LOGINสหรัฐอเมริกา
โคล้ม!
“เฮือก!” เจ้าของใบหน้าเรียวสวยนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยในห้องพักฟื้นพิเศษ เบิกตากว้างตื่นขึ้นมาพร้อมหอบหายใจเสียงดังด้วยความตกใจกลัว เหตุการณ์ในฝันทำเอาเสียขวัญ จนน้ำตาไหลออกมาจริง ๆ
“มึงไปตามหมอมา” เทวิน เจ้าพ่อมาเฟียวัยห้าสิบห้าปี แต่ยังดูดีไม่เปลี่ยน บนใบหน้าหล่อมีรอยย่นเล็กน้อยตามวัย ออกคำสั่งกับลูกน้องคนสนิททันทีที่ลูกสาวฟื้น
“เป็นยังไงบ้างลูก” มิลิน หญิงวัยกลางคนอายุเข้าเลขสี่ แต่ใบหน้ากลับสวยไร้ที่ติราวกับสาวมหาวิทยาลัย รีบเดินเข้ามาเอ่ยถามลูกสาวพร้อมกับผู้เป็นสามี
“….” ลูกสาวประสบอุบัติเหตุสลบไหลไปถึงสามวันเต็ม เธอเป็นห่วงจนแทบกินอะไรไม่ลง ทั้งที่อาการไม่ได้หนักหนาอะไร บาดแผลมีตรงขมับซ้าย และ ตามตัวมี
รอยฟกช้ำเพียงเล็กน้อย แต่กลับหลับนานผิดปกติ
“ยังปวดหัวนิดหน่อยค่ะ แล้วนิลมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ” จำได้ว่าถูกไล่ล่า จนรถเกิดอุบัติเหตุ แต่หลังจากนั้นภาพก็ตัดไป ไม่รู้ว่ารถของคู่กรณีเป็นอย่างไรบ้าง
นิวารินมองใบหน้าผู้เป็นพ่อและผู้เป็นแม่สลับกันอย่างรอฟังคำตอบ เมื่อท่านทั้งสองเงียบไป สีหน้าเหมือนมีอะไรปิดบังไม่อยากให้เธอรู้
“พ่อพามาเอง”
“แล้วคนที่นิลขับรถชนล่ะคะ เขาเป็นยังไงบ้าง” ตอนนี้เธอรู้สึกเป็นกังวลเอามาก ๆ กับเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นมา ไม่รู้ว่าผู้เคราะห์ร้ายจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น เพราะเธอเป็นต้นเหตุ
“ขออนุญาตครับ” ยังไม่ทันที่เธอจะได้รับคำตอบเสียงพูดเป็นภาษาอังกฤษของใครบางคนก็ดังขึ้นดึงความสนใจเสียก่อน ทำให้เธอต้องหันไปมองอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกเอะใจ เมื่อหมอผู้ชายดูมีอายุ และ พยาบาลสาวไม่ใช่คนไทย อดไม่ได้ที่จะเลื่อนสายตาไปมองตรงโลโก้โรงพยาบาลบนเสื้อกาวน์ตรงอกข้างซ้าย ในจังหวะที่หมอเดินมาหยุดยืนข้างเตียง
“คนไข้อาการเป็นยังไงบ้างครับ”
เนนิลขมวดคิ้วแน่น ในหัวเต็มไปด้วยคำถามมากมายและยังรู้สึกสับสน โดยไม่ได้ฟังคำถามจากหมอ เมื่อภาษาที่หมอใช้เป็นภาษาอังกฤษและชื่อของโรงพยาบาลไม่ได้อยู่ในประเทศไทย
“ยังปวดหัวนิดหน่อยค่ะ” มิลินเห็นว่าลูกสาวไม่ตอบคำถามหมอเจ้าของไข้ เธอจึงเอ่ยตอบแทน สีหน้าของลูกสาวฉายออกถึงความสงสัยอย่างเห็นได้ชัด
“ครับ งั้นหมอขอตรวจหน่อยนะครับ”
“เราไม่ได้อยู่ไทยเหรอคะ” หัวคิ้วเรียวหม่นเข้าหากันเป็นปมอย่างงุนงง สังเกตเห็นผู้เป็นพ่อและผู้เป็นแม่รอบมองหน้ากัน ทำให้เธอยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่ ในขณะที่ชายมีอายุหยุดทำหน้าที่ไปก่อน รอคนไข้พร้อม
“ใช่ หลังจากเกิดอุบัติเหตุพ่อก็ส่งตัวหนูมารักษาตัวที่นี่ทันที”
“แล้ว…”
“นิลลูก แม่ว่าให้คุณหมอตรวจอาการก่อนดีไหมคะ” น้ำเสียงอ่อนโยนของผู้เป็นแม่แทรกขึ้นเชิงเกรงใจคุณหมอที่ยืนอยู่ ทำให้เธอกลืนคำถามลงท้องไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ หลังจากที่หมอทำหน้าที่เสร็จก็ขอตัวออกไปตรวจคนไข้ห้องอื่นต่อ
“หลังจากที่นิลสลบไปแล้ว เกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้นคะ” เนนิลไม่รีรอที่จะตั้งคำถามกับผู้เป็นพ่อและผู้เป็นแม่ให้กระจ่างทันที
“…”
หญิงสาวมีสีหน้าวิตกตลอดเวลาที่ได้ฟังเรื่องราวจากผู้ให้กำเนิดทั้งสอง เหตุผลที่ผู้เป็นพ่อพาเธอมาที่นี่ทันที เพราะความเป็นห่วงบวกกับตกใจ อีกอย่างเหลืออีกไม่กี่วัน เธอต้องมาทำงานในฐานะผู้กำกับของฮอลลีวูด
อยู่ดี ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก แต่กว่าฝันของเธอจะเป็นจริง ก็ผ่านอะไรมามากมาย หากพลาดโอกาสนี้ไป ไม่รู้จะได้รับโอกาสดี ๆ แบบนี้อีกเมื่อไหร่
“คนในรถไม่เป็นอะไรแน่นะคะ?” ถามย้ำอีกครั้งให้แน่ใจ จำได้ว่าชนแรงพอสมควร แต่เหมือนภาพจำบางส่วนจะถูกลบเลือนไป พยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก
“ครับ คนสวยของพ่อไม่ต้องคิดมากนะ รักษาตัวให้หาย แล้วทำหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด ส่วนเรื่องอุบัติเหตุ พ่อจัดการเอง” มือหนาลูบผมลูกสาว
อย่างปลอบขวัญ เขาจะไม่ยอมให้ลูกสาวเพียงคนเดียว
ที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจมีประวัติด่างพร้อยหรือต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต เพราะธุรกิจสีเทาของตัวเอง ที่เป็นต้นเหตุ
ทำให้ลูกสาวตกเป็นเป้าหมายของศัตรู จนทำให้ลูกสาวประสบพบเจอกับเรื่องเลวร้ายแบบนี้
“…” เธอรู้ว่าผู้เป็นพ่อทำได้ทุกอย่างตามที่ลั่นวาจาออกมา แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่สบายใจอยู่ดี ที่จริงเธอต้องเป็นฝ่ายไปขอโทษและรับผิดชอบคู่กรณีด้วยตัวเองด้วยซ้ำ “แต่นิล…”
“เอาอย่างที่พ่อว่าเถอะลูก กลับไทยแล้วค่อยว่ากันอีกที” มิลินช่วยพูดอีกแรงพลางกุมมือที่เย็นเฉียบของลูกสาวแน่น แม้รู้อยู่เต็มอก หากลูกสาวรู้ความจริงขึ้นมาจะต้องเสียใจมากแค่ไหนก็ตาม แต่เธอก็ไม่อยากให้ลูกสาวพลาดโอกาสสำคัญ ที่สุดในชีวิตไปเหมือนกัน
“…” นิวารินพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง แต่ถึงอย่างไรเธอต้องกลับไปรับผิดชอบทุกอย่างแน่นอน
หนึ่งเดือนต่อมา
@ไร่องุ่นภูตะวัน
ปั่ก!แก้วเปล่าถูกวางกระแทกบนโต๊ะกระจกเสียงดังก้องภายในห้องนั่งเล่นด้วยฝีมือของชายหนุ่ม เจ้าของใบหน้าหล่อดูดี คิ้วเข้ม แต่หนวดเคราเต็มคาง กระดกดื่มเหล้าราคาแพงหมดไปถึงสามขวด จนเมามายแบบนี้ทุกวัน
“ปราง~” ภูตะวันทิ้งตัวนอนบนโซฟาตัวยาว
อย่างหมดสภาพ พร่ำเพ้อทั้งน้ำตาหาคนรักที่เพิ่งเสียชีวิตไปอย่างกะทันหัน เพราะอุบัติเหตุครั้นก่อน เขาเป็นคนขับรถคันนั้น แต่แค่ขาหัก ทำไมถึงไม่ตายไปพร้อมกับเธอซะ จะได้ไม่ต้องทนทุกข์อยู่อย่างนี้
แม้เวลาจะผ่านไปเป็นเดือนแล้ว แต่ความเจ็บปวดกลับไม่ทุเลาลงเลยแม้แต่น้อย กลับเพิ่มทวีคูณขึ้นเรื่อย ๆ
“เพราะผู้หญิง…คนนั้น…” คนเมาพูดทิ้งท้ายเสียงอ้อแอ้ก่อนหลับสนิทไปในที่สุด
นิวารินมาถึงที่ผับปรากฏว่าโต๊ะเก้าอี้เกลื่อนบนพื้น บ้างก็แตกกระจายราวกับมีการสู้รบกันก่อนหน้าที่เธอจะมาถึง ครั้นจะไปที่โกดังผู้เป็นพ่อ ทว่าการ์ดร่างใหญ่กลับขวางทางไม่ให้เธอเข้าไปเสียอย่างนั้น นั่นแปลว่าผู้เป็นพ่อกับผู้ชายบ้าระห่ำคนนั้นเจอกันแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาจะเป็นยังไงบ้าง “ถอยไป” “ไม่ได้จริง ๆ ครับคุณหนู” การ์ดคนดังกล่าวพูดด้วยความลำบากใจ เมื่อบุคคลที่ยืนอยู่ตรงหน้าเป็นถึงคุณหนูของบ้าน แก้วตาดวงใจของผู้เป็นนาย แต่เพราะคำสั่งของผู้เป็นนายตนจึงต้องทำตาม “จะให้รู้ถึงหูแม่ หรือจะปล่อยให้นิลเข้าไปที่โกดัง” หากเธอใช้มุกนี้อาจจะสำเร็จ เพราะคำสั่งของผู้เป็นแม่คือคำขาด ยกเว้นเสียแต่เรื่องของเธอ ที่ผู้เป็นพ่อยืนกรานหลังชนฝา การ์ดร่างใหญ่นับสิบที่ได้ยินต่างก้มหน้าเงียบกระอักกระอ่วนใจ แต่ก็ไม่มีใครยอมปล่อยให้คุณหนูของบ้านผ่านไปได้เช่นกัน “ถอยกันไปได้แล้ว” เน้นเสียงหนักเอ่ยสั่งด้วยความร้อนใจ หากช้าไปกว่านี้เกรงว่าผู้ชายคนนั้นจะถูกผู้เป็นพ่อฆ่าตายเสียก่อน “คำสั่งคุณหนูคือคำขาด” เคทพูดย้ำกับการ์ดร่างใหญ่ เมื่อไม่มีใครหลีกทางให้คุณหนูเสียที แต่ระหว่างนั้นเสียงทุ้มของใครบางคนก็ดังขึ้น…“
“คุณฉลามส่งนิลตรงนี้ก็ได้ค่ะ” ใช้เวลาจากไร่ภูตะวันเข้ากรุงเทพราวหนึ่งชั่วโมง เธอยืมโทรศัพท์ฉลามต่อสายหาบอดี้การ์ดสาวคนสนิทให้มารอรับ และ ภูตะวันไปพบพ่อเธออย่างที่คาดเดาไม่มีผิด “แน่ใจเหรอครับ กว่าจะถึงผับคุณเนนิลก็ไกลอยู่นะครับ” “นิลให้คนมารอรับแล้วค่ะ คุณฉลามไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ” “อ๋อ โอเคครับ ถ้าได้ข่าวเจ้านายยังไงโทรมาบอกผมด้วยนะครับ” “ค่ะ” นิวารินตอบรับเพียงเท่านั้นด้วยรอยยิ้มบาง ๆ จากนั้นก็รีบเปิดประตูลงจากรถไปอย่างเร่งรีบ โดยมีสายตาของฉลามมองตามไปจนกระทั่งรถสปอร์ตหรูสีขาวขับเข้ามารับเธอ “หน้าผากไปโดนอะไรมาคะคุณหนู หรือ ผู้ชายคนนั้นทำร้ายคุณหนู” เคทขมวดคิ้วเมื่อสังเกตเห็นแผลเล็ก ๆ บริเวณหน้าผากของคุณหนู เชื่อว่าแผลไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุ ต้องมีคนทำให้เกิด และ มีอยู่คนเดียวที่จงเกลียดจงชังคุณหนูของเธอเข้าไส้ ไอ้หมาบ้าตัวนั่นแน่ ๆ “อย่าพึ่งถามอะไรตอนนี้เลยค่ะ รีบไปที่ผับกันก่อนเถอะค่ะ นิลไม่อยากให้ใครต้องมาตายเพราะนิลเป็นต้นเหตุอีก” “ทั้งที่ผู้ชายคนนั้นทำร้ายคุณหนูให้เจ็บช้ำน้ำใจสารพัดน่ะเหรอคะ” เธอไม่เข้าใจจริง ๆ ทำไมคุณหนูถึงคอยเป็นห่วงเป็นใยช่วยเหลือผู้ชายที่คิดทำร้า
#หลายชั่วโมงต่อมา ภูตะวันนั่งบนเก้าอี้เหล็กตรงไร่องุ่นที่ถูกวางเพลิงเหลือแค่ซากกิ่งไม้และโค้งเหล็กไว้ให้ดูต่างหน้า ใบหน้าหล่อที่เต็มไปด้วยความเครียดขึงก้มลง มือทั้งสองข้างประสานกันกลางหว่างขา ปล่อยให้น้ำตาลูกผู้ชายรินไหลออกจากหัวตาหยดลงดินแล้วหยดเล่า ทั้งคืนไม่ได้นอน เช่นเดียวกันกับคนงานในไร่ ทุกคนต่างเสียขวัญเสียกำลังใจ ใช้เวลานานหลายชั่วโมงกว่าไฟจะสงบก็รุ่งสาง ไฟไหม้แค่ไร่องุ่นท้ายไร่ ซึ่งเป็นองุ่นสายพันธุ์ที่ใช้สำหรับผลิตไวน์เกือบทั้งหมด ดีที่ไม่ลุกลามไปพื้นที่อื่น ๆ สร้างความเสียหายให้กับไร่เป็นอย่างมาก หากเปรียบเทียบกับเงินก็หลายล้าน เสียงฝีเท้าที่กำลังใกล้เข้ามาทำให้ภูตะวันรีบเช็ดน้ำตาบนใบหน้า ก่อนที่เสียงหนึ่งจะดังขึ้นจากด้านหลัง “นาย”ฉลามที่เห็นเจ้านายเอาแต่นั่งอยู่ที่เดิมนานนับชั่วโมง จึงทำใจกล้าเดินเข้ามาด้วยความเป็นห่วง ทั้งที่รู้ว่าผู้เป็นนายกำลังรู้สึกอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และ ต้องการอยู่เงียบ ๆ คนเดียว “มึงไสหัวไปให้พ้นกู!” “นายไปพักผ่อนก่อนดีไหมครับ” รู้ทั้งรู้ว่าต้องทำให้ผู้เป็นนายไม่พอใจ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะแสดงความห่วยใย “มึงหูหนวกเหรอวะไอ้ฉลาม!” ภูตะ
ไร่องุ่นภูตะวัน ภูตะวันใช้เวลาขับรถมาที่ไร่ราวสี่สิบนาทีอย่างร้อนใจ อารมณ์ที่เต็มไปด้วยความโกรธจัด จึงเหยียบคันเร่งจนมิด ความเร็วเกินกว่ามาตรฐานกำหนดไปมาก ทำให้คนที่นั่งมาด้วยหวาดผวาอยู่ทุกนาที “เอ้า! เร็ว ๆ ช่วยกันดับไฟ” เสียงของหัวหน้าคนงานตะโกน ขณะที่คนงานวิ่งวุ่นช่วยกันหาน้ำมาดับไฟที่โหมกระหน่ำออกเป็นวงกว้าง ช่วยรถดับเพลิงอีกแรง แม้ว่าจะช่วยได้ไม่มาก แต่ก็ดีกว่ายืนอยู่เฉย ๆ ไม่ทำอะไร วินาทีที่ภูตะวันเห็นไร่องุ่นหลายสิบไร่ที่ลงทุนสร้างด้วยตัวเองกำลังถูกไฟแผดเผาไหม้ด้วยน้ำมือของคนเลว หัวใจแกร่งก็พลันสลาย ดวงตาดำมืดแดงก่ำเบิกกว้าง มือหนาทั้งสองข้างยกขึ้นขย้ำผมตัวเองแน่นด้วยความเจ็บปวดและเสียใจ จนกลั้นน้ำตาลูกผู้ชายเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อไม่สามารถปกป้องสิ่งที่ตัวเองรักได้อีกเป็นครั้งที่สอง นิวารินเห็นความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ก็ถึงกับอึ้งงันเสียใจไม่ต่างจากทุกคน แต่คนที่เจ็บปวดมากที่สุดตอนนี้เห็นจะไม่ใช่เธอ แต่เป็นเขา…เขาที่ต้องเจอแต่เรื่องร้าย ๆ เพราะเธอที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด หมับ! “อ๊ะ!” ใบหน้าสวยเปื้อนน้ำตาบิดเบ้ด้วยความเจ็บ เมื่อร่างสูงหันกลับมาบีบต้นแรงแน่นรา
“...ตอนนี้ฉันมีหลักฐานมากพอ ที่จะเอาเธอเข้าคุกได้ในทันที เพราะฉะนั้น…ถ้าเธอรู้สึกผิดจริงล่ะก็ ไปมอบตัวกับตำรวจกับฉันวันพรุ่งนี้ สารภาพความผิดทุกอย่าง..” “...” ภูตะวันหม่นคิ้วเข้าหากันด้วยความแปลกใจ เมื่อนิวารินยืนนิ่งสบตาไม่พูดอะไรหลังจากได้ฟังสิ่งที่เขาบอกกับเธอ เธอไม่มีท่าทีเป็นกังวลหรือตกใจเลยสักนิด อีกทั้งแววตาคู่สวยยังฉายชัดถึงความเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยว ทำให้เขาไม่สามารถคาดเดาความคิดเธอได้ หรือบางทีเธออาจกำลังกลบเกลื่อนความรู้สึกจริง ๆ ของตัวเองอยู่ก็ได้“ว่ายังไง” เป็นเขาที่ต้องตั้งคำถามกับเธออีกครั้ง “...ได้” เงียบอยู่นานเธอถึงได้เอ่ยตอบตกลง แล้วถามหาหลักฐานอย่างเป็นการลองเชิงในประโยคต่อมา เธอยังไม่ปักใจเชื่อว่าเขามีหลักฐานอย่างที่กล่าวอ้างจริง ๆ “แต่ก่อนที่ฉันจะไปมอบตัวกับตำรวจ ฉันต้องได้เห็นหลักฐานที่คุณพูดถึงทุกอย่าง รวมถึงหลักฐานของพ่อฉัน” “หึ หัวหมอเป็นเหมือนกันหนิ” ภูตะวันเค้นเสียงหัวเราะในลำคออย่างเย้ยหยัน “หลักฐานที่จะใช้มัดตัวเธอน่ะ…มีแน่อยู่แล้ว ส่วนหลักฐานพ่อเธอที่ฉันเคยพูดถึง ไม่มีจริง ๆ หลอก แต่ข้อมูลสำคัญที่ฉันมี สามารถทำให้พ่อเธอสูญเสียลูกค้ารายใหญ่ในชั่วข้าม
@ผับ M ชายหนุ่มร่างสูงรูปร่างกำยำอยู่ในชุดเรียบง่าย เสื้อแจ๊คเก็ตหนังสีดำสวมทับเสื้อยืดสีขาวด้านใน ท่อนล่างเป็นกางเกงยีนขายาวสีดำไซซ์พอดีตัว ใบหน้าหล่อเหลามีเสน่ห์ ผมเผ้าถูกเซตอย่างดูดีเป็นที่สะดุดตาของสาว ๆ ที่กำลังเต้นโยกย้ายส่ายสะโพกตามเสียงเพลงที่เปิดภายในผับหรู พวกเธอเหล่านั้นต่างอยากครอบครองชายหนุ่มที่เดินผ่าน แต่ก็ทำได้แค่มอง... ภูตะวันพาตัวเองเดินขึ้นมาชั้นสองของผับ โดยทำเมินเฉยต่อสายตาของสาวสวยที่มองมา “มาช้ากว่าเพื่อนเลยนะพ่อพระเอก” ทันทีที่เดินมาถึงโต๊ะริมระเบียงที่มองลงไปเห็นชั้นล่างของผับอย่างชัดเจน ก็ถูกเพื่อนรักอย่างองศาพูดจาไม่เข้าหู ภูตะวันไม่ได้ตอบกลับ กระแทกตัวนั่งโซฟาฝั่งตรงข้ามกับปริญลูกชายเจ้าของโรงพยาบาลชื่อดังด้วยใบหน้าราบเรียบ “แผลที่หน้าหายดีแล้วหนิ” สองวันก่อนบาดแผลบนใบหน้าของไอ้เพื่อนรักยังชัดเจน แต่วันนี้ดูจางลงจนแทบไม่เหลือร่องรอย “อือ” ภูตะวันส่งเสียงในลำคอตอบกลับด้วยใบหน้าเรียบเฉยพลางยื่นมือรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ราคาแพงในแก้วที่องศายื่นมาให้ “ขอบใจ” “แล้วส่วนอื่น ๆ ในร่างกายมึงล่ะ” “มึงมาดื่มหรือมาตรวจร่างกายได้ภูวะ ถามซะละเอียดเลยไอ้สัส” องศา







