“หืมมม มีแต่ลูกสวย ๆ ทั้งนั้นเลย” หนิงเซียนเอื้อมมือขึ้นไปเด็ดมาหนึ่งผล จัดการเช็ดทำความสะอาดเล็กน้อย จากนั้นจึงกัดเข้าเต็มปากคำโต
รสเปรี้ยวอมหวานนิด ๆ ทำเอาหนิงเซียนชอบใจเป็นการใหญ่ หากได้พริกเกลือจิ้มคงจะดีไม่น้อย
“ซี๊ดดด เปรี้ยวสะใจข้ามาก ดีเลยกลับถึงบ้าน ข้าจะจิ้มพริกเกลือกินให้หายอยากไปเลย” หญิงสาวเก็บใส่กระบุงให้มากหน่อย เผื่อว่าวันหลังอยากกินขึ้นมาอีก จะได้ไม่ต้องลำบากเดินไกลมาเก็บถึงในป่า แต่เมื่อกำลังเก็บผลไม้อย่างเพลิดเพลิน นางบังเอิญเหลือบไปเห็นผักกูดขึ้นตามริมลำธารเต็มไปหมด ช่างเป็นวันดี ๆ โดยแท้ ไม่ว่าจะมองไปทางใดก็เจอแต่ของกิน
“เจอของดีเข้าแล้วเรา แบบนี้ต้องเก็บไปเยอะ ๆ” ที่บ้านยังเหลือปลาอีกสองสามตัว คืนนี้จะทำผักลวกจิ้มน้ำพริกปลากินดีกว่า
หลังจากที่เก็บแอปเปิลได้ตามต้องการ สิ่งที่หมายตาต่อไปคือผักกูดต้นอวบอ้วนที่กำลังแตกยอดอ่อนน่าทาน ยอดอ่อนที่ใหญ่และกรอบ ยิ่งเด็ดก็ยิ่งมันมือเผลอแป๊บเดียวนางก็ได้ผักมาหอบใหญ่ เมื่อนำผักเก็บใส่กระบุงเรียบร้อยแล้ว ร่างบางก็เตรียมออกเดินทางต่อ ส่วนในมือก็ยังคงมีแอปเปิลสุกกำลังดีกัดกินไปตลอดทางอย่างเอร็ดอร่อย แม้มันจะเปรี้ยวมากกว่าหวานเจ้าตัวก็ยังคงกินไม่หยุด พร้อมกับซู้ดปากเพราะรสเปรี้ยวไปตลอดทาง
“หืม ตรงนั้นมันต้นอะไรน่ะ คุ้น ๆ” หญิงสาวปรี่ตรงเข้าไปหาสิ่งที่หมายตาไว้ทันที พอเมื่อเข้าไปใกล้จึงได้รู้แน่ชัดแล้วว่าคือต้นอะไร หนิงเซียนแทบจะอยากกรีดร้องออกมาด้วยความดีใจ
“กรี๊ดดดด นี่มันต้นมะยมนี่ ลูกใหญ่มาก ข้าเจอของดีอีกแล้วไหมเล่า” หญิงสาวรีบวางกระบุงลงทันที พร้อมกับปีนขึ้นไปเก็บลูกมะยมอย่างว่องไว เมื่อถึงกิ่งที่ตนหมายตาก็ได้เก็บมะยมพวงใหญ่ใส่ชายเสื้อ นางพยายามให้ผลช้ำน้อยที่สุด เวลานำไปดองและแช่อิ่มจะได้ไม่เละเสียของ
ไม่คิดไม่ฝันว่าในโลกนิยายจะมีพืชผลและสิ่งของบางอย่างเหมือนโลกที่ตนจากมา แต่ก็มิได้แปลกใจอะไรมากในเมื่อผู้แต่งนิยายเป็นคนไทย นักเขียนก็อาจจะรังสรรค์เอาของบางอย่างที่รู้จักและคุ้นเคย หยิบยกขึ้นมาเขียนก็ได้มิใช่หรือ แบบนี้ไงเล่านางถึงชอบเข้าป่า เพราะว่าด้านในมันมักจะมีสิ่งที่คาดไม่ถึงได้ตลอดเชียวล่ะ
เสียอยู่อย่างเดียวจะให้ของวิเศษติดตัวมาบ้างไม่ได้หรืออย่างไร เหตุใดถึงให้นางมาแบบตัวเปล่า อีกทั้งยังส่งมาเป็นอนุของตัวร้ายที่ใจคอโหดเหี้ยมอำมหิต เหอะ!! ดีนะที่ข้าอ่านนิยายเรื่องนี้จบ อย่างน้อยก็รู้ว่าควรจะหลีกเลี่ยงความตายได้อย่างไร
หลังจากที่เอาแต่บ่นให้นักเขียนจนพอใจ หนิงเซียนจึงได้แบกกระบุงขึ้นหลังเตรียมกลับบ้าน ด้วยของที่อยู่ในกระบุงเป็นผลไม้ เสียเป็นส่วนใหญ่ทำให้เริ่มหนักแบกไม่ไหว หญิงสาวจึงพอแล้วสำหรับวันนี้ เอาไว้คราวหน้าค่อยเข้าป่าลึกไปอีกสักหน่อย เผื่อจะได้เจอของป่าใหม่ ๆ ที่ยังไม่เคยเจอ
แต่ก่อนจะเดินพ้นออกจากแนวป่า นางก็ยังอุตส่าห์พบเห็ดหูหนูดำขึ้นเต็มขอนไม้ มีหรือจะปล่อยให้มันหลุดมือไป หนิงเซียนจึงจัดการเก็บมาจนหมดไม่ให้เหลือสักดอก พอนึกถึงเมนูของวันพรุ่งนี้ก็ทำเอาน้ำลายสอขึ้นมาอีก พลางนึกถึงสมัยเด็กที่คุณยายมักจะทำให้ทาน เป็นอาหารจานโปรดของนางเลยเชียวล่ะ แกงหน่อไม้ใส่เห็ดเยอะ ๆ
“อุ๊ย เจอใบย่านางพอดีเลย แหม! อะไรมันจะเหมาะเจาะขนาดนี้เนี่ย” หญิงสาวยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ยกมือขึ้นเปิดปากหัวเราะคิกคัก ไม่คิดว่าเพียงนึกถึง ก็ได้เจอวัตถุดิบเข้าพอดี
เมื่อได้ของที่ต้องการจนครบแล้ว หนิงเซียนจึงได้ตรงกลับบ้านทันทีโดยไม่แวะที่ใดอีก เดินฮัมเพลงแอวลั่นปั๊ดเพลงฮิตติดปากอย่างสบายอารมณ์ พร้อมกับออกลวดลายท่าทางตามจังหวะมัน ๆ ภายในหัวก็เอาแต่คิดถึงรายการอาหารที่จะทำกินคืนนี้และวันพรุ่งนี้อย่างมีความสุข
“เสียงเอวมันลั่นนนนน....”
แกร๊บ
“โอยยยย”
กายหนาลุกขึ้นเต็มความสูง เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงก้าวอาด ๆ ออกจากห้องไป โดยมีมู่หลางองครักษ์คนสนิทคอยติดตาม เหลียงอ๋องสั่งระดมพลเรียกองครักษ์ฝีมือดีที่สุด จากนั้นได้ออกคำสั่งเพื่อให้พวกเขาออกตามหาสิ่งที่ตนเองต้องการเหล่าองครักษ์ผู้ภักดีต่างแยกย้ายกันไปตามหาที่ที่คิดว่าจะหาสิ่งนั้นเจอ ทว่าเวลาผ่านไปนับเดือนก็ไร้ซึ่งข่าวคราว จดหมายรายงานถูกส่งมาจากทั่วสารทิศ แต่ก็มีเพียงความล้มเหลวที่ได้รับ เหลียงเฟิงปาจดหมายรายงานแต่ละฉบับทิ้ง กายหนาอาละวาดไม่เว้นแต่ละวัน ตนอยากจะออกตามหาด้วยตนเอง แต่ก็มิอาจทิ้งภรรยาและลูกน้อยไปได้ใบหน้าหล่อเหลาบัดนี้เต็มไปด้วยหนวดเครารุงรัง หน้าดำคล้ำเครียดและยังซูบผอมลงไปถนัดตา ไร้สง่าราศีของผู้เป็นอ๋อง บุตรตัวน้อยหรือก็ร้องไห้จ้าไม่ยอมหยุด เมื่อใดแฝดน้อยทั้งสองถูกวางไว้ข้างกายมารดา พวกเขาก็จะหยุดร้อง นอนเล่นพูดคุยอ้อแอ้กันทั้งวันไม่มีงอแง แต่ก็ไม่สามารถให้เด็กเล็กอยู่กับคนป่วยได้ตลอดเวลา จึงจำใจแยกพวกเขาออกจากภรรยา และอนุญาตให้อยู่ด้วยกันได้เพียงวันละไม่เกินหนึ่งชั่วยามเท่านั้น (2 ชั่วโมง)หลังจากระบายอารมณ์ความอัดอั้นจึงใจเย็นลงไปได้บ้าง ชายหนุ่มได้เตรียมตัวทำหน้าที่ด
“ชายารองชีพจรอ่อนมาก พวกเจ้าไปตามหมอที” หมอตำแยช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ ทั้งที่ชายารองก็มิได้ตกเลือด หรือเสียเลือดมากจนทำให้สลบไปทั้งอย่างนั้นได้ จะพูดให้ถูกก็คงจะเป็นหาสาเหตุของการหมดสติไปในครั้งนี้ไม่ได้นั่นเอง ซึ่งหมอตำแยเช่นนางถึงจะเชี่ยวชาญด้านการทำคลอด แต่นี่ดูเหมือนจะเกินขอบเขตความสามารถไปเสียแล้วทุกคนภายในห้องทำคลอดต่างร้อนรนและร้อนใจ เพราะไม่เพียงชายารองที่เข้าขั้นวิกฤต พวกตนก็อาจจะต้องตายอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน ถ้าหากนางเป็นอะไรไปคนทั้งห้องนี้ก็คงจะรับโทสะของท่านอ๋องไม่ไหว มีเพียงอาผิงเท่านั้นที่ยังพอมีสติ หญิงสาวตรงดิ่งไปตามท่านหมอทันทีที่หมอตำแยพูดจบ ทว่าเมื่อเปิดประตูออกไปก็พบเข้ากับหมอหลวงต้วนเข้าพอดี“ผู้ใดไม่เกี่ยวข้องออกไปรอด้านนอก” ต้วนชิงเจาได้มารออยู่ก่อนแล้ว เขาได้รับคำสั่งจากฝ่าบาทให้มาเป็นตัวแทนพระองค์พร้อมกับเฉียนกงกง ด้วยเล็งเห็นว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้นได้ทุกเมื่อ อย่างน้อยมีเขาอยู่ด้วยก็สามารถช่วยเหลือได้ทันท่วงทีเหล่านางกำนัลและหมอตำแยได้พากันออกไปรอด้านนอก เหลือไว้เพียงอาผิง เหลียงอ๋อง คอยเป็นลูกมือให้ท่านหมอเท่านั้น“หนิงหนิง อดทนเข้าไว้นะ
“เหลียงเฟิงเจ้าออกไปรอด้านนอกเถอะ ท่านหมอมาแล้ว” หลังจากเยว่ฮูหยินสั่งการบ่าวไพร่ให้เตรียมของใช้เอาไว้สำหรับทำคลอด ระหว่างนั้นหมอตำแยได้มาถึงพอดี นางจึงต้องเรียกหลานชายออกมาเพื่อไม่ให้เกะกะหมอตำแยทำคลอด“หลานไม่ไป หลานจะอยู่กับหนิงหนิง” ชายหนุ่มยืนกรานที่จะไม่ออกไปเด็ดขาด เขาอยากอยู่ในทุกช่วงเวลาร่วมกับนาง ถึงแม้ว่าจะรับเอาความเจ็บปวดมาไว้ที่ตนเองไม่ได้ก็ตาม“เจ็บจังเลยเพคะ ท่านอ๋องข้าเจ็บจนทนไม่ไหวแล้ว” คราวนี้แรงบีบมามากกว่าปกติ น้ำตาที่พยายามจะกลั้นเอาไว้ บัดนี้นางทนไม่ไหวแล้ว หากผู้ใดจะมองว่าอ่อนแอก็ช่างปะไร“หนิงหนิง” เหลียงเฟิงเองก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไรได้ หากจะสกัดจุดก็เกรงว่าหนิงหนิงของเขาจะเป็นอันตรายปัง“ท่านหมอมาแล้วเพคะ” อาผิงวิ่งกระหืดกระหอบมาพร้อมกับหมอตำแยถึงสองคน นางและสหายนางกำนัลหิ้วปีกหมอตำแยเข้ามาอย่างรีบร้อน ช่วยไม่ได้ในเมื่อท่านหมอมัวแต่ชักช้า วิ่งไม่ทันใจเอาเสียเลย“ข้าขอผู้ช่วยสามคน ที่เหลือออกไปรอด้านนอกให้หมด” หมอตำแยเห็นท่าไม่ดี รีบสั่งการให้ทุกคนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปด้านนอกให้หมด การคลอดลูกฝาแฝดพบได้ไม่บ่อยนัก ต้องอาศัยประสบการณ์และความระมัดระวังในการทำคลอดม
เหลียงเฟิงได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา ตนเองไม่สบายถึงเพียงนี้ ยังต้องรักษาน้ำใจผู้อื่นไปเพื่ออะไรอีก ชายหนุ่มลุกขึ้นประคองร่างอุ้ยอ้ายของภรรยา เพื่อออกไปต้อนรับฮูหยินเยว่ตามความต้องการของเจ้าตัว“มา ๆ นั่งตรงนี้” เยว่ฮูหยินปราดเข้าไปประคองหนิงเซียนอีกคน ตั้งแต่ได้เจอกันจากการแนะนำของว่าที่บุตรเขย นางรู้ได้ในทันทีว่าหนิงเซียนสมควรแล้วที่หลานชายหลงรัก ก็ในเมื่อเจ้าตัวทั้งน่ารักจิตใจดี และมักจะคิดถึงผู้อื่นอยู่เสมอ ทำให้นางพลอยเอ็นดูเหมือนลูกหลานไปด้วยอีกคน“คารวะท่านป้าเจ้าค่ะ วันนี้มาแต่เช้าเชียว” หญิงสาวเย้าแหย่ไปตามประสาคนคุ้นเคย เยว่ฮูหยินมักจะมาแต่เช้าเช่นนี้เสมอ เมื่อผ้าปักลายใหม่ส่งมาจากหมู่บ้านหนานชุนมาถึง“แหม เจ้าละก็ ป้าก็อยากจะชื่นชมผ้าปักลายใหม่ ๆ เผื่อว่าถูกใจจะได้เลือกสักม้วนสองม้วน” เยว่เจินหัวเราะคิกคักอย่างถูกใจ ก็ในเมื่อตอนนี้ในหมู่ฮูหยินด้วยกัน นางได้กลายเป็นผู้นำความนิยมด้านการแต่งกายไปเสียแล้ว มีหรือจะพลาดของสวย ๆ งาม ๆ ไปได้“ของเพิ่งจะมาถึง มีหลายลายให้ท่านป้าเลือกเยอะเลยเจ้าค่ะ”“ดี ๆ ข้าชักจะทนรอไม่ไหวเสียแล้วสิ”หลังจากทุกคนนั่งลงประจำที่ หนิงเซียนได้สั่งให้บ่าวรั
อายุครรภ์เข้าสู่เดือนที่เก้า หน้าท้องเริ่มยื่นและใหญ่ขึ้นจนน่าตกใจในสายตาผู้พบเห็น ด้วยความเป็นห่วงภรรยามากเกินไปของเหลียงอ๋อง เขาจึงสั่งห้ามไม่ให้หนิงเซียนทำงานใด ๆ โดยเด็ดขาด ร้านค้าผ้าที่กิจการกำลังไปได้ด้วยดี ได้ยกให้เป็นหน้าที่ม่อตานและนางกำนัลผิงเป็นผู้ดูแลชั่วคราว ด้วยเหตุนี้ทำให้หนิงเซียนว่างจนรู้สึกเบื่อหน่ายเหลือเกินถึงจะรู้สึกขัดใจที่ถูกห้ามไปหมดเสียทุกอย่าง ทว่านางก็เข้าใจในความหวังดีของสามีในข้อนี้ดี จึงปล่อยเลยตามเลยได้แต่จำยอมอยู่แต่ในตำหนัก วันทั้งวันทำแค่กิน นอน เดินเล่นเพียงเท่านั้นส่วนเรื่องของเยว่สือกับท่านรองแม่ทัพตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ทั้งสองครอบครัวต่างก็เข้ากันได้เป็นอย่างดี จะเหลือก็แต่รอให้ถึงกำหนดฤกษ์ดี เขาทั้งสองก็จะเข้าพิธีได้ร่วมหมอนเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้อง นี่แหละหนาการเกิดมาเป็นพระเอกกับนางเอก ทุกอย่างล้วนแล้วแต่จัดการได้โดยง่าย ไร้ซึ่งปัญหาให้หนักใจ ไม่เหมือนตนที่เป็นเพียงตัวประกอบ กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ไม่รู้ว่าต้องผ่านอะไรมาบ้าง“หนิงหนิงทำอะไรอยู่หรือ” กายหนากลับจากปฏิบัติภารกิจตามรับสั่งพระบิดาก็ตรงดิ่งกลับจวนทันที พักหลังมานี้เสด็จพ่ออ่อน
“คารวะฮูหยินเยว่ขอรับ” ชายหนุ่มโค้งคำนับอย่างนอบน้อม พร้อมกันนั้นยังคอยสังเกตสีหน้าของอีกฝ่ายไปด้วย เพื่อประเมินสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น“ทำตัวตามสบายเถอะท่านรองแม่ทัพ มาหาข้าวันนี้มีธุระอะไรหรือ” เรื่องของบุตรสาวกับเหลียงเฟิงนางก็พอทำใจได้บ้างแล้ว ในตอนแรกตนตั้งแง่กับบุรุษผู้นี้มากเกินไป ก็ด้วยมีความหวังว่าบุตรสาวจะลงเอยกับหลานชาย ทว่าเมื่อคืนตนและบุตรสาวได้เปิดอกพูดคุยให้เข้าใจกันแล้ว เยว่สือเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวนางก็อยากจะให้ลงเอยกับบุรุษที่ดีพร้อม แม้พลาดจากเหลียงเฟิงไปแต่แม่ทัพหยางผู้นี้ก็ไม่เลว“เรียนฮูหยินที่ข้ามาในวันนี้ เพื่อจะขอคบหากับบุตรสาวท่านอย่างเปิดเผยขอรับ” ชายชาติทหารยืดอกพูดอย่างหนักแน่น ได้แต่หวังว่าฮูหยินจะเห็นใจพวกเขาทั้งสองบ้าง“ในเมื่อท่านรองแม่ทัพกล้าพูดออกมาตรง ๆ เช่นนี้ จะให้ข้าอนุญาตก็ต้องมาดูกัน ว่าท่านมีดีมากพอแค่ไหน ที่ข้าจะยอมยกบุตรสาวให้” ฮูหยินเยว่แสดงออกว่าหากอีกฝ่ายมีข้อเสนอไม่ดีพอ นางก็จะไม่ยกบุตรสาวให้เด็ดขาด“ข้าหยางจวินให้คำมั่นสัญญา ขอมีนางเพียงผู้เดียว จะรักและดูแลสือเอ๋อร์ไม่เสื่อมคลาย ให้เหมือนกับวันแรกที่ได้รักกัน และข้าขอเอาชีวิตเป็นเ