Home / รักโบราณ / แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า / บทที่ 76 กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง

Share

บทที่ 76 กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง

last update Last Updated: 2025-06-21 17:29:55

บทที่ 76

กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง

            วันต่อมา กองทัพของแม่ทัพฟาง หน่วยคุ้มกันเสบียงของเหิงเจา และหน่วยลอบโจมตีของเหยียนหลิ่ว เคลื่อนตัวออกจากเมืองหลวง

            เสบียงที่ทหารทุกนายพกติดตัวนั้น ส่วนใหญ่มาจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง

            นอกจากจะเป็นของแห้งที่เก็บไว้ได้นาน น้ำหนักเบา สารอาหารยังครบถ้วน ไม่เปลืองแรงเวลาต้องหอบหิ้วเวลาที่ต้องเดินทางไกลๆ แถมรสชาติยังอร่อย กินเท่าไรก็ไม่เบื่อ

            และต้องขอบคุณเสบียงจากโรงเตี๊ยมตระกูลจางเช่นกัน ทำให้การเดินทางมาถึงชายแดนตะวันออกเร็วกว่ากำหนดหลายวัน

            แม้ระหว่างทาง รถขนเสบียงจะถูกดักปล้น แต่ทหารทุกคนที่ได้กินธัญพืชอัดแท่งที่มีพลังงานสูง พวกเขาจึงปกป้องเสบียงหลวงเอาไว้ได้ โดยที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ

            ในขณะเดินทางไกล เลี่ยงไม่ได้ท่ีจะมีล้มป่วยด้วยพิษไข้ แต่ด้วยยาเม็ดจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง กินเพียงสองเม็ด ไข้หวัดเล็กน้อยพลันบรรเทาลง พร้อมออกเดินทางต่อได้ทันที ไม่ต้องทิ้งใครไว้ข้างหลัง 

            ด้วยเหตุนี้เอง ตอนมาถึงป้อมปราการตะวันออก เรี่ยวแรงของทหารทุกนายจึงยังล้นเหลือ พร้อมออกรบได้ทันที

            แต่ทว่า…

            ทันทีที่เข้ามาในกำแพงชั้นใน ทุกคนต้องตะลึงกับสิ่งที่เห็น   

            ทหารภายในป้อมปราการเหลือเพียงหยิบมือ หนำซ้ำทุกคนยังอยู่ในสภาพหิวโหยไม่ต่างจากขอทาน

            สิ่งปลูกสร้างทั้งหลายได้รับความเสียหาย และยังมีร่องรอยของการถูกเผาไหม้

            “ไม่อยากเชื่อเลย เผ่าฮุยเล่นหนักถึงเพียงนี้ แต่แม่ทัพกู้ก็ยังรักษาป้อมปราการแห่งนี้เอาไว้ได้” แม่ทัพฟางพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มด้วยความนับถือ

            พูดถึงด้านกำลังรบ แน่นอนว่า ทั้งสองฝ่ายย่อมสูสี

            ถึงอย่างนั้น นิสัยของคนเผ่าฮุยดุร้ายป่าเถื่อน กล้าได้กล้าเสีย พวกมันเน้นการโจมตีแบบไม่สนใจว่า พวกของตัวเองจะถูกฆ่าไปสักเท่าไร ขอแค่บรรลุเป้าหมายก็พอ

            “เห็นจากสภาพทหารทางเราแล้ว ข้าคิดว่าพวกมันก็คงมีสภาพไม่ต่างกันขอรับ” เหิงเจากล่าว

            “ข้าก็คิดเช่นนั้น ไม่อย่างนั้น พวกมันคงบุกมายึดป้อมปราการของเราทันที และตอนนี้ ก็เป็นตอนที่ทางเราอ่อนแอที่สุด” แม่ทัพฟางกล่าวเสริม “โชคดีที่พวกเรามาถึงชายแดนตะวันออกเร็วกว่ากำหนด ไม่อย่างนั้นอาจไม่พ้นคืนนี้ เผ่าฮุยคงบุกโจมตีป้อมปราการของเราเป็นแน่…พวกเรารีบไปหารือกับแม่ทัพกู้กันเถอะ จะได้แจกเสบียงให้กับเหล่าทหารด้วย”

            “ขอรับ” เหิงเจารับคำ

            “….”

            ระหว่างที่ทั้งสองพูดคุยกันนั้น เหยียนหลิ่วไร้คำพูดตั้งแต่เข้ามาในป้อมปราการ ชายหนุ่มมองสภาพรอบๆ ด้วยแววตาอดสู

            เมื่อเข้ามาถึงอาคารหลัก อันเป็นสถานที่ประจำการของแม่ทัพใหญ่ ทุกคนกลับพบเพียงรองแม่ทัพแซ่เซิ่นเท่านั้น 

            “พวกท่านมาช้าไปก้าวหนึ่งนะขอรับ” รองแม่ทัพเซิ่นกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าสลด ก่อนจะชี้ไปทางป้ายวิญญาณของกู้เหว่ยที่ตั้งอยู่บนโต๊ะกลางห้อง

            ทันทีที่เห็นป้ายวิญญาณ ทั้งฟางอู่เซิง เหิงเจาและเหยียนหลิ่วต่างก็แสดงสีหน้าตรึงเครียด

            “นี่มันหมายความว่าอย่างไร รองแม่ทัพเซิ่น” แม่ทัพฟางกล่าวถามด้วยความตึงเครียด

            “แม่ทัพกู้เสียชีวิตเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหวขอรับ เขาเสียเมื่อ 2 วันก่อน เรื่องนี้ทหารของฝ่ายเราและเผ่าฮุยยังไม่มีใครทราบ ขออภัยที่ข้าปิดข่าวกับราชสำนักขอรับ” รองแม่ทัพเซิ่นบอก สีหน้านั้นแสดงออกถึงความจนใจ โดยหลังจากนั้น รองแม่ทัพเซิ่นพลันอธิบายถึงเหตุการณ์ก่อนที่กู้เหว่ยจะเสียชีวิต

            ไม่กี่วันหลังจากที่เผ่าฮุยบุกเข้ามาเผายุ้งฉางภายในป้อมปราการ พวกมันก็ได้บุกโจมตีป้อมปราการอีกครั้ง

            แต่เผ่าฮุยนั้นคิดผิด อาหารภายในยุ้งฉางไม่ได้ถูกเผาจนเกลี้ยง

            ถึงอาหารนั้นจะมีไม่มากนัก หากก็พอทำให้ทหารทุกนายยังพอมีแรงเฮือกสุดท้ายสู้รบ

            ทหารทุกนายทุ่มเทสุดกำลังปกป้องป้อมปราการเอาไว้ได้ แต่การปะทะกันครั้งนี้ทำให้ทหารเสียชีวิตเกินครึ่ง กู้เหว่ยบาดเจ็บสาหัส จากนั้นก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา

            รองแม่ทัพเซิ่นเลือกวิธีปิดข่าวการเสียชีวิตของแม่ทัพกู้ เพราะไม่อยากแสดงความอ่อนแอให้เผ่าฮุยเห็น และสร้างขวัญกำลังใจให้กับทหารฝ่ายตัวเอง

            ทั้งหมดก็เพื่อประวิงเวลารอกองทัพหลวงมาสนับสนุน

            สิ้นคำบอกกล่าวของรองแม่ทัพเซิ่น ทั้งสามรู้สึกนับถือในความกล้าหาญของกู้เหว่ย และการตัดสินใจอันชาญฉลาดของรองแม่ทัพเซิ่น

            “ต่อให้เก่งกาจหรือเชี่ยวชาญการต่อสู้เพียงใด มนุษย์ก็ไม่อาจเอาชนะกาลเวลาได้” แม่ทัพฟางกล่าวราวกับเข้าใจสรรพสิ่งในโลกหล้า

            ประโยคนั้น ทำให้ทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วย

            “พวกเรามายืนไว้อาลัยให้กับแม่ทัพกู้กันเถอะ” ฟางอู่เซิงว่า

            จากนั้น ทุกคนก็ยืนนิ่งไว้อาลัยให้กับผู้วายชนม์ 

            เหยียนหลิ่วมองป้ายวิญญาณด้วยสายตาว่างเปล่า

            ไม่เพียงไม่ได้เสียใจกับการจากไปของกู้เหว่ย เขายังไม่รู้สึกโกรธแค้น พูดได้ว่า ‘ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย’ 

            ความรู้สึกเช่นนี้ เป็นเรื่องดีหรือไม่ดีกันแน่

            ระหว่างยืนคิดเงียบๆ ฝ่ามือใหญ่ของเหิงเจาวางลงบนบ่า ก่อนฝ่ายนั้นจะกล่าวว่า “น้องหลิ่ว ไว้อาลัยกันเพียงเท่านี้ พวกเรายังต้องประชุมกันต่อ”

            “ขอรับ พี่เหิง”

            …..

            …..

            ก่อนจะเริ่มประชุมวางแผนรับมือกับเผ่าฮุย แม่ทัพฟางอู่เซิงสั่งการให้รองแม่ทัพของตน นำเสบียงออกไปแจกจ่ายให้กับเหล่าทหาร

            เมื่อการประชุมเตรียมพร้อมเสร็จสิ้น รองแม่ทัพเซิ่นได้อธิบายสถานการณ์ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน

            หลังจากรับรู้สถานการณ์และภูมิศาสตร์รอบๆ ทั้งหมดแล้ว แม่ทัพฟางอู่เซิงโพล่งออกมาทันที

            “พวกเราจะโจมตีเผ่าฮุยในรุ่งสางของวันพรุ่งนี้!”

            คำประกาศนั้น ทำเอารองแม่ทัพเซิ่นถึงกับหลุดสีหน้าตระหนกลนลาน

            “แต่ว่า ถ้าทำแบบนั้นฝ่ายเราก็จะ…”

            รองแม่ทัพเซิ่นยังพูดไม่ทันจบ แม่ทัพฟางพลันถามขึ้นว่า “พวกเผ่าฮุยโจมตีป้อมปราการของทางเราเกือบแตก แต่กลับยึดไม่ได้สักที พวกท่านคิดว่าว่าเป็นเพราะอะไรกันหรือ”

            “เพราะพวกมันกำลังรบเยอะกว่า แต่ไร้สมอง เลยแพ้ให้กับแม่ทัพกู้ขอรับ” เหิงเจาตอบ

            “ไม่ใช่ทั้งหมด” แม่ทัพฟางส่ายหน้า ก่อนจะอธิบาย “พวกมันคิดว่าทางเราไม่สัดทัดเส้นทางและภูมิศาสตร์…ใช่ พวกเราไม่สันทัดจริงๆ นั่นละ เพราะแบบนั้น พวกมันถึงได้โจมตีพวกเราแบบประมาท ต่อให้เผายุ้งฉางของเราสำเร็จ แต่ยึดไม่ได้เสียที ทางนั้นเองก็ประเมินกำลังของเราต่ำเกินไป…แม่ทัพกู้ทราบถึงเรื่องนี้ ถึงได้ยังรักษาป้อมปราการไว้ได้”

            “แบบนี้เอง”

            “แล้ว ทำไมต้องโจมตีเผ่าฮุยพรุ่งนี้ด้วยหรือขอรับ” รองแม่ทัพเซิ่นถามด้วยสีหน้ากังวล นั่นเพราะแม่ทัพฟางเพิ่งเดินทางมาถึง ยังไม่ได้สำรวจภูมิประเทศรอบๆ อย่างละเอียด

            มิหนำซ้ำ กองทัพที่เดินทางมาไกลย่อมเหนื่อยล้า แล้วจะเอาแรงที่ไหนไปสู้รบ!

            แม่ทัพฟางอู่เซิงเข้าใจความคิดของรองแม่ทัพเซิง ดังนั้นเขาจึงหยิบของบางอย่างออกมาแล้วยื่นให้

            “อะไรหรือขอรับ” รองแม่ทัพเซิ่นถาม

            “กินนี่ก่อน แล้วเจ้าจะรู้”

            รองแม่ทัพเซิ่นรับของสิ่งนั้นมา หลังจากแกะกระดาษไขออก พบว่ามันคือธัญพืชอัดแท่ง ก่อนจะส่งเข้าปาก

            “อร่อยนะขอรับ แต่ว่า ธัญพืชพวกนี้ทำไมหรือขอรับ”

            รองแม่ทัพเซิ่นเคี้ยวธัญพืชอัดแท่งพลางถาม

            “รองแม่ทัพเซิ่นกินอาหารอัดแท่งนั่นแล้วไม่รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาเลยรึ” เหิงเจาถาม

            คราวนี้ รองแม่ทัพเซิ่นทำหน้าครุ่นคิด ก่อนจะบอก

            “ว่าไปแล้ว ข้าเริ่มรู้สึกว่าตัวเองมีเรี่ยวแรง สมองปลอดโปร่งขึ้นมาแล้วขอรับ”

            ได้ยินแบบนั้น เหิงเจาทำหน้าภูมิใจ

            “อาหารอัดแท่งไม่ใช่ยาวิเศษ เป็นอาหารเพิ่มพลังงานยามฉุกเฉิน ที่สมองของรองแม่ทัพเซิ่นปลอดโปร่งขึ้นมาเพราะร่างกายได้รับสารอาหารน่ะ” แม่ทัพฟางอู่เซิงอธิบาย 

            “อย่างนี้เองหรอกหรือ”

            “เพราะอย่างนั้น รองแม่ทัพเซิ่นไม่ต้องกังวลว่าพวกเราที่เดินทางไกลเรี่ยวแรงจะตก บอกตรงๆ อาหารอัดแท่งพวกนี้ทำให้กำลังวังชาของพวกเราเหลือล้นด้วยซ้ำ อีกอย่าง คนที่จะเข้าไปโจมตีแม่ทัพฝ่ายศัตรูไม่ใช่ข้า แต่เป็นเขา”

            ประโยคสุดท้าย แม่ทัพฟางอู่เซิงชี้ไปทางเหยียนหลิ่ว

            รองแม่ทัพเซิ่นมองทุกๆ คน สลับกับมองธัญพืชอัดแท่งที่อยู่ในมือ

            ผ่านไปสักครู่ รองแม่ทัพเซิ่นก็ส่งเสียงออกมาอย่างเข้าใจ

            “แบบนี้เอง ข้าเข้าใจแล้วขอรับ”

            ในเมื่อทุกคนมั่นใจว่าเอาชนะเผ่าฮุยได้ ตัวเขาจะลังเลอะไรอีก!?

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทพิเศษ ความลับของตระกูลจาง

    บทพิเศษความลับของตระกูลจาง หนึ่งวันหลังเสร็จสิ้นงานแต่ง จางไคเฮ่อนำชื่อของเหยียนหลิ่วเข้าทะเบียนราษฎร์ของตระกูลจาง นับจากนี้เหยียนหลิ่วจะกลายเป็นคนตระกูลจางเต็มตัว กลายเป็น ‘จางเหยียนหลิ่ว’ ล่วงเข้าสู่วันที่ห้าหลังจากที่ทั้งสองกลายเป็นสามีภรรยากัน เหยียนหลิ่วก็ถูกตงตงจูงมือพาลงไปที่ห้องใต้ดินของโรงเตี๊ยม “ภรรยา…ห้องใต้ดินเป็นความลับของตระกูล เจ้าแน่ใจหรือว่าข้าลงไปที่นั่นได้” เหยียนหลิ่วถามเพื่อให้ตงตงไตร่ตรองอีกครั้ง เหยียนหลิ่วรู้แค่ว่า ภายในห้องใต้ดินเป็นสถานที่เก็บสินค้าและสมบัติของตระกูลจาง กุญแจมีเพียงสองดอกเท่านั้น ดอกหนึ่งจางไคเฮ่อเป็นคนเก็บ และดอกหนึ่งเป็นของตงตง กระนั้น ตงตงกลับหันมายิ้มให้กับเหยียนหลิ่วด้วยสีหน้าสบายๆ “ตอนนี้ท่านเองก็เป็นคนของตระกูลจางแล้ว” “ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แต่…” “ในอนาคตท่านคิดจะหย่ากับข้าหรือ…หรือว่า…ท่านจะหักหลังตระกูลจาง?” “เรื่องนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้นเด็ดขาด!” เหยียนหลิ่วตอบกลับอย่างหนักแน่น หย่ากันหรือ

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทส่งท้าย

    บทส่งท้าย ฤกษ์แต่งงานที่เร็วที่ก็คือต้นเดือนหน้า นับวันดูแล้ว พวกเขามีเวลาจัดเตรียมงานไม่ถึง 1 เดือนด้วยซ้ำ ตงตงกับเหยียนหลิ่วจึงต้องตัดชุดแต่งงานกันตั้งแต่เนิ่นๆ เขียนบัตรเชิญส่งให้แขก กำหนดเมนูอาหาร และเริ่มซื้อข้าวของมาตกแต่งสถานที่ พอยุ่งอยู่กับการเตรียมงาน เผลอแป๊บเดียวก็เหลือเวลาอีกแค่ 2 วันเท่านั้น “ตงตง!” เสียงหญิงสาวอันคุ้นเคยดังหน้าประตูโรงเตี๊ยม ตงตงกำลังตรวจความเรียบร้อย หลังจากที่จิ่งฝางกับพวกเสี่ยวกวางแขวนโคมแดงเสร็จ รีบหันมองตามเสียงเรียกนั้น หานเจียเอ๋อร์ยืนยิ้มให้กับตงตง ข้างๆ หานเจียเอ๋อร์คือถังเหวินที่กำลังอุ้มลูกชายวัย 2 ขวบ ทั้งคู่แต่งงานกันเมื่อ 3 ปีก่อน หลังพิธีวิวาห์ สองเดือนถัดมา หานเจียเอ๋อร์ก็ตั้งครรภ์ทันที ถัดจากถังเหวินก็คือซานหลัวเฉินกับภรรยาที่เพิ่งแต่ง ครั้นเห็นคนคุ้นเคย ตงตงก็เดินยิ้มเข้าไปหาทุกคน “พวกท่านมากันแล้ว เข้ามาก่อนเจ้าค่ะ…อาหลงตัวน้อย สบายดีไหมจ๊ะ” เด็กน้อยวัย 2 ขวบพยักหน้าตอบ “อื้อ”

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 78 ขอแต่งงาน

    บทที่ 78ขอแต่งงาน 10 วันต่อมา ณ สำนักราชองครักษ์หลวง ทันทีที่กลับมาถึงเมืองหลวง เหิงเจากับเหยียนหลิ่วเข้าพบเสนาธิการเว่ยจ้ง รายงานเรื่องราวทั้งหมดตอนอยู่ป้อมปราการตะวันออก เมื่อเสร็จธุระหมดแล้ว เหยียนหลิ่วขอตัวกลับทันที ชายหนุ่มเดินบนถนนด้วยฝีเท้าเร่งรีบ เมื่อมาถึงโรงเตี๊ยมตระกูลจาง เห็นหญิงสาวในดวงใจยืนต้อนรับลูกค้าอยู่หน้าร้านพอดี เหยียนหลิ่วส่งเสียงเรียกหญิงสาวด้วยความตื่นเต้น “ตงตง!” เสียงเรียกของชายหนุ่มไม่เพียงดึงดูดสายตาของตงตง ยังเรียกความสนใจจากคนรอบข้างอีกด้วย ทว่า… สองหนุ่มสาวหาได้สนใจคนอื่นแต่อย่างใด ในสายตาของทั้งคู่มีเพียงกันและกันเท่านั้น “พี่หลิ่วกลับมาแล้ว!” ตงตงยิ้มกว้าง ก้าวยาวๆ เข้าไปหาชายหนุ่ม เมื่อระยะห่างของทั้งคู่ร่นลงจนไม่เหลือช่องว่าง เหยียนหลิ่วตอบกลับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้ากลับมาแล้ว” เหยียนหลิ่วไม่เพียงพูดเปล่าๆ สองมือใหญ่ยังโอบเอวบางของนาง แล้วยกร่างของนางขึ้นจากพื้นอ

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 77 จู่โจมรวดเร็ว

    บทที่ 77จู่โจมรวดเร็ว หลังจากหัวหน้าเผ่าฮุยรู้ข่าวเรื่องกองทัพสนับสนุนเดินทางมาถึงป้อมปราการตะวันออก พวกมันก็ไม่อยู่เฉย เคลื่อนทัพท่ามกลางความมืด รอจังหวะบุกโจมตีป้อมปราการตะวันออกอย่างไม่ให้แคว้นเฉียนรู้ตัว หากทว่า กลางดึกคืนเดียวกันนั้น ฟางอู่เซิงวางกองกำลังไว้ที่นอกป้อมปราการอย่างเงียบเฉียบ ทันทีที่แสงแรกมาเยือน หัวหน้าพลธนูที่ซ่อนตัวตั้งแต่กลางดึก ก็ได้ส่งสัญญาณมือให้โจมตี พลธนูที่ซุ่มบนต้นไม้นับสิบนายปล่อยศรพุ่งออกไป ฟิ้ว… “อึก!” “อั่ก!!” ทหารเผ่าฮุยที่ตั้งทัพเตรียมบุกป้อมปราการ ล้มกองบนพื้นทีละคนสองคนราวกับใบไม้ล่วงจากต้น เริ่มต้นสงคราม มองเผินๆ ฝ่ายที่ได้เปรียบอาจจะเป็นทางแม่ทัพฟางอู่เซิง แต่ทันทีที่เผ่าฮุยรู้สึกตัวว่าพวกมันถูกซุ่มโจมตี หัวหน้าเผ่าฮุยได้สั่งการและแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งให้หันกลับไปสังหารพลธนูของแคว้นเฉียน โดยใช้ศพของพวกเดียวกันเป็นเกาะกำบัง อีกฝ่ายหนึ่งทุ่มเทสุดกำลังทำลายป้อมปราการแล้วบุกเข้าไป “แทนที่จะล่าถอย แต่เลือกบุกต่

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 76 กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง

    บทที่ 76กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง วันต่อมา กองทัพของแม่ทัพฟาง หน่วยคุ้มกันเสบียงของเหิงเจา และหน่วยลอบโจมตีของเหยียนหลิ่ว เคลื่อนตัวออกจากเมืองหลวง เสบียงที่ทหารทุกนายพกติดตัวนั้น ส่วนใหญ่มาจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง นอกจากจะเป็นของแห้งที่เก็บไว้ได้นาน น้ำหนักเบา สารอาหารยังครบถ้วน ไม่เปลืองแรงเวลาต้องหอบหิ้วเวลาที่ต้องเดินทางไกลๆ แถมรสชาติยังอร่อย กินเท่าไรก็ไม่เบื่อ และต้องขอบคุณเสบียงจากโรงเตี๊ยมตระกูลจางเช่นกัน ทำให้การเดินทางมาถึงชายแดนตะวันออกเร็วกว่ากำหนดหลายวัน แม้ระหว่างทาง รถขนเสบียงจะถูกดักปล้น แต่ทหารทุกคนที่ได้กินธัญพืชอัดแท่งที่มีพลังงานสูง พวกเขาจึงปกป้องเสบียงหลวงเอาไว้ได้ โดยที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ในขณะเดินทางไกล เลี่ยงไม่ได้ท่ีจะมีล้มป่วยด้วยพิษไข้ แต่ด้วยยาเม็ดจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง กินเพียงสองเม็ด ไข้หวัดเล็กน้อยพลันบรรเทาลง พร้อมออกเดินทางต่อได้ทันที ไม่ต้องทิ้งใครไว้ข้างหลัง ด้วยเหตุนี้เอง ตอนมาถึงป้อมปราการตะวันออก เรี่ยวแรงของทหารทุกนายจึงยังล้นเหลือ พร้อมออกรบได้ทันที

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 75 คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ

    บทที่ 75คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ ครั้นพอได้ยินเสียงคุ้นๆ สองหนุ่มสาวที่พลอดรักกันอยู่หน้าบ้าน มองผู้มาเยือนที่ไม่ได้รับเชิญด้วยสายตาเอือมระอา “เข้าบ้านคนอื่นก่อนได้รับอนุญาต ใครกันแน่ที่หน้าไม่อาย” เหยียนหลิ่วบอกด้วยเสียงเย็นชา “แม้ว่าเป็นข้าอย่างนั้นหรือ พี่เหยียนหลิ่ว” เสียงหวานกังวานใสดังขึ้นที่หน้าประตู จากนั้นหญิงสาววัยสิบแปดรูปร่างหน้าตาสะสวย สวมใส่อาภรณ์หรูหราก็ก้าวเข้ามาในบ้าน สาวรับใช้ที่ยืนเท้าสะเอว ทำหน้ายักษ์มองมาที่ตงตง รีบกลับไปยืนข้างหลังหญิงสาวผู้มาใหม่ พร้อมเรียกฝ่ายนั้นว่า “คุณหนู” เหยียนหลิ่วขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจนัก “ถึงจะเป็นคุณหนูสามจากจวนเจ้ากรมพิธีการ ก็ควรเรียนรู้มารยาทสักหน่อย” ถูกชายหนุ่มที่ตัวเองชอบสั่งสอน ซูหลันหลัน…คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก หันไปขึงตาใส่ตงตงที่นั่งเงียบ เหยียนหลิ่วลุกขึ้น ใช้ร่างใหญ่โตของตนยืนบังตงตงหมายปกป้องหญิงคนรัก แม้จะรู้ว่าคุณหนูสามซูคนนี้จะไม่กล้าแตะต้องตงตงก็ตาม

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status