หนิงเซียนกลับมาถึงกระท่อมหลังน้อย หญิงสาวจัดการคัดแยกของที่หามาได้แต่ละอย่างเพื่อให้เหมาะแก่การเก็บรักษา เห็ดที่ได้มานางจะยังไม่ล้างเพราะจะทำให้เน่าเสียได้ง่าย ส่วนผลแอปเปิลและมะยมก็แยกใส่ตะกร้าเอาไว้ก่อน พรุ่งนี้เช้าค่อยนำมาดองและแช่อิ่มเก็บไว้กินได้อีกนาน
ผักกูดดูเหมือนว่าจะนำมาเยอะเกินไป หญิงสาวจึงได้แบ่งส่วนหนึ่งเอาไว้ให้ท่านป้าจิวในวันพรุ่งนี้ ส่วนที่เหลือนางก็จะเก็บไว้ทำกินเอง ในส่วนของอาหารเย็นหนิงเซียนจะทำผักกูดลวกกินคู่กับน้ำพริกปลาเผ็ด ๆ แซ่บ ๆ
เสียงการทำอาหารดังออกมาจากกระท่อมหลังน้อยในยามพลบค่ำ ใช้เวลาไม่นานทุกอย่างก็เป็นอันพร้อมทาน กลิ่นหอมของอาหารที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ ๆ มันช่างหอมเหลือเกิน พานทำให้หิวเสียจนท้องร้อง ในระหว่างนำอาหารขึ้นโต๊ะ หนิงเซียนได้ฉุกคิดขึ้นมาได้ มีเรื่องให้แปลกใจอยู่อย่างหนึ่งตั้งแต่นางมาอยู่ที่นี่ ข้าวของเครื่องใช้ในบ้านหลังนี้ ล้วนเต็มไปด้วยข้าวสาร แป้ง ธัญพืช เครื่องปรุง เนื้อตากแห้ง และของใช้ที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน มันมีมากพอที่นางจะอยู่ตัวคนเดียวโดยไม่ต้องอดตายได้ทั้งปี
บางอย่างดูจะคลาดเคลื่อนจากเนื้อหาในนิยายไปสักหน่อยหรือไม่นะ จากที่อ่านนางจำได้ในช่วงต้นเรื่อง อ๋องเหลียงเฟิงให้คนพาหนิงเซียนมาทิ้งไว้ที่กระท่อม มันแทบจะไม่มีอะไรเลย นางต้องทนอยู่อย่างอดอยาก นั่นจึงเป็นสาเหตุให้หนิงเซียนขาดสารอาหารทำให้ร่างกายอ่อนแอ แต่พอเหลือบมองกระสอบข้าวสารที่ตั้งเรียงรายกันอยู่ในครัวนั้นสิ มันสามารถเก็บไว้กินได้หนึ่งถึงสองปีโดยที่ไม่ต้องประหยัดเชียวล่ะ
“ผักสดใหม่นี่ช่างหวานกรอบอร่อยเสียจริง” ร่างบางตักข้าวในถ้วยเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย ชื่นชมกับผลงานที่ตนเองหามาได้ ในเมื่อคิดมากไปก็ไม่ได้คำตอบ นางจึงหันมาสนใจอาหารตรงหน้าจะดีกว่า
หลังจากจัดการอาหารตรงหน้าจนอิ่มหนำสำราญ หนิงเซียนจัดการเตรียมต้มน้ำสำหรับดองแอปเปิลและมะยมที่เก็บมาได้ ส่วนการทำแช่อิ่มเอาไว้ค่อยทำพรุ่งนี้ ในระหว่างที่กำลังดองผลไม้มือบางก็หยิบกินเล่นไปด้วย แต่ว่ายิ่งกินก็ยิ่งหยุดไม่ได้เอาเสียเลย ในตอนแรกนางจะทำพริกเกลือจิ้มสักหน่อย แต่พอลองกินเปล่า ๆ มันกลับอร่อยอย่างไม่น่าเชื่อ กินเท่าไรก็ไม่เบื่อ รู้ตัวอีกทีก็หมดไปหลายลูก
กว่าหนิงเซียนทำอะไรต่อมิอะไรเสร็จ ก็ล่วงเข้าปลายยามซวีไปเสียแล้ว(19.00-20.59 น.) ความเมื่อยล้าจากการแบกของหนักและเดินทางไกล ทำให้หญิงสาวรู้สึกง่วงจนตาแทบจะปิด ร่างบางเดินกลับเข้าห้องนอนราวกับคนละเมอ ปากก็เอาแต่หาวหวอด ๆ ไม่หยุด เพียงแค่ล้มตัวลงนอนไม่เท่าไรก็หลับไปได้อย่างง่ายดาย
ยิ่งคืนนี้สายลมพัดเอื่อยเย็นสบายกว่าทุกคืน และยังหมดแรงไปกับงานอดิเรกอย่างทำสวนและหาของป่า ทำให้หนิงเซียนหลับลึกกว่าทุกวัน อีกทั้งเจ้าตัวยังตื่นสายกว่าปกติ เมื่อรู้สึกตัวตื่นเพราะได้ยินเสียงดังโหวกเหวกจากการพูดคุยของผู้คนด้านนอก ร่างบางก็ถึงกับสะดุ้งตื่นตกใจ
กายหนาลุกขึ้นเต็มความสูง เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงก้าวอาด ๆ ออกจากห้องไป โดยมีมู่หลางองครักษ์คนสนิทคอยติดตาม เหลียงอ๋องสั่งระดมพลเรียกองครักษ์ฝีมือดีที่สุด จากนั้นได้ออกคำสั่งเพื่อให้พวกเขาออกตามหาสิ่งที่ตนเองต้องการเหล่าองครักษ์ผู้ภักดีต่างแยกย้ายกันไปตามหาที่ที่คิดว่าจะหาสิ่งนั้นเจอ ทว่าเวลาผ่านไปนับเดือนก็ไร้ซึ่งข่าวคราว จดหมายรายงานถูกส่งมาจากทั่วสารทิศ แต่ก็มีเพียงความล้มเหลวที่ได้รับ เหลียงเฟิงปาจดหมายรายงานแต่ละฉบับทิ้ง กายหนาอาละวาดไม่เว้นแต่ละวัน ตนอยากจะออกตามหาด้วยตนเอง แต่ก็มิอาจทิ้งภรรยาและลูกน้อยไปได้ใบหน้าหล่อเหลาบัดนี้เต็มไปด้วยหนวดเครารุงรัง หน้าดำคล้ำเครียดและยังซูบผอมลงไปถนัดตา ไร้สง่าราศีของผู้เป็นอ๋อง บุตรตัวน้อยหรือก็ร้องไห้จ้าไม่ยอมหยุด เมื่อใดแฝดน้อยทั้งสองถูกวางไว้ข้างกายมารดา พวกเขาก็จะหยุดร้อง นอนเล่นพูดคุยอ้อแอ้กันทั้งวันไม่มีงอแง แต่ก็ไม่สามารถให้เด็กเล็กอยู่กับคนป่วยได้ตลอดเวลา จึงจำใจแยกพวกเขาออกจากภรรยา และอนุญาตให้อยู่ด้วยกันได้เพียงวันละไม่เกินหนึ่งชั่วยามเท่านั้น (2 ชั่วโมง)หลังจากระบายอารมณ์ความอัดอั้นจึงใจเย็นลงไปได้บ้าง ชายหนุ่มได้เตรียมตัวทำหน้าที่ด
“ชายารองชีพจรอ่อนมาก พวกเจ้าไปตามหมอที” หมอตำแยช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ ทั้งที่ชายารองก็มิได้ตกเลือด หรือเสียเลือดมากจนทำให้สลบไปทั้งอย่างนั้นได้ จะพูดให้ถูกก็คงจะเป็นหาสาเหตุของการหมดสติไปในครั้งนี้ไม่ได้นั่นเอง ซึ่งหมอตำแยเช่นนางถึงจะเชี่ยวชาญด้านการทำคลอด แต่นี่ดูเหมือนจะเกินขอบเขตความสามารถไปเสียแล้วทุกคนภายในห้องทำคลอดต่างร้อนรนและร้อนใจ เพราะไม่เพียงชายารองที่เข้าขั้นวิกฤต พวกตนก็อาจจะต้องตายอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน ถ้าหากนางเป็นอะไรไปคนทั้งห้องนี้ก็คงจะรับโทสะของท่านอ๋องไม่ไหว มีเพียงอาผิงเท่านั้นที่ยังพอมีสติ หญิงสาวตรงดิ่งไปตามท่านหมอทันทีที่หมอตำแยพูดจบ ทว่าเมื่อเปิดประตูออกไปก็พบเข้ากับหมอหลวงต้วนเข้าพอดี“ผู้ใดไม่เกี่ยวข้องออกไปรอด้านนอก” ต้วนชิงเจาได้มารออยู่ก่อนแล้ว เขาได้รับคำสั่งจากฝ่าบาทให้มาเป็นตัวแทนพระองค์พร้อมกับเฉียนกงกง ด้วยเล็งเห็นว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้นได้ทุกเมื่อ อย่างน้อยมีเขาอยู่ด้วยก็สามารถช่วยเหลือได้ทันท่วงทีเหล่านางกำนัลและหมอตำแยได้พากันออกไปรอด้านนอก เหลือไว้เพียงอาผิง เหลียงอ๋อง คอยเป็นลูกมือให้ท่านหมอเท่านั้น“หนิงหนิง อดทนเข้าไว้นะ
“เหลียงเฟิงเจ้าออกไปรอด้านนอกเถอะ ท่านหมอมาแล้ว” หลังจากเยว่ฮูหยินสั่งการบ่าวไพร่ให้เตรียมของใช้เอาไว้สำหรับทำคลอด ระหว่างนั้นหมอตำแยได้มาถึงพอดี นางจึงต้องเรียกหลานชายออกมาเพื่อไม่ให้เกะกะหมอตำแยทำคลอด“หลานไม่ไป หลานจะอยู่กับหนิงหนิง” ชายหนุ่มยืนกรานที่จะไม่ออกไปเด็ดขาด เขาอยากอยู่ในทุกช่วงเวลาร่วมกับนาง ถึงแม้ว่าจะรับเอาความเจ็บปวดมาไว้ที่ตนเองไม่ได้ก็ตาม“เจ็บจังเลยเพคะ ท่านอ๋องข้าเจ็บจนทนไม่ไหวแล้ว” คราวนี้แรงบีบมามากกว่าปกติ น้ำตาที่พยายามจะกลั้นเอาไว้ บัดนี้นางทนไม่ไหวแล้ว หากผู้ใดจะมองว่าอ่อนแอก็ช่างปะไร“หนิงหนิง” เหลียงเฟิงเองก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไรได้ หากจะสกัดจุดก็เกรงว่าหนิงหนิงของเขาจะเป็นอันตรายปัง“ท่านหมอมาแล้วเพคะ” อาผิงวิ่งกระหืดกระหอบมาพร้อมกับหมอตำแยถึงสองคน นางและสหายนางกำนัลหิ้วปีกหมอตำแยเข้ามาอย่างรีบร้อน ช่วยไม่ได้ในเมื่อท่านหมอมัวแต่ชักช้า วิ่งไม่ทันใจเอาเสียเลย“ข้าขอผู้ช่วยสามคน ที่เหลือออกไปรอด้านนอกให้หมด” หมอตำแยเห็นท่าไม่ดี รีบสั่งการให้ทุกคนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปด้านนอกให้หมด การคลอดลูกฝาแฝดพบได้ไม่บ่อยนัก ต้องอาศัยประสบการณ์และความระมัดระวังในการทำคลอดม
เหลียงเฟิงได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา ตนเองไม่สบายถึงเพียงนี้ ยังต้องรักษาน้ำใจผู้อื่นไปเพื่ออะไรอีก ชายหนุ่มลุกขึ้นประคองร่างอุ้ยอ้ายของภรรยา เพื่อออกไปต้อนรับฮูหยินเยว่ตามความต้องการของเจ้าตัว“มา ๆ นั่งตรงนี้” เยว่ฮูหยินปราดเข้าไปประคองหนิงเซียนอีกคน ตั้งแต่ได้เจอกันจากการแนะนำของว่าที่บุตรเขย นางรู้ได้ในทันทีว่าหนิงเซียนสมควรแล้วที่หลานชายหลงรัก ก็ในเมื่อเจ้าตัวทั้งน่ารักจิตใจดี และมักจะคิดถึงผู้อื่นอยู่เสมอ ทำให้นางพลอยเอ็นดูเหมือนลูกหลานไปด้วยอีกคน“คารวะท่านป้าเจ้าค่ะ วันนี้มาแต่เช้าเชียว” หญิงสาวเย้าแหย่ไปตามประสาคนคุ้นเคย เยว่ฮูหยินมักจะมาแต่เช้าเช่นนี้เสมอ เมื่อผ้าปักลายใหม่ส่งมาจากหมู่บ้านหนานชุนมาถึง“แหม เจ้าละก็ ป้าก็อยากจะชื่นชมผ้าปักลายใหม่ ๆ เผื่อว่าถูกใจจะได้เลือกสักม้วนสองม้วน” เยว่เจินหัวเราะคิกคักอย่างถูกใจ ก็ในเมื่อตอนนี้ในหมู่ฮูหยินด้วยกัน นางได้กลายเป็นผู้นำความนิยมด้านการแต่งกายไปเสียแล้ว มีหรือจะพลาดของสวย ๆ งาม ๆ ไปได้“ของเพิ่งจะมาถึง มีหลายลายให้ท่านป้าเลือกเยอะเลยเจ้าค่ะ”“ดี ๆ ข้าชักจะทนรอไม่ไหวเสียแล้วสิ”หลังจากทุกคนนั่งลงประจำที่ หนิงเซียนได้สั่งให้บ่าวรั
อายุครรภ์เข้าสู่เดือนที่เก้า หน้าท้องเริ่มยื่นและใหญ่ขึ้นจนน่าตกใจในสายตาผู้พบเห็น ด้วยความเป็นห่วงภรรยามากเกินไปของเหลียงอ๋อง เขาจึงสั่งห้ามไม่ให้หนิงเซียนทำงานใด ๆ โดยเด็ดขาด ร้านค้าผ้าที่กิจการกำลังไปได้ด้วยดี ได้ยกให้เป็นหน้าที่ม่อตานและนางกำนัลผิงเป็นผู้ดูแลชั่วคราว ด้วยเหตุนี้ทำให้หนิงเซียนว่างจนรู้สึกเบื่อหน่ายเหลือเกินถึงจะรู้สึกขัดใจที่ถูกห้ามไปหมดเสียทุกอย่าง ทว่านางก็เข้าใจในความหวังดีของสามีในข้อนี้ดี จึงปล่อยเลยตามเลยได้แต่จำยอมอยู่แต่ในตำหนัก วันทั้งวันทำแค่กิน นอน เดินเล่นเพียงเท่านั้นส่วนเรื่องของเยว่สือกับท่านรองแม่ทัพตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ทั้งสองครอบครัวต่างก็เข้ากันได้เป็นอย่างดี จะเหลือก็แต่รอให้ถึงกำหนดฤกษ์ดี เขาทั้งสองก็จะเข้าพิธีได้ร่วมหมอนเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้อง นี่แหละหนาการเกิดมาเป็นพระเอกกับนางเอก ทุกอย่างล้วนแล้วแต่จัดการได้โดยง่าย ไร้ซึ่งปัญหาให้หนักใจ ไม่เหมือนตนที่เป็นเพียงตัวประกอบ กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ไม่รู้ว่าต้องผ่านอะไรมาบ้าง“หนิงหนิงทำอะไรอยู่หรือ” กายหนากลับจากปฏิบัติภารกิจตามรับสั่งพระบิดาก็ตรงดิ่งกลับจวนทันที พักหลังมานี้เสด็จพ่ออ่อน
“คารวะฮูหยินเยว่ขอรับ” ชายหนุ่มโค้งคำนับอย่างนอบน้อม พร้อมกันนั้นยังคอยสังเกตสีหน้าของอีกฝ่ายไปด้วย เพื่อประเมินสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น“ทำตัวตามสบายเถอะท่านรองแม่ทัพ มาหาข้าวันนี้มีธุระอะไรหรือ” เรื่องของบุตรสาวกับเหลียงเฟิงนางก็พอทำใจได้บ้างแล้ว ในตอนแรกตนตั้งแง่กับบุรุษผู้นี้มากเกินไป ก็ด้วยมีความหวังว่าบุตรสาวจะลงเอยกับหลานชาย ทว่าเมื่อคืนตนและบุตรสาวได้เปิดอกพูดคุยให้เข้าใจกันแล้ว เยว่สือเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวนางก็อยากจะให้ลงเอยกับบุรุษที่ดีพร้อม แม้พลาดจากเหลียงเฟิงไปแต่แม่ทัพหยางผู้นี้ก็ไม่เลว“เรียนฮูหยินที่ข้ามาในวันนี้ เพื่อจะขอคบหากับบุตรสาวท่านอย่างเปิดเผยขอรับ” ชายชาติทหารยืดอกพูดอย่างหนักแน่น ได้แต่หวังว่าฮูหยินจะเห็นใจพวกเขาทั้งสองบ้าง“ในเมื่อท่านรองแม่ทัพกล้าพูดออกมาตรง ๆ เช่นนี้ จะให้ข้าอนุญาตก็ต้องมาดูกัน ว่าท่านมีดีมากพอแค่ไหน ที่ข้าจะยอมยกบุตรสาวให้” ฮูหยินเยว่แสดงออกว่าหากอีกฝ่ายมีข้อเสนอไม่ดีพอ นางก็จะไม่ยกบุตรสาวให้เด็ดขาด“ข้าหยางจวินให้คำมั่นสัญญา ขอมีนางเพียงผู้เดียว จะรักและดูแลสือเอ๋อร์ไม่เสื่อมคลาย ให้เหมือนกับวันแรกที่ได้รักกัน และข้าขอเอาชีวิตเป็นเ