บทที่ 74
เหยียนหลิ่วกำลังจะเดินทาง
เย็นวันนั้น ระหว่างกินข้าว เหยียนหลิ่วได้บอกเรื่องที่ต้องออกเดินทางไปชายแดนตะวันออก
ทุกครั้งที่ต้องออกเดินทาง ชายหนุ่มจะบอกทุกคนให้ทราบเสมอ เพื่อไม่ทำให้พวกเขาต้องเป็นห่วง
ทางด้านพวกจิ่งฟาง พอได้ยินว่าเหยียนหลิ่วต้องออกเดินทางอีกแล้ว ทั้งที่เพิ่งจะกลับมา พวกเขาแสดงสีหน้าตกใจและเป็นกังวล
หากทว่า…
จางไคเฮ่อกับตงตง รับฟังชายหนุ่มด้วยสีหน้าเข้าใจ
“การที่สำนักราชองครักษ์หลวงต้องออกโรง สถานการณ์ทางชายแดนตะวันออกคงไม่สู้ดีสินะ” จางไคเฮ่อกล่าว
“ใช่ขอรับ” เหยียนหลิ่วตอบ ก่อนจะอธิบายสถานการณ์ตอนนี้ให้ทราบ
กองทัพของกู้เหว่ยถูกฝ่ายศัตรูตีแตก มิหนำซ้ำ ยุ้งฉางที่เก็บเสบียงยังถูกเผาวอดวายเกินครึ่งส่วน
แม้จะพลิกสถานการณ์กลับมาปกป้องชายแดนสำเร็จ แต่ทหารมากมายกำลังประสบปัญหากับความอดอยาก ประชาชนที่อาศัยในเมืองชายแดนก็ตกอยู่ในอันตราย
ฟังมาถึงตรงนี้ ใบหน้าของตงตงซีดเผือดลงทันที
“สถานการณ์เลวร้ายกว่าที่คิดอีกไม่หรือ”
เห็นสีหน้าของคนรัก เหยียนหลิ่วพลันกุมมือที่สั่นเล็กน้อยของนางเอาไว้
“อย่าห่วงเลย…ข้า พี่เหิงเจาและแม่ทัพฟางจะเดินทางไปสมทบน่ะ ต้องปกป้องชายแดนตะวันออกได้แน่นอน”
หญิงสาวถอนหายใจเบาๆ ทีหนึ่ง ก่อนจะบอกด้วยแววตาขุ่นเคืองเล็กน้อย
“ข้าเป็นห่วงท่านต่างหาก”
ได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของเหยียนหลิ่วยิ่งแสดงออกถึงความดีใจถึงกับยิ้มกว้าง
นั่นเพราะว่า…ตงตงยอมรับว่าเป็นห่วงเขาเชียวนะ!
ความอบอุ่นแผ่ซ่านเต็มอก ยิ่งรู้สึกแบบนั้นเหยียนหลิ่วก็ยิ่งกุมมือนางในดวงใจแน่นขึ้น
“อะแฮ่ม!”
จางไคเฮ่อกระแอมขัดจังหวะ ก่อนจะถาม
“แล้วเจ้าต้องเดินทางเมื่อไร”
“ฮ่องเต้มีพระราชโองการมาแล้ว อีกเจ็ดวันต้องเดินทางไปชายแดนตะวันออกทันที”
“เข้าใจแล้ว อีกเจ็ดวันสินะ” จางไคเฮ่อกล่าวตอบ
“เช่นนั้นข้าจะรีบเตรียมของแห้งเอาไว้ให้ท่าน” ตงตงบอก
“ขอบใจเจ้ามากนะ อาหารของเจ้า ช่วยข้าไว้เสมอ” ชายหนุ่มบีบมือของตงตง มิหนำซ้ำดวงตาดำขลับยังสบประสานกับนาง
ความหวานล้ำของทั้งสองทำเอาคนอื่นๆ ถึงกับเอียน
น่าเสียดาย จางไคเอ่อต้องกล่าวขัดจังหวะความหวานชื่นของทั้งสองอีกครั้ง
“ได้ยินว่าแม่ทัพกู้ประจำชายแดนตะวันออก เจ้าไม่เป็นอะไรแน่หรือ”
แม้ต้องเผชิญกับพ่อแท้ๆ ที่ไม่เพียงละเลยการมีอยู่ ครั้งหนึ่งเหยียนหลิ่วยังเคยเกือบตายเพราะบ้านกู้ส่งมือสังหารมาฆ่าเขา
การที่ต้องไปเจอคนแบบนั้น เหยียนหลิ่วจะเป็นอะไรแน่หรือ
จางไคเฮ่อคิดอย่างเป็นห่วง
“แม่ทัพกู้กับข้าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกัน ครั้งนี้ข้าไปทำงานด้วยรับสั่งของฮ่องเต้ ข้าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ไม่ทำให้ท่านเว่ยหรือท่านพ่อตาผิดหวังขอรับ”
อย่างไรก็ตาม เหยียนหลิ่วตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย ลมหายใจไม่สะดุ้ง
หมายความว่าเขาไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับคนตระกูลกู้แม้แต่น้อย
“แยกแยะได้ดี” จางไคเฮ่อยิ้มและกล่าวอย่างพึงพอใจ
…..
…..
การเดินทางไปชายแดนตะวันออกครั้งนี้ ทำให้อาหารแห้งจากโรงเตี๊ยมตระกูลจางขายดีไปด้วย
เหิงเจานำกลุ่มลูกน้องมาที่ร้านตระกูลจางตั้งแต่เช้าตรู่ ซื้อไข่เยี่ยวม้า เนื้อแดดเดียว น้ำพริกเสฉวนแบบพกพาและขนมปังที่เก็บไว้ได้นาน
เหตุนี้เอง โรงเตี๊ยมตระกูลจางจึงวุ่นวายกันตั้งแต่เช้า
วันเวลาล่วงเลยผ่านไป
หนึ่งวันก่อนที่เหยียนหลิ่วจะออกเดินทาง
พอปิดร้านเรียบร้อย ตงตงก็นำของแห้งที่เตรียมเอาไว้มาให้เหยียนหลิ่วถึงบ้าน
“พี่หลิ่ว พรุ่งนี้จะออกเดินทางแล้ว ท่านเตรียมของครบหรือยัง”
“เตรียมเรียบร้อยพอดี”
“ข้าเอาของมาให้ท่าน”
เมื่อตงตงพูดจบ ถุงผ้าใบใหญ่ก็ถูกยื่นให้กับชายหนุ่ม
“อันที่จริง เจ้าไม่ต้องลำบากเตรียมของมากมายไว้ให้ข้าก็ได้” เหยียนหลิ่วบอกด้วยสีหน้าลำบากใจ
จริงๆ แล้ว เขาไม่อยากทำให้ตงตงต้องลำบาก
หากก็ไม่เถียงว่า ของที่ตงตงเตรียมให้นั้น ได้ช่วยชีวิตเขาและคนอื่นๆ ไว้หลายครั้งต่อหลายครั้ง
ไม่เพียงอาหารแห้งที่เก็บไว้ได้นานที่มีรสชาติอร่อย ทั้งยาเม็ด อุปกรณ์ทำแผล น้ำยาฆ่าเชื้อ และสิ่งของจำเป็นอื่นๆ ที่ใช้ยามฉุกเฉิน ล้วนแล้วแต่เป็นของที่จำเป็น
นางช่างเป็นคนรอบคอบมาก
“เล็กน้อยเจ้าค่ะ” ตงตงตอบพลางยิ้มหวาน
ของเหล่านี้ ตงตงไม่ได้จัดเตรียมลำบากแต่อย่างใด
แค่เลื่อนมือไปบนหน้าจอของระบบ กดซื้อก็เรียบร้อยแล้ว!
แต่ก็นั่นละ ให้บอกเหยียนหลิ่วตอนนี้ก็ค่อนข้างพูดยาก
“ไปนั่งตรงนั้นเถอะ”
ตอนนี้ทั้งสองยืนคุยกันที่หน้าบ้าน
ครั้นรับห่อผ้ามาจากตงตงแล้ว เหยียนหลิ่วเพิ่งตระหนักได้ว่า ปล่อยให้นางยืนนานๆ คงจะเมื่อย เหยียนหลิ่วจึงชี้ไปที่โต๊ะตัวยาวที่ตั้งอยู่ตรงหน้าบ้าน
ตงตงตอบรับว่า “อืม” ก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ โดยเหยียนหลิ่วนั่งลงข้างๆ กายนาง
มือหนึ่งของชายหนุ่มกุมมือของหญิงสาว ส่วนมืออีกข้างโอบไหล่บอบบาง ก่อนจะดึงนางให้เอนซบกับบ่าของเขา
ตงตงที่เอนซบศีรษะกับบ่าของเหยียนหลิ่ว อดจะหน้าแดงด้วยความเขินอายไม่ได้
“ตงตง”
ตอนนั้นเอง เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเรียกหญิงสาวแผ่วเบา
ตงตงรู้สึกประหม่าเพียงแค่ถูกเรียก
อาจเพราะนางกับเขาหมั้นหมายกันแล้ว การแสดงออกอย่างใกล้ชิด ถึงทำให้นางรู้สึกตื่นเต้น
ตงตงคิดในใจ
อย่างไรก็ตาม นางส่งเสียง “หือ?” เป็นคำถาม
“ขอข้าอยู่แบบนี้สักครู่ได้หรือไม่”
“ได้สิ”
พอได้รับอนุญาต ชายหนุ่มก็กระชับวงแขน โอบกอดนางแน่นขึ้น ทั้งยังหลับตาซึมซับความสุขของการได้กอดร่างของหญิงสาวในดวงใจ
ผ่านไปสักครู่…
โดยที่ตงตงไม่ทันตั้งตัว เหยียนหลิ่วขยับใบหน้าจุมพิตบนเรือนผมตรงขมับของนาง
“ชื่นใจจัง” เหยียนหลิ่วว่า
“เอ๊ะ!?” ตงตงที่อายทั้งตะลึง
“ขอโทษที ก็เจ้าน่ารักมากนี่น่า”
ไม่พูดเปล่า ดวงตาของเขายังเต็มไปด้วยความรักใคร่
ตงตงเขินจนหน้าแดงไปหมดแล้ว อดจะยกมือขึ้นมากุมแก้มไม่ได้
“โถ…ท่านละก็”
ตงตงเป็นคนฉลาด ถึงในหัวจะมีแต่เรื่องของอาหาร
กระนั้น นางก็รู้ว่าเหยียนหลิ่วชอบนางมานานแล้ว
หากทว่า…ที่ผ่านมา เขาไม่ได้แสดงออกอย่างชัดเจนขนาดนี้
“ตงตง”
“หือ”
“ข้าชอบเจ้านะ ชอบมากจริงๆ” เหยียนหลิ่วสารภาพความในใจ ราวกับว่าหากไม่บอกตอนนี้ อาจจะไม่มีโอกาสได้บอกอีกก็ได้
หญิงสาวยิ้มอย่างช่วยไม่ได้
“ข้ารู้”
เหยียนหลิ่วเลิกคิ้ว ก่อนจะแกล้งพูดอย่างน้อยใจ
“ข้าบอกความรู้สึกกับเจ้าแล้ว เจ้ากลับตอบแค่นี้หรือ ไม่ยุติธรรมเลย”
เอ๋?
นี่เขาหวังให้นางพูดอะไรหรือ
เห็นนางทำหน้างุนงง เหยียนหลิ่วพลันยิ้มอย่างอ่อนอกอ่อนใจ
ในตอนที่ชายหนุ่มกำลังจะถามว่าเจ้าชอบข้าหรือไม่ จู่ๆ เสียงหนึ่งก็แทรกเข้ามาขัดจังหวะ
“ตายแล้ว หน้าไม่อาย!”
ตงตงทำท่าแคะหูเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย
เหยียนหลิ่วหรี่ตามองผู้มาที่ไม่ได้รับเชิญด้วยความไม่พอใจ
และคนที่ส่งเสียงโวยวายน่ารำคาญคนนี้ ก็คือสาวใช้คนสนิทของคุณหนูสาม แห่งจวนเจ้ากรมพิธีการนั่นเอง!
บทพิเศษความลับของตระกูลจาง หนึ่งวันหลังเสร็จสิ้นงานแต่ง จางไคเฮ่อนำชื่อของเหยียนหลิ่วเข้าทะเบียนราษฎร์ของตระกูลจาง นับจากนี้เหยียนหลิ่วจะกลายเป็นคนตระกูลจางเต็มตัว กลายเป็น ‘จางเหยียนหลิ่ว’ ล่วงเข้าสู่วันที่ห้าหลังจากที่ทั้งสองกลายเป็นสามีภรรยากัน เหยียนหลิ่วก็ถูกตงตงจูงมือพาลงไปที่ห้องใต้ดินของโรงเตี๊ยม “ภรรยา…ห้องใต้ดินเป็นความลับของตระกูล เจ้าแน่ใจหรือว่าข้าลงไปที่นั่นได้” เหยียนหลิ่วถามเพื่อให้ตงตงไตร่ตรองอีกครั้ง เหยียนหลิ่วรู้แค่ว่า ภายในห้องใต้ดินเป็นสถานที่เก็บสินค้าและสมบัติของตระกูลจาง กุญแจมีเพียงสองดอกเท่านั้น ดอกหนึ่งจางไคเฮ่อเป็นคนเก็บ และดอกหนึ่งเป็นของตงตง กระนั้น ตงตงกลับหันมายิ้มให้กับเหยียนหลิ่วด้วยสีหน้าสบายๆ “ตอนนี้ท่านเองก็เป็นคนของตระกูลจางแล้ว” “ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แต่…” “ในอนาคตท่านคิดจะหย่ากับข้าหรือ…หรือว่า…ท่านจะหักหลังตระกูลจาง?” “เรื่องนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้นเด็ดขาด!” เหยียนหลิ่วตอบกลับอย่างหนักแน่น หย่ากันหรือ
บทส่งท้าย ฤกษ์แต่งงานที่เร็วที่ก็คือต้นเดือนหน้า นับวันดูแล้ว พวกเขามีเวลาจัดเตรียมงานไม่ถึง 1 เดือนด้วยซ้ำ ตงตงกับเหยียนหลิ่วจึงต้องตัดชุดแต่งงานกันตั้งแต่เนิ่นๆ เขียนบัตรเชิญส่งให้แขก กำหนดเมนูอาหาร และเริ่มซื้อข้าวของมาตกแต่งสถานที่ พอยุ่งอยู่กับการเตรียมงาน เผลอแป๊บเดียวก็เหลือเวลาอีกแค่ 2 วันเท่านั้น “ตงตง!” เสียงหญิงสาวอันคุ้นเคยดังหน้าประตูโรงเตี๊ยม ตงตงกำลังตรวจความเรียบร้อย หลังจากที่จิ่งฝางกับพวกเสี่ยวกวางแขวนโคมแดงเสร็จ รีบหันมองตามเสียงเรียกนั้น หานเจียเอ๋อร์ยืนยิ้มให้กับตงตง ข้างๆ หานเจียเอ๋อร์คือถังเหวินที่กำลังอุ้มลูกชายวัย 2 ขวบ ทั้งคู่แต่งงานกันเมื่อ 3 ปีก่อน หลังพิธีวิวาห์ สองเดือนถัดมา หานเจียเอ๋อร์ก็ตั้งครรภ์ทันที ถัดจากถังเหวินก็คือซานหลัวเฉินกับภรรยาที่เพิ่งแต่ง ครั้นเห็นคนคุ้นเคย ตงตงก็เดินยิ้มเข้าไปหาทุกคน “พวกท่านมากันแล้ว เข้ามาก่อนเจ้าค่ะ…อาหลงตัวน้อย สบายดีไหมจ๊ะ” เด็กน้อยวัย 2 ขวบพยักหน้าตอบ “อื้อ”
บทที่ 78ขอแต่งงาน 10 วันต่อมา ณ สำนักราชองครักษ์หลวง ทันทีที่กลับมาถึงเมืองหลวง เหิงเจากับเหยียนหลิ่วเข้าพบเสนาธิการเว่ยจ้ง รายงานเรื่องราวทั้งหมดตอนอยู่ป้อมปราการตะวันออก เมื่อเสร็จธุระหมดแล้ว เหยียนหลิ่วขอตัวกลับทันที ชายหนุ่มเดินบนถนนด้วยฝีเท้าเร่งรีบ เมื่อมาถึงโรงเตี๊ยมตระกูลจาง เห็นหญิงสาวในดวงใจยืนต้อนรับลูกค้าอยู่หน้าร้านพอดี เหยียนหลิ่วส่งเสียงเรียกหญิงสาวด้วยความตื่นเต้น “ตงตง!” เสียงเรียกของชายหนุ่มไม่เพียงดึงดูดสายตาของตงตง ยังเรียกความสนใจจากคนรอบข้างอีกด้วย ทว่า… สองหนุ่มสาวหาได้สนใจคนอื่นแต่อย่างใด ในสายตาของทั้งคู่มีเพียงกันและกันเท่านั้น “พี่หลิ่วกลับมาแล้ว!” ตงตงยิ้มกว้าง ก้าวยาวๆ เข้าไปหาชายหนุ่ม เมื่อระยะห่างของทั้งคู่ร่นลงจนไม่เหลือช่องว่าง เหยียนหลิ่วตอบกลับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้ากลับมาแล้ว” เหยียนหลิ่วไม่เพียงพูดเปล่าๆ สองมือใหญ่ยังโอบเอวบางของนาง แล้วยกร่างของนางขึ้นจากพื้นอ
บทที่ 77จู่โจมรวดเร็ว หลังจากหัวหน้าเผ่าฮุยรู้ข่าวเรื่องกองทัพสนับสนุนเดินทางมาถึงป้อมปราการตะวันออก พวกมันก็ไม่อยู่เฉย เคลื่อนทัพท่ามกลางความมืด รอจังหวะบุกโจมตีป้อมปราการตะวันออกอย่างไม่ให้แคว้นเฉียนรู้ตัว หากทว่า กลางดึกคืนเดียวกันนั้น ฟางอู่เซิงวางกองกำลังไว้ที่นอกป้อมปราการอย่างเงียบเฉียบ ทันทีที่แสงแรกมาเยือน หัวหน้าพลธนูที่ซ่อนตัวตั้งแต่กลางดึก ก็ได้ส่งสัญญาณมือให้โจมตี พลธนูที่ซุ่มบนต้นไม้นับสิบนายปล่อยศรพุ่งออกไป ฟิ้ว… “อึก!” “อั่ก!!” ทหารเผ่าฮุยที่ตั้งทัพเตรียมบุกป้อมปราการ ล้มกองบนพื้นทีละคนสองคนราวกับใบไม้ล่วงจากต้น เริ่มต้นสงคราม มองเผินๆ ฝ่ายที่ได้เปรียบอาจจะเป็นทางแม่ทัพฟางอู่เซิง แต่ทันทีที่เผ่าฮุยรู้สึกตัวว่าพวกมันถูกซุ่มโจมตี หัวหน้าเผ่าฮุยได้สั่งการและแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งให้หันกลับไปสังหารพลธนูของแคว้นเฉียน โดยใช้ศพของพวกเดียวกันเป็นเกาะกำบัง อีกฝ่ายหนึ่งทุ่มเทสุดกำลังทำลายป้อมปราการแล้วบุกเข้าไป “แทนที่จะล่าถอย แต่เลือกบุกต่
บทที่ 76กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง วันต่อมา กองทัพของแม่ทัพฟาง หน่วยคุ้มกันเสบียงของเหิงเจา และหน่วยลอบโจมตีของเหยียนหลิ่ว เคลื่อนตัวออกจากเมืองหลวง เสบียงที่ทหารทุกนายพกติดตัวนั้น ส่วนใหญ่มาจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง นอกจากจะเป็นของแห้งที่เก็บไว้ได้นาน น้ำหนักเบา สารอาหารยังครบถ้วน ไม่เปลืองแรงเวลาต้องหอบหิ้วเวลาที่ต้องเดินทางไกลๆ แถมรสชาติยังอร่อย กินเท่าไรก็ไม่เบื่อ และต้องขอบคุณเสบียงจากโรงเตี๊ยมตระกูลจางเช่นกัน ทำให้การเดินทางมาถึงชายแดนตะวันออกเร็วกว่ากำหนดหลายวัน แม้ระหว่างทาง รถขนเสบียงจะถูกดักปล้น แต่ทหารทุกคนที่ได้กินธัญพืชอัดแท่งที่มีพลังงานสูง พวกเขาจึงปกป้องเสบียงหลวงเอาไว้ได้ โดยที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ในขณะเดินทางไกล เลี่ยงไม่ได้ท่ีจะมีล้มป่วยด้วยพิษไข้ แต่ด้วยยาเม็ดจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง กินเพียงสองเม็ด ไข้หวัดเล็กน้อยพลันบรรเทาลง พร้อมออกเดินทางต่อได้ทันที ไม่ต้องทิ้งใครไว้ข้างหลัง ด้วยเหตุนี้เอง ตอนมาถึงป้อมปราการตะวันออก เรี่ยวแรงของทหารทุกนายจึงยังล้นเหลือ พร้อมออกรบได้ทันที
บทที่ 75คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ ครั้นพอได้ยินเสียงคุ้นๆ สองหนุ่มสาวที่พลอดรักกันอยู่หน้าบ้าน มองผู้มาเยือนที่ไม่ได้รับเชิญด้วยสายตาเอือมระอา “เข้าบ้านคนอื่นก่อนได้รับอนุญาต ใครกันแน่ที่หน้าไม่อาย” เหยียนหลิ่วบอกด้วยเสียงเย็นชา “แม้ว่าเป็นข้าอย่างนั้นหรือ พี่เหยียนหลิ่ว” เสียงหวานกังวานใสดังขึ้นที่หน้าประตู จากนั้นหญิงสาววัยสิบแปดรูปร่างหน้าตาสะสวย สวมใส่อาภรณ์หรูหราก็ก้าวเข้ามาในบ้าน สาวรับใช้ที่ยืนเท้าสะเอว ทำหน้ายักษ์มองมาที่ตงตง รีบกลับไปยืนข้างหลังหญิงสาวผู้มาใหม่ พร้อมเรียกฝ่ายนั้นว่า “คุณหนู” เหยียนหลิ่วขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจนัก “ถึงจะเป็นคุณหนูสามจากจวนเจ้ากรมพิธีการ ก็ควรเรียนรู้มารยาทสักหน่อย” ถูกชายหนุ่มที่ตัวเองชอบสั่งสอน ซูหลันหลัน…คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก หันไปขึงตาใส่ตงตงที่นั่งเงียบ เหยียนหลิ่วลุกขึ้น ใช้ร่างใหญ่โตของตนยืนบังตงตงหมายปกป้องหญิงคนรัก แม้จะรู้ว่าคุณหนูสามซูคนนี้จะไม่กล้าแตะต้องตงตงก็ตาม