Share

บทที่ 109

Auteur: หอมดังเดิม
ลู่เหิงจือพูดนิ่งๆ : "ท่านแม่เกรงใจไปแล้ว"

ซูชิงลั่วรีบตอบ : "กับข้าวเยอะเช่นนี้ขอไปทีที่ใดกัน ขอบคุณท่านแม่ที่ลำบากเตรียมอาหารให้พวกเรา"

แม้ลู่เหิงจือจะเฉยชา แต่โชคดีที่ซูชิงลั่วเอาใจใส่และกระตือรือร้น

เมื่อเห็นว่าต่อไปความกระอักกระอ่วนระหว่างการกินอาหารร่วมกับลู่เหิงจือจะหายไปแล้ว นางเฉียนก็ยิ่งรู้สึกชอบในตัวซูชิงลั่วยิ่งขึ้น : "ยุ่งมาทั้งเช้า คงจะหิวแล้ว รีบชิมดูสิ"

ซูชิงลั่วตอบตกลง

ทั้งสองคนนั่งลง แต่เดิมลู่เหิงจือไม่ค่อยพูดคุยกับนางเฉียนมากนัก ก่อนหน้าตอนที่มากินข้าวด้วยกันก็มักจะนางถามคำเขาตอบคำเสมอ

เขาเฉยชาจนเป็นนิสัย ไม่ได้รู้สึกอึดอัด แต่กลับมองออกว่านางเฉียนไม่ค่อยเป็นตัวเอง ทั้งเกรงและกลัวเขา ทั้งยังคอยเอาอกเอาใจอีก

เวลานี้มีซูชิงลั่ว ดูเหมือนทุกอย่างจะเปลี่ยนไป

ราวกับว่านางเข้ากับคนได้ง่ายมาตั้งแต่เกิด พูดจาอ่อนโยนและนุ่มนวล คอยรับส่งกับนางเฉียนคนละประโยค ทำให้บรรยากาศคึกคักเป็นกันเอง

โดยทั่วไปแล้วลู่เหิงจือไม่ชอบความวุ่นวายเสียงดัง ครั้งนี้กลับรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งในนั้นด้วย เพลิดเพลินอยู่ไม่น้อย

ไม่รู้ว่าเพราะทั้งสองคนคุยกันถูกคอมากไปหรือไม่ นางเฉียนจึงอดไม่ได้ที่
Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application
Chapitre verrouillé

Related chapter

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 110

    นี่เป็นครั้งแรกที่ลู่เหิงจือคีบอาหารให้นางซูชิงลั่วมองดูเนื้อแกะชุ่มฉ่ำที่วางอยู่ในถ้วยชิ้นนั้น ขานรับเบาๆ แล้วหยิบตะเกียวค่อยๆ คีบใส่ปากอย่างช้าๆกลิ่นหอมของเนื้อแกะอบอวลอยู่ที่ปลายจมูกเหตุใดถึงได้รู้สึกว่าเนื้อแกะชิ้นนี้อร่อยกว่าที่ผ่านมานางเฉียนพลันยิ้มร่า ในใจก็รู้สึกดีใจอย่างไม่บอกไม่ถูกลู่เหิงจือเคยพูดจาแสดงออกถึงความในใจที่แท้จริงของตนกับนางเมื่อใดกัน อีกทั้งในคำพูดก็ยังแฝงไว้ด้วยความปลอบใจระหว่างที่นางรู้สึกขอบคุณที่ได้สะใภ้ที่คู่ควรอย่างซูชิงลั่ว อีกด้านก็คีบเนื้อไก่ใส่ในถ้วยของซูชิลั่ว บอกให้นางกินเยอะๆ บำรุงร่รางกายให้ดีด้วยใบหน้ายิ้มแย้มซูชิงลั่วมักรู้สึกตลอดว่ารอยยิ้มของนางเฉียนดูเหมือนจะมีนัยยะอื่นอยู่ด้วยหลังมื้ออาหารทั้งสองคนรีบไปจัดเก็บห้อง นางเฉียนก็ไม่ได้รั้งพวกเขาไว้เมื่อเดินออกไป ลู่เหิงจือก็จูงมือซูชิงลั่วพาเดินไปด้านนอกอย่างช้าๆแสงแดดในฤดูใบไม้ผลิไม่แรงนัก ส่องลงมาบนตัวทำให้รู้สึกสบายซูชิงลั่วไม่กล้าเงยหน้า เพียงแต่ในใจเอาแต่คิดถึงประโยคที่เขาพูดเมื่อกี้ "ยามนี้ต่างไปจากที่ผ่านมา" ให้ความรู้สึกคลุมเครือไม่น้อยรู้สึกได้ว่าลู่เหิงจือใช้ปลายนิ

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 111

    จื๋อหยวนประครองซูชิงลั่วไปนั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ส่วนอวี้จู๋ส่งผ้าขนหนูชุบน้ำร้อนให้กับลู่เหิงจือลู่เหิงจือพูดนิ่งๆ : "ข้าไม่จำเป็นต้องใช้เจ้า ไปดูแลนายของเจ้าเถอะ"อวี้จู๋ขานรับด้วยความผิดหวังเล็กน้อย ก่อนจะรีบไปช่วยจื๋อหยวนทั้งสองคนช่วยกันถอดปิ่นปักผมให้ซูชิงลั่ว ล้างหน้าและถอดเสื้อผ้า หลังจากนั้นซุปแก้เมาก็ยกเข้ามาพอดีลู่เหิงจือเองก็ถอดชุดออกจนเหลือเพียงแค่เสื้อซับชั้นใน เดินมาประครองซูชิงลั่วไปที่เตียง สั่งให้คนวางซุปไว้บนโต๊ะ : "พอแค่นี้แหละ ออกไปให้หมด ที่นี่ไม่จำเป็นต้องใช้พวกเจ้าแล้ว"อวี้จู๋เพิ่งจะเคยเห็นท่าทางเช่นนี้ของเขาเป็นครั้งแรกก็พลันหน้าแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ส่วนจื๋อหยวนแม้จะเคยเห็นมาหลายครั้ง แต่ก็ทำตัวไม่ถูกเท่าไหร่ สาวใช้สองคนมองหน้ากันปราดหนึ่ง ก่อนจะรีบออกไปหลังจากออกไป จื๋อหยวนก็พูดปลอบอวี้จู๋ : "ทำใจให้ชินเข้าไว้ก็พอ"อวี้จู๋พยักหน้า : "หลายวันมานี้ท่านพี่อยู่ปรนนิบัติช่วงกลางคืนที่นู่นลำบากแล้ว วันนี้ข้าจะอยู่เฝ้าตอนดึกเอง"จื๋อหยวนอดนอนมาสองวันก็รู้สึกเหนื่อยล้าอยู่ไม่น้อย จึงพยักหน้าแล้วตบบ่านางเบาๆ : "เช่นนั้นก็ตั้งใจทำงาน"คืนนี้ลู่เหิงจือเองก

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 112

    ครึ่งแรกของค่ำคืนนี้จึงผ่านไปด้วยการเรียกของน้ำแบบถี่ๆ ของซูชิงลั่วโกลาหลวุ่นวายกันอยู่ครึ่งค่อนคืน ในที่สุดนางก็เหนื่อยและผลอยหลับไปลู่เหิงจือจ้องมองอ่างน้ำทั้งสามใบพร้อมกับครุ่นคิดไม่นานนัก ก็เรียกคนมายกออกไปในท้ายที่สุด เพื่อเลี่ยงไม่ให้นางตื่นมาพรุ่งนี้แล้วจะรู้สึกไม่กล้าสู้หน้าใครไม่รู้ว่าเพราะอวี้จู๋ตื่นเต้นหรืออย่างไร ระหว่างที่ยกอ่างสุดท้ายออกไป น้ำหกกระเซ็นออกมา พลันรีบคุกเข่าอ้อนวอนลู่เหิงจือเหนื่อยล้ามากแล้ว ไม่ได้มองนางเพียงแค่โบกมือบอกไปให้นางออกไปอวี้จู๋เงยหน้าขึ้นมามองเขาปราดหนึ่ง ก่อนจะถอยออกไปอย่างเงียบๆลู่เหิงจือดึงม่านเตียงขึ้น ทันทีที่เข้าไปในผ้าห่ม ซูชิงลั่วก็หันมากอดเขาเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัวอย่างห้ามไม่ได้ ร่างกายเกิดปฏิกิริยาตอบสนองโดยไม่รู้ตัวแต่ก็ทำได้เพียงแค่อดกลั้นเอาไว้ ขืนขอน้ำเข้ามาอีกรอบ เกรงว่าวันพรุ่งจะกลายเป็นเรื่องขบขันไปได้ อีกทั้งเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว แม้จะต้องการแต่ก็ไร้เรี่ยวแรงแล้วจริงๆยื่นแขนออกไปโอบซูชิงลั่วเข้ามาในอ้อมกอด ก่อนจะหลับตาลงแล้วหลับใหลไปอย่างรวดเร็วซูชิงลั่วฝันประหลาด ในฝันนางดื่มจนเมา แล้วยังถามลู่เหิงจืออย่าง

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 113

    ถูกชี้ตัวขนาดนี้แล้ว ซูชิงลั่วทำได้เพียงแค่เผยตัวออกมาป้าคนใช้ทั้งสองคนไม่รู้ว่ามีคนอยู่ ทั้งยังเป็นคนที่กำลังเอ่ยถึง ทั้งรู้สึกกระอักกระอ่วนทั้งเสียใจกับสิ่งที่ทำไป รีบคุกเข่าอ้อนวอนซูชิงลั่วโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ บอกเป็นนัยๆ กับพวกนางว่าไม่เป็นไร ก่อนจะคลุมผ้าคลุมแล้วเดินตรงเข้าไปในครัวป้าทั้งสองมองดูแผ่นหลังของนางจากไป ก่อนจะหันมามองหน้ากัน หนึ่งในนั้นอดกระซิบขึ้นมาเบาๆ ไม่ได้ : "คุณหนูของพวกเราใจดีจริงๆ โชคดีที่เป็นนางมาเจอเข้า หากเป็นคนอื่นคงโดนด่าเป็นชุดแน่"อีกคนพูดเสริม : "นั่นสิ เพียงแต่คุณหนูของพวกเราดูเหมือนจะไม่มีปัญหาใด""ทักษะของท่านสามยอดเยี่ยมไปเลย""เจ้ารีบหุบปากเถอะ..."ซูชิงลั่วไม่ได้ยินพวกนางทั้งสองคนคุยกัน แต่ก็อดถามจื๋อหยวนไม่ได้ : "เมื่อวานข้าเมาแล้วกลับมาได้อย่างไร"จื๋อหยวน : "ใต้เท้าประครองนายหญิงกลับมา"ซูชิงลั่วเดาออกแต่แรกอยู่แล้ว ได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร ถามต่อ : "ข้าเมาแล้วไม่ได้ทำเรื่องประหลาดใช่หรือไม่"จื๋อหยวนเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบด้วยความลังเล : "ดูเหมือนจะไม่ได้ประหลาดมากนัก"ซูชิงลั่วพลันชะงักฝีเท้า : "สิ่งใดไม่ประหลาดมา

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 114

    เข้าไปในห้องครัวแล้ว ซูชิงลั่วก็ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี นางไม่รู้เรื่องการทำอาหารเลยแม้แต่น้อยเมื่อครั้งยังเด็ก ท่านแม่สอนนางเพียงแค่เรื่องเย็บปักถักร้อย ไม่ได้สอนเรื่องพวกนี้หลังจากมาอยู่ที่จินหลิง หญิงชราก็รักใคร่เอ็นดูนาง ไม่ยอมให้นางเข้าครัวขอให้แม่ครัวมาช่วยสอน ก็ถูกลวกจนเป็นตุ่มน้ำ พิรี้พิไรอยู่ครึ่งค่อนวันทำได้เพียงแค่ไข่ตุ๋นง่ายๆ หนึ่งอย่าง หน้าตาก็ดูไม่ดี ผิวหน้าของไข่เป็นริ้วรอยยับยู่ยี่เหมือนผ้าที่ถูกทับอยู่ก้นหีบมานานน้ำมันต้นหอม เพราะใช้ไฟแรงเกินไป พอราดลงไปต้นหอมซอยก็กลายเป็นสีดำซูชิงลั่วลังเลอยู่นานจนไข่ตุ๋นเย็นชืด สุดท้ายก็ตัดสินใจได้ ถึงอย่างไรก็ยังไม่มีความกล้าพอที่จะนำของสิ่งนี้ไปให้ลู่เหิงจือกินถือเสียว่าตนไม่เคยเข้ามาที่นี่มาก่อนตั้งแต่ที่ลู่เหิงจือเคยบอกว่าอย่ากินทิ้งกินขว้าง นางก็ตระหนักได้ถึงเรื่องนี้ จึงมองไปทางจื๋อหยวน : "เจ้ากินไหม"จื๋อหยวนมองมันราวกับกำลังมองอาหารที่มีพิษ เงียบอยู่พักใหญ่ ใบหน้าเผยให้เห็นถึงความกล้าหาญ : "กินเจ้าค่ะ !"“……”ก็แค่เหมือนให้นางดื่มยาพิษนั่นแหละซูชิงลั่วเองก็ไม่อยากฝืนใจนาง เงียบอยู่ครู่ใหญ่ สุดท้ายก็ตัดสินใ

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 115

    "เจ็บหรือไม่""ไม่เจ็บเจ้าค่ะ" ซูชิงลั่วตอบด้วยรอยยิ้ม "แผลแค่นี้ ที่จริงแล้วไม่ต้องทายาแค่เป่าก็พอแล้ว""เป่าหรือ" ลู่เหิงจือขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยกมือนางขึ้นมาวางที่ริมฝีปาก แล้วเป่าเบาๆ ความเย็นแผ่ซ่านไปบนมือในชั่วพริบตา"เช่นนี้หรือ"ความเสียวซ่านแผ่ไปทั่วหลังมือของซูชิงลั่ว : "...เจ้าค่ะ""ดีขึ้นหรือไม่""ดีขึ้นแล้ว" ซูชิงลั่วพลันดึงมือกลับไป พยายามหักห้ามไม่ให้หัวใจของตนเต้นแรงลู่เหิงจือกระตุกมุมปากเบาๆ ระหว่างที่กำลังจะดึงมือกลับมา ทันใดนั้นเองซูชิงลั่วก็เห็นรอยแผลเป็นกลมๆ สีแดงอ่อนจุดหนึ่งกลางฝ่ามือของเขานางนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ : "นี่มาจากตอนที่ท่านขวางข้าที่วัดเซิ่งอัน..."ลู่เหิงจือพยักหน้า : "ไม่ใช่เรื่องใหญ่"จะไม่ใช่เรื่องใหญ่ได้อย่างไร แม้แผลจะเล็ก แต่นางจำได้แม่นไม่ลืมเลือนซูชิงลั่วอดไม่ได้ที่จะใช้ปลายนิ้วแตะเบาๆปลายนิ้วของนางทั้งเย็นและนุ่ม วินาทีที่สัมผัสลงไป ลู่เหิงจือพลันสั่นสะท้านเบาๆซูชิงลั่วนึกถึงแผลที่แขนของเขา จึงเลิกแขนเสื้อเขาดูเป็นรอยแผลทรงกลมแบบเดียวกัน เพียงแต่ใหญ่กว่ารอยนี้มาก แล้วก็ยังไม่หายดี ด้านบนเป็นสะเก็ดหนาๆ หนึ่งชั้นคิดว่าคงเ

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 116

    ลู่เหิงจือยื่นมือไปถึงริมปาก ซูชิงลั่วจึงไม่มีเวลาคิดมากนัก เพียงชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วก็อ้าปากออกมาไข่ตุ๋นที่เข้าปากไปนั้น ไม่ได้ลื่นเท่าไรนัก มีรสฝาดเล็กน้อย รสชาติก็ไม่ได้แย่จนเกินไป เป็นรสเค็มจืดๆ แต่ก็ไม่อร่อยอะไรมากนักอย่างน้อยก็ทำได้แย่กว่าแม่ครัวเสียอีกซูชิงลั่วพูดว่า “ไม่ต้องกินแล้ว กินอาหารเช้าเถิด”นางจัดวางอาหารเช้าในกล่อง ยื่นมือเก็บถ้วยไข่ตุ๋นออกไป“จะทำอย่างนั้นได้อย่างไร” ลู่เหิงจือจับแขนนางไว้ อีกมือหนึ่งก็ย้ายไข่ตุ๋นมาไว้ข้างหน้า “ฮูหยินทำให้น่ะ จะต้องกินให้หมด”ใบหน้าของซูชิงลั่วแดงก่ำขึ้นมาเล็กน้อย คำว่าสามีนางยังเรียกไม่ออก แต่เขากลับเรียกคำว่าฮูหยินได้คล่องปากขึ้นเรื่อยๆแต่ก็รู้สึกว่าการกินไข่ตุ๋นเช่นนี้ ดูเหมือนจะทำให้อัครมหาเสนาบดีเสียเวลาอยู่มาก"ท่าน..."“ข้าชอบมาก” เขายกสายตามองนาง แล้วพูดว่า “พรุ่งนี้ทำให้อีกได้หรือไม่”น้ำเสียงอันอ่อนโยนของเขาดูเหมือนจะมีเสน่ห์บางอย่างซูชิงลั่วก็ตอบตกลงโดยไม่รู้ตัว เมื่อรู้สึกตัวอีกที ก็แอบมุ่งมั่นในใจว่าจะฝึกฝนฝีมือการทำอาหารให้ดีขึ้นไข่ตุ๋นถูกกินจนหมดเกลี้ยง ไม่เหลือแม้แต่ซากลู่เหิงจือดูเหมือนจะเลี้ยงง่

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 117

    ซูชิงลั่วพาจื๋อหยวนออกไปข้างนอก มุ่งตรงไปยังร้านเครื่องประดับจินจี้นางต้องการไปซื้อปิ่นปักผมหยกขาวที่เคยเล็งไว้เนื่องจากเคยเลือกไว้แล้วมาก่อน การซื้อปิ่นปักผมจึงไม่ยากลำบากอะไรถึงแม้ว่าลู่เหิงจือจะบอกว่านางสามารถออกไปข้างนอกได้ แต่นางก็ยังคงรู้สึกหวาดกลัว ไม่กล้าอยู่นานนัก หลังจากซื้อเสร็จ เตรียมตัวจะกลับบ้าน ก็ได้ยินหญิงสองคนกำลังกระซิบกัน“เจ้าได้ยินข่าวลือนี้หรือไม่ กุ้ยเฟยเหมือนจะไปขอพรที่วัดว่านโซ่ว ตะกูลหนิงช่วงนี้ก็ไม่ค่อยสู้ดี คุณชายหนิงไปยุ่งกับสาวใช้คนอื่นแล้วถูกคนมาตามล่าล้างแค้นฆ่าจนตัวตาย หนิงกั๋วกงก็ป่วยหนัก พระชายาหนิงกั่วกงก็ป่วยล้มลงเพราะความเหนื่อยล้า...”“แล้วก็องค์หญิงอวี้หยาง ถูกกล่าวหาว่าเลี้ยงสนมชายไว้ ทำให้เกิดเรื่องอื้อฉาวไปทั่วเมือง ในช่วงนี้คงไม่กล้าออกมา และมีข่าวลือว่าถูกสนมชายทำร้ายจนเสียโฉม...”“เปลี่ยนเรื่องมาพูดเรื่องดีๆ ดีกว่า เมื่อคืนเห็นดอกไม้ไฟที่สวยงามนั้นหรือไม่ ได้ยินมาว่าเป็นท่านอัครมหาเสนาบดีที่จุดให้อูหยินคนใหม่โดยเฉพาะ...”ซูชิงลั่วฟังการพูดคุยนั้น ก็พอเข้าใจสถานการณ์ได้คร่าวๆบ้านตระกูลหนิงและองค์หญิงอวี้หยางที่เกิดเรื่องขึ้นมาแบบ

Latest chapter

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 458

    เสียงของนางแฝงความหมายว่า “รู้แล้วทำไมไม่บอกข้า”ซูชิงลั่วกระซิบว่า “ซือไหวไม่ให้ข้าบอกท่าน และข้าก็กลัวว่าหากบอกท่านไป แล้วจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างพี่สะใภ้กับน้องสาวได้”ลู่เหิงจือเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แต่เจ้าไม่กลัวว่าจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาหรือ”ซูชิงลั่วซบลงในอ้อมอกเขา “จะกระทบหรือ?”ลู่เหิงจือฮึดฮัด น้ำเสียงนั้นชัดเจนว่าไม่เป็นเช่นนั้นซูชิงลั่วอดยิ้มไม่ได้ “อันที่จริงแล้วใต้เท้าอวี๋ก็ไม่เลวเลย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงเข้มขรึมว่า “ห้ามชมเขา”ซูชิงลั่วตอบอย่างเชื่อฟังว่า “ได้”อวี๋ซื่อชิงเดินมาพร้อมกับลู่ซือไหวลู่เหิงจือมองคนทั้งสองพลางถามว่า “นานแค่ไหนแล้ว?”อวี๋ซื่อชิงตอบอย่างมั่นใจว่า “เกือบปีแล้ว”นานแค่ไหนนะ???เช่นนี้ก็หมายความว่าพวกเขาเริ่มคบหากันหลังจากที่เขาและซูชิงลั่วออกจากเมืองหลวงไม่นานอย่างนั้นหรือ?ลู่เหิงจือหันมองลู่ซือไหว “เจ้ามานี่”อวี๋ซื่อชิงพูดว่า “มีเรื่องอะไรข้าจะคุยกับท่านเอง”ลู่เหิงจือยิ้มเย้ยหยัน “การสนทนาของพวกข้าสองพี่น้อง ไม่เกี่ยวกับเจ้า”ลู่ซือไหวดึงแขนเสื้อของอวี๋ซื่อชิง อวี๋ซื่อชิงจึงถอยออกไปลู่เหิงจือพาลู่ซือไหวออ

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 457

    เซี่ยถิงอวี่เดินเข้ามา มองลู่เหิงจือพลางเอ่ยว่า “เหิงจือ รอบที่แล้วเจ้าแต่งงาน ข้าไม่สะดวกไปร่วมงานเพราะสถานะของข้า รอบนี้เจ้าแต่งงาน ข้าจะต้องมาดูสักครั้ง เพื่อความสบายใจของข้าเอง”เสียงของเขาดูจริงใจ ราวกับกำลังพูดคุยกับมิตรสหายคนหนึ่งลู่เหิงจือเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “ขอบคุณมาก”ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะมีการใช้กันและกันเป็นเครื่องมือหรือไม่ แต่ยามนี้ พวกเขาเป็นสหายที่จริงใจต่อกันมากที่สุดเมิ่งชิงไต้ก็เอ่ยว่า “รอบที่แล้วข้าไม่ได้เข้าร่วมงานแต่งงานของน้องซู ก็รู้สึกเสียดายเหมือนกัน อันที่จริงแล้ว ข้าพาอวี้จู๋และโฉวกว่างมาด้วย”หลังจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่วกลับจินหลิง เซี่ยถิงอวี่ก็เรียกโฉวกว่างกลับมาเพราะการส่งองครักษ์ลับที่ผ่านการฝึกฝนอย่างหนักไปยังจินหลิงนั้นดูจะไม่คุ้มค่า ลู่เหิงจือก็ไม่มีความเห็นอะไร อวี้จู๋จึงยังคงอยู่ในเมืองหลวงและติดตามเมิ่งชิงไต้ซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจและเอ่ยว่า “ขอบคุณพี่เมิ่ง”เซี่ยถิงอวี่หัวเราะออกมาอย่างกะทันหันเพราะปิดหน้าอยู่ ซูชิงลั่วจึงมองไม่เห็นสีหน้าของเขา รู้สึกได้เพียงว่าเสียงของเขามีความเย้าแหย่แฝงอยู่“ใช่แล้ว ข้าพาอวี๋ซื่อชิงมาด้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 456

    เนื่องจากชุดเครื่องประดับศีรษะชุดนี้ทำค่อนข้างยาก รวมถึงสุขภาพของซูชิงลั่วที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ และหลิงเกอเอ๋อร์ยังเล็กอยู่ การแต่งงานรอบสองระหว่างลู่เหิงจือกับซูชิงลั่วจึงเลื่อนออกไปหนึ่งปีทั้งสองเคยแต่งงานกันมารอบหนึ่งแล้ว การแต่งงานรอบสองเป็นเพียงการให้คำมั่นสัญญาแก่กัน และไม่ได้จัดงานใหญ่โต มีเพียงเชิญญาติฝ่ายเรือนสามและญาติของตระกูลซูมาร่วมงานคล้ายคลึงกับงานฉลองอายุครบเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์เท่านั้นซูชิงลั่วสวมเครื่องประดับศีรษะที่ลู่เหิงจือคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเอง มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อยจื๋อหยวนเอ่ยว่า “ของที่ใต้เท้าคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเองย่อมงดงามมาก”ซูชิงลั่วพยักหน้า ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือทำให้ฝีมือของช่างเหล่านั้นพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นเลยทีเดียวก่อนหน้านี้ไม่เคยมีงานฝีมือการทอเส้นไหมทองที่ประณีตขนาดนี้มาก่อนอัญมณีสีชมพูที่ใช้ประดับดอกไม้ต้องมีสีที่เหมือนดอกท้อมากที่สุด ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือเดินทางไปทั่วเจียงหนานเพื่อคัดเลือกอัญมณีหลายร้อยชิ้น จนกระทั่งพบกับอัญมณีที่มีสีใกล้เคียงกับสีชมพูของดอกท้อมากที่สุดหลิงเกอเอ๋อร์เดินได้มาหนึ่งเดือนกว่าแล้วยามนี้เขาวิ่งเข้ามาอย่างท

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 455

    ลู่เหิงจือนวดหว่างคิ้วเบาๆ ไม่ตอบอะไรซ่งอวี้ครุ่นคิดครู่หนึ่ง “อันที่จริงแล้วข้ามีวิธีฝังเข็มคุมกำเนิดสอนท่านได้ หากท่านไม่ต้องการมีลูก หลังจากมีเพศรักทุกครั้ง ท่านก็สามารถฝังเข็มให้ฮูหยินได้ ไม่มีผลข้างเคียง เพียงแต่อาจจะเรียนรู้ยากหน่อย”ลู่เหิงจือโล่งอก “ข้าเรียน”เขายังเรียนเขียนบทบรรยายได้เลย การฝังเข็มแค่นี้เขาไม่กลัวอยู่แล้วซ่งอวี้ “เรื่องนี้ต้องปรึกษาฮูหยินของท่านด้วย”“แน่นอน ข้าแค่มาถามท่านก่อน” ลู่เหิงจือตอบด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติหลังจากส่งซ่งอวี้กลับห้องแล้ว ลู่เหิงจือก็เดินตามทางเดินที่คดเคี้ยวกลับต้องยอมรับว่าจวนตระกูลซูสร้างได้ดีจริงๆ แม้แต่แสงจันทราก็ยังสวยกว่าที่เมืองหลวงเขายกหน้าขึ้นมองพระจันทร์ คิดว่ายามนี้หลิงเกอเอ๋อร์หลับแล้วแน่นอน คงพาซูชิงลั่วออกมาชมจันทร์ได้เขายิ้มมุมปาก จู่ๆ ก็คิดบางอย่าออก รีบก้มดูถุงหอมที่ตนเองห้อย- ถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้ลู่ซือไหวล้วนเป็นการปักสองด้านหมด แล้วของเขา......เขารีบเปิดออกนี่คือถุงหอมอันแรกที่ซูชิงลั่วให้เขานางเคยให้เขาสามอัน เขาห้อยอันนี้บ่อยที่สุด เพราะรู้สึกว่าอันแรกมีความหมายที่แตกต่างปลายนิ้วของเขาสั่น

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 454

    ลู่เหิงจือเอ่ยกึ่งติดตลกว่า "หรือว่าข้าจะมาเป็นกรรมการดี?"เขาแค่พูดเล่นๆ แต่ลู่ซือไหวกลับคิดจริงจัง "ดีเลย"นางก็รีบแกะถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้นางมาจากเอวซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจ - นางพกติดตัวตลอดจริงๆลู่เหิงจือหยิบขึ้นมาเทียบกับสร้อยทองในมือของซูชิงลั่ว แล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า "ก็สู้ของพี่สะใภ้ไม่ได้หรอก"ลู่ซือไหวไม่ได้รู้สึกไม่พอใจที่ถูกพูดเช่นนี้ ใบหน้าก็ยิ้มแย้ม "ก็เพราะการปักลายสองด้านจำกัดฝีมือของพี่สะใภ้"นางพลิกถุงหอมกลับด้าน ด้านในมีอะไรซ่อนอยู่ลู่เหิงจือรู้สึกเหมือนจะนึกอะไรออกแต่ก็จับไม่ได้ทันที ก็ได้ยินบ่าวรับใช้มารายงานว่าหมอหลวงซ่งจากเมืองหลวงมาถึงแล้วเขาอายุมากแล้ว ฮ่องเต้องค์ใหม่มีหมอหลวงที่ไว้ใจได้ของพระองค์เอง เขาจึงลาออกจากตำแหน่งกลับบ้านเกิดเขาเป็นชาวจินหลิง พอได้ยินว่าลูกชายของลู่เหิงจืออายุครบเดือน ก็รีบมาแสดงความยินดีในวันรุ่งขึ้นทันทีคนอื่นๆ ล้วนเป็นญาติหรือสหายเก่าของตระกูลซูแห่งจินหลิง ลู่เหิงจือไม่จำเป็นต้องไปต้อนรับเป็นพิเศษ แต่เมื่อซ่งอวี้มาเอง เขาต้องไปพบซูชิงลั่วเห็นว่าญาติมาครบแล้ว ก็อุ้มหลิงเกอเอ๋อร์และจูงมือลู่ซือไหวออกไปทักทายทุกคนทัน

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 453

    ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่กระทำกลับอ่อนโยนอย่างไม่เคยมีมาก่อนเห็นได้ชัดว่าเขาดูแลนางเป็นอย่างดีหลังคลอดไม่นานทว่าซูชิงลั่วก็อดร้องออกมาด้วยเสียงที่ทำให้หัวใจเต้นรัวไม่ได้เขาเพิ่งเคยจูบนางเช่นนี้เป็นครั้งแรก จูบที่ทั้งถี่และอ่อนโยนจนแทบจะทั่วทั้งร่างกายของนางสุดท้ายแนบชิดนางอย่างระมัดระวังจูบเสร็จแล้ว ซูชิงลั่วก็เอนตัวลงในอ้อมแขนของเขาและถามว่า “ท่านจะเขียนบทบรรยายให้ข้าอีกหรือไม่”ลู่เหิงจือตอบเสียงเบาว่า “หากเจ้าอยากอ่าน ข้าก็จะเขียน”ซูชิงลั่วตอบว่า “อยากอ่าน”ลู่เหิงจือตอบว่า “ได้”ซูชิงลั่วรู้สึกพึงพอใจและหลับไปในอ้อมแขนของเขา*งานฉลองวันเกิดครบหนึ่งเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์ จัดขึ้นเมื่อเขาอายุได้ สามสิบห้าวันซึ่งจัดช้ากว่าที่จินหลิงไม่กี่วันเนื่องจากญาติฝ่ายตระกูลซูเหลือไม่มาก และญาติฝ่ายตระกูลลู่ส่วนใหญ่อยู่ที่เมืองหลวง จำนวนแขกที่มาในงานจึงไม่มาก มีเพียงแค่สองโต๊ะเท่านั้นแต่ภายในบ้านก็ยังคงคึกคักเป็นพิเศษ เพราะไม่ได้มีงานมงคลเช่นนี้มานานแล้วลู่ซือไหวก็ถูกรับกลับมาจินหลิงเช่นกัน เนื่องจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่ววางแผนจะอยู่ที่จินหลิงสักสองสามปี นางจึงอยากอยู่กับพี่ช

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 452

    ลู่เหิงจือจึงได้อยู่เดือนเป็นเพื่อนซูชิงลั่วเขาเริ่มสังเกตเห็นว่าเมนูอาหารในบ้านเปลี่ยนไปจากเดิมมากโดยเฉพาะเมนูที่ไม่ค่อยได้ทำมาก่อนแต่ปรากฏในช่วงนี้อยู่บ่อยครั้ง - ตีนเป็ดตุ๋นน้ำแดง เนื้อแพะตุ๋น มะเขือม่วงย่าง และหัวสิงโตนึ่งลู่เหิงจือกินไปหลายวันก็เริ่มฉุกคิดได้ จึงหันไปมองซูชิงลั่ว“ครั้นที่เจ้าไปกินข้าวกับอวี๋ซื่อชิงและหลี่ว์เผิงเทียน แล้วถามเถ้าแก่ว่าข้าชอบกินอะไร”ซูชิงลั่วก็ไม่ได้ปฏิเสธหลังจากคืนดีกับลู่เหิงจือแล้ว พวกเขาทั้งสองก็เข้าใจกันมากขึ้น - สามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ราวกับไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้วทำให้นางกับลู่เหิงจือต่างรู้สึกสบายใจมากขึ้น“ข้าเพิ่งรู้ว่าที่ผ่านมาท่านเอาใจข้าเรื่องอาหารมากเลย” ซูชิงลั่วเอ่ยติดตลก “ไม่แปลกใจเลยที่ท่านจะไม่ค่อยกลับบ้านมากินข้าว”ลู่เหิงจือเงยหน้าขึ้นมองนางซูชิงลั่วเงยหน้าขึ้นมองเขาพร้อมกับเอียงหัวเล็กน้อย “ที่ผ่านมาเป็นความผิดของข้าเองที่ไม่เคยได้สังเกต”นางเอื้อมมือไปดึงหูเขาเบาๆ พลางเอ่ยว่า "ต่อไปนี้ สามีจะได้กินอาหารถูกปากที่บ้านบ่อยๆ แล้วนะ"การที่นางเรียกเขาว่า "สามี" และดึงหูเขาทำให้สายตาของลู่เหิงจือลึกซึ้งยิ่

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 451

    ซูชิงลั่วหลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืนถึงจะฟื้นพอฟื้น คนแรกที่เห็นคือลู่เหิงจือที่นอนอยู่ข้างๆ มือของเขายังจับมือนางไว้อยู่ และฝ่ามือก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อนางขยับมือลู่เหิงจือรู้สึกตัวทันที ไม่ต้องให้นางเอ่ยสิ่งใด เขาก็รีบเทน้ำอุ่นใส่ถ้วย แล้วอุ้มนางเข้ามากอดในอ้อมแขน ป้อนน้ำให้นางซูชิงลั่วดื่มไปหลายถ้วยถึงจุใจ เสียงของนางก็แหบพร่า “ลูกล่ะ”“อยู่ห้องข้างๆ เจ้าน่ะ มีแม่นมเหมยและแม่นมคอยดูแลอยู่ ท่านย่าก็แวะไปดูเป็นระยะๆ เจ้าไม่ต้องห่วง” ลู่เหิงจือถามนาง “หิวหรือไม่”ซูชิงลั่วพยักหน้า หิวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนลู่เหิงจือตอบว่า “ข้าวต้มกับบะหมี่เตรียมไว้แล้ว เจ้าอยากกินอะไร”“แม่นมเหมยบอกว่าเจ้าเพิ่งคลอด ควรกินอาหารอ่อนๆ ไปก่อน”เขาเอื้อมมือไปจัดทรงผมที่ยุ่งเหยิงของนาง “พอเจ้าสบายตัวขึ้นแล้ว ข้าจะลงครัวทำอาหารที่เจ้าชอบกินด้วยตนเอง”ซูชิงลั่วพยักหน้า “บะหมี่แล้วกัน”นางไม่มีแรงแม้แต่จะยกแขนลู่เหิงจือจึงอุ้มนางไว้ในอ้อมแขน ป้อนให้นางทีละคำนางกินบะหมี่ไปสองชามเล็กถึงจะอิ่ม และคิดถึงลูกขึ้นมา จึงถามว่า “ลูกหลับอยู่หรือไม่ หากตื่นแล้วอุ้มมาให้ข้าดูหน่อย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงทุ้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 450

    เวลาล่วงเลยเข้าสู่ยามวิกาล ลู่เหิงจือและหญิงชราก็ยังคงรอคอยอยู่ข้างนอกเยว่เออร์จึงปลอบว่า “นายหญิงเฒ่า คุณหนูคงยังไม่คลอดในทันที ท่านควรกลับไปพักผ่อนเสียก่อน มิเช่นนั้น เมื่อคุณหนูคลอดบุตรออกมาแล้ว ร่างกายของท่านจะไม่ไหวเอาได้ คุณหนูก็ต้องมาเป็นห่วงอีก”หญิงชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เจ้าไม่ต้องมาปลอบข้าหรอก ข้านอนไม่หลับอยู่แล้ว”เยว่เออร์จึงได้แต่ทำตามคำสั่งโชคดีที่เป็นเดือนหกของจินหลิง ค่ำคืนนี้จึงไม่หนาวลู่เหิงจือได้สั่งให้คนนำนาฬิกาทรายมาวางไว้ในบริเวณลานกว้าง และรู้สึกว่าค่ำคืนนี้ยาวนานเหลือเกินราวกับว่าความอดทนทั้งหมดของเขาหมดไปกับค่ำคืนนี้ฟ้าสางแล้วเสียงร้องครวญครางของซูชิงลั่วก็เบาลง ดูไม่น่ากลัวเหมือนเมื่อคืน และค่อยๆ สงบลงลู่เหิงจือใจร้อนจึงรีบส่งคนเข้าไปถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”สาวใช้รีบตอบว่า “ใต้เท้าอย่าได้เป็นห่วงเลย ฮูหยินเพียงแค่เหนื่อยจนหลับไปเจ้าค่ะ”นางไม่ได้หลับทั้งคืน เสียงร้องครวญครางก็พยายามกลั้นไว้ คงจะเหนื่อยล้ามากลู่เหิงจือพยักหน้า ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดต่อซูชิงลั่วหลับไปเพียงครึ่งชั่วยาม ท้องก็เริ่มปวดอีกครั้งนางตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บป

Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status