื่อกำจัดศัตรูเก่าและใหม่ รวมถึงผู้ที่เคยช่วยไอเดนหนีรอดในอดีต“ฉันไม่ต้องการสิ่งที่ไม่สมบูรณ์แบบ” มาร์คัสกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ ขณะมองดูรายชื่อเป้าหมายการลอบสังหารที่ยาวเหยียดในมือของเขา “หากพวกมันไม่ก้มหัวให้ฉัน ก็ไม่มีความจำเป็นที่พวกมันจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป”&nbs

  • เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde   บทที่ 28 ผู้อาวุโสผู้มาพร้อมกับข่าวร้าย

    เช้าวันหนึ่งที่แสงอาทิตย์สาดแสงอ่อนโยนทอดผ่านกลีบดอกไม้ที่แบ่งบาน สวนเต็มไปด้วยเสียงนกร้องเพลงคลอเคล้ากับเสียงลมพัดเบา ๆ ทว่าความเงียบสงบนั้นถูกทำลายโดยกระแสลมแปลกประหลาดที่พัดวูบหนึ่ง ใบไม้ปลิวไหวในทิศทางที่ไม่มีใครคาดคิด กลิ่นหอมสดชื่นของดอกไม้ถูกแทนที่ด้วยกลิ่นชื้นคล้ายควันไม้และกลิ่นหญ้าหลังฝนตกเสียงฝีเท้าหนักแน่นดังขึ้นจากส่วนลึกของสวน ทั้งที่ไม่มีใครเปิดประตูให้ เสียงนั้นเหมือนจะสะท้อนในอากาศราวกับมาจากทุกทิศทาง เคลสัมผัสถึงบางสิ่งผิดปกติในทันที เขาขยับตัวมาข้างหน้า มือจับด้ามดาบแน่น ดวงตาคมมองตรงไปยังต้นเสียง ขณะที่เคียแรนก้าวมาข้างหน้าเพื่อปกป้องริน“ใครกันที่กล้าบุกรุกมาที่นี่?” เคลเอ่ยด้วยน้ำเสียงต่ำเย็น ดวงตาจับจ้องไปยังเงาที่ค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้นจากเงามืดในหมู่แมกไม้ ชายชราผู้หนึ่งก้าวออกมาช้า ๆ เสื้อคลุมสีมอมแมมของเขาปลิวไสวไปตามลม แม้เสื้อผ้าจะดูธรรมดา แต่ตัวเขากลับมีบางสิ่งดึงดูดความสนใจได้ในทันที มือถือไม้เท้าที่มีลวดลายแกะสลักงดงาม เรืองแสงเบาบางเหมือนกับมีพลังบางอย่างซ่อนอยู่

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status