Главная / วาย / เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde / บทที่ 29 อำนาจที่ไม่เคยได้รับ ความรักที่ไม่เคยได้ชม

Share

บทที่ 29 อำนาจที่ไม่เคยได้รับ ความรักที่ไม่เคยได้ชม

last update Последнее обновление: 2025-07-18 13:00:17

หลังจากคืนกวาดล้างครั้งใหญ่ มาร์คัสยืนอยู่บนยอดของอำนาจ เขามองลงไปยังซากปรักหักพังของกลุ่มคนที่ครั้งหนึ่งเคยยืนอยู่ข้างไอเดนและต่อต้านเขา ความพึงพอใจฉายชัดในแววตา ราวกับว่าเขาได้ปลดปล่อยพันธนาการที่เคยกดขี่มาตลอดชีวิต

ในห้องโถงใหญ่ของฐานทัพซินดิเคท มาร์คัสจัดงานเลี้ยงฉลองที่เต็มไปด้วยความหรูหราและมัวเมา บรรดาลูกน้องและพวกขุนนางชั้นต่ำที่หวังเกาะกระแสอำนาจของเขาต่างร่วมยินดี แต่ในใจของทุกคนแฝงไปด้วยความกลัวต่อความโหดเหี้ยมของชายผู้ไร้ความปรานี

มาร์คัสไม่เสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว หลังจากกำจัดไอเดนและควบคุมกลุ่มซินดิเคท เขาเริ่มสั่งให้ทำการกวาดล้างทุกคนที่เขาสงสัยว่าอาจทรยศ สายลับและนักฆ่าถูกส่งไปยังเมืองต่าง ๆ เพื่อกำจัดศัตรูเก่าและใหม่ รวมถึงผู้ที่เคยช่วยไอเดนหนีรอดในอดีต

“ฉันไม่ต้องการสิ่งที่ไม่สมบูรณ์แบบ” มาร์คัสกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ ขณะมองดูรายชื่อเป้าหมายการลอบสังหารที่ยาวเหยียดในมือของเขา “หากพวกมันไม่ก้มหัวให้ฉัน ก็ไม่มีความจำเป็นที่พวกมันจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป”

ผู้คนในเมืองอาราเลียเริ่มหวาดกลัว การหายตัวไปของพ่อค้า นักวิชาการ และนักเคลื่อนไหวที่ต่อต้านซินดิเคทกลายเป็นเรื่องปกติ ซากศพที่ถูกพบเป็นการส่งข้อความชัดเจนถึงใครก็ตามที่คิดจะต่อต้านมาร์คัส

มาร์คัสเริ่มเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของซินดิเคท เขาแต่งตั้งคนที่ภักดีต่อตัวเองให้ดูแลเขตต่าง ๆ ของอาราเลีย และใช้พวกนั้นเป็นมือเป็นเท้าในการข่มขู่และรีดไถประชาชน บางพื้นที่กลายเป็นเมืองร้างเพราะผู้คนหนีตายไปยังชายแดน

“ฉันไม่สนใจว่าใครจะอยู่หรือจะไป” มาร์คัสกล่าวกับที่ปรึกษาคนสนิท “สิ่งที่สำคัญคือทุกคนที่อยู่ใต้อำนาจของฉันจะต้องยอมจำนน ฉันต้องการให้ชื่อของฉันเป็นคำที่กระซิบด้วยความกลัวในทุกมุมของอาราเลีย”

มาร์คัสนั่งอยู่ในห้องทำงาน ท่ามกลางความเงียบสงบที่มีเพียงเสียงไฟในเตาผิงที่ลุกไหม้ เขาเปิดโต๊ะลิ้นชักเก่าของวิกเตอร์ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ก่อนพบสมุดบันทึกเล่มหนึ่งที่เก่าจนกระดาษเกือบจะเปื่อยยุ่ยด้านในสุดของลิ้นชัก แต่เมื่อเปิดมันออก แววตาของเขากลับเปล่งประกายด้วยความสนใจ

บันทึกนั้นเต็มไปด้วยความลับเกี่ยวกับสวนรัตติกาลและคำอธิบายถึงพลังที่ไม่ธรรมดาของมัน

“พลังที่ไม่มีที่สิ้นสุด…การควบคุมทุกสิ่ง…” มาร์คัสอ่านพลางกระตุกยิ้มอย่างเย้ยหยัน บันทึกเล่าถึงความพยายามของวิกเตอร์ในการครอบครองสวน แต่ทุกครั้งก็ล้มเหลวเพราะถูกเหล่าอัศวินขัดขวาง

“ไร้ประโยชน์!” มาร์คัสหัวเราะเบา ๆ ด้วยความสมเพชในตัววิกเตอร์ “พ่อฉันใช้ชีวิตตามล่าพลังอันยิ่งใหญ่นี้ แต่กลับพ่ายแพ้ให้กับอีแค่กลุ่มอัศวิน ไร้ความสามารถเสียจริง!”

เขาพลิกหน้าบันทึกต่อไป พบภาพวาดและคำอธิบายเกี่ยวกับการเชื่อมโยงของสวนรัตติกาลกับราชินีและเจ้าชาย หากไม่มีทายาทที่แท้จริง พลังของสวนก็ไม่สามารถใช้งานได้อย่างสมบูรณ์ และตอนนี้ เคล อัศวินผู้พิทักษ์สวน ก็เป็นเพียงคนเฝ้าประตูคนหนึ่งที่ไร้ค่า

“ในเมื่อไม่มีราชินีและเจ้าชาย พลังนั้นก็เหมือนอัญมณีไร้ค่าในมือของคนโง่” มาร์คัสพึมพำกับตัวเอง “เคล คิดว่าตัวเองจะปกป้องอะไรได้ในเมื่อฉันอยู่ตรงนี้? ฉันต่างหากที่ควรได้พลังนั้นมา ไม่ใช่พ่อผู้ล้มเหลว”

“พ่อของฉันช่างอ่อนแอเสียจริง...ทำตัวยิ่งใหญ่ราวกับว่าเป็นผู้นำที่ไม่มีใครเทียบได้ แต่ท้ายที่สุด กับอีแค่สวนเล็ก ๆ ก็ยังไม่มีปัญญาครอบครอง” เขาเอนตัวพิงเก้าอี้ หัวเราะเสียงเย็นชา มองบันทึกเล่มนั้นด้วยแววตาเยาะเย้ย “ตอนนี้คงได้แต่ชะเง้อดูจากนรกว่า ลูกชายของพ่อจะทำสิ่งที่พ่อไม่มีวันทำได้สำเร็จ!”

มาร์คัสปิดบันทึกเล่มนั้นพลางหัวเราะในลำคอ ดวงตาเต็มไปด้วยความทะเยอทะยานและความชั่วร้าย เขาลุกขึ้นยืน ก้าวไปที่หน้าต่าง จ้องมองออกไปยังอาณาจักรที่อยู่ใต้การควบคุม

“ฉันจะยึดสวนรัตติกาล จะใช้พลังนั้นปกครองทุกสิ่ง และทุกคนจะได้เห็นว่า ฉันคือผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้จริง มาร์คัสผู้ที่ไม่มีใครหยุดยั้งได้!”

แต่ละคำพูดเต็มไปด้วยความกระหายอำนาจและความมั่นใจ เขายกแก้วไวน์ขึ้น ดื่มเพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะล่วงหน้าที่เขาเชื่อว่าไม่มีสิ่งไหนจะหยุดยั้งได้

มาร์คัสใช้เวลาหลายคืนในห้องทำงานเก่าของวิกเตอร์ พลิกอ่านบันทึกและตำราโบราณที่พ่อของเขาทิ้งไว้ ท่ามกลางกองกระดาษที่เต็มไปด้วยร่องรอยของแผนการที่ล้มเหลว มาร์คัสพบบันทึกที่ทำให้ต้องชะงักไป

“สวนรัตติกาล...พลังที่ไม่อาจหวนกลับมาได้” เขาอ่านข้อความที่วิกเตอร์เขียนด้วยลายมือหวัด “ในสวนแห่งนี้ มีพลังที่สามารถเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของอาณาจักรได้...แต่ฉันไม่คู่ควรที่จะครอบครองมัน...”

“ไม่คู่ควรอย่างนั้นหรือ? สวนที่พูดถึงมันควรจะเป็นของฉันตั้งแต่แรก!” มาร์คัสอ่านซ้ำอีกครั้ง ดวงตาของเขาหรี่ลงด้วยความสงสัยและความทะเยอทะยานที่เริ่มก่อตัว

ไม่เพียงเท่านั้น ในบันทึกยังมีการกล่าวถึง “หัวใจแห่งอาราเลีย” วัตถุโบราณที่ถูกเล่าขานว่าเป็นแหล่งพลังเวทมนตร์ที่ไม่มีใครเทียบได้ และเป็นกุญแจสำคัญที่เกี่ยวข้องกับสวนรัตติกาล

“หัวใจแห่งอาราเลีย...” มาร์คัสกระซิบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความปรารถนา “ถึงพ่อจะล้มเหลว แต่ฉันนี่แหละจะเอามันมาให้ได้”

มาร์คัสเรียกประชุมลับกับหัวหน้าหน่วยข่าวกรองและที่ปรึกษา ในห้องประชุมที่มีแสงเทียนเล่มเดียวส่องสว่าง เขากวาดสายตามองลูกน้องที่ภักดี

“ฉันมีภารกิจใหม่ให้พวกนาย” เขาเริ่มพูดเสียงต่ำแต่ชัดเจน “ฉันต้องการข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับสวนรัตติกาล และหัวใจแห่งอาราเลีย จงไปค้นหาบันทึกโบราณ ตำราที่หอจดหมายเหตุ หรือแม้แต่ในตลาดมืด”

“พวกเราจะเริ่มทันที นายท่าน แต่สวนรัตติกาลมีอัศวินปกป้องอย่างแน่นหนา หากเราบุกเข้าไป อาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย” หัวหน้าหน่วยข่าวกรองก้มศีรษะ

“พวกมันคิดว่าสวนแห่งนั้นศักดิ์สิทธิ์ แต่ฉันจะทำให้เห็นว่ามันไม่ใช่ ข้าจะใช้พลังของข้าเข้าไปยึดมัน!” มาร์คัสเหยียดยิ้ม

“นายท่าน” ที่ปรึกษาคนหนึ่งเอ่ย “หัวใจแห่งอาราเลียว่ากันว่าใช้งานได้เฉพาะกับทายาทที่แท้จริงของราชินีโรซาลี หากเราไม่ใช่คนที่เหมาะสม...”

“พ่อของฉันก็เคยเชื่อเรื่องไร้สาระแบบนี้” มาร์คัสสวนขึ้นทันที น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน “ฉันจะพิสูจน์ให้เห็นว่าพลังนั้นคู่ควรกับผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด และนั่นคือฉัน ไม่ใช่ทายาทที่ไม่มีตัวตน!”

สายลับของเขากระจายตัวไปทั่วอาราเลีย เริ่มต้นจากหอจดหมายเหตุหลวงเพื่อค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับหัวใจแห่งอาราเลียและความลับของสวนรัตติกาล

“จงใช้ทุกวิธีที่จำเป็น” มาร์คัสสั่งการ “หากต้องติดสินบนหรือข่มขู่ ก็จงทำ! ฉันต้องรู้ว่าหัวใจแห่งอาราเลียอยู่ที่ไหน และใครกุมความลับของมัน”

นอกจากนี้ เขายังส่งสายลับไปจับตาดูสวนรัตติกาลอย่างใกล้ชิด

“ว่าอย่างไร เกี่ยวกับคนที่ปกป้องสวน?” มาร์คัสถามหัวหน้าหน่วย

“เคล ชายคนหนึ่งที่เป็นอัศวินผู้พิทักษ์ เขาไม่มีพลังวิเศษใด ๆ” หัวหน้าหน่วยรายงาน “ดูเหมือนจะเป็นแค่ผู้พิทักษ์ธรรมดา”

“ถ้าสวนแห่งนี้อยู่ในมือของคนอ่อนแอเช่นนั้น มันก็เหมือนเพชรที่ตกอยู่ในโคลน ฉันจะชิงมันมาและเปลี่ยนมันให้เป็นอาวุธที่ไม่มีใครต้านทานได้” มาร์คัสหัวเราะเยาะ

เขาเหยียดยิ้มเย็นชา ขณะนึกถึงวิกเตอร์ “ดูเอาไว้เถอะพ่อ ผมจะทำสิ่งที่พ่อทำไม่ได้ และผมจะเป็นผู้ปกครองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อาราเลีย!”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde   บทที่ 33 วิหารเงาแสงสะท้อนแสงแห่งชีวิต

    ทุกคนเดินไปยังเขต วิหารเงาแสง ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของสวน รินไม่เคยมาเยือนเขตนี้มาก่อน จ้องมองรอบๆ ด้วยความตื่นเต้น วิหารตั้งอยู่กลางพื้นที่ที่ล้อมรอบด้วยต้นไม้สูงใหญ่กิ่งก้านแผ่ขยายทับซ้อนจนแทบไม่เห็นท้องฟ้า ยกเว้นช่องเล็ก ๆ ที่แสงจันทร์ลอดผ่านลงมา แสงเหล่านั้นตกลงบนตัววิหารที่ทำจากหินขาวเรืองรอง ราวกับมีแสงสว่างในตัว“วิหารนี้เหมือนกับ...ลมหายใจของสวน” รินพึมพำ “สมัยเด็ก ผมได้แต่มองมันจากระยะไกล ไม่เคยได้เข้ามาเลย”เคลที่เดินอยู่ข้าง ๆ เอื้อมมาจับมือรินเบา ๆ “ตอนนี้คุณได้เห็นด้วยตัวเองแล้ว และคุณก็เป็นเจ้าของที่แท้จริงของมัน”“หวานกันอีกแล้ว...จินเจอร์ ถ้าเราไม่มีของกิน ให้ไปกัดขาเคลนะ” เอร่าไม่พลาดที่จะแซวจินเจอร์ร้องเหมียวเสียงยาว เหมือนจะเห็นด้วยเคียแรนส่ายหน้าและหัวเราะเบา ๆ “เอร่า นายจะช่วยสงบสักนิดได้ไหม? ตอนนี้พวกเราจริงจังอยู่นะ”เอร่าหันมามองเคียแรน พร้อมยักคิ

  • เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde   บทที่ 32 อาณาจักรของสวนรัตติกาล

    เช้าวันใหม่เริ่มต้นพร้อมกับความกระตือรือร้นในสวนรัตติกาล ทุกคนรวมตัวกันที่โต๊ะไม้ตัวใหญ่กลางสวน ริน เคล เอร่า และเคียแรนล้อมวงฟังเอลดรินที่กำลังเปิดตำราโบราณอย่างระมัดระวัง หน้ากระดาษที่เก่าแก่เปราะบางเหมือนจะขาดได้ทุกเมื่อ เสียงนกร้องเป็นฉากหลังที่สงบ แต่บรรยากาศรอบโต๊ะเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและคาดหวัง“ตำราเล่มนี้บันทึกเรื่องราวของสวนรัตติกาลอย่างละเอียดที่สุด” เอลดรินเริ่มพูด พร้อมเปิดไปยังหน้าที่มีแผนที่โบราณของสวน ตัวอักษรจางหายไปบางส่วนจากกาลเวลา “นี่เป็นผลงานของอัศวินผู้พิทักษ์สวนคนแรก ๆ ที่อาศัยอยู่ในยุคสร้างหัวใจแห่งอาราเลีย”เคลเลื่อนตัวเข้ามาใกล้ แววตาเต็มไปด้วยความสนใจ “นี่คือแผนที่ของสวนทั้งหมดหรือครับ? ดูละเอียดกว่าที่ผมเคยเห็นมาอีก”เอลดรินพยักหน้า “ใช่ มันไม่เพียงแค่บอกทาง แต่ยังอธิบายถึงพลังและความเชื่อมโยงของพื้นที่ในสวนด้วย”เคียแรนที่เพิ่งมาอยู่สวนได้ไม่นานขมวดคิ้วเล็กน้อย “แล้วสวนนี้แบ่งเป็นเขตชัดเจนเลยหรือครับ? ผ

  • เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde   บทที่ 31 ปัญหาเรื่องเดิมอีกครั้ง

    หลังจากการพูดคุยอย่างเคร่งเครียดเกี่ยวกับหัวใจแห่งอาราเลียและแผนการของมาร์คัส รินที่มองเอลดรินสังเกตเห็นความเหนื่อยล้าบนใบหน้าของชายชรา เขาจึงเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง “เอลดริน ท่านดูเหนื่อยมากเลย ท่านเดินทางไกลมาขนาดนี้แล้ว ยังต้องเล่าเรื่องที่หนักหนาอีก ท่านควรพักก่อนดีไหม?”เอลดรินยิ้มอ่อน เมื่อเห็นความกังวลในสายตาของริน “ผมสบายดี แต่ก็ยอมรับว่าร่างกายไม่เหมือนเก่าแล้ว”“ถ้าอย่างนั้น” รินหันไปมองทุกคน “พวกเราควรพักก่อนดีไหม? การตามหาหัวใจแห่งอาราเลียไม่น่าจะเร่งด่วนถึงขนาดรอไม่ได้ เราเตรียมตัวให้พร้อมและเริ่มกันพรุ่งนี้เช้าดีกว่า”“ผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง! พูดตรงๆ นะ ตอนนี้ผมหิวสุดๆ ถ้าพรุ่งนี้เช้าต้องเริ่มตามหาทันที โดยที่ไม่มีมื้อเย็นนี่ ผมคงหมดแรงแน่ๆ” เอร่ายกมือขึ้นเห็นด้วยทันทีเคลที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รินพยักหน้าเห็นด้วย “ฟังดูเข้าท่า แต่เราต้องเตรียมที่พักให้เอลดรินด้วย มีห้องว่างอยู่ท้ายสวน มันค่อนข้างเงียบสงบและมีข้าวของเครื่องใช้ครบ

  • เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde   บทที่ 30 หัวใจแห่งอาราเลีย

    เอลดรินนั่งลงข้างโต๊ะหินกลางสวนรัตติกาล ท่ามกลางแสงแดดอ่อนที่ลอดผ่านใบไม้ลงมา ท่าทางของเขาเคร่งขรึมและดวงตาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ริน เคล เคียแรน และเอร่าล้อมรอบเขา บรรยากาศเงียบสงบในสวนดูเหมือนจะถูกแทนที่ด้วยความตึงเครียด“ท่านดูเหมือนคนที่ผ่านอะไรมาเยอะ ทำไมท่านถึงมาที่นี่ในเวลานี้?” รินมองเอลดรินด้วยความสงสัยเอลดรินถอนหายใจยาว น้ำเสียงของเขาแฝงด้วยความกังวล “ผมไม่มีทางเลือก ผมต้องรีบเตือนพวกท่าน กลุ่มซินดิเคทกำลังสืบหาเบาะแสเกี่ยวกับหัวใจแห่งอาราเลีย และพวกมันไม่สนใจว่าวิธีการนั้นจะชั่วร้ายแค่ไหน คนของผมหลายคนถูกทำร้าย บางคน...ก็ตาย หนังสือโบราณจำนวนมากถูกพวกมันแย่งชิงไป”คำพูดของเอลดรินเหมือนเปลวไฟที่จุดประกายความโกรธ รินลุกขึ้นทันที ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด “มาร์คัสอีกแล้ว! มันเป็นปีศาจ ทำร้ายผู้บริสุทธิ์แค่เพราะต้องการอำนาจ! ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงยังไม่หยุด”“และตอนนี้พุ่งเป้ามาที่สวน ถ้าเขาคิดว่าพวกเราจะยอมให้เขาได้หัวใจแ

  • เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde   บทที่ 29 อำนาจที่ไม่เคยได้รับ ความรักที่ไม่เคยได้ชม

    หลังจากคืนกวาดล้างครั้งใหญ่ มาร์คัสยืนอยู่บนยอดของอำนาจ เขามองลงไปยังซากปรักหักพังของกลุ่มคนที่ครั้งหนึ่งเคยยืนอยู่ข้างไอเดนและต่อต้านเขา ความพึงพอใจฉายชัดในแววตา ราวกับว่าเขาได้ปลดปล่อยพันธนาการที่เคยกดขี่มาตลอดชีวิตในห้องโถงใหญ่ของฐานทัพซินดิเคท มาร์คัสจัดงานเลี้ยงฉลองที่เต็มไปด้วยความหรูหราและมัวเมา บรรดาลูกน้องและพวกขุนนางชั้นต่ำที่หวังเกาะกระแสอำนาจของเขาต่างร่วมยินดี แต่ในใจของทุกคนแฝงไปด้วยความกลัวต่อความโหดเหี้ยมของชายผู้ไร้ความปรานีมาร์คัสไม่เสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว หลังจากกำจัดไอเดนและควบคุมกลุ่มซินดิเคท เขาเริ่มสั่งให้ทำการกวาดล้างทุกคนที่เขาสงสัยว่าอาจทรยศ สายลับและนักฆ่าถูกส่งไปยังเมืองต่าง ๆ เพื่อกำจัดศัตรูเก่าและใหม่ รวมถึงผู้ที่เคยช่วยไอเดนหนีรอดในอดีต“ฉันไม่ต้องการสิ่งที่ไม่สมบูรณ์แบบ” มาร์คัสกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ ขณะมองดูรายชื่อเป้าหมายการลอบสังหารที่ยาวเหยียดในมือของเขา “หากพวกมันไม่ก้มหัวให้ฉัน ก็ไม่มีความจำเป็นที่พวกมันจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป”&nbs

  • เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde   บทที่ 28 ผู้อาวุโสผู้มาพร้อมกับข่าวร้าย

    เช้าวันหนึ่งที่แสงอาทิตย์สาดแสงอ่อนโยนทอดผ่านกลีบดอกไม้ที่แบ่งบาน สวนเต็มไปด้วยเสียงนกร้องเพลงคลอเคล้ากับเสียงลมพัดเบา ๆ ทว่าความเงียบสงบนั้นถูกทำลายโดยกระแสลมแปลกประหลาดที่พัดวูบหนึ่ง ใบไม้ปลิวไหวในทิศทางที่ไม่มีใครคาดคิด กลิ่นหอมสดชื่นของดอกไม้ถูกแทนที่ด้วยกลิ่นชื้นคล้ายควันไม้และกลิ่นหญ้าหลังฝนตกเสียงฝีเท้าหนักแน่นดังขึ้นจากส่วนลึกของสวน ทั้งที่ไม่มีใครเปิดประตูให้ เสียงนั้นเหมือนจะสะท้อนในอากาศราวกับมาจากทุกทิศทาง เคลสัมผัสถึงบางสิ่งผิดปกติในทันที เขาขยับตัวมาข้างหน้า มือจับด้ามดาบแน่น ดวงตาคมมองตรงไปยังต้นเสียง ขณะที่เคียแรนก้าวมาข้างหน้าเพื่อปกป้องริน“ใครกันที่กล้าบุกรุกมาที่นี่?” เคลเอ่ยด้วยน้ำเสียงต่ำเย็น ดวงตาจับจ้องไปยังเงาที่ค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้นจากเงามืดในหมู่แมกไม้ ชายชราผู้หนึ่งก้าวออกมาช้า ๆ เสื้อคลุมสีมอมแมมของเขาปลิวไสวไปตามลม แม้เสื้อผ้าจะดูธรรมดา แต่ตัวเขากลับมีบางสิ่งดึงดูดความสนใจได้ในทันที มือถือไม้เท้าที่มีลวดลายแกะสลักงดงาม เรืองแสงเบาบางเหมือนกับมีพลังบางอย่างซ่อนอยู่

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status