Masukหญิงสาวเลิกเรียนก็ได้แวะตลาด คัดเลือกวัตถุดิบสำหรับทำอาหารเย็นด้วยตัวเอง เธอคาดเดาว่ายังไงวันนี้มาคัสต้องมาหาอย่างแน่นอน
กลับไปถึงเพนต์เฮาส์ก็เริ่มลงมือทำอาหาร ดีที่เธอเคยทำงานเสริมหลายอย่าง ร้านอาหารก็เคยทำ จึงมีทักษะเรื่องพวกนี้อยู่บ้าง
อาหารสามสี่อย่างพร้อมตั้งโต๊ะ และยังมีข้าวสวยร้อน ๆ ตักไว้อีกสองจาน
ไม่นานประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามาเหมือนที่คิดเอาไว้ หนุ่มหล่อในชุดสูตเดินตรงเข้ามาหา ในมือของเขาถือซองเอกสารมาด้วย ริมฝีปากสวยคลี่ยิ้มอ่อนหวานเอ่ยทักทาย
“ไม่เจอกันหลายวันเลยนะคะ หนูเพิ่งทำอาหารเสร็จพอดี มานั่งกินด้วยกันสิคะ”
“รู้ได้ยังไงว่าฉันจะมา”
“เซนส์หนูมันบอกค่ะ”
“ไม่คิดว่าจะแม่นขนาดนี้”
มาคัสถอดเสื้อสูตพร้อมกับดึงเนคไทออกวางลงบนเบาะโซฟา วางซองสีน้ำตาลไว้ด้านบนสุด เขาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตลงอีกสองเม็ดเพื่อให้โล่งสบาย จากนั้นก็เข้ามานั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับหญิงสาว
“ทำเองหมดเลยเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยถาม
“ค่ะ ลองชิมดูสิคะ”
ทั้งสองเริ่มกินมื้อเย็นด้วยกัน พระพายไม่คิดจะถามถึงเรื่องโฉนดเพราะอยากให้อีกฝ่ายเป็นคนบอกเอง ระหว่างมื้ออาหารก็เป็นบทสนทนาเรื่องทั่วไป กินข้าวอิ่มเธอก็นำจานไปล้าง
เหมือนว่างานเขาจะยุ่ง หนุ่มหล่อเดินออกไปคุยโทรศัพท์ตรงระเบียงด้านนอก ปิดประตูอย่างมิดชิดราวกับกลัวว่าเธอจะได้ยิน สักพักเขาก็เข้ามานั่งตรงโซฟา พอเธอล้างจานเสร็จก็เอ่ยเรียก
“ฉันมีอะไรจะให้”
พระพายคลี่ยิ้มเล็กน้อย แสร้งถาม “อะไรเหรอคะ”
เธอตั้งใจนั่งโซฟาตัวเดียวกันกับมาคัส ยื่นมือออกไปรับซองเอกสารมาเปิด กระดาษด้านในถูกหยิบออกมา เพียงแค่เห็นตราครุฑสีแดง และชื่อเจ้าของโฉนด ดวงตากลมก็สั่นระริก น้ำสีใสเอ่อคลอสองหน่วยตาด้วยความซาบซึ้งและดีใจ
เธอช้อนดวงตาขึ้นเอ่ยถามเสียงสั่นเครือ “คุณเสียเงินไปเท่าไหร่คะ”
แม่เลี้ยงของเธอคอยไปกู้เงินมาเพิ่มตลอด จนไม่รู้ว่าดอกเบี้ยเพิ่มพูนไปมากเท่าไร และที่เสี่ยรายนั้นปล่อยให้ก็เพราะก่อนหน้านี้มีเธอเป็นข้อแลกเปลี่ยน
“ก็แค่สามล้าน”
มาคัสกระตุกยิ้มมุมปากราวกับเป็นเรื่องที่จัดการได้อย่างง่ายดาย
ช่วงสายของวันนี้เขาได้เดินทางไปยังบ้านหลังหนึ่งที่อยู่แถบชานเมือง พร้อมด้วยอลันและลูกน้องฝีมือดีอีกสามคน
มาเฟียหนุ่มเดินนำเข้าไปในบ้านปูนสองชั้นขนาดไม่ใหญ่มาก ภายในบ้านนั้นเงียบสงบ และพบเสี่ยรุ่นพ่อซึ่งอยากได้หญิงสาวที่เขาต้องการ กำลังนั่งกินมื้อเช้ากับผู้หญิงคนหนึ่ง
เสี่ยสมบูรณ์เห็นคนแปลกหน้าโผล่เข้ามาก็เอ่ยด้วยท่าทางหวาดผวา “พวกมึงเป็นใครวะ เข้ามาที่นี่ได้ยังไง”
เนื่องจากเวลาอยู่กับเมียน้อยเขาจะสั่งไม่ให้ลูกน้องตามมาคุ้มกัน และไม่คิดว่าจู่ ๆ จะมีคนบุกเข้ามา ทั้งที่ไม่มีใครรู้ว่าเสี่ยสมบูรณ์ได้ซื้อบ้านหลังนี้มอบให้เมียเก็บคนใหม่
“หึ ก็คนที่จะมาเด็ดหัวมึงยังไงล่ะ”
มาคัสคว้าปืนที่เหน็บอยู่ตรงเอวของลูกน้อง ตบไปที่ขมับด้านซ้ายของเสี่ยสมบูรณ์จนมีเลือดซึมออกมา ผู้หญิงอีกคนที่นั่งอยู่ด้วยกันก็ส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ
มาเฟียหนุ่มหันไปถลึงตาใส่ แล้วเอ่ย “มึงไม่เกี่ยว ขึ้นไปอยู่ข้างบนซะ แล้วอย่าปากสว่างพูดเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้”
“ค่ะ ค่ะ”
“มึงต้องการอะไรวะ อยากได้เงินเหรอ” เสี่ยสมบูรณ์เอ่ยถามเสียงสั่น มือกุมขมับที่ได้รับแรงกระแทกจนบาดเจ็บ
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า นี่คุณมาคัส มาเฟียเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ เจ้านายของพวกกูจะต้องการเงินของมึงไปทำไมวะ” ลูกน้องของมาเฟียส่งเสียงหัวเราะขำอยู่ด้านหลัง
เสี่ยสมบูรณ์ได้ยินชื่อก็อกสั่นขวัญแขวน รีบลุกออกจากเก้าอี้ ทรุดตัวลงนั่งคุกเข่า ยกมือไหว้หนุ่มรุ่นลูก
“อยากได้อะไรก็บอกมาสิ ขอแค่ไว้ชีวิตฉัน ฉันยอมให้ทุกอย่าง”
“เลือกเอาว่าจะรับแค่เงินต้นที่แม่เลี้ยงของพระพายติดมึงเอาไว้แล้วคืนโฉนดมาให้กู หรือจะตายอยู่ในบ้านเมียน้อยแล้วเป็นข่าวหน้าหนึ่ง”
“พะ พระพาย” น้ำเสียงสั่นดังขึ้นอย่างรู้ตัวทันทีว่าไปยุ่งกับผู้หญิงของมาเฟียเข้าแล้ว ก่อนจะรีบตอบตกลงเสียงสั่น
“ดะ ได้ ฉันสัญญาว่าจะไม่ยุ่งกับแม่หนูนั่นอีก นังจันทร์วาดมันติดเงินฉันแค่สามล้าน ส่วนดอกเบี้ยฉันไม่เอาแล้วก็ได้ อยากได้โฉนดใช่ไหม ฉันจะคืนให้ ตะ แต่อย่าทำอะไรฉันเลยนะ”
เป็นอย่างที่คิด คนหน้าเงินอย่างไอ้เสี่ยสมบูรณ์นั้นรักตัวกลัวตาย ส่วนมาคัสก็ได้คุมตัวเสี่ยรายนี้กลับไปที่บ้านของมัน เพื่อไปสะสางเรื่องสัญญากู้ยืมเงิน และนำโฉนดมามอบให้กับคนที่ควรถือครอง
“ขอบคุณนะคะ หนูไม่รู้จะตอบแทนคุณยังไงดี คุณหมดเงินกับหนูไปเยอะมาก ชาตินี้ทั้งชาติ ถ้าให้หามาคืนก็ไม่รู้ว่าจะชดใช้ได้หมดรึเปล่า”
มาเฟียหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปาก เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มละมุน “เธอก็รู้ว่าควรจะตอบแทนฉันยังไง สาวน้อย”
“กลับบ้านมาเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยถาม“...”พระพายนิ่งเงียบไปเพราะไม่คิดว่าเขาจะเดาถูก เธอเองก็เคยสงสัยว่ามาคัสให้คนตามสืบประวัติของเธอหรืออย่างไร ทำไมถึงได้รู้เรื่องของเธอดีไปหมดดวงตาคมจ้องมองใบหน้าอ้ำอึ้งของหญิงสาว ดูท่าทางหัวอ่อนแบบนี้คงจะโดนทางนั้นไถเงินไปไม่น้อย“เงียบแบบนี้แสดงว่าเอาเงินไปให้แม่เลี้ยงมาสินะ แล้วเงินที่ฉันให้ครั้งก่อนยังพอใช้อยู่ไหม”แบล็กการ์ดที่เคยให้ไว้ หญิงสาวไม่แตะต้องเงินในนั้นแม้แต่บาทเดียว ผิดจากผู้หญิงคนอื่นที่มักจะเข้าหาเขาเพราะต้องการกอบโกยผลประโยชน์กันทั้งนั้น“พอค่ะ”เงินที่ได้มาห้าแสนมันก็มากเกินพอแล้ว นักศึกษาอย่างเธอไม่ได้มีความจำเป็นต้องใช้เงินมากขนาดนั้น ถึงจะแบ่งให้แม่เลี้ยงไปสามแสน ก็ยังเหลือเพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในอนาคตไปอีกหลายเดือน“เด็กดี เธอนี่มักน้อยไปแล้วนะ”หนุ่มหล่อคว้าเอาตัวพระพายลงมานั่งบนตัก ริมฝีปากหยักคลี่ยิ้มอ่อนโยน มือหนาเชยปลายคางเธอขึ้นสบกับดวงตาคู่คมเปล่งประกาย ส่งผลให้ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายของหญิงสาวสั่นไหว คนตัวเล็กเผลออมยิ้มอย่างลืมตัว แบบนี้มันไม่เป็นผลดีต่อตัวเธอเลย“ทำไมวันนี้คุณถึงมาไวจังคะ”“เบื่ออาหารข้างนอก เลยจะมาฝากท้อ
จันทร์วาดได้ยินเสียงรถจอดอยู่หน้าบ้าน จึงสวมรองเท้าเดินออกไปต้อนรับอย่างรวดเร็ว คราแรกก็คิดว่าจะเป็นรถหรูของคนมีระดับเสียอีก แต่ที่ไหนได้ลูกติดสามีที่จากโลกนี้ไปแล้วนั่งรถแท็กซีมา พลันถอนหายใจออกมาราวกับเสียเวลามายืนรอเมื่อเห็นหญิงสาวในชุดนักศึกษาสองคนก้าวลงจากรถ น้ำเสียงของแม่เลี้ยงก็ดังขึ้น “ผัวแกไม่มาส่งเหรอ แล้วนี่พาใครมาอีกล่ะ”“นี่มะนาวค่ะ เพื่อนของหนูเอง”คนถูกแนะนำตัวยกมือไหว้อย่างมีมารยาท ทว่าแม่เลี้ยงของเพื่อนกลับคว่ำปากพลางกรอกตามองบนอย่างไม่ต้อนรับ มะนาวพอจะรู้จักนิสัยใจคอของหญิงวัยกลางคนคนนี้มาบ้าง จึงไม่ได้ใส่ใจกับพฤติกรรมที่แสดงออกมา“เข้าบ้านก่อน ฉันเพิ่งกลับมาจากตลาด ว่าจะทำลาบหมูที่แกชอบให้กิน”ลาบหมูฝีมือแม่เลี้ยงเป็นเมนูที่พระพายชอบมาก แต่เธอไม่เคยได้กินเมนูนี้เป็นสิบปีแล้ว คิดจะมาทำให้ตอนนี้คงเป็นเพราะหวังผลจากตัวเธอแน่นอน“ไม่เป็นไรค่ะ หนูมาแค่แป๊บเดียวก็จะกลับแล้ว พอดีงานที่อาจารย์สั่งยังทำไม่เสร็จ”หญิงสาวพาเพื่อนเข้าไปนั่งตรงโซฟาภายในบ้าน ภาพบรรยากาศตอนเด็กฉายขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง มันทำให้พระพายมีความสุขมากจริง ๆ แม้ว่าชีวิตหลังจากนั้นจะผิดกันราวฟ้ากับเหว แต่เ
“ฉันอยากฟังเรื่องราวของเธอ ก่อนหน้านี้เป็นมายังไง ทำไมถึงได้ไปทำงานที่บาร์”พระพายอ้ำอึ้งเล็กน้อย เขารู้ถึงขั้นว่าบ้านเธอติดหนี้เสี่ยสมบูรณ์ จึงคิดว่าเล่าออกไปคงไม่เป็นไร ก็เหมือนเป็นการระบายความอัดอั้นที่อยู่ในใจมาตลอดหลายปี“แม่ของหนู ท่านเสียตอนหนูเก้าขวบ ไม่ถึงปีพ่อก็แต่งงานใหม่กับแม่จันทร์ เมื่อก่อนแม่จันทร์นิสัยดีมากเลยนะคะ ช่วยเหลือพ่อทุกด้านเลย แล้วก็ยังรักหนูมากด้วย แต่พอพ่อเสียไปอีกคน แม่จันทร์ก็เปลี่ยนเป็นคนละคน เริ่มไม่ทำงาน ใช้เงินที่พ่อเหลือไว้ให้ไปกับการพนัน แถมยังเกลียดขี้หน้าหนูอย่างกับอะไร มีแค่เหตุผลเดียวที่แม่จันทร์จะคุยด้วยนั่นก็คือเรื่องเงิน หนูเริ่มทำงานตั้งแต่เข้าเรียนมหา’ลัย แต่ยิ่งหาเงินได้ แม่จันทร์ก็โทรมาขอเรื่อย ๆ ถ้าไม่ให้ก็ขู่ว่าเสี่ยสมบูรณ์จะยึดบ้าน แล้วล่าสุดก็ถึงขั้นวางยาเพื่อจับตัวหนูไปให้เสี่ย ถึงได้หนีจนไปเจอคุณนั่นแหละค่ะ”“เธอนี่เก่งนะที่อยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ได้”ดูก็รู้ว่าไอ้เสี่ยสมบูรณ์เป็นพวกหัวงู อีกทั้งประวัติที่ลูกน้องสืบมาได้ก็ใช่ย่อย เมื่อเทียบกับเขาแล้วมันคนละชั้นจนเทียบไม่ติด อย่างน้อยเขาก็มีข้อแลกเปลี่ยนที่ชัดเจน ไม่เคยเอาเปรียบ หรือ
มือหนาประคองใบหน้าแดงก่ำที่มีคราบน้ำตาหยดลงบนพวงแก้ม ก่อนจะพรมจูบที่ริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อ พร้อมกับช้อนเอาตัวเธอขึ้นมานั่งบนตัก จับเรียวแขนเล็กทั้งสองข้างขึ้นกอดต้นคอมาคัสรู้วิธีรับมือกับคนอ่อนประสบการณ์ เขาบดคลึงริมฝีปากอวบอิ่มอย่างทะนุถนอม พอเธอเริ่มเผลอตัวก็แทรกลิ้นอุ่นเข้าไปในโพลงปากหวาน ตวัดปลายลิ้นหยอกล้อกับเจ้าของเรือนร่างเย้ายวนใจจนอดใจไม่ไหวหญิงสาวไม่มีท่าทีขัดขืนเพราะรู้ดีว่ามาคัสต้องการอะไร และครั้งนี้เธอก็ยินดีมอบร่างกายให้เขาอย่างเต็มใจ“พร้อมเป็นเด็กเลี้ยงของฉันรึยัง” เสียงพร่าเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา“ค่ะ หนูจะเป็นเด็กเลี้ยงของคุณ แต่คุณต้องสัญญาว่าระหว่างที่เรายังอยู่ในความสัมพันธ์นี้ คุณจะไม่ไปมีอะไรกับคนอื่นเด็ดขาด”“อืม ฉันสัญญา”หนุ่มหล่อหยัดกายขึ้นเต็มความสูง อุ้มหญิงสาวขึ้นในท่าเจ้าหญิงพาตรงไปยังเตียงขนาดคิงส์ไซซ์เขาเริ่มเล้าโลมและจัดการถอดชุดนักศึกษาของเธอทีละชิ้นจนเห็นเรือนร่างผิวพรรณดี สวยไร้ที่ติ จากนั้นก็จัดการกับเสื้อผ้าของตัวเองต่อคนที่นอนอยู่บนเตียงใจเต้นตึกตัก มองร่างกำยำที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม หน้าท้องมีซิกซ์แพ็กเป็นลอนงาม ผิวกายของมาคัสสะอาดสะอ้าน ใ
หญิงสาวเลิกเรียนก็ได้แวะตลาด คัดเลือกวัตถุดิบสำหรับทำอาหารเย็นด้วยตัวเอง เธอคาดเดาว่ายังไงวันนี้มาคัสต้องมาหาอย่างแน่นอนกลับไปถึงเพนต์เฮาส์ก็เริ่มลงมือทำอาหาร ดีที่เธอเคยทำงานเสริมหลายอย่าง ร้านอาหารก็เคยทำ จึงมีทักษะเรื่องพวกนี้อยู่บ้างอาหารสามสี่อย่างพร้อมตั้งโต๊ะ และยังมีข้าวสวยร้อน ๆ ตักไว้อีกสองจานไม่นานประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามาเหมือนที่คิดเอาไว้ หนุ่มหล่อในชุดสูตเดินตรงเข้ามาหา ในมือของเขาถือซองเอกสารมาด้วย ริมฝีปากสวยคลี่ยิ้มอ่อนหวานเอ่ยทักทาย“ไม่เจอกันหลายวันเลยนะคะ หนูเพิ่งทำอาหารเสร็จพอดี มานั่งกินด้วยกันสิคะ”“รู้ได้ยังไงว่าฉันจะมา”“เซนส์หนูมันบอกค่ะ”“ไม่คิดว่าจะแม่นขนาดนี้”มาคัสถอดเสื้อสูตพร้อมกับดึงเนคไทออกวางลงบนเบาะโซฟา วางซองสีน้ำตาลไว้ด้านบนสุด เขาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตลงอีกสองเม็ดเพื่อให้โล่งสบาย จากนั้นก็เข้ามานั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับหญิงสาว“ทำเองหมดเลยเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยถาม“ค่ะ ลองชิมดูสิคะ”ทั้งสองเริ่มกินมื้อเย็นด้วยกัน พระพายไม่คิดจะถามถึงเรื่องโฉนดเพราะอยากให้อีกฝ่ายเป็นคนบอกเอง ระหว่างมื้ออาหารก็เป็นบทสนทนาเรื่องทั่วไป กินข้าวอิ่มเธอก็นำจานไปล้างเหมือนว่างา
“ลืมไปแล้วเหรอว่าฉันต้องการอะไร”“ต้องการให้หนูเป็นเด็กเลี้ยงของคุณ”“พรุ่งนี้ฉันจะไปรับที่มหา’ลัย ไปแจ้งออกจากหอพัก แล้วย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ ฉันไม่อยากให้เธออยู่ที่นั่นคนเดียว”“แต่ว่าหนูยังไม่ได้ตอบตกลงเลยนะคะ”มุมปากของมาเฟียหนุ่มกระตุกขึ้น แววตาของเขาจ้องมองเธออย่างอ่อนโยน มือหนาเลื่อนขึ้นมาจับปอยผมของหญิงสาวขึ้นทัดใบหู ก่อนจะเชยปลายคางของพระพายให้เงยหน้าขึ้นสบตากัน“ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรจนกว่าเธอจะยอมรับข้อเสนอ ส่วนเรื่องโฉนดฉันจะจัดการให้เร็วที่สุด ยังไงเธอก็ต้องเป็นผู้หญิงของฉัน พระพาย”ก่อนออกไปเขาก็ได้ยื่นคีย์การ์ดของห้องนี้ให้กับหญิงสาวในชุดนักศึกษา พร้อมกับแบล็กการ์ดวงเงินไม่จำกัด เอาไว้ใช้จ่ายได้ตามใจ โดยที่เธอยังไม่ได้ตอบตกลงหรือปฏิเสธออกไป.โทรศัพท์ส่งเสียงสั่นเตือนดังครืดครืดอยู่ในกระเป๋าส่งผลให้พระพายไม่มีสมาธิในการเรียน ช่วงพักกลางวันก็มีคนโทรเข้ามาหลายครั้ง เธอจึงกดรับแต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ปลายสายก็กรอกเสียงแหลมเข้ามาทันที(แกไปหาเงินมาจากไหนตั้งหลายล้าน เห็นลูกน้องของเสี่ยบอกว่ามีคนมาไถ่โฉนดไปแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็เอามาให้ฉันเก็บไว้สิ)“...”พระพายนิ่งไปชั่วครู่อย่า







