บทที่ 1 ตาฝาด
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
เสียงล้อกระเป๋าเดินทางครูดไปตามถนนขรุขระ อ้อมขยับแว่นตาเบา ๆ แล้วชะเง้อมองรถกระบะคันสีเหลืองที่แล่นตรงมาทางนี้จึงหยุดเดินแล้วหันไปกวักมือเรียกญาณินที่กำลังสนุกอยู่กับการเก็บภาพบรรยากาศภูเขา
"ยัยนิน! รถมารับแล้วใช่ไหม"
"ไหน ๆ" หญิงสาววิ่งมาหาเพื่อนแล้วยกมือขึ้นมาป้องแสง มองรถยนต์ที่กำลังแล่นมาทางนี้อย่างพิจารณา "ใช่แล้ว! รถผู้ใหญ่แต่ทำไมวิ่งมาทางนั้นนะ ผู้ใหญ่เข้าไปในเมืองมาเหรอ"
เอี๊ยด!!
เสียงเบรกรถที่มาพร้อมกับฝุ่นตลบ อ้อมรีบยกมือขึ้นมาปิดปากแล้วสะบัดมือไล่ฝุ่นไปมาเบา ๆ ในขณะที่ญาณินรีบเข้าไปเคาะกระจกรถ
"ใช่ผู้ใหญ่นวยไหมคะ"
"ใช่ครับ อ๋อ… ครูที่จะมาสอนเด็ก ๆ ใช่ไหมครับ"
"ใช่ค่ะ สวัสดีค่ะผู้ใหญ่ หนูชื่อญาณินค่ะ ส่วนนี่เพื่อนหนูชื่ออ้อม"
"สวัสดีค่ะผู้ใหญ่" อ้อมยกมือไหว้สวัสดี
"ขึ้นรถเลยหนู"
"คันนี้เหรอคะ ข้างหน้าหรือหลังดี.." ญาณินถอยออกห่างจากรถหนึ่งก้าวพลางใช้ความคิดก่อนจะเหวี่ยงกระเป๋าสัมภาระขึ้นท้ายกระบะแล้วกระโดดขึ้นมาอย่างไม่ลังเลใจ "อ้อมแกไปนั่งกับผู้ใหญ่ เดี๋ยวฉันจะว่าจะเก็บภาพสักหน่อย"
"ได้ดิ แกนั่งคนเดียวได้นะ"
"ได้"
"อืม ๆ จับดี ๆ แล้วกัน" ว่าจบอ้อมก็ยกกระเป๋าขึ้นมาท้ายกระบะแล้วเดินอ้อมไปขึ้นรถฝั่งที่นั่งข้างคนขับ ด้วยเพราะรถเป็นกระบะตอนเดียวจึงมีเบาะนั่งข้างคนขับเพียงที่เดียวเท่านั้น
"ไปเลยค่า~" ญาณินส่งเสียงเจื้อยแจ้วอย่างตื่นเต้นโดยที่ไม่รู้ว่าเบื้องหน้าจะเป็นยังไง แต่เธอก็ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะทำภารกิจที่ตั้งใจไว้ให้สำเร็จก่อนกลับบ้าน
รถกระบะของผู้ใหญ่นวยขับเคลื่อนมาตามทางขรุขระสลับกับลงเนินขึ้นเนินบ้างแต่ไม่ได้เป็นอุปสรรคแก่ญาณินเลยสักนิดแม้อ้อมที่นั่งอยู่หน้ารถกับลุงผู้ใหญ่จะอ้วกแตกไปแล้วสามรอบก็ตาม
เอี๊ยด!
เสียงเบรกรถดังขึ้นพร้อมกับฝุ่นคลุ้งไปทั่วบริเวณ ญาณินลุกขึ้นแล้วสะบัดผมสองสามครั้ง เธอรวบผมขึ้นมัดลวก ๆ ก่อนที่จะกระโดดลงจากรถอย่างทะมัดทะแมงแล้วรีบเดินไปหาอ้อมที่นั่งดมยาอยู่ สีหน้าเธอไม่สู้ดีนัก
"อีกสองวันผมจะเข้าในเมืองอีก ถ้าครูมีธุระหรืออยากซื้ออะไรก็ไปด้วยกันได้นะครับ พอดีจะเข้าไปรับครูอาสาอีกน่ะ"
"มีคนมาอีกเหรอคะ"
"เปล่าหรอก พอดีครูคนเก่าน่ะครับ แกลงไปซื้อของในตัวเมืองสองวัน"
"อ๋อค่ะ" ญาณินยิ้มบาง ๆ ในขณะที่อ้อมสะบัดมือไว ๆ เป็นการบอกลาการนั่งรถลงเขา เธอเข็ดหลาบมาก
"ไม่เอาแล้ว เข็ดหลาบไปอีกนานเลย ขอรับมืออีกรอบก็ตอนกลับบ้านแล้วกัน ไม่ไหวจะอ้วกแล้ว อุ๊บ!" อ้อมเดินโซเซไปอ้วกข้างโพรงหญ้าจนญาณินต้องเข้าไปลูบหลังให้เธอ ลุงผู้ใหญ่ยิ้มขบขันพลางตะโกนเรียกเด็ก ๆ มาขนของลงจากรถ ญาณินถือโอกาสนั่นสำรวจรอบ ๆ หมู่บ้านด้วย
"ว้าว… ที่นี่น่าอยู่มากเลยนะว่าไหม"
"ชะ.. ใช่ อุ๊บ.. แหวะ~" อ้อมตอบคำถามเพื่อนแล้วอ้วกต่อจนหมดแรง "ฉันว่าฉันต้องพัก"
"โอเค เราจะพักผ่อนกันนะเพื่อน"
"ยัยนิน~ เธอไม่ได้เอาฉันมาฆ่าใช่ไหม" อ้อมเบะปากคว่ำงอแงเหมือนเด็กน้อยแต่ญาณินก็เอาอยู่ด้วยการพาเธอไปพักผ่อนยังบ้านพักครูที่ทางหมู่บ้านเตรียมไว้ให้ เพราะผู้ใหญ่บอกให้พักผ่อนก่อนแล้วค่อยออกไปทำความรู้จักกับชาวบ้านพรุ่งนี้
18:30 น.
วี่~ แปะ!
อ้อมตบยุงที่บินมาตอมหน้าตัวเองเสียงดังจนญาณินสะดุ้งตกใจ
"ยัยนิน ยุงไม่กัดแกเหรอ"
"กัดดิ เดี๋ยวจุดยากันยุงก่อน" ญาณินลุกขึ้นไปรื้อของใช้ในกระเป๋าสัมภาระออกมาแล้วเอายากันยุงมาจุดไว้ที่มุมห้องนอน ก่อนจะโยนขวดสเปรย์กันยุงให้เพื่อน "ฉีดนี่ไว้ก่อนนะ"
"จ้า~ แกนี่ก็แปลกคนนะ ทั้งที่ไม่เคยมาแบบนี้เลยแต่กลับจัดกระเป๋ามาถูกซะงั้น"
"เปล่าหรอก ดูในคลิปมาน่ะ ต้องเตรียมพร้อมทุกอย่างก่อน เห็นไหมพอมาเจอสถานการณ์จริงก็จะได้ไม่ต้องมานั่งให้ยุงกินเลือด"
"จ้าแม่คนรอบครอบ"
"แล้วเราต้องอาบน้ำไหมเนี่ย ห้องน้ำอยู่ไหนนะ..?" ญาณินยกตะเกียงที่จุดไว้ส่องออกไปด้านนอกเพื่อหาห้องน้ำแต่ต้องชะงักที่เห็นเพียงโอ่งใบเล็ก ๆ ตั้งอยู่นอกบ้าน น้ำเต็มโอ่งซะด้วย
"นั่นเหรอที่อาบน้ำเรา" อ้อมชะเง้อคอมองตามสายตาเพื่อนรักแล้วทั้งสองก็หันมามองหน้ากันอย่างไม่ได้นัดหมาย ญาณินยิ้มเจื่อนก่อนจะเอาเสื้อผ้าที่ตนเอามา แล้วเปลี่ยนเป็นผ้าถุง อ้อมมองเพื่อนแล้วอดแซวไม่ได้ "ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้ก็ได้เห็นนะ เสียดายที่ไม่มีอินเทอร์เน็ต ถ้ามีฉันจะถ่ายรูปแกแล้วโพสต์ลงเฟซบุ๊ก"
"อย่าร้ายสิ เดี๋ยวฉันไปอาบน้ำก่อน" ญาณินคือหน่วยกล้าตายคนแรก เธอเดินไปด้วยความระแวงเพราะข้างนอกค่อนข้างมืดมาก มีเพียงแสงไฟจากตะเกียงเท่านั้นที่ให้ความสว่าง
แอ๊บ!
"..!!" หญิงสาวหันขวับไปมองต้นทางของเสียง
แอ๊บ!
"ฮะ!" ญาณินกระชับผ้าถุงแน่นแล้วเพ่งมองสิ่งที่กำลังร้องเสียงดังอยู่ปากโอ่ง
พรึบ
แปะ!
"กรี๊ด!!"
สองวันต่อมา
"นี่มึงลงทุนซื้อแบตเตอรี่เองเลยเหรอวะ ลูกหนึ่งก็หลายบาทนะแล้วนี่จะใช้กี่ลูกเนี่ย" ธันวาเอ่ยถามเพื่อนรักขณะที่ยืนเลือกของช่วยกันอยู่ ปกป้องหันมาเลิกคิ้วให้เพื่อนรักแล้วบุ้ยปากไปที่เตียงสนาม
"เอาอันนั้นด้วย"
"เออ สั่งอยู่นั่นแหละ"
"แล้วมึงไม่คิดจะกลับบ้านเหรอวะ"
"กลับดิ แต่กูขอเที่ยวก่อน เออมึง ซื้อของเสร็จแล้วไปแดกข้าวกัน" ธันวาเอ่ยชวนเพื่อนรัก
"อยู่นานไม่ได้นะเพราะผู้ใหญ่น่าจะลงมารับกูแล้ว"
"เออไม่นานหรอก แดกเสร็จก็แยกย้าย"
"โอเค"
เมื่อเลือกซื้อของเสร็จ ปกป้องก็ให้ทางร้านนำไปส่งยังจุดที่จะขึ้นรถ แล้วไปกินข้าวกับธันวาที่ร้านประจำในตัวอำเภอ
"กับข้าวที่นี่แม่งอร่อยไม่เปลี่ยน มากี่ครั้งก็รสชาติเดิม"
"เจริญอาหารเถอะไม่ว่า" ปกป้องยกแก้วน้ำขึ้นจิบเล็กน้อย
"เออเพื่อนบอกอยากมาหามึงอยู่นะ ไอ้ปินก็อยากมา"
"พอก่อนไม่เอามาลำบากด้วยหรอก ไอ้ขุนก็เพิ่งจะทำงานเอง ดีใจที่มันกลับไปทำงานที่ตัวเองรักได้"
"เออว่ะ แล้วนี่ต้องกลับแล้วไหมมึงอะ"
"อืม สงสัยผู้ใหญ่คงมารอแล้ว กูต้องทำเวลาหน่อย" ธันวาเลิกคิ้วให้ปกป้องพลางยกแก้วน้ำขึ้นมาจิบ
"มึงจะหนีความบอบช้ำมาขึ้นดอยอีกนานแค่ไหนวะ หรือมึงไม่เคยลืมญาณินเลย?" คำถามเขาทำเอาคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามเงียบไปพักใหญ่ ปกป้องถอนหายใจยาว ๆ แล้วจึงตอบกลับ
"กูยังลืมนินไม่ได้ว่ะ… หากขอพรได้กูอยากกลับไปรักนินอีก กูสัญญาจะรักษานินไว้ด้วยชีวิต" ธันวาพยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่เพื่อนพูดออกมา
"เราต้องเดินไปตรงนี้ใช่ไหมนะ… ร้านค้าอยู่ตรงนั้น โอ๊ะ! ใช่จริง ๆ ด้วย" เสียงหวานใสพร้อมกับร่างบางเดินผ่านหน้าร้านอาหารไปเป็นจังหวะที่ธันวาเงยหน้าขึ้นมามองพอดี
"เออ… ถ้าเป็นแบบนั้นดะ… เฮ้ย!" ธันวาอุทานออกมาจนปกป้องตกใจ
"เป็นเชี่ยอะไร" ปกป้องหันไปมองตามสายตาธันวาที่มองไปหน้าร้านแถมเพื่อนยังขยี้ตารัว ๆ ทำท่าทางแปลก ๆ
"ขอพรปุ๊บมาปั๊บเลยเหรอวะ"
"พูดเชี่ยไรของมึง"
"หรือกูตาฝาดไป!" ธันวายังขยี้ตาเพราะคิดว่าตัวเองตาฝาด
"อะไร"
"กูเห็นญาณินเดินผ่านไปเมื่อกี้!" ไม่ว่าเปล่าแต่เขายังวิ่งออกมาดู ปกป้องจ่ายเงินค่าอาหารแล้วรีบเดินตามเพื่อนมาหน้าร้านอาหาร "หรือกูหลอนไปวะเนี่ย" ธันวายกมือขึ้นเกาศีรษะตัวเองแล้วจึงยิ้มเจื่อนให้ปกป้องที่กำลังมองเขาด้วยสีหน้าดุ ๆ
"อะไรของมึง"
"สงสัยกูตาฝาดไปว่ะ ขอโทษด้วย"
"เฮ้อ…"
บทที่ 2 พรนั้นสัมฤทธิ์ผลธันวาเกาศีรษะแกรก ๆ แล้วยื่นมือไปตบบ่าเพื่อนเบา ๆ เป็นการขอโทษเพื่อน ปกป้องคงคิดว่าเขากำลังแกล้งหรือล้อเลียนเรื่องแฟนเก่าอยู่แน่เลย "กูขอโทษนะ กูคงจะตาฝาดไปจริง ๆ นั่นแหละ""ตลกตายแหละ""แฮ่ ๆ""ไปแล้ว""เออ ๆ เดี๋ยวกูไปส่ง" ว่าจบธันวาก็ดันตัวเพื่อนรักขึ้นรถแล้วขับไปส่งเขายังจุดที่ผู้ใหญ่นวยมารับ พอมาถึงธันวาก็รีบเข้าไปสวมกอดผู้ใหญ่ไว้ด้วยความคิดถึง"สวัสดีครับพ่อ""คุณธันวาไม่ได้จะขึ้นดอยกับคุณป้องเหรอครับ""ครั้งนี้พักก่อนครับพ่อ แล้วนี่พ่อมารอปกป้องนานแล้วเหรอครับ""อ๋อ ไม่นานเลยครับ พอดีพาครูอาสาคนใหม่มาซื้อของด้วยน่ะ""อ๋อ..""งั้นผมเอาของพวกนี้ขึ้นรถรอเลยนะครับ" ปกป้องยิ้มให้เพื่อนแล้วเชิดหน้าไปที่กองสิ่งของที่อยู่ท้ายรถ ธันวาเดินกระฟัดกระเฟียดมายกของขึ้นรถช่วยเพื่อนจนเสร็จ เวลาผ่านไปยี่สิบกว่านาทีที่ทุกคนยืนรอครูอาสาคนใหม่"เลยเวลาแล้ว กูต้องไปแล้วนะ" ธันวาสวมกอดเพื่อนรักแล้วหันมายกมือไหว้ลาผู้ใหญ่นวย ก่อนจะขับรถออกไปแต่เขากลับเห็นภาพหลอนอีก ธันวาหันขวับไปมองผู้หญิงคนหนึ่งที่หน้าคล้ายญาณินที่กำลังถือของพะรุงพะรังเดินสวนทางมาแต่ก็ไม่ได้จอดรถดูให้แน่ใจเพร
บทที่ 3 น้องเป็ดญาณินแยกเขี้ยวใส่ปกป้องแล้วเดินออกมาด้วยความอาย"ฮึ.." เขาแค่นหัวเราะในลำคอเบา ๆ แล้วเดินตามหลังเธอไป "อีกไกลนะ ถ้าไม่ดื่มน้ำตอนนี้อาจจะเหนื่อยมากกว่าปกติ เพราะทางข้างหน้าเป็นเนิน" เขาพูดกรอกหูคนตัวเล็กที่เอาแต่เดินจ้ำอ้าวไม่หยุดก่อนจะยื่นขวดน้ำดื่มไปขวางหน้าญาณิน และมันได้ผลเมื่อเธอยอมหยุดเดินแล้วรับขวดน้ำไปถือไว้ แต่สีหน้ากลับลังเลใจที่จะกิน"ไม่กิน""เพราะ?" ปกป้องถาม"ขี้ปากนาย ฉันไม่กิน""เฮอะ… ก็ตามใจ เมื่อก่อนจูบแลกลิ้นกันยังทำมาแล้ว กินน้ำขวดเดียวกันแค่นี้คงไม่ตายหรอกมั้ง หรือเธอรังเกียจ?" คำพูดนั้นยังไม่บาดใจเท่ารอยยิ้มร้ายกาจนั่น! ญาณินกระชากขวดน้ำดื่มมากระดกเข้าปากแล้วเบ้ปากใส่เขา"ทำไมจะกินไม่ได้""ก็แค่นั้น" เขารับขวดน้ำมาเก็บแล้วเดินทางต่อครืด!คนตัวเล็กเหยียบก้อนหินจนลื่นจะล้มแต่ดีที่คว้าแขนปกป้องไว้ได้ทัน ชายหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปากแล้วยืนรอให้อีกฝ่ายตั้งตัวได้ อันที่จริงเขากับเธอก็พอมีเวลาอยู่ด้วยกันสักพักใหญ่ ๆ เลยนะแต่จะไม่ทะเลาะกันนี่สิมันยังแปลกอยู่"นิน""ไม่ต้องมาเรียกชื่อ" ปกป้องยกยิ้มมุมปากแล้วเอ่ยเรียกเธออีกชื่อหนึ่ง"น้องเป็ด""โอ๊ย! อย่ามาเรี
บทที่ 4 ไม่ง่ายอย่างที่คิดญาณินกำหมัดแน่น เธอคาดโทษปกป้องทางสายตาแล้วเรียกเด็ก ๆ เข้ามานั่งประจำที่ในห้องเรียนซึ่งมีอยู่ห้องเดียว เป็นทั้งห้องประชุม ห้องทำกิจกรรมและห้องเรียน บางทีก็เป็นห้องกินข้าวรวมไปด้วย ปกป้องเดินเข้ามานั่งลงบนเก้าอี้กับเด็ก ๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตากับญาณินที่กำลังแจกงาน"ไม่ให้เหรอ" เขาถามเพราะญาณินเดินเลยเขาไปหน้าตาเฉย"คุณไม่ใช่นักเรียนสักหน่อย""ก็อยากเรียนรู้เหมือนกันนะ อยากรู้ว่าครูนินเอาอะไรมาให้เด็ก ๆ ดูบ้าง""เอาไป!" เธอวางงานลงตรงหน้าปกป้องเป็นการตัดรำคาญ แต่จู่ ๆ เด็กนักเรียนที่นั่งอยู่ข้างเขาก็สะกิดแขนปกป้องเบา ๆ"ผมรู้แล้วครับ ว่าทำไมครูป้องถึงเรียกครูนินว่าเป็ด""ยังไง" ปกป้องถามกลับอย่างสนใจ"ก็เวลาที่ครูนินขมวดคิ้วใส่ครูป้อง ปากครูนินก็จะเบะคว่ำเหมือนปากเป็ดเลยครับ" ปกป้องหลุดขำยกใหญ่กับสิ่งที่ได้ยิน"หัวเราะอะไรกันคะ ถ้าคุณจะดูก็อย่าชวนเด็ก ๆ เล่นสิ" เธอเอ็ดชายหนุ่มหน้าเครียดแล้วหยิบงานขึ้นมานำเสนอเด็ก ๆ ขณะที่ปกป้องอมยิ้มจนแก้มแดง เขาไม่ได้มองญาณินว่าเธอกำลังถลึงตาใส่อยู่เวลาผ่านไปหลายนาทีจากที่เด็ก ๆ สนใจกับสิ่งที่สองสาวนำมาสอนก็เริ่มเบื่อและพู
บทที่ 5 อ่อนไหวง่าย"ยังไม่หุบยิ้มอีก!" หญิงสาวแยกเขี้ยวใส่ชายหนุ่มแล้วกระแทกเท้าเดินออกมา ปกป้องเลิกคิ้วอย่างยิ้ม ๆ ก็ไม่ให้ยิ้มได้ยังไงเขาออกจะชอบที่ถูกแซวแบบนั้น"น่าขันจริง ๆ เลย… นี่สินะเขาเรียกพรหมลิขิตที่แท้จริง" ระยะเวลาหลายปีที่ไม่ได้เจอหน้ากันเลยแต่ญาณินก็ยังคงเป็นญาณินคนเดิมที่เขา(รัก)รู้จักทั้งสองเดินมาจนถึงโรงเรียน ญาณินรู้สึกแปลกใจมากที่เห็นเด็ก ๆ มารวมตัวกันครบทุกคน "ทำไมเด็ก ๆ ถึงมารวมตัวกันครบเลยล่ะ" เธอหันมาถามปกป้อง"รู้หนึ่งคนเท่ากับหมดห้องต้องรู้ด้วย" พอได้คำตอบเธอก็เข้าใจทันทีก่อนจะมองไปที่คำซึ่งเขากำลังยิ้มให้เธออยู่"ครูป้องครับ พวกผมพร้อมแล้ว" ตุ๋นตะโกนขึ้นเพื่อน ๆ ก็ส่งเสียงร้องตามตุ๋น"งั้นไปเลยดีกว่า ครูจะแนะนำให้รู้ว่าต้องใช้อะไรบ้าง""ครับ/ค่ะ" ปกป้องนำทีมออกไปด้านนอกแล้วยกอุปกรณ์ออกมาอีกสองกล่องใหญ่ เขาอธิบายให้เด็ก ๆ ฟังอย่างละเอียดยิบขนาดญาณินก็เพลินกับสิ่งที่ปกป้องพูดด้วย"แหม.. ตั้งใจฟังขนาดนี้ไม่ไปนั่งด้านหน้าเลยล่ะคะ ครูป้องจะได้มองเห็น" อ้อมแซวเพื่อนรักที่กำลังเท้าคางมองปกป้องอยู่ด้วยสีหน้าเคลิ้ม ๆ ญาณินรีบหุบยิ้มแล้วหันมาถลึงตาใส่อ้อม"จู้จี้! ด
บทที่ 6 เหตุฉุกเฉินเช้าวันต่อมาปกป้องเดินมารอญาณินที่หน้าบ้านพักในช่วงเช้ามืดของวันใหม่ เขาหย่อนตัวนั่งลงบนแคร่หน้าบ้านพักเธอขณะที่มืออีกข้างถือกระเป๋าสะพายที่ข้างในมียาแก้ปวดและยานวดไว้ให้เธอด้วย แถมยังมีข้าวเหนียวกับปลาย่างที่เมียผู้ใหญ่ห่อให้อีก"มาแล้วเหรอ" ญาณินเปิดประตูออก แล้วยื่นหน้าออกมาถามปกป้อง เธอหรี่ตามองเขาแล้วหยิบแว่นขึ้นมาสวมใส่เพื่อความชัดเจน"เดินได้ไหม ลงบันไดได้ใช่ไหม" เขาถามแต่ความไวของเขาคือเดินไปรอรับเธอที่ตีนบันไดแล้ว ญาณินจับราวบันไดเดินลงมาช้า ๆ จนถึงตัวปกป้อง"ต้องเดินไปอีกเหรอ""อืม ไหวใช่ไหม""แล้วถ้าไม่ไหวทำไง" เธอรู้ตัวเองดีว่าเดินไม่ไหวแน่นอน ปกป้องยิ้มกริ่มแล้วหันหลังให้ญาณิน "ให้ขี่หลังเหรอ""อืม""เหมือนช้างเลย พี่ช้างใจดี อ่า.. หยอกเฉย ๆ" ปกป้องทำท่าจะลุกขึ้นแต่กลับถูกญาณินกอดคอไว้ก่อน เธอก้าวขึ้นมาขี่หลังเขาแล้วถือกระเป๋าสะพายไว้ แต่จังหวะที่จะเอาสายคล้องคอตัวเอง กระเป๋าสะพายกลับตีหน้าปกป้อง "อ๊ะ! ขอโทษ""ถึงอนามัยสงสัยจะต้องรักษาอาการหัวแตกด้วยเลยมั้ง" เขาประชดประชันแล้วกระชับตัวหญิงสาวขึ้น ญาณินเม้มปากแน่น แล้วอยู่นิ่ง ๆ จนปกป้องพามาถึงรถผู้ใหญ
บทที่ 7 สองต่อสองสิ่งที่ได้กลับมาคือความเงียบ ญาณินเบือนหน้าหนี "ฉันจำไม่ได้แล้วว่าเมื่อก่อนเกิดอะไรขึ้น และไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น" เธอบอกเขาเสียงเรียบโดยไม่หันมาสบตากับคู่สนทนา"…" ปกป้องก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วถอนหายใจ เขากับเธอนั่งเงียบกันอยู่พักหนึ่งจนกระทั่งฝนเริ่มซาลงมากแล้ว แต่ก็ไม่สามารถขับรถกลับไปให้ถึงหมู่บ้านได้เพราะถนนค่อนข้างเละและลื่น "เราต้องนอนในรถ เพราะขับรถกลับไม่ได้แล้ว""ทำไมกลับไม่ได้ ฝนหยุดแล้วนะ""ถนนลื่น แบบนั้นอันตรายกว่าถูกน้ำซัดอีก" หญิงสาวพยักหน้าเข้าใจแล้วเอี้ยวหน้ากลับไปมองท้ายกระบะ "ไม่ต้องกลัวหรอก ฉันเอาไฟฉายมา" พอพูดจบปกป้องก็เปิดไฟฉาย ไฟสว่างจ้าไปทั่วคันจนญาณินต้องยื่นมือไปผลักไฟฉายส่องไปทางอื่น "แล้วหิวไหม" ปกป้องถามญาณิน"เพิ่งกินไปเองนะ แต่ก็หิว ๆ อยู่ ข้าวเหนียวกับปลาย่างอร่อยมากเลยอะ""ธรรมดา รสชาติที่ไม่ได้ปรุงแต่งอะไรมากมายมักจะอร่อย" เขาพูดอย่างยิ้ม ๆ จำได้ดีเมื่อครั้งที่มาอยู่หมู่บ้านนี้แรก ๆ เมียผู้ใหญ่บ้านทำหมูย่างให้กิน โรยแค่เกลือกับสมุนไพรที่ชาวบ้านหามาแค่นั้น แต่รสชาติกลับอร่อยถูกปากเหมือนไปสั่งกินในร้านอาหารดัง ๆ เลย"นาย.. เลิกไปต่อยตีก
บทที่ 8 ดื้อเสียงร้องของปกป้องดังขึ้นพร้อมกับเสียงฟ้าผ่า ญาณินสะดุ้งตกใจกระแทกหมัดใส่ปลายคางเขาอีกหนึ่งดอก ทำเอาปกป้องหงายหลังล้มลงไปกับแคร่"โอ๊ย… ยัยเป็ดเธอจะเอาฉันตายในกระท่อมเลยเหรอ" ปกป้องเอามือปิดตาที่ถูกชกหนึ่งหมัดก่อนหน้านี้แล้วอีกมือก็กุมปลายคางไว้อีก "อ่า! เจ็บ.. เหมือนลูกตาจะแตกเลย" ขณะที่ปกป้องร้องโอดโอยด้วยความเจ็บญาณินนั่งกำหมัดอย่างระแวง"ก็ใครใช้ให้นายเข้ามาใกล้ฉัน นายเองก็ผิดที่เข้ามาใกล้แถมยังพูดจาเหมือนมีอะไร""มีอะไร? มีอะไรตรงไหนนี่ยังพูดไม่จบเลย เธอก็ชกเข้าเบ้าตาแล้ว""ก็นายมีพิรุธหนิ""อ่า.. ยัยเป็ด!" ปกป้องกำหมัดแน่นแล้วยื่นมือไปตรงหน้าอย่างคาดโทษญาณิน หญิงสาวยิ้มเจื่อนแล้วยกขาขึ้นมานั่งกอดเข่าบนแคร่ มองหน้าปกป้องอย่างยิ้ม ๆ "ไม่ต้องมายิ้ม! อ่า.. ตาฉัน""ไหน.. ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากหนิ ยังไม่ได้เขียวช้ำเลย แค่แดง ๆ เอง""ยังไม่สำนึกผิดอีกเหรอ" ปกป้องมองญาณินตาขวางแล้วหันไปเอาถุงยาในกระเป๋าสะพายข้างออกมา เขาหยิบยานวดออกมาป้ายที่รอบดวงตาเพื่อบรรเทาความปวดและเจ็บ ญาณินยิ้มแห้ง จู่ ๆ ก็อยากทายาให้เขาแต่อีกหนึ่งความรู้สึกก็ฉุกรั้งไม่ให้ทำแบบนั้น"เอาไว้กลับลงเขาฉันจะเ
บทที่ 9 ผิดผีญาณินทำปากขมุบขมิบว่าปกป้องในใจแล้วกอดคอเขาแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว ชายหนุ่มหยุดชะงักแล้วหันมามองหน้าหญิงสาวตาขวาง "จะตายแล้ว รัดแน่นกว่านี้ตายแน่ ๆ""ฉันไม่ได้ตั้งใจหนิ""เฮ้อ… จะมีสักครั้งไหมที่จะไม่ทะเลาะกัน" ปกป้องขบกรามแน่นแล้วพาญาณินเดินต่อโดยที่คนข้างหลังปิดปากเงียบกริบ เดินมาเกือบหนึ่งชั่วโมงจู่ ๆ เสียงท้องร้องก็ดังขึ้นทำลายความเงียบ ญาณินยิ้มเจื่อนแล้วยื่นหน้าไปใกล้ ๆ ใบหน้าหล่อเหลา"หิวไหม" เธอเอ่ยถามหลังจากเงียบมานานหลายนาที"หิว""ขอโทษนะที่ท้องฉันมันร้องเสียงดังรบกวนนายน่ะ""ฮึ.." เขาแค่นหัวเราะในลำคออย่างนึกขำแล้ววางตัวญาณินลงอีกครั้ง เขาหยิบของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าสะพายแล้วส่งให้ญาณิน "กินสิ นี่เป็นขนมที่ชาวบ้านทำกินกันบ่อย ๆ แข็งไปหน่อยแต่อยู่ท้องแน่นอน" ญาณินรับขนมมาแล้วแบ่งครึ่ง"นายก็ต้องกินด้วย ถ้าฉันเป็นอะไรไปนายจะได้เป็นอะไรไปด้วยกันกับฉัน" ปกป้องแสยะยิ้มมุมปากแล้วยื่นหน้าไปใกล้ ๆ แล้วอ้าปาก"ป้อนสิ ถ้ากินแล้วฉันตายเธอจะได้รอดไง" ญาณินแยกเขี้ยวใส่แล้วป้อนใส่ปากปกป้องอย่างที่เขาต้องการ "อ๊ะ!""อะไร! เป็นอะไร""อร่อย" ชายหนุ่มเอาขนมจากมือคนตรงหน้ามากัดก
ตอนพิเศษ 2หลังจากประกวดกระทงสวยกันไปแล้วทุกคนก็แยกย้ายกันกลับบ้านก่อน เพราะมีนัดกันอีกทีตอนหนึ่งทุ่มที่บ้านบดินทร์ ปกป้องอุ้มลูกชายตัวน้อยเดินเข้ามาในห้องนอนใหญ่โดยที่เป็นหนึ่งยังตาใสแป๋วไม่ได้มีทีท่าว่าจะง่วงนอนง่าย ๆ“ลูกครับผม เราจะได้ไปลอยกระทงกับพวกป๊า ๆ ไหมเนี่ย ไม่ใช่หนูไปงอแงที่วัดนะครับ” พวกเขานัดกันไว้ว่าจะไปลอยกระทงที่งานวัดใกล้ ๆ บ้านนี้เพราะที่นั่นจัดงานค่อนข้างใหญ่โตและหมายจะพากันเดินหาของกินด้วย “หนูคงไปกับป่าป๊าไม่ได้นะครับผม หนูต้องอยู่กับยายไปก่อนโอเคไหมครับหนุ่มน้อย” ปกป้องนั่งทำสัญญากับลูกน้องอยู่บนเตียงในขณะที่ญาณินกำลังเตรียมชุดที่จะสวมใส่ไปงานลอยกระทงคืนนี้“ติดสินบนอะไรลูกหรือเปล่าคะเนี่ย” เธอเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มสดใสที่เห็นเป็นหนึ่งและพ่อของเขานั่งคุยกันราวกับรู้เรื่องว่าพ่อขออะไร“ลูกบอกว่าจะยอมให้เราสองคนไปเที่ยวครับ”“ถามจริง ลูกยังพูดไม่ได้เลยนะป้อง คิดเองเออเองไปเรื่อย” ปกป้องทำตาโตแล้วชี้ไปที่มือลูกชายซึ่งเป็นหนึ่งกำลังกำนิ้วชี้เขาอยู่“ดูนี้ก่อน ป้องถามลูกว่าถ้าอยากให้พ่อกับแม่ไปให้หนูจับมือพ่อนะครับ” ญาณินหรี่ตามองคนรักแล้วยื่นหน้าไปหอมแก้มเป็นหนึ่งฟอดให
ตอนพิเศษ1หลายเดือนต่อมา"ไอ้เชี่ยป้องมึงตัดดี ๆ ดิวะเดี๋ยวแม่ป่านก็มาเฉ่งกูอีก" ปรินที่กำลังประคองต้นกล้วยอยู่ด้านข้างปกป้องซึ่งเขารับบทเป็นคนตัดต้นกล้วยเอง สืบเรื่องมาจากศรีภรรยาพวกเขาอยากจะทำกระทงกันเองเลยลำบากต้องมาตัดต้นกล้วยหลังบ้านบดินทร์ไปให้ทำกระทงกัน"เออน่า! อย่าบ่นได้ไหมเล่า กูก็ตั้งใจเล็งอยู่เนี่ย" ปกป้องตอบกลับหน้าเครียดก่อนที่จะยิ้มแล้วเล็งมีดไปที่โคนต้นแล้วตักฉับครั้งเดียวขาด ปรินแหกปากร้องลั่นเพราะต้นกล้วยพาเขาล้มลงไปด้วยน่ะสิ ปกป้องระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นจนบดินทร์กับโอโซนต้องวิ่งมาดู"เอ้า! ฮ่า ๆ" สองหนุ่มก็หัวเราะดังลั่นเหมือนกัน เมื่อหัวเราะเป็นที่พอใจแล้วค่อยไปพยุงตัวเพื่อนลุกขึ้น "ไอ้ห่า ร้องเหมือนคนกำลังจะตายนะมึง""ก็กูไม่ทันตั้งตัวนี่หว่า ใครจะไปรู้ว่าไอ้ป้องแรงดีฉิบหาย ตัดรอบเดียวขาดเลย" ยิ่งปรินบอกแบบนั้นบดินทร์กับโอโซนก็ยิ่งขำกันใหญ่"เอ้อ… ไปเร็ว เดี๋ยวได้เอาต้นกล้วยไปหั่นอีก" ปรินทำหน้าบึ้งแล้วลากต้นกล้วยออกมา พวกเขาจัดการหั่นต้นกล้วยให้เป็นแว่น ๆ พอดีกับที่จะเอาไปเป็นฐานกระทง ส่วนธันวากับขุนเขาช่วยกันกรีดใบตองอย่างละเมียดละไมด้วยกลัวมันจะแตกแล้วเสียหาย
บทที่ 71 ตอนจบเช้าวันต่อมาปกป้องยืนทำอาหารเช้าอยู่ในห้องครัวของทางบ้านพักซึ่งเขาได้ออกไปซื้อของมาทำอาหารตั้งแต่เช้ามืดกะเอาไว้เซอร์ไพรส์คนที่ยังนอนหมดแรงอยู่บนเตียง เขาใช้เวลาที่แสนมีความสุขนี้ทำอะไรดี ๆ ให้คนรักพร้อมกับสร้างความทรงจำดี ๆ ให้ญาณินด้วย"กลิ่นหอมเข้าไปในห้องนอนเลย ไม่ทราบว่าคุณพ่อบ้านทำอะไรกินเหรอคะ" เธอเดินเข้าไปยืนตรงหน้าเคาน์เตอร์แล้วเท้าคางมองหน้าคนรักซึ่งกำลังทำอาหารอย่างคล่องมือเลย ปกป้องหันมาส่งยิ้มให้"ทำข้าวต้มทะเลครับ ของโปรดใครนะ..""ของโปรดป้องนั่นแหละ" ญาณินยิ้มกรุ้มกริ่มแล้วเดินอ้อมเคาน์เตอร์ไปหาเขา มือเรียวบางยกขึ้นไปลูบแก้มขาวเนียนไร้ไรขนอ่อนเบา ๆ "พรุ่งนี้เราก็ต้องกลับไปแล้วเหรอคะ""ครับ เอาไว้จะพามาเที่ยวอีกนะ""สัญญาก่อนสิ" เธอยกนิ้วก้อยขึ้นมาเกี่ยวกับแฟนหนุ่ม ปกป้องรั้งร่างบางมากอดไว้แนบแน่นพร้อมกับหอมศีรษะญาณินฟอดใหญ่"สัญญาครับคนสวย" เขาคลี่ยิ้มหวานส่งให้เธอแล้วทำข้าวต้มต่อจนเสร็จ ญาณินถูกดันตัวออกมาจากห้องครัวให้ไปนั่งรอที่โต๊ะอาหาร ไม่นานข้าวต้มทะเลหอม ๆ ก็มาเสิร์ฟพร้อมกับเครื่องเคียงสองอย่าง"ทานให้อร่อยนะครับคนสวย ให้สมกับที่เสียพลังงานไปเยอะ
บทที่ 70 ฮันนีมูนหลังจากจบงานเลี้ยงเล็ก ๆ ภายในครอบครัวแล้วทั้งญาณินกับปกป้องก็วางแผนกันไว้ว่าจะไปฮันนีมูนที่ทะเลทางภาคใต้มีผู้สนับสนุนหลักคือพี่ปลาผู้ใจดีจองที่พักไว้ให้สำหรับการฮันนีมูนครั้งนี้"คิดถึงอ้วนนะคะ ถ้าอ้วนมาด้วยคงดี" ญาณินย่นหัวคิ้วเข้าหากันแล้วหยิบผ้าอ้อมลูกชายที่เธอแอบพับใส่กระเป๋าขึ้นมาดมกลิ่นลูกพอให้หายคิดถึงบ้าง ปกป้องยกยิ้มแล้วเดินมาโอบไหล่ภรรยาคนสวยไว้"ไม่ต้องห่วงอ้วนหรอกครับ คยเลี้ยงเยอะแยะเลย… เราสองคนจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันไง""แต่ถ้ามีลูกมาด้วยก็คงดี""เอาไว้ครั้งหน้านะครับ ป้องจะพามาเที่ยวเองเลย" ปกป้องเลื่อนใบหน้าเข้าไปหอมแก้มญาณินแล้วเดินไปเปิดม่านรับแสงในยามเย็น เสียงคลื่นทะเลซัดชายฝั่งและกลิ่นหอมของน้ำทะเลทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายมาก ๆ"เย็นนี้เราไปกินข้าวที่ไหนดีคะ" เธอสวมกอดเอวสอบไว้หลวม ๆ แล้วเกยคางไว้ที่สีข้างปกป้อง ออดอ้อนเขาและฝ่ามือเรียวบางก็ไม่อยู่นิ่ง ลูบไล้ซิกแพคเขาวนไปมาเบา ๆ จนปกป้องต้องรีบห้ามปรามไว้"อย่าเล่น เดี๋ยวจะได้กินอย่างอื่นก่อนข้าวนะคะคนสวย""ค่ะ…" ญาณินยิ้มกรุ้มกริ่มแล้วเดินออกไปรับลมที่ชายหาด เธออ้าแขนออกกว้างและหลับตารับสัมผัสของลม
บทที่ 69 ความสุขมันเป็นวันที่เขารอคอยมานานแสนนาน ในที่สุดเขาก็ได้ทำในสิ่งที่ลูกผู้ชายคนหนึ่งควรทำ ปกป้องมองแหวนแต่งงานที่สวมอยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายของญาณินด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขจนเอ่อล้นออกมาเป็นหยาดน้ำตาใส ๆ หยดลงอาบแก้มเขา“ไม่เอาไม่ร้องไห้นะคะ” ญาณินรีบเช็ดน้ำตาให้ปกป้องทันที “นินว่าเรามาคุยเรื่องแต่งงานกันดีกว่าค่ะ”“นินอยากได้แบบไหนป้องตามใจนินเลยครับ”“นินไม่อยากจัดงานเอิกเกริกค่ะ เชิญแค่ญาติที่สนิทและเพื่อนของป้องก็พอ แลกแหวนกันก็พอค่ะเพราะจัดงานไปมันก็สิ้นเปลืองเปล่า ๆ อีกอย่าง... จะหาว่านินงกก็ได้นะ เพราะนินห่วงอนาคตของอ้วนมากกว่า ยุคนี้อะไรก็ไม่แน่นอน” ปกป้องฟังแล้วอมยิ้มจนตาหยีก่อนที่จะรั้งตัวแฟนสาวเข้ามาหอมแก้มฟอดใหญ่“เอาตามที่นินสะดวกเลยครับ แล้วดี๋ยวเราไปเชิญแขกด้วยกันนะ”“ค่ะ” เธอคลี่ยิ้มหวานพลางกอดช่อดอกไม้ไว้แนบแน่นด้วยความดีใจ “ไม่คิดเลยว่าจะได้ถูกขอแต่งงานแบบนี้ จริง ๆ นินว่าจะคุยเรื่องนี้กับป้องอยู่เหมือนกัน แต่เพราะยุ่งกับลูกเลยไม่ได้มีโอกาสคุยกันสักที“ป้องเข้าใจ เราสองคนเลี้ยงอ้วนด้วยตัวเอง เหนื่อยมาด้วยกัน ป้องเองก็อยากทำอะไรให้มันถูกต้องสักที"“จดทะเบียนสมรสด
บทที่ 68 แต่งงานกันนะสองเดือนต่อมาปกป้องนั่งทำหน้าเครียดอยู่กับเพื่อนในกลุ่มขณะที่ปรินกำลังเล่นเกมอยู่ก็พูดขึ้นมาว่า “มึงก็ทำใจกล้าหน่อยดิวะเพื่อน กูว่าผู้หญิงเขาก็อยากถูกขอแต่งงานนั่นแหละ”“กูไม่ได้ไม่กล้าที่จะขอนินแต่งงานนะเว้ย แต่กูกำลังคิดว่าจะขอยังไงให้โรแมนติกดี” โอโซนยิ้มมุมปากแล้วเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ“ดูอย่างกูกับเนสสิ โรแมนติกไหมมึงว่า”“สุด ๆ อะมึงกับกาเนสขอแต่งงานกันได้โรแมนติกสุดแล้ว” ปกป้องตอบกลับทันทีแล้วหันไปมองหน้าธันวาที่ทำเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง “มีไอเดียไรแนะนำไหมครับประธานคนหล่อ”“เอาจริงไหม กูไม่มีไอเดียไรเลยตอนนี้ ในสมองกูมีแต่งานเต็มไปหมด เหนื่อยฉิบหายเลย”“เอ้อ.. ค่อย ๆ คิดก็ได้มึง แต่กูว่าจะพานินไปกินข้าวแล้วขอเธอแต่งงาน แบบนี้ดีไหมวะ” ปกป้องเอ่ยถามเพื่อน“แบบไหนก็ดีหมดนั่นแหละ ขอแค่เราทำมันออกมาด้วยใจจริงก็พอแล้ว กับผู้หญิงบางคนเขาอาจไม่ได้ต้องการความใหญ่โตเอิกเกริกก็ได้นะ แบบเรียบง่ายแต่อบอวลไปด้วยความรักแบบนี้” บดินทร์ที่นั่งฟังมานานก็เอ่ยขึ้น คำพูดเขาสามารถเรียกความสนใจจากเพื่อนทุกคนให้หันมาจ้องเขาได้แล้วปรินก็ปรบมือเสียงดัง“MVP ไปเลยครับพี่ดินคนหล่อ มาเห
บทที่ 67สุดที่รักยิ่งนานวันเข้าความน่ารักของเป็นหนึ่งยิ่งทำให้ผู้เป็นพ่อหลงใหลเข้าไปใหญ่ ร่างสูงใหญ่พร้อมด้วยลูกน้อยที่นั่งอยู่บนเบาะที่คาดเอวสำหรับพาลูกน้อยเดินเล่น เดินวนไปมาอยู่หน้าบ้านในยามพลบค่ำ แดงจากดวงอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้าสาดส่องมากระทบใบหน้านวลเนียนลูกน้อย เป็นหนึ่งอ้าปากหาวจนแก้มแดงพร้อมส่งเเสียงอ้อแอ้เพราะถึงเวลากินนมแม่แล้ว“หิวแล้วเหรอลูก”เสียงอ่อนเอ่ยถามลูกชายที่กำลังดูดนิ้วตัวเองอยู่ แต่ในจังหวะที่จะพาเป็นหนึ่งเดินเข้าบ้านญาณินกลับเดินออกมาก่อน เธอยิ้มหวานมาแต่ไกลพร้อมกับยื่นขวดนมให้ปกป้อง “เรารอดตายแล้วลูกรัก หม่าม้าเอานมมาให้แล้วครับ” เด็กน้อยยิ้มหวานและดีดดิ้นไปมาอยู่ในอ้อมแขนพ่อ ปกป้องพาลูกน้อยเดินไปนั่งที่ม้านั่งใต้ต้นไม้ รับลมเย็น ๆ ในยามค่ำ“โห.. ลูกตั้งใจกินแบบจริงจังไปไหมเนี่ย แสดงว่าหิวจัด” ปกป้องบีบแก้มป่อง ๆ ด้วยความมันเขี้ยว ญาณินยิ้มกว้างแล้ววางผ้าขนหนูพาดบ่าแฟนหนุ่ม “หม่าม้าจะทำอะไรครับ ผมกินนมอยู่นะ” เขาประคองขวดนมแล้วเงยหน้าขึ้นมามองคนตัวเล็กที่กำลังยุ่งอยู่กับโทรศัพท์มือถือ ครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงกดชัตเตอร์ดังขึ้นสองสามครั้ง แต่ที่ทำให้ญาณินร้องเสียงหลง
บทที่ 66 รอยยิ้มของปกป้องสามเดือนต่อมา"เป็นหนึ่งครับ… ไหนใครอยากอาบน้ำกับป่าป๊าบ้าง" เด็กน้อยหน้าตาน่ารักหุ่นจ้ำม่ำดีดดิ้นไปมาเมื่อได้ยินเสียงผู้เป็นพ่อ ริมฝีปากที่เปรอะเปื้อนด้วยน้ำนมแม่คลี่ยิ้มหวาน"แอ๊ะ~" เสียงอ้อแอ้ดังขึ้นตามด้วยเสียงหัวเราะเบา ๆ ในลำคอเมื่อใบหน้าเกลี้ยงเกลาของพ่อปรากฏสู่สายตา "อื้อ!!" เสียงครางในลำคอดังขึ้นอีกครั้ง"ไปหาป๊าหนูเลยค่ะ เดี๋ยวหม่าม้าไปล้างขวดนมต่อ""มาเลยไอ้ลูกหมู มาเลยครับ" ปกป้องรับตัวลูกชายมาอุ้มพาดบ่าแล้วจึงพาเป็นหนึ่งเดินเล่นรอบห้องนอนก่อนค่อยจะพาเขาไปอาบน้ำ เด็กน้อยยิ้มแป้นอย่างอารมณ์ดีที่พ่อหยอกล้อด้วยการเป่าพุงน้อย ๆ “คนเก่งของป๊า หนูยิ้มป๊าก็มีความสุขแล้วครับ แต่อย่าร้องไห้บ่อยได้ไหมลูก ป๊าเห็นน้ำตาหนูแล้วป่าป๊าจะร้องไห้ตาม“แอ๊ะ~” เด็กน้อยยิ้มก่อนจะเบะปากคว่ำราวกับว่าเป็นหนึ่งรู้เรื่องที่พ่อบอก ผู้เป็นพ่อรีบลูบศีรษะลูกน้อยเบา ๆ แล้วพาเดินเข้าไปในห้องน้ำซึ่งเตรียมน้ำอุ่นไว้เรียบร้อยแล้ว ปกป้องทำการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ลูกน้อยอย่างชำนาญมือ ปกป้องอุ้มเป็นหนึ่งลงไปในอ่างน้ำ “ว้าว หนูชอบอาบน้ำเหรอครับคนหล่อของป๊า” ลูกน้อยกรีดร้องเสียงหลงด้วยความ
บทที่ 65 เลี้ยงลูกหลายวันต่อมา“ลูกครับผม จะแกล้งป๊าไปถึงไหนเนี่ย ไม่ยอมนอนเลยนะ ไหนกินนมแล้วจะนอนไง” ปกป้องอ้อนวอนลูกชายที่ไม่ยอมนอนสักที นี่ก็ตีหนึ่งกว่าแล้วเป็นหนึ่งยังทำตาแป๋วใส่เขาอีก “นอนนะครับลูกครับ” เขาอุ้มลูกมาที่เตียงนอนซึ่งญาณินนั่งทำตาปรืออยู่ สภาพของทั้งคู่ไม่แตกต่างกันมากนักเพราะเลี้ยงลูกเอง ทำอะไรเองทุกอย่างแทบไม่ได้พักผ่อน ดีหน่อยที่ช่วงกลางวันเพื่อนมาอยู่เป็นเพื่อน“เอาลูกมาให้นินอุ้มก็ได้ค่ะ ป้องนอนได้แล้ว”“แล้วนินล่ะครับ”“นินแอบงีบไปแล้ว ยังไหว” เขาลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง จนญาณินขยับตัวมารับตัวลูกชายจากอ้อมแขนเขามาสู่อ้อมอกตัวเอง ปกป้องมองหน้าคนรักด้วยความเป็นห่วง นาทีนี้เขาเองก็ไม่ไหวและได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง ก็ว่าทำไมโอโซนมันบอกว่ารอความบันเทิงได้เลย เขาเพิ่งเข้าใจก็วันนี้เอง ความบันเทิงที่ว่าคือการอดหลับอดนอนเพราะลูกไม่ยอมนอนนี่เอง“ถ้าไม่ไหวเรียกป้องนะ โอเคไหม” เขาเอ่ยบอกญาณินเสียงอ่อน ทันทีที่ศีรษะถึงหมอนปกป้องก็หลับไปทันทีแทบจะได้ ญาณินแอบยิ้มด้วยความเอ็นดูมาก ๆ ก่อนที่เธอะพาลูกชายตัวน้อยซึ่งนอนทำตาแป๋วอยู่ในอ้อมแขนไปนั่งเล่นบนเก้าอี้โยกที่คุณยายซื้อให้ญาณ