LOGIN
ภัทรมัยส่งยิ้มให้พนักงานต้อนรับที่ยืนอยู่หน้าร้านอาหารกึ่งผับย่านเลียบทางด่วนรามอินทรา คืนนี้หญิงสาวมีนัดกับชยาวุธ แฟนหนุ่มที่คบหาดูใจกันมาหลายเดือนแล้ว
เธอกับเขาทำงานที่เดียวกัน ปกติมักเจอกันที่ออฟฟิศทุกวันทำงาน ส่วนวันหยุดสุดสัปดาห์ชยาวุธจะชวนไปดูภาพยนตร์ หรือมานั่งดื่มเบา ๆ เคล้าเสียงดนตรีเป็นบางครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าทุกครั้งมักจบลงบนเตียงที่คอนโดมิเนียมของเธอ หรือไม่ก็คอนโดฯ ของเขาเสมอ และคืนนี้ก็คงไม่ต่างกัน
หญิงสาวมองเห็นชยาวุธกำลังมองมาทางตนจึงคลี่ยิ้มให้เขาทันที เขายิ้มตอบก่อนหันไปกวักมือเรียกพนักงาน เมื่อภัทรมัยเดินไปถึงโต๊ะ และนั่งลงตรงข้ามเขา พนักงานก็นำเมนูมาวางให้ตรงหน้าพอดี
“พี่เวฟมานานรึยังคะ”
“ไม่นานครับ พี่เพิ่งมาถึงเหมือนกัน แก้มอยากกินอะไรสั่งเลยนะ” เขายิ้มอ่อนโยนให้เช่นเคย ภัทรมัยชอบมองเวลาเขายิ้ม และเพราะรอยยิ้มของเขานี่เองที่ทำให้เธอตกหลุมรักเขาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
“งั้นแก้มสั่งอะไรเบา ๆ ก็แล้วกันนะคะ เพราะแก้มอยากดื่มมากกว่า”
“พี่คิดไว้แล้วว่าแก้มต้องอยากดื่ม ถึงขอแต่เมนูเครื่องดื่มมาให้ไงล่ะ”
หญิงสาวยิ้มกว้าง เขาช่างรู้ใจเธอไปทุกอย่าง ใครจะเชื่อว่าผู้ชายบุคลิกห่ามห้าวอย่างเขาจะช่างเอาอกเอาใจผู้หญิงได้ขนาดนี้ เธอนี่โชคดีชะมัดที่ได้คบกับเขา
หลังจากสั่งเครื่องดื่มไปแล้ว ระหว่างรอทั้งสองคนจึงนั่งคุยกันเรื่อยเปื่อย ไม่นานนักค็อกเทลสีฟ้าอมเขียวก็มาเสิร์ฟตรงหน้าภัทรมัย
ขณะที่หญิงสาวกำลังชื่นชมกับสีสันสวยงามของเครื่องดื่มตรงหน้า จู่ ๆ ชยาวุธก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดถ่ายรูปเธอไว้
“พี่เวฟ! แอบถ่ายแก้มทีเผลออีกแล้วนะ นิสัยเสีย” เธอเอื้อมไปตีแขนเขาไม่แรงนัก ทั้งที่ความจริงแล้วปลื้มแทบตายที่แฟนหนุ่มชอบแอบถ่ายรูปตนตอนเผลอ เพราะเขามักจะพูดว่า
“ก็แก้มน่ารักนี่ พี่ชอบ” เขายิ้มเช่นเคย แต่น่าแปลกที่คราวนี้เขาไม่เอื้อมมือมาลูบแก้มเธอเล่น หนำซ้ำรอยยิ้มของเขายังจืดเจื่อนลง และถอนหายใจออกมาเบา ๆ อีกด้วย
“พี่เวฟมีเรื่องไม่สบายใจอะไรรึเปล่าคะ”
เขาไม่ตอบ เพราะเอาแต่นั่งเหม่อมองแก้วเบียร์ของตนเอง ดูเหมือนชายหนุ่มมีเรื่องหนักใจบางอย่างแต่ไม่อยากพูดถึงมัน ดังนั้นเธอจึงไม่เซ้าซี้ เพราะคิดว่าหากเขาต้องการเล่า อีกสักพักคงเล่าให้ฟังเองเมื่อเขาพร้อม
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ หลังจากฟังเพลงจากดนตรีสดที่เล่นในร้านผ่านไปสามเพลง ในที่สุดชยาวุธก็เป็นฝ่ายเปิดปากพูดก่อน
“แก้ม...ความจริงแล้วที่พี่นัดแก้มมาวันนี้ เพราะว่าพี่...เอ่อ...คือว่าพี่...”
ภัทรมัยขมวดคิ้วเล็กน้อย เริ่มรับรู้ถึงลางสังหรณ์บางอย่าง อาการแบบนี้ไม่ใช่การขอแต่งงานแน่นอน เพราะสีหน้าของเขาไม่มีวี่แววความขัดเขินเลยแม้แต่น้อย แต่มันคือความหนักใจ หวาดหวั่น และกลัวที่จะพูดออกมามากกว่า
เรื่องสังเกตสีหน้าท่าทางของคนเป็นเรื่องง่ายสำหรับเธอที่ทำงานอยู่ฝ่ายประสานงานลูกค้า ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เธอจะอ่านท่าทีชายหนุ่มแล้วรู้ทันทีว่าเขารู้สึกอย่างไร
“พี่เวฟมีอะไรรึเปล่า ดูหน้าเครียด ๆ” เพราะเขาไม่พูดออกมาสักที เอาแต่ถอนหายใจมองไปทางนั้นทีทางนี้ที แต่กลับไม่ยอมสบตาเธอ นั่นยิ่งทำให้เธออยากรู้
“คือว่า...พี่อยากให้เราห่างกันสักพัก” เขาพูดเสียงแผ่ว แววตาเศร้าสลด แต่คนฟังแทบช็อก
“เหตุผลล่ะคะ” เธอไม่เข้าใจว่าทำไมต้องห่างกัน ทำงานที่เดียวกันแท้ ๆ จะให้ห่างกันแบบไหน เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเจอหน้ากันทุกวันอยู่ดี
และที่สำคัญ ตลอดเวลาที่คบหากันมา ชยาวุธไม่เคยมีท่าทีเบื่อหน่าย หรือหงุดหงิดใส่เธอเลยสักครั้ง แม้เขาจะไม่ใช่คนที่เอ่ยคำหวานพร่ำเพรื่อ แต่แววตาและการกระทำของเขาบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าชยาวุธชอบเธอจริง ๆ เขาตามใจเธอทุกอย่าง โดยเฉพาะเวลาอยู่บนเตียง เขาดูหลงใหลเธออย่างกับอะไรดี
ชายหนุ่มเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะพูดเสียงเบาราวกระซิบ
“ความจริงแล้วพี่ยังลืมแฟนเก่าของพี่ไม่ได้”
ภัทรมัยวูบโหวงในอกขึ้นมาทันที จากนั้นเหมือนว่าตนไม่รับรู้ถึงการเต้นของก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายอีกเลย แม้กระทั่งเพลงรักที่กำลังเล่นอยู่บนเวทีตอนนี้ก็ไม่เข้าหูเธอสักนิด ทุกอย่างเงียบงันไปหมด
“หมายความว่าไง พี่ยังลืมแฟนเก่าไม่ได้ แต่พี่มาขอคบกับแก้มเนี่ยนะ”
“แก้ม” เขายื่นมือออกมาจะจับมือเธอ แต่เธอดึงหลบไม่ให้เขาแตะต้องได้
“พี่ขอโทษ แต่พี่ชอบแก้มจริง ๆ นะ แก้มให้เวลาพี่หน่อยได้ไหม”
สีหน้าของเขาดูร้อนรน แววตาดูเว้าวอนอ้อนขอ แต่เธอไม่เข้าใจและรับไม่ได้ด้วยที่เขาทำกับเธอแบบนี้ เขาเห็นเธอเป็นตัวอะไร ยังลืมแฟนเก่าไม่ได้ แต่กลับมาทำหน้าระรื่นคบกับเธอ เดินจับมือกับเธอ กอดเธอ พร่ำบอกรักเธอข้างหูตอนมีเซ็กซ์กัน สายตาที่เขามองเธออย่างลุ่มหลงนั่นคือของปลอมอย่างนั้นหรือ
“ได้ค่ะ เชิญใช้เวลาของพี่ให้เต็มที่เลย” เธออดแค่นยิ้มอย่างสมเพชให้ตนเองไม่ได้ หลงรักเขาจนหน้ามืดตามัว เลยทำให้มองทุกอย่างเข้าข้างตัวเองไปหมดว่าเขารักเธอจริง ๆ
“ขอบคุณนะแก้มที่เข้าใจพี่ แล้วถ้าพี่...” เขายิ้มเหมือนโล่งอก แต่เธอไม่อยากฟังอะไรจากปากเขาอีกแล้ว
“พี่อยากใช้เวลากี่เดือนกี่ปีก็เรื่องของพี่ ไม่เกี่ยวกับแก้มอีกแล้ว”
โง่ครั้งเดียวก็เกินพอ เรื่องอะไรที่เธอต้องมาโง่รอเศษความรักจากเขาอีก เขายังรักแฟนเก่า แต่ที่เขามาคบกับเธอคงเพราะอยากหาคนไว้คลายเหงากระมัง
“แก้มหมายความว่าไง” ชยาวุธขมวดคิ้วมุ่น
“หมายความว่าไงงั้นหรือ ก็หมายความว่าตอนนี้พี่เป็นแฟนเก่าของแก้มแล้วไงล่ะ” เธอเปิดกระเป๋าสะพายหยิบธนบัตรใบสีม่วงออกมาวางบนโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน
ค็อกเทลแค่แก้วเดียวกับของว่างอีกนิดหน่อยเธอมีปัญญาจ่ายเองได้ ไม่ต้องให้ผู้ชายอย่างเขามาเลี้ยง
“โชคดีนะคะ ผู้ชายเฮงซวย”
ภัทรมัยหันหลังให้ชยาวุธ เธอเดินเชิดหน้าออกจากโต๊ะทันทีโดยไม่คิดหันกลับไปมองเขาอีก แม้ว่าชายหนุ่มจะร้องเรียกก็ตาม หญิงสาวใช้เล็บจิกมือของตัวเองไว้แน่นเพื่อสะกดกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาประจานความอ่อนแอพ่ายแพ้ของตนเอง ทั้งที่ในอกตอนนี้เจ็บร้าวจนแทบหายใจไม่ออก
พอขึ้นรถได้ หญิงสาวก็รีบขับออกถนนใหญ่ด้วยความรวดเร็ว พร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลลงมาจนภาพเบื้องหน้าพร่าเบลอ
“ไอ้พี่เวฟ ไอ้คนเฮงซวย ไอ้คนหลอกลวง!” ตะโกนด่าลั่นรถจบก็ปล่อยโฮออกมาชุดใหญ่ สุดท้ายเธอก็ต้องชะลอรถจอดข้างทางเพื่อร้องไห้เสียให้พอ
แล้ววันจันทร์ที่ต้องไปทำงาน เธอจะทำอย่างไรดี เธอจะทนมองหน้าเขาเฉย ๆ โดยไม่เข้าไปตบสักฉาดได้หรือ
“แล้วน้องเขารู้รึยังว่ามึงชอบเขา” ทิวากรถามยิ้ม ๆ“จะรู้ได้ไง ก็กูไม่ได้บอก”ทิวากรกลอกตาพลางเอ่ยว่า “เหรอออ ไอ้คุณเวฟครับ กูว่าน้องเขาน่าจะรู้แล้วละครับ เพราะมึงน่ะมองเขาตาเชื่อมขนาดนั้น แหม...ไม่แสดงออกเลยสักนิด แค่คนเขารู้เขาเห็นกันทั้งบริษัทแค่นั้นเอง”“เฮ้ยถามจริง น้องเขารู้หรือวะ” คนอื่นเขาไม่สนใจ ใครจะคิดอย่างไรก็คิดไป แต่ภัทรมัยนั้นเขาต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะเธอยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขาโสด ถ้าเขาเผลอมองเธอตาเชื่อมจริง เธอจะต้องคิดแน่ว่าเขาเป็นคนเจ้าชู้หลายใจ“ไม่ได้การแล้วไอ้ทิว มึงรีบไปป่าวประกาศให้กูด่วนเลยว่ากูโสดแล้ว”และตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป เขาจะเริ่มจีบภัทรมัยอย่างจริงจังสักทีชยาวุธกับทีมงานคนอื่น ๆ นั่งฟังบรีฟงานจากภัทรมัยในห้องประชุมเล็ก ตลอดเวลาที่นั่งประชุม ชายหนุ่มแทบไม่ละสายตาไปจากเออีคนสวยเลย และเขาไม่ใช่แค่มองอย่างเดียว แต่ยังยิ้มนิด ๆ ตลอดเวลาด้วยภัทรมัยรู้ตัวว่าถูกชยาวุธจ้องเอา ๆ ก็อดประหม่าไม่ได้ หญิงสาวต้องตั้งสติและใช้สมาธิอย่างมา
“เฮ้อ...” ภัทรมัยถอนหายใจอีกครั้งทั้งยังเผลอมองเขาไม่วางตา จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้น หัวคิ้วของหญิงสาวพลันขมวดมุ่นอย่างไม่สบอารมณ์ทันทีตาคนนี้ปล่อยให้คนอื่นเขาแซงคิวอีกแล้ว...นังแก้มจะไม่ทน!หญิงสาวลุกขึ้นแล้วเดินดุ่ม ๆ เข้าไปหาชยาวุธด้วยสีหน้าเอาเรื่อง แต่ไม่ได้พูดกับเขา เธอพูดกับผู้หญิงคนนั้น“ขอโทษนะคะ ท้ายแถวอยู่ตรงนั้นค่ะ กรุณาไปต่อคิวด้วย”“อะไรกัน ก็คุณคนนี้...” ผู้หญิงคนนั้นยังพูดไม่จบ ภัทรมัยก็ขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่เบานัก“ถึงพี่ฉันจะยอมให้คุณแซงคิว แต่ฉันไม่ให้ และฉันจะเข้าคิวแทนพี่เขาเอง เพราะฉะนั้นกรุณาไปต่อท้ายแถวค่ะ” หญิงสาวชี้ไปทางท้ายแถว จากนั้นหันไปพูดกับชายหนุ่มว่า“พี่เวฟไปนั่งรอก่อนเลย แก้มจะแลกการ์ดเอง” พูดจบก็หันไปมองหน้าผู้หญิงคนนั้นต่อ เจ้าหล่อนเห็นคนเริ่มมองมาหลายคน อีกทั้งคนที่ต่อแถวบางคนก็ทำหน้าไม่พอใจ จึงเดินกระฟัดกระเฟียดออกไปจากแถวทันทีเมื่อแลกการ์ดเรียบร้อยแล้ว ภัทรมัยจึงเดินไปหาชยาวุธที่นั่งรออยู่ จากนั้นก็ยื่นการ์ดให้เขา&
เออีน้องใหม่ภัทรมัยเดินออกจากลิฟต์ด้วยหัวใจที่เต้นกระหน่ำ วันนี้เธอเริ่มงานวันแรกกับบริษัทโฆษณาที่จัดว่าเป็นบริษัทอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย เธอใฝ่ฝันอยากทำบริษัทนี้มานานแล้ว เคยมาสัมภาษณ์สองครั้ง แต่ไม่ถูกเรียกให้เข้าทำงาน หญิงสาวจึงต้องไปสมัครบริษัทอื่น ทำอยู่หลายปีจนกระทั่งทราบข่าวว่าบริษัทนี้เปิดรับ Account Executive เธอจึงลองยื่นใบสมัครดูอีกครั้ง หลังจากสัมภาษณ์เสร็จก็กลับบ้านไปรอฟังผล ผ่านไปสองวันจึงได้รับโทรศัพท์จากฝ่ายบุคคลว่าเธอได้รับการพิจารณาให้เป็นพนักงานของบริษัทแล้วภัทรมัยจำได้ว่าวันนั้นตนกรี๊ดลั่นห้องจนเพื่อนชายที่อยู่ห้องติดกันรีบมาเคาะประตูถามด้วยความเป็นห่วง เพราะนึกว่าเธอเกิดอันตรายขณะที่หญิงสาวกำลังจะผลักประตูเข้าไป เสียงทุ้มจากด้านหลังพลันดังขึ้นจนทำให้เธอสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ“ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่ามาติดต่อธุระอะไรรึเปล่าครับ”ภัทรมัยลดมือลงจากที่จับประตูแล้วหันไปมองคนถาม ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งคนนี้หน้าตาใช้ได้ อายุน่าจะประมาณยี่สิบปลายถึงสามสิบปี สวมเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนกับรองเท้าผ้าใบ ดูท่าทางเป
โลกใบแรกที่เป็นทนายปราบต์ได้ตายไปแล้ว แต่ยังเหลือโลกใบที่สองคือนวัช เจ้าของบ่อปลาน้ำจืดขนาดใหญ่เขาเหลือชีวิตเดียวแล้ว คงต้องรักษาเอาไว้ให้ดี ให้สมกับที่มารดาของเขายอมเสียสละทุกอย่างเพื่อให้เขาเติบโต...เมี้ยว...เสียงร้องแผ่วเบาของแมวตัวหนึ่งทำให้ความคิดของชายหนุ่มหยุดชะงักลงทันที เขามองหาที่มาของเสียงจึงเห็นลูกแมวตัวเล็กยืนห่างเขาออกไปประมาณสามก้าว“แมวบ้านไหนเนี่ย” เขาไม่เคยได้ยินว่าคนแถวนี้เลี้ยงแมวสักคน จึงคิดจะจับตัวมันมาดูว่าสวมปลอกคอเอาไว้หรือไม่ แต่เจ้าตัวเล็กก็กระโดดหนีไปเสียก่อน และเพราะความมืดเขาจึงไม่แน่ใจว่ามันมีสีอะไร แต่ในเมื่อมันไปแล้วเขาจึงไม่ได้สนใจอีกทว่าพอเขาเดินเข้าบ้าน กลับเห็นลูกแมวตัวน้อยนั่งจุ้มปุ๊กอยู่บนโซฟาราวกับเป็นบ้านของมัน“จะมาอยู่ด้วยกันรึไงเจ้าเหมียวน้อย” เขาก้มตัวลงมองมันชัด ๆ เป็นแมวไทยทั่วไปสีส้มท้องขาว มีปลอกคอสวมอยู่แสดงว่าเป็นแมวมีเจ้าของ“กลับบ้านไปได้แล้ว เจ้าของหาแย่แล้วมั้ง”มันเงยหน้ามองเขาเหมือนจะฟังรู้เรื่อง แต่พอเห็นมันเอนตัวลงนอนฟุบบนโซฟาเหมื
“น่ารักจังเลย กี่เดือนแล้วคะ” ภัทรมัยมองเด็กน้อยลูกครึ่งด้วยความเอ็นดู สีผมของทั้งคู่เป็นสีน้ำตาล นัยน์ตากลมโตสีน้ำตาลเช่นกัน พวงแก้มแดงระเรื่อทั้งสองข้าง แขนขาจ้ำม่ำดูน่ากอดทั้งคู่“แปดเดือนแล้ว กำลังคลานเลย เวฟกับแก้มล่ะ เมื่อไรจะมีตัวเล็กบ้าง” เฟิร์นถามยิ้ม ๆ“คงอีกสักพักค่ะ” ภัทรมัยยิ้มแหย“โห นี่แปลว่าไปอยู่ที่โน่นได้ไม่นานก็แต่งงานเลยสิเนี่ย แฟนเป็นคนอเมริกันใช่ไหม แล้วรู้จักกันได้ยังไง” ชยาวุธยิ้มกว้างเช่นกัน ดีใจที่เห็นอดีตคนรักมีชีวิตที่ดี“ใช่ ตอนมาถึงที่นี่เฟิร์นก็ช่วยน้าทำงานในคลินิกสัตว์ และเพ็ทชอปน่ะ เขาเป็นลูกค้าประจำของที่นี่ เพราะพาแมวมาถ่ายพยาธิและหยอดยากันเห็บหมัดทุกเดือน มาซื้ออาหารแมว ทรายแมวบ่อย ๆ ก็เลยได้รู้จักกัน บ้านเขาอยู่ไม่ไกลจากคลินิกด้วย เขาจะออกมาวิ่งทุกเช้าเลยได้คุยกันทุกวัน”“ดีใจด้วยนะเฟิร์น ลูก ๆ น่ารักมาก แก้มแดงน่าหยิกมากเลย ไฮ...”ชายหนุ่มโบกมือทักทายเด็กน้อยที่มองตนตาแป๋วผ่านทางหน้าจอโทรศัพท์ ก่อนจะหันไปยิ้มกับภรรยาอย่างถูกใจเมื่อเห
“ไอ้เสี่ยกวงมันอยู่ได้อีกไม่นานหรอก เชื่อพี่ น่าจะตายอยู่ในคุกนั่นแหละ ไม่ได้ออกมาเห็นโลกภายนอกอีกหรอก”“แล้วคุณทนายล่ะ แก้มว่าเขาก็ทำบาปกับคนอื่นไว้ไม่น้อยเลยนะนั่น อยากรู้จริงว่าตอนนี้เขาทำอะไรอยู่”แม้จะผ่านมาสองปีแล้ว แต่ภัทรมัยยังคงเชื่อว่าทนายปราบต์ยังไม่ตาย และคิดว่าเขาคงอยู่ที่ไหนสักแห่งบนโลกใบนี้แน่นอน“จะไปคิดถึงมันทำไม มันทำให้พี่เกือบตายเชียวนะ” เขาตัดพ้อเสียงขุ่น ภัทรมัยจึงรีบกอดเขาไว้อย่างเอาใจ“แหม ก็แค่อยากรู้เฉย ๆ ว่าเขาทำยังไงถึงรอด หมายถึงว่าเขาทำยังไงถึงทำให้ตัวเองกลายเป็นคนตายไปได้ แล้วตอนนี้เขาจะใช้ชื่อว่าอะไร ยังอยู่ในประเทศไทยรึเปล่าแค่นั้นเอง”“เขาอยู่กับเสี่ยกวงมานาน ยังไงก็ต้องมีทางออกให้ตัวเองเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้วละ แต่ไอ้เรื่องชุบตัวเป็นคนใหม่หรือสวมรอยเป็นคนอื่นรึเปล่าเราก็ไม่รู้กับเขาหรอก พี่ว่าเรื่องแบบนี้มันน่าจะรู้กันเฉพาะกลุ่มว่ามีขบวนการทำให้ ดีไม่ดี เจ้าหน้าที่พวกนั้นอาจจัดการให้เขาเองก็ได้ ช่างมันเถอะ แค่อย่ามาให้เจอหน้าก็แล้วกัน บอกตามตรงเลยนะ พี่ไม่ถูกชะตา







