LOGINทั้งสองคนนั่งดื่มกันจนได้ที่จนพวงแก้มแดงปลั่ง เนื่องจากผิวที่ขาวผ่องจนเห็นเส้นเลือดชัดเจน ก่อนเสียงทุ้มของใครอีกคนที่เดินเข้ามาทักทายจะดังขึ้นท่ามกลางเสียงดนตรีดังกระหึ่ม
“แฮ่ม… ขอร่วมวงด้วยคนได้มั้ยครับคนสวย” ร่างเพรียวสองคนบนโต๊ะเงยหน้ามอง ก็ปรากฏว่าเป็นฟาบิโอ หนุ่มหล่อที่เธอเพิ่งยืนคุยด้วยในงาน “อ้าว คุณฟามาที่นี่ได้ยังไงคะ” “ที่ไหนมีเหล้า ที่นั่นก็ย่อมมีผมนั่นแหละครับ” ฟาบิโอกล่าวขำๆ พรางถือวิสาสะนั่งลงข้างๆเธอโดยที่ไม่รอคำตอบ “มาเที่ยวกันสองคนในที่แบบนี้ ไม่กลัวจะเป็นอันตรายหรือไงกันครับ ยิ่งสวยๆอยู่ด้วย” เขาเอ่ยอย่างไม่จริงจังมากนัก สายตาเจ้าชู้นั่นก็เล่นหูเล่นตาใส่เธอไม่พักเช่นกัน จะอันตรายก็เพราะมีเขามานั่งด้วยนี่แหละ “หึ ขอบุหรี่สักม้วนสิคะ” เธอไม่ตอบคำถามเขา แต่เหลือบตาไปมองกล่องบุหรี่ที่โผล่พ้นออกมาจากกระเป๋ากางเกงของอีกคนแทน ทำเอาทั้งยัยเพียงกับคนที่ถูกขออย่างเขาถึงกับเลิ่กคิ้วมองเธออย่างไม่อยากเชื่อสายตา ก่อนเสียงหัวเราะชอบใจจากฟาบิโอจะเปร่งขึ้น “หึๆ คุณฟ้าสูบมันด้วยเหรอครับ” เขาถามก็พรางหยิบมันออกมาให้เธอ ไม่พอยังส่งไฟแช็กมาพร้อมๆกันอย่างรู้งาน “ก็แค่อยากลองอะไรใหม่ๆน่ะค่ะ อยู่กับอะไรเก่าๆมานานมันก็ต้องมีเบื่อ ใช่มั้ยล่ะคะ” เธอยิ้มบางส่งกลับไป แล้วหยิบสิ่งที่เขายื่นให้ก่อนจะลุกขึ้นพรางหันไปพูดกับเพื่อนสนิทที่นั่งทำหน้ามึน อาจจะเพราะฤทธิ์เหล้าด้วยล่ะมั้ง “เดี๋ยวกูกลับมานะยัยเพียง มึงก็นั่งดื่มไปกับคุณฟาก่อนก็แล้วกัน” เธอรู้ดีว่าเพื่อนชอบคนหล่อ นี่ไงคุณฟาบิโอก็หล่อได้เรื่องเลยทีเดียว ถือสะว่าเปิดโอกาสให้เพื่อนไปด้วยเลย กล่าวเสร็จก็ไม่รอฟังให้ยัยเพียงมันตอบ เท้าเรียวก็เดินออกไปทันที อย่างที่เธอพูดนั่นแหละ ก็แค่อยากลองอะไรใหม่ๆ พออยู่กับของเก่านานๆมันก็คงเบื่อ เหมือนผู้ชายคนนั้นไง คงจะเบื่อของเก่าอย่างเธอถึงขั้นต้องใช้วิธีสกปรกเพื่อกำจัดเธอทิ้ง แม่งเอ้ย… ทำไมต้องคิดถึงอิตานั่นอยู่เรื่อยเลยนะ เท้าเรียวเดินออกมาหยุดอยู่ด้านหลังผับที่เงียบพอสมควร ถ้าถามว่าไม่กลัวเหรอ ตอบเลยว่าไม่ เพราะเธอไม่ใช่ฟ้าลันดาเมื่อสามปีก่อน ที่จะปกป้องตัวเองไม่เป็น ตลอดเวลาที่กลับไปอยู่ฮ่องกง นอกจากเธอจะทำงานเป็นนางแบบ ก็มักจะไปเรียนทักษะต่อสู้ ทั้งป้องกันตัวและวิธีการจับอาวุธต่างๆกับเฮียครามมาตลอด บอกเลยว่าเรื่องยิงปืนคือเรื่องถนัดเลยล่ะ ร่างเล็กยืนมองท้องฟ้ายามราตรีอยู่พักใหญ่ ก่อนจะส่ายหน้าปัดป่ายความคิดไร้สาระออกจากหัว เธอมายืนที่นี่เพื่อลองไอ้เจ้าแท่งที่อยู่ในมือนี่นา ไม่ได้มาเพื่อคิดถึงอดีตสักหน่อย นึกแล้วนิ้วเรียวก็จับแท่งบุหรี่ยาวในมือมางับไว้ในปาก เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องจัดการกับมันยังไง ก็ลองๆทำตามจากที่เคยเห็นมาผ่านๆ พองับไว้แบบนั้นเสร็จ เธอก็พยายามจุดไฟแช็กอยู่หลายครั้ง ทว่ากลับไม่สำเร็จ นี่ไฟแช็กที่ผู้ชายคนนั้นให้มา แน่ใจนะว่ามันใช้ได้จริงๆน่ะ เธอยังคงพยายามจุดมันอยู่หลายครั้งจนคิ้วเล็กขมวดยุ่ง ก่อนเสียงทุ้มเข้มที่คุ้นเคยของใครบางคนจะดังแว่วเข้ามาจากด้านหลัง “ดูเหมือนคุณจะมีปัญหานะครับ ต้องการให้ผมช่วยรึเปล่า” มือเล็กจับแท่งบุหรี่ที่งับอยู่ออกจากปาก ก่อนร่างเพรียวระหงจะหันไปมองตามเสียง ก็พบกับผู้ชายร่างโปร่งที่ยืนพิงกำแพงกอดอกมองเธออยู่ ในมือข้างหนึ่งของเขากำลังจุดไฟแช็กกล่องสีดำเล่นไปพรางๆ เหมือนอยากจะบอกเธอว่าถ้าหากต้องการก็ให้เข้ามาขอ หึ… ตามเธอออกมาหรือยังไงกัน เกลียดขี้หน้าแล้วยังต้องมาเจออีก “คงไม่ต้องหรอกค่ะ ไม่ได้… ก็แค่ไม่เอา” เธอยักไหล่ตอบเขาไป ก่อนจะโยนแท่งบุหรี่ในมือเข้าถังขยะที่ตั้งอยู่ไม่ไกล เรียกเสียงหัวเราะจากลำคออีกคนดังแว่วออกมา เหมือนจะชอบใจนักหนากับการกระทำของเธอ “หึ นั่นสินะครับ” เหอะ ทำมาเป็นเห็นดีด้วยสะงั้น ไม่รู้ว่าเขากลายเป็นคนโง่ไปแล้วหรือยังไง ถึงได้ไม่รู้ว่าเธอกำลังพูดแซะเขาอยู่น่ะ “ว่าแต่นางแบบชื่อดังแบบคุณ คิดไม่ถึงเลยนะครับ ว่าจะแตะต้องของแบบนี้ด้วย” เขาพูดพรางหยิบบุหรี่งับปากก่อนจะจุดไฟแล้วสูบมันไปพรางๆในขณะที่รอคำตอบจากเธอ “นางแบบแล้วมันยังไงคะ ใช่ว่านางแบบจะไม่ใช่คนสักหน่อย ขนาดพวกคุณยังสูบกันเลยไม่ใช่หรือยังไง“ “นั่นสินะครับ แต่ดูจากท่าทางคุณเมื่อกี้แล้ว เหมือนจะไม่เคยสูบนะ” “ไม่เคยสูบ แล้วมันสูบไม่ได้รึไงกัน” เธอพึมพำเสียงเบากับตัวเองอย่างเบื่อหน่ายที่เขาเอาแต่ชวนคุยไม่หยุด ทว่าคนหูดีกลับได้ยินชัดแจ๋ว มุมปากหยักยกยิ้มขึ้นก่อนร่างโปร่งที่พิงอยู่กับผนังจะผละตัวออก แล้วก้าวเท้าเข้ามาทางเธอ “อยากลอง?” ร่างสูงโปร่งร้อยเก้าสิบกว่า ก้าวเข้ามายืนประจันหน้าเธอจนได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวเขาผสมกับกลิ่นควันบุหรี่ที่คนตัวโตถือมาด้วยแตะเข้าปลายจมูก เขาสูงกว่าเธอพอสมควร จนเธอต้องเงยหน้าขึ้นมอง ก็พบเขาแววตาคมมืดที่ยากจะคาดเดากำลังมองเธออยู่ “ถ้าเมื่อกี้ก็ใช่ค่ะ แต่ตอนนี้ไม่แล้ว” โดยเฉพาะถ้าเป็นของเขา ไม่อยากจะแตะต้องเลยสักนิด “ไม่อยากลองบุหรี่แล้ว งั้นอยากลองอย่างอื่น?” เขายังคงยักคิ้วถามเธอ ไม่พอยังจะขยับเข้ามาไกล้ แค่นี้ก็ชิดกันจนแทบจูบได้อยู่แล้วป่ะ แล้วที่พูดว่าอย่างอื่นน่ะ หมายความว่ายังไงกัน เมื่อไม่เข้าใจ เธอก็ถามออกไปตรงๆเลยสิ “อย่างอื่น?” “อย่างอื่น?” “หึ หมายถึงพวกวอดก้าน่ะ หรือว่าคุณคิดเป็นอีกแบบ?” เขาพูดพรางทำหน้ายียวนเหมือนตั้งใจกวนประสาทกัน ไม่พอยังโน้มหน้าลงมาจนลมหายร้อนรดเข้าไปพวงแก้มนุ่ม ชวนเอาเธอร้อนรุ่มไปด้วย ไม่ได้นะยัยฟ้า จะมารู้สึกเพียงเพราะความใกล้ชิดแค่นี้มันใช้ได้ที่ไหนกัน “ไม่แล้วค่ะ ฉันจะกลับเข้าไปหาเพื่อนแล้ว ป่านนี้เพื่อนคงจะตามหาฉันแล้ว” ข้ออ้างเฉยๆนั่นแหละ พอเธอพูดเสร็จก็ทำท่าจะปรีดตัวออกจากเขาที่แทบจะต้อนเธอจนมุมกับเสาด้านหลัง แต่ร่างเล็กยังไม่ทันจะก้าวพ้นเขา ก็ถูกมือหนาทาบทับลงคํ้ายันกับเสาด้านหลังเพื่อล็อคร่างเธอเอาไว้ไม่ปล่อยให้เธอได้หนีไปไหน อะไรของเขาเนี่ย… “แน่ใจเหรอว่าเพื่อนตามหาน่ะ เท่าที่ผมเห็น เหมือนว่าเพื่อนคุณจะไม่อยากให้คุณกลับไปที่โต๊ะมากกว่านะ” มุมปากหยักเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์ ยังคงนิสัยเอาแต่ใจไม่เปลี่ยนสินะ แต่ก็ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้โกหกนั่นแหละ เพราะเธอเองก็รู้จักยัยเพียงดาวดี ยัยเพื่อนตัวดีป่านนี้คงจะกำลังมีความสุขอยู่กับหนุ่มหล่ออย่างคุณฟาบิโอหรือไม่ก็คงไปควบหนุ่มที่ไหนสักคน “ผมอยากชวนคุณไปลองวอดก้าด้วยกันจริงๆนะครับ” เขายังคงเชิญชวนเธอไ
ทั้งสองคนนั่งดื่มกันจนได้ที่จนพวงแก้มแดงปลั่ง เนื่องจากผิวที่ขาวผ่องจนเห็นเส้นเลือดชัดเจน ก่อนเสียงทุ้มของใครอีกคนที่เดินเข้ามาทักทายจะดังขึ้นท่ามกลางเสียงดนตรีดังกระหึ่ม “แฮ่ม… ขอร่วมวงด้วยคนได้มั้ยครับคนสวย” ร่างเพรียวสองคนบนโต๊ะเงยหน้ามอง ก็ปรากฏว่าเป็นฟาบิโอ หนุ่มหล่อที่เธอเพิ่งยืนคุยด้วยในงาน “อ้าว คุณฟามาที่นี่ได้ยังไงคะ” “ที่ไหนมีเหล้า ที่นั่นก็ย่อมมีผมนั่นแหละครับ” ฟาบิโอกล่าวขำๆ พรางถือวิสาสะนั่งลงข้างๆเธอโดยที่ไม่รอคำตอบ “มาเที่ยวกันสองคนในที่แบบนี้ ไม่กลัวจะเป็นอันตรายหรือไงกันครับ ยิ่งสวยๆอยู่ด้วย” เขาเอ่ยอย่างไม่จริงจังมากนัก สายตาเจ้าชู้นั่นก็เล่นหูเล่นตาใส่เธอไม่พักเช่นกัน จะอันตรายก็เพราะมีเขามานั่งด้วยนี่แหละ “หึ ขอบุหรี่สักม้วนสิคะ” เธอไม่ตอบคำถามเขา แต่เหลือบตาไปมองกล่องบุหรี่ที่โผล่พ้นออกมาจากกระเป๋ากางเกงของอีกคนแทน ทำเอาทั้งยัยเพียงกับคนที่ถูกขออย่างเขาถึงกับเลิ่กคิ้วมองเธออย่างไม่อยากเชื่อสายตา ก่อนเสียงหัวเราะชอบใจจากฟาบิโอจะเปร่งขึ้น “หึๆ คุณฟ้าสูบมันด้วยเหรอครับ” เขาถามก็พรางหยิบมันออกมาให้เธอ ไม่พอยังส่งไฟแช็กมาพร้
@คอนโดหรูใจกลางเมืองอิตาลี “จะบอกว่าวันนี้มึงปังมากกกก ปังสุดๆเลยยัยฟ้า นี่กูเห็นนะว่านางแบบนับสิบบนเวที คนเดียวที่คุณฟรานมองคือมึงค่ะ!” เสียงของยัยเพียงดาวดังแว่วเข้ามาถึงในหูเธอ ตั้งแต่ปลายเตียงยันโต๊ะเครื่องสำอางที่เธอนั่งอยู่ พอเธอเหลือบมองหน้าเพื่อนผ่านกระจกใสตรงหน้า ก็เห็นว่ามันกำลังทำตาปริบๆมองเธออยู่ บ่งบอกว่ากำลังปลื้มอกปลื้มใจมากแค่ไหน “เหอะ มองคู่หมั้นเค้าน่ะสิไม่ว่า จำได้ว่ายัยนั่นเดินตามหลังกูนี่นา” เธอเบ้ปากตอบเพื่อนไปอย่างไม่จริงจังนัก ขนาดเจอหน้ากันเขายังทำเป็นจำเธอไม่ได้ด้วยซํ้า จะให้มามองอะไรกันล่ะ ก็จำได้ว่าเธอเผลอหันไปสบตากับเขาแว็บนึงอยู่นะ แต่ก็ไม่คิดหรอกว่าเขาจะตั้งใจมองน่ะ คงจะเพราะเผลอจ้องแค่แว็บเดียวเท่านั้นแหละมั้งที่เห็นแฟนเก่าอย่างเธอมาเดินอยู่ตรงหน้า “บอกเลยว่ามึงคิดผิด!! เพราะกูนั่งอยู่อีกฟากซึ่งเห็นชัดมากก บอกเลยว่า All his eyes on you เลยจ้า” ยัยเพียงยังคงยืนยันเสียงดัง แววตานั่นจะมั่นใจอะไรขนาดนั้น เหอะ อยากมองก็มองไปสิ ผู้ชายที่ทำกับเธอไว้เลวระยำขนาดนั้นฝันไปเถอะว่าจะได้อะไรจากเธออีก ก็ได้แค่มองนั่นแหละ แตะต้องไ
“นายจะกลับเลยรึเปล่าครับ“ ไม่นานงานแฟชั่นโชร์สุดหรูหราก็จบสิ้น มาร์โก้รีบปริดตัวเดินเข้ามาถามเจ้านาย เพราะรู้ดีว่าเขาไม่ชอบสุงสิงอยู่ในที่แออัดแบบนี้ มันน่ารำคาญจะตายไป ทว่าวันนี้กลับแปลกไป เมื่อเจ้านายหนุ่มเอ่ยปากปฏิเสธสะงั้น “ไม่ กูจะอยู่ต่ออีกนิดหน่อย มึงมีอะไรก็ไปทำก่อนเลย” ไม่รู้อะไรดนใจเขาให้ตอบลูกน้องออกไปแบบนั้นเหมือนกัน ทว่าพอกล่าวเสร็จ แววตาคมก็เหลือบมองรอบๆโดยไม่สนสายตางุนงงจากลูกน้อง ที่ขมวดคิ้วมองเขาอย่างไม่เข้าใจ จะอะไรก็ช่างเถอะ ตอนนี้หัวใจเขามันบอกว่ายังไม่อยากกลับ ซึ่งเขาก็เลือกที่จะเชื่อฟังมัน ไม่นานแววตาคู่คมก็เหลือบไปสะดุดกับร่าเพรียวระหง ที่เอาแต่ติดอยู่ในความคิดของเขาตั้งแต่เมื่อครู่ เธอกำลังยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่คุยกันเป็นมิตรอยู่กับสปอนเซอร์คนอื่นๆ อะไรกัน เขาเป็นถึงสปอนเซอร์ใหญ่ในวันนี้ ทว่ากลับถูกเธอมองข้ามแล้วไปคุยกับสปอนเซอร์เล็กๆพวกนั้นเนี่ยนะ อยู่ๆความไม่พอใจก็บังเกิด ไม่รู้ทำไมต้องหงุดหงิดด้วยวะ ทั้งที่นิสัยเขาไม่ใช่แบบนี้ ปกติเขาจะชอบอกชอบใจด้วยซํ้าที่ได้อยู่เงียบๆ โดยไม่มีใครมายุ่ง ทว่าตอนนี้กลับตรงกันข้ามสะงั้น นึกแล้วเท้
“คุณฟรานคะ วันนี้คุณจะไปดูฟิโอน่าเดินแบบใช่มั้ยคะ” ฟิโอน่า หญิงสาวรูปร่างเพรียวหุ่นนางแบบ เมื่อเห็นฟรานเชสโก้ผู้เป็นคู่หมั้นเดินลงบันไดบ้านมาในชุดสูทหล่ออลังการ ก็รีบดันตัวเองเดินเข้าไปถามเขาด้วยสีหน้าปลื้มปลิ่ม “ก็ต้องไปสิครับ ในเมื่องานนี้นายเป็นสปอนเซอร์ใหญ่ จะไม่ให้ไปได้ยังไงครับคุณฟิโอน่า” เป็นมาร์โก้ บอดี้การ์ดน่ารำคาญนั่นที่เอ่ยปากตอบเธอแทนคนถูกถามซึ่งเอาแต่ทำหน้าขรึมแล้วเงียบเสมือนรำคาญเธอเต็มที ทำเอาหญิงสาวหน้าเสีย “งั้นฟิโอน่าขอติดรถไปด้วยได้มั้ยคะ ไหนๆเราก็จะไปที่เดียวกัน” เธอยังคงแบกหน้าถาม แม้สายตาคมคู่นั้นจะไม่หันมาเหลียวแลตัวเองเลยสักนิดก็ตาม แล้วมันยังไงล่ะ ในเมื่อเธอเป็นคู่หมั้นของเขานี่ อย่าลืมสิ ความจริงเรื่องแค่นี้เธอไม่จำเป็นต้องถามเลยด้วยซํ้า เพียงแต่ว่าฟรานเชสโก้นั้นไม่ใช่คนที่ใครก็ได้จะไปเล่นต่อปากต่อคำด้วย เพราะถ้าหากเขาเกิดไม่พอใจขึ้นมา จุดจบคนนั้นคงไม่มีทางสวย รวมถึงเธอเองที่มีศักดิ์เป็นถึงคู่หมั้นเขาก็ตาม อยู่กับเสือต้องอยู่เป็น… นั่นคือตัวตนของฟรานเชสโก้ “จะไปก็ตามมาเร็วๆ ผมไม่ชอบรอใคร” นั่นคือประโยคแรกจากเขา หลังจากที่เอ
*สามปีต่อมา* “รักฟรานนะคะ… ฟ้ารักฟรานที่สุด” อย่าไป… ฮึกก อย่าไปจากผม… เดี๋ยว ฮึกก เฮือก!!! ร่างโปร่งที่หลับไหลสดุ้งเฮือกตื่นมาท่ามกลางความมืด ในห้องนอนกว้างขวางตอนนี้กลับปกคลุมไปด้วยเสียงหอบหายใจของเขา ร่างกำยำบนเตียงดีดตัวลุกขึ้นนั่งพรางถอดถอนหายใจ เขามักจะฝันแบบนี้แทบทุกคืนตลอดสามปีจนเบื่อหน่าย หญิงสาวร่างเพรียวระหงคนนั้นที่ตามไล่ล่าเขาทุกครั้งที่หลับตาลง พอตื่นขึ้นมาเขาก็มักจะจำหน้าหรือชื่อเธอไม่ได้ จะมีแต่คำพูดแปลกๆพวกนั้นที่วนเวียนอยู่ในโพรงประสาทและตามหลอกหลอนเขาตลอดทั้งคืนจนนอนไม่หลับ แม่งเอ้ย… เธอเป็นใครกันวะ พยายามนึกยังไงก็นึกไม่ออก ทั้งที่จิตใต้สำนึกมันบอกเขาว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ… ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาจากฝัน เขามักจะหงุดหงิดตัวเองอยู่เสมอ และทุกครั้งที่นึกใบหน้าเธอไม่ออก หัวใจดวงโตก็จะปวดหนึบแปลกๆ ดั่งกับว่าอะไรบางสิ่งที่สำคัญมากๆได้ขาดหายไปจากชีวิตเขา ฟึ่บ! มือหนาสางผมตัวเองแรงๆด้วยความสับสน ก่อนจะปรีดตัวลุกขึ้นจากเตียงเดินไปยันโซฟา แล้วรินไวน์ขึ้นกระดก มันมักจะเป็นแบบนี้ทุกคืน จิบไวน์ไปสมองก็พรางคิดเรื่องราวต่างๆ ใบหน้าหล่อเสมองไป







